ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
ที่แท้ปมทะเลาะกันในผับ แทงนศ.คาห้องน้ำมหา’ลัย ตรวจเช็กวงจรปิด-จับยกแก๊ง                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_ne ... zJNalkxTlE9PQ%3D%3D§ionid
                                                            หนุ่มนักศึกษาวัย 18 ถูกคนร้ายรุมแทง คาห้องน้ำ ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก่อนจะไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ตร.ปทุมฯ ระดมเร่งล่าตัวจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุจำนวน 6 คนเอาไว้ได้ สารภาพมีเรื่องกับเพื่อนคนตาย แต่คนตายเข้ามาช่วยเพื่อนเลยถูกแทงดับ

เหตุสลดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.กมลรัตน์ พาน้อย พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ. คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งว่ามีนักศึกษาถูกแทงได้รับบาดเจ็บ ภายในห้องน้ำอาคารเรียนชั้น 4 ตึก เอ 4 ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.ท.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ สว.สส.สภ.คลองหลวง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน

บริเวณจุดที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อว่า นายธนวิชญ์ เกโส หรือ กอล์ฟ อายุ 18 ปี นักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ ปี 1 สาขาภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ถูกแทงเข้าที่บริเวณหน้าอก 1 แผล ถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลภัทร-ธนบุรี ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เจ้าหน้าที่สอบสวน นายอนิวัฒน์ กระจ่างภักดิ์ อายุ 19 ปี เพื่อนผู้ตายให้การว่า ขณะที่กำลังเข้าห้องน้ำ จู่ๆ ก็มีกลุ่มคู่อริในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่เรียนอยู่คนละคณะ ทราบเพียงว่าชื่อ นายฟิล์ม พาพวกประมาณ 6-7 คน กรูเข้ามารุมทำร้ายร่างกายตน ผู้ตายพยายามวิ่งเข้ามาห้ามและช่วยเหลือ จึงถูกรุมทำร้ายด้วย

จังหวะที่ชุลมุน นายธนวิชญ์ถูกกลุ่มคู่อริใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่หน้าอก จนล้มฟุบจมกองเลือด หลังจากนั้นก็วิ่งหลบหนีไป หลังจากกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไปแล้ว ก็ได้ตะโกนเรียกให้คนมาช่วย ก่อนจะช่วยกันพาร่างโชกเลือดของนายธนวิชญ์ ส่งโรงพยาบาล แพทย์พยายามยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถแต่ก็ไม่สำเร็จ

นายธนวิชญ์ เสียชีวิตหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ไม่นาน

ขณะที่ นางนฤมล เกโส มารดา กล่าวขณะมารับศพลูกชายว่า ลูกชายฝันอยากจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ จึงเลือกเรียนสาขาภาพยนตร์ โดยเคยร่วมกับเพื่อนทำหนังส่งประกวด จนได้รับถ้วยรางวัลหนังระทึกขวัญยอดเยี่ยมมาแล้ว

“อยากให้เด็กที่ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สารภาพในสิ่งที่ทำ เพราะเด็กๆ พวกนั้นยังมีอนาคต แต่สำหรับลูกชาย อนาคตได้หายไปแล้ว ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้” นางนฤมลกล่าวทั้งน้ำตา

คดีนี้เป็นคดีสำคัญ เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในสถานศึกษาชื่อดัง โดยเฉพาะทั้งผู้ตายและผู้ก่อเหตุ ล้วนเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยดังกล่าว พล.ต.ต.มนตรีจึงรีบสั่งการให้ชุดสืบสวน ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามอาคารเรียนที่เกิดเหตุ และอาคารใกล้เคียง เพื่อเร่งหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ภาพกลุ่มคนร้ายจากกล้องวงจรปิดภายในมหาวิทยาลัย จึงนำไปตรวจสอบจนทราบชื่อว่าหนึ่งในนั้นชื่อ นายฉัตรนันท์ เผ่าพงษ์รัตนชัย อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 276/471 ม.3 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงขออนุมัติหมายจับจากศาล จังหวัดปทุมธานี ก่อนจะติดตามไปจับกุมตัวเอาไว้ได้ ในเย็นวันที่ 16 ม.ค.

นายฉัตรนันท์ให้การว่า เมื่อประมาณเดือน ต.ค. 2557 ที่ผ่านมา ไปนั่งดื่มสุราที่ร้านอาหารภายในซอยรังสิตภิรมย์ ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยแล้วถูกเพื่อนผู้ตายชกต่อยทำให้โกรธเคืองกัน กระทั่งวันเกิดเหตุมาพบกับทั้งคู่ ที่ตึกเรียน ตึกเอ 4 จึงไปเรียกพรรคพวกมา เพื่อแก้แค้น

นายฉัตรนันท์ ให้การอีกว่า สำหรับมือมีดชื่อว่า นายสิทธิโชค หรือ บูม โพธิ์สุวรรณ อายุ 21 ปี ขณะเดียวกันนายธนวิชญ์ ผู้ตาย เห็นเพื่อนถูกรุมทำร้ายจึงเข้าไปช่วยเหลือ ในระหว่างชุลมุนทะเลาะกันอยู่ นายสิทธิโชคใช้อาวุธมีดแทงเข้าไปที่บริเวณกลางอกของนายธนวิชญ์ จนล้มฟุบอยู่คาห้องน้ำ จากนั้นพวกตนก็รีบหลบหนีไป กระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้

นอกจากคำรับสารภาพในส่วนของตนเองแล้ว นายฉัตรนันท์ยังเปิดเผยรายชื่อพรรคพวกที่ร่วมกัน ก่อเหตุทั้งหมด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกด้วย

แน่นอนว่าหลังข่าวการจับกุมนายฉัตรนันท์แพร่ออกไปไม่นาน กลางดึกวันนั้นกลุ่มผู้ต้องหาที่เหลือ ประกอบด้วย นายธนัท หล่อเวสารัชกร อายุ 21 ปี นายชัชนันท์ ปุญกัญญา อายุ 19 ปี นายอิสรา อุดมพาณิชย์ อายุ 20 ปี นายธีรดล ภูวดลศิริ อายุ 21 ปี รวมทั้งนายสิทธิโชคมือมีด ก็ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะรู้ตัวแล้วว่ายังไงเสียก็หนีไม่รอดอย่างแน่นอน

โดยนายสิทธิโชคให้การว่าหลังจากที่ก่อเหตุแล้ว ทุกคนได้วิ่งลงมาใช้ทางเดินเชื่อมต่อระหว่าง ตึก เอ 4 กับ ตึก เอ 5 และได้วิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่หน้ามหา’ลัย ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนี ส่วนมีดที่ใช้ในการก่อเหตุ ตนนำไปทิ้งริมถนนสาย 345 มุ่งหน้า อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

ต่อมาเวลา 14.20 น. วันที่ 17 ม.ค. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในที่เกิดเหตุบริเวณห้องน้ำของอาคารเรียน ตึกเอ 4 ภายในมหา’ลัย ทันทีที่ไปถึงมี เหล่านักศึกษาต่างมาดูด้วยความสนใจ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ากันพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุการณ์รุมประชาทัณฑ์ และความปลอดภัยของผู้ต้องหา

แต่เมื่อนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดลงจากรถ เพื่อนำตัวขึ้นไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ กลุ่มนักศึกษาซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของผู้ตาย 6-7 คน พากันกรูเข้ามาเพื่อจะรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา จนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องยุติการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งศาลธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เพราะความวู่วาม ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา สุดท้ายต้องสูญเสียทั้งชีวิตและอนาคต                                                                        
                                                            

                                                                                                                                                                                                  อาละวาดไม่หยุด! ฆาตกามหื่น ฆ่าหมาข่มขืนหญิงชราอีกคดี เป็นรายที่ 10                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/local/central/181899
                                                            วันที่ 25 ม.ค. 2558 เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิ์วงศ์ ผช.ตร. , พ.ต.อ.ธรีเดช อภิภัคกุล  ผกก.สภ.นครชัยศรี  , พ.ต.ท.ไชยศ  มุกดาหาร รอง ผกก.ป. ,  พ.ต.ท.ธารา ศรีพรมคำ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ปรีชา ทิมหอม , รอง ผกก.กสส.ภ.จว.นครปฐม , พ.ต.ท.นาวิน ทรงลออ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมชุดสืบสวนภาค 7 สืบสวน ภ.จว.นครปฐม สืบสวนสภ.นครชัยศรี กองวิทยาการภาค 7 รุดไปตรวจสอบบ้าหลังหนึ่งใน ต.ลาดตาดฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวถูกคนร้ายงัดหน้าต่างเข้ามาในบ้าน และลงมือข่มขืนและทำร้ายเจ้าของบ้านเป็นหญิงอายุ 70 ปี ซึ่งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.นครปฐม

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าคนร้ายได้วางยาเบื่อสุนัขเพศผู้ของเจ้าของบ้านตายอยู่ที่ด้านหลังบ้าน 1 ตัว และยังมีสุนัขของเพื่อนบ้านมากินอาหารที่คนร้ายวางยากลับไปตายที่บ้านอีก 1 ตัว และมีทรัพย์สินเงินสดหายไป 5,000 บาท พระเลี่ยมทอง 1 องค์ และทรัพย์สินอย่างอื่นอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ก่อนหลบหนีไปซึ่งในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน กองวิทยาการภาค 7 ได้ทำการเก็บรายนิ้วมือและหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด

หลังจากนั้น พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิ์วงศ์ ผช.ตร.ได้เดินทางมาที่ สภ.นครชัยศรี ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.นครปฐม พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รอง ผบก.พ.ต.อ.ภุมรินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. ผู้กำการการจาก สภ.นครชัยศรี สภ.พุทธมณฑล สภ.สามพราน ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ กองปราบปราม สืบสวนภาค 7 สืบสวน ภ.จว.นครปฐม พร้อมชุดคลี่คลายคดี เข้าประชุมกันอย่างเคร่งเครียดโดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงหลังจากประชุมเสร็จ ทางชุดคลี่คลายได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามตัวคนร้ายโดยได้กระจายกำลังออกหาข่าวและแหล่งกบดานที่น่าจะเป็นจุกหลบซ่อนตัว

พล.ต.ท.โสภณ เผยว่าจากการติดตามการก่อเหตุของตัวคนร้ายรายนี้พบว่ามีการก่อเหตุที่มีการวางแผนและวิธีการก่อเหตุซึ่งล่าสุดได้มาก่อเหตุอีกเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค. 58) ในเขต อ.นครชัยศรีอีกซึ่งเป็นรายที่ 10 และการก่อเหตุก็มีลักษณการต่อเหตุแบบเดียวกันและเลือกเฉพาะผู้สูงอายุ และเลือกบ้านผู้เสียหายที่มีลักษณใกล้เคียงกันคือเป็นบ้านหลังเดี่ยวอยู่ติดคลอง ซึ่งคนร้ายรายนี้และมีไฟใส่ที่หัวแบบคนหาปลาน่าจะขี่รถจักรยานมาทางถนน ซึ่งแต่ละครั้งที่ก่อเหตุทำตัวเหมือนคนหาปลา และมีการสำรวจหาบ้านเหยือก่อน ซึ่งได้สั่งการให้ชุดคลี่คลายลงพื้นที่จับกุมตัวคนร้ายรายนี้โดยด่วนเนื่องจากก่อเหตุสะเทือนขวัญและก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาเวลา 13.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และสภ.นครชัยศรี ได้พาตัวผู้เสียหายมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับรายละเอียดของคนร้ายและตรวจ DNA เพื่อลงบันทึกเป็นหลักฐานและหาเบาะแสเพิ่มเติม ซึ่งผู้เสียหายยังอยู่ในอาการหวาดกลัวและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ และในช่วงบ่ายยังมีการเรียกประชุมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีอีกครั้งที่ห้องประชุม สภ.นครชัยศรี                                                                        
                                                            

อึ้งไปเลย!! สุดยอดแห่งการปลอม โจรจีนปลอมธนาคารเชิดเงินมหาศาล

ที่มา ผู้จัดการ
ซินหวารายงาน (23 ม.ค.) ว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพ ต้มตุ๋นชาวบ้านด้วยการเปิดธนาคารปลอม ที่ดูเหมือนธนาคารพาณิชย์ปกติทั่วไป และหลอกเชิดเงินฝากที่ประชาชนนำมาเข้าบัญชีสะสมตลอดปี ไปเกือบ 200 ล้านหยวน (ราว 1,000 ล้านบาท)
      
       รายงานข่าวกล่าวว่า "ธนาคารปลอม" แห่งนี้อยู่ที่เขตผูโข่ว เมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ได้หลอกลวงลูกค้าเงินฝากเกือบ 200 คน ให้เข้าเปิดบัญชีฝากเงินกับธนาคารโดยได้ดอกเบี้ยในอัตราสูงถึงร้อยละ 2 ต่อสัปดาห์
      
       เหตุการณ์ต้มตุ๋นนี้ กลายเป็นคดีฯ เมื่อนักธุรกิจลูกค้าใหม่ในหังโจวคนหนึ่ง ได้ฝากเงินของบริษัท รวมกว่า 10 ล้านหยวน แต่เริ่มไม่ได้รับดอกเบี้ยตามเงื่อนไขหลังจากฝากเงินได้เพียง 4 สัปดาห์ จึงแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
      
       เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ธนาคารดังกล่าวเป็นธนาคารปลอม ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการ เพียงแค่จัดฉากตกแต่งสถานที่ให้ดูแนบเนียนเหมือนธนาคารพาณิชย์ทั่วๆ ไป ขณะที่พนักงานในธนาคาร ก็ไม่ใช่พนักงานของธนาคาร เพียงแต่แค่แต่งเครื่องแบบของธนาคารเท่านั้น และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธนาคารปลอมนี้ไว้ 4 คน เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ข้อมูลจาก:
                                                                                                                                                                                            บก.น.1 จับโจรปล้นไอโฟน 6 สถาปนิกหนุ่ม ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ                           
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1737885/
                                                            นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนกอง บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้เปิดเผยข้อมูลว่า สามารถจับกุมตัวคนร้ายก่อเหตุทำร้ายและพยายามปล้นชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือไอโฟน 6 จากสถาปนิกหนุ่ม ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ หลังขยายผลจับกุมจากคดีอื่นและโยงมาถึงตัวคนร้ายในที่สุด

ตามรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนขยายผลจับกุมแก๊งคนร้าย ก่อเหตุตระเวนชิงทรัพย์เหยื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ได้คนหนึ่ง และได้ให้การโยงไปถึงผู้ร่วมขบวนการ ชื่อว่า นายโจ๊ก (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งได้ออกรายการข่าวชื่อดังทางช่อง 3 จากเหตุทำร้ายและชิงทรัพย์ นายรัฐพล หัทยาภิชาติ อายุ 25 ปี สถาปนิกหนุ่ม ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ

ซึ่งในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าควบคุมตัว นายโจ๊ก ได้ที่บ้านพักย่านห้วยขวาง และนำตัวไปสอบสวนขยายผล เบื้องต้น นายโจ๊ก ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุทำร้ายและพยายามชิงทรัพย์ นายรัฐพล ในวันดังกล่าวจริง ระบุว่าเป็นตัดสินใจลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่ปรากฏว่าเหยื่อขัดขืนต่อสู้ จึงไม่ได้ทรัพย์สินจากเหตุดังกล่าว และพบว่าเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ในพื้นที่อนุสาวรีย์ชัย สุทธิสาร และ ห้วยขวาง เป็นต้น

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บและชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ และเตรียมขยายผลจับกุมคดีนี้ เนื่องจากพบว่า นายโจ๊ก มีพฤติกรรมร่วมก่อเหตุชิงทรัพย์กับผู้อื่นเป็นแก๊ง มักจะเน้นชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือราคาแพงจากเหยื่อช่วงตอนกลางคืน คาดว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการอีกไม่ต่ำกว่า 5-6 คน

สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากประเด็นข่าว นายรัฐพล ออกมาร้องเรียนเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการอ้างว่าเป็น เคสที่ไม่ฉุกเฉิน ปล่อยให้ผู้ได้รับบาดเจ็บรอคิวเข้ารับการรักษา ทั้งที่ถูกคนร้ายฟันแขนจนเส้นเอ็นขาด ต้องเย็บแผลกว่า 60 เข็ม อาการล่าสุดของ นายรัฐพล ดีขึ้นตามลำดับ แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว                                                                        
                                                            

ขอบคุณสำหรับข่าวครับ
คดีไร่ส้ม เดดไลน์ 30 ม.ค.นี้ หาก สรยุทธ์ ไม่รายงานตัว เจอหมายจับแน่        
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/114896
                                                            คดีไร่ส้ม เดดไลน์ 30 ม.ค.นี้  หาก สรยุทธ์ ไม่รายงานตัว เจอหมายจับแน่

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           เดดไลน์ 30 ม.ค.นี้ ! คดีไร่ส้มยักยอกเงิน อสมท หาก สรยุทธ์ พร้อมพวก ไม่รายงานตัว เจอหมายจับแน่

           วานนี้ (28 มกราคม 2558) นายภักดี โพธิศิริ  คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการเรียกตัว นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ชื่อดัง กรรมการบริษัทไร่ส้ม พร้อมพวก ที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินค่าโฆษณาบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 138 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้ส่งหนังสือเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหาเพื่อนัดให้ผู้ต้องหามาพบและนำตัวยื่นฟ้องต่อศาลตามขั้นตอนต่อไป

           โดยนายภักดี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ส่งหนังสือนัดประสานส่งตัวให้กับอัยการสูงสุด (อสส.) แล้ว ในวันที่ 30 มกราคม 2558 และถ้าหากไม่มารายงานตัวตามนัด จะขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับต่อไป
      
           สำหรับอัตราโทษในคดียักยอกทรัพย์นั้น มีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์การฯ

            มาตรา 6 ฐานพนักงานเรียกรับสินบน ระวางโทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท

            มาตรา 8 ฐานเป็นพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต โทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

            มาตรา 11 ฐานพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 -20,000 บาท

          ส่วนนายสรยุทธไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่หากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษ 2 ใน 3                                                                        
                                                            

                                                                                                                                                                                                  ชัดแล้ว! DNA คดีข่มขืนหญิงชราตรงกันหมด ตั้ง 4 แสนล่า                           

                                                                                       
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/local/central/182952
                                                            วันที่ 28 ม.ค. 2558  พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางมาที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อประชุมร่วมกับชุดคลี่คลายคดีคนร้ายก่อเหตุฆ่าและข่มขืนหญิงชราต่อ เนื่อง 10 คดี

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า จากผลวิเคราะห์พฤติกรรมของคนร้าย พบเกือบทุกคดี คนร้ายจะปฏิบัติการในลักษณะเดียวกัน โดยผู้ตกเป็นเหยื่อจะเป็นผู้สูงอายุและมีบ้านเรือนที่พักอาศัยอยู่ริมน้ำ
สำหรับลักษณะเด่นที่ตำรวจได้จากพยานอีกอย่างคือรูปแบบของเสื้อที่คนร้าย สวมใส่ คือ เสื้อยืดคอกลมแขนยาวสีน้ำเงิน หรือสีกรมท่า มีข้อความอักษรภาษาไทยสีขาวที่อกซ้ายคำว่า “ประเสริฐ” ตัวใหญ่ และข้อความตัวเล็กๆ ที่ใต้ข้อความว่าประเสริฐ แต่พยานจำไม่ได้ว่าเขียนว่าอะไร จึงแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ลงไปหาข่าวว่า เสื้อลักษณะดังกล่าวมีแหล่งที่มาจากที่ไหนเป็นเสื้อที่มีขายทั่วไป เสื้อทีมกีฬา เสื้อพนักงานของกิจการใด หรือเสื้อที่แจกเป็นของชำร่วยของแถมจากร้านเคมีเกษตรเพื่อนำมาเป็นช่องทางนำ ไปสู่ผู้ที่สวมใส่ อย่างไรก็ตาม วันนี้ (29 ม.ค. 58) จะเปิดศูนย์ประสานการกลางทำงาน หรือ วอร์รูมบัญชาการ คดีนี้ที่โรงเรียนตำรวจนครบาล ย่านพุทธมณฑล โดยมอบให้ พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าศูนย์

ซึ่งหลังการประชุมเสร็จแล้ว พล.ต.อ.วรพงษ์ และคณะได้เดินทางไปดูบ้านที่เกิดเหตุใน ต.ลานตากฟ้า อ.นครชัยศรี ซึ่งเป็นบ้านของเหยื่อรายล่าสุดรายที่ 10 เพื่อดู จุดต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งภายใน และนอกบ้าน โดยมีลูกชายของเหยื่อให้การต้อนรับ และพาดูจุดต่าง ๆ ทั้งนี้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ได้นำสิ่งของไปเยี่ยมปลอบขวัญให้กำลังใจผู้เสียหายด้วย

ขณะที่ พ.ต.ท.สุพจน์ กาญจนวิจิตร รองผู้กำกับการ ฝ่ายปราบปราม สภ.บางคนที พร้อมกำลังตำรวจสายตรวจรถยนต์และสายตรวจตำบล นำภาพสเกตช์ผู้ต้องสงสัยก่อคดีข่มขืนหญิงชราต่อเนื่องใน 3 จังหวัด ไปแจกจ่ายให้ประชาชน และติดประกาศตามสถานที่ต่างๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ จุดอ่านหนังสือในหมู่บ้าน สถานที่ออกกำลังกาย และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวระมัดระวัง พร้อมแจ้งเบาะแสผู้ที่มีลักษณะดังกล่าวให้ตำรวจทราบ ได้ที่ สภ.บางคนที โทร. 0-3476-1866 และ 0-3476-1191 ตลอด 24 ชม.

ด้าน พ.ต.อ.สาโรจน์ รอดมณี ผู้กำกับการ สภ.บ้านแพ้ว เปิดเผยว่า เคยเป็น รอง ผู้กำกับการ สืบสวนสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม มาก่อน และเคยนำกำลังตำรวจออกซุ่มสังเกตการณ์ตามจับคนร้ายข่มขืนหญิงชรา โดยไปซุ่มตามบ้านที่น่าจะเป็นเป้าหมายนานนับเดือน จนลูกน้องอดอาหารผอมโซเป็นแถวแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เคยจับผู้ต้องสงสัยมาหลายราย แต่เมื่อตรวจDNAแล้วไม่ตรงก็ต้องปล่อยไป

สำหรับคดีนี้ สังเกตว่าเหยื่อทุกราย จะมีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีลักษณะขาว สะอาด มีบ้านเข้าไปในซอยเปลี่ยว ติดริมคลอง ตั้งแต่คดีแรกเมื่อปี 2553 คือ ป้าพลอย (นามสมมติ) บ้านอยู่ริมคลอง ต.คลองตัน อ.บ้านแพ้ว โดยทุกบ้านที่ถูกก่อเหตุจะปิดไฟนอนจึงมืดแต่คนร้ายใช้ไฟฉายคาดหัวแบบคนหาปลา ทำให้ป้าพลอยมองเห็นลำคอและลูกกระเดือกคนร้าย สักยันต์เป็นรูปตัวนะ คล้ายๆ ยันต์ของหลวงปู่โต๊ะอดีตเกจิดังแห่งวัดประดู่ฉิมพลี ขณะนี้ตำรวจ สภ.บ้านแพ้ว จัดกำลังเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ รวมทั้งมีการแจกภาพสเกตช์คนร้าย และปิดประกาศตามตลาดนัดและท่ารถ ถ้าใครพบเห็นหรือสงสัยว่าใช่คนร้าย ให้โทรฯ ติดต่อ สภ.บ้านแพ้ว หมายเลข 0-3448-1007

ขณะที่ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบDNA ในคดีข่มขืนหญิงสูงอายุ ในพื้นที่ สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค.พบตรงกับDNA ของผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนฆ่าทำร้ายร่างกาย 9 คดีที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม จ.สมุทรสาคร และ จ.นครปฐม คดีนี้ถือเป็นคดีที่ 10 ผลตรวจยืนยันว่าคนร้ายเป็นคนเดียวกันทั้ง 10 คดี นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งรางวัลนำจับคนร้ายคดีนี้อีก 200,000 บาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินรางวัลจากผู้หวังดี หากประชาชนรายใดมีข้อมูลเบาะแสคนร้ายจนสามารถนำไปสู่การจับ กุม แจ้งได้ทางสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันรางวัลนำ จับหรือแจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายรายนี้ รวมเป็นเงิน 400,000 บาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ต้องสงสัย จำนวน 4 ราย มาทำการสอบสวน และตรวจDNA ซึ่งผลไม่ตรงกับของคนร้ายที่ก่อเหตุ จึงปล่อยตัวไป

นอกจากนี้ ในโลกโซชียลได้มีการแชร์ภาพนายวันชัย อมรสันต์ว่าเป็นคนร้ายในคดีนี้ ซึ่งจริงๆแล้ว เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น และทางตำรวจได้ตรวจ DNA แล้วพบว่า ไม่ตรงกับ DNA ของคนร้าย จึงวอนขอให้หยุดแชร์ภาพดังกล่าว                                                                        
                                                            

มีข่าวดีมาบอก! ค่ายมือถือยอมแล้ว "ทุกโปรโมชั่นใหม่หลัง 16 ก.พ." คิดค่าบริการตามจริงเป็นวินาที

ที่มา blognone
จากประเด็นเรื่องการคิดค่าโทรเป็นวินาที ล่าสุดวันนี้ (29 ม.ค.) กสทช. เชิญโอเปอเรเตอร์ 5 รายมาหารืออีกรอบ และได้ข้อสรุปดังนี้

1.โปรโมชั่นใหม่ที่ออกหลังวันที่ 16 ก.พ. 2558 (หรืออย่างช้าวันที่ 1 มี.ค. 2558 ถ้าโอเปอเรเตอร์ไม่พร้อม) จะต้องคิดค่าโทรเป็นวินาทีเท่านั้น โดยค่าบริการไม่เกินที่ กสทช. กำหนดคือ 99 สตางค์ต่อนาที (เครือข่าย 2G) และ 84 สตางค์ต่อนาที (3G 2.1GHz)
2.ผู้ประกอบการอาจคิดค่าบริการส่วนของการโทรออกครั้งแรก (set up call) ได้ แต่ต้องไม่เกิน 30 วินาที
3.หลังออกโปรโมชั่นใหม่แล้ว ผู้ใช้บริการสามารถเปลี่ยนโปรโมชั่นได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และห้ามโอเปอเรเตอร์ปฏิเสธ ยกเว้นกรณีโปรโมชั่นเก่าผูกกับสินค้าหรือบริการอื่นที่ยังไม่ครบสัญญา
4.ผู้ใช้โปรโมชั่นเดิม (ปัดเศษเป็นนาที) ถ้าอยากใช้โปรโมชั่นเดิมต่อก็สามารถทำได้ มีอิสระว่าจะเลือกโปรโมชั่นเก่า-ใหม่ตามต้องการ
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กสทช.

สำนักงาน กสทช. เคาะค่าบริการมือถือใช้งานจริงคิดเป็นวินาทีเริ่ม 16 ก.พ. 58 หรือช้าสุดไม่เกิน 1 มี.ค. 2558 นี้ แล้วแต่ความพร้อมของผู้ประกอบการ
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (29 ม.ค. 2558) สำนักงาน กสทช. ได้เชิญผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือทั้ง 5 ราย (เอไอเอส ดีแทค ทรู TOT และ CAT) มาประชุมเพื่อหาข้อสรุปในการดำเนินการคิดค่าโทรศัพท์มือถือตามการใช้งานจริงเป็นวินาที ผลการประชุมได้ข้อสรุปดังนี้
1. ทุกโปรโมชั่นที่ออกใหม่นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2558 หรือช้าสุดไม่เกิน 1 มี.ค. 2558 (แล้วแต่ความพร้อมของผู้ประกอบการ) จะต้องคิดค่าบริการตามการใช้งานจริงเป็นวินาทีเท่านั้น โดยอัตราค่าบริการทั้งหมดที่กำหนดต้องไม่เกินที่สำนักงาน กสทช. กำหนดไว้ นั่นคือ สำหรับ 2G อัตราค่าบริการต้องเฉลี่ยไม่เกิน 99 สตางค์ต่อนาที และสำหรับ 3G 2.1 GHz อัตราค่าบริการต้องเฉลี่ยไม่เกิน 84 สตางค์ต่อนาที
2. การโทรออกครั้งแรก หรือ Set Up Call หรือ การโทรออกสำเร็จ จะมีการกำหนดไว้ในโปรโมชั่นหรือไม่แล้วแต่ผู้ประกอบการ แต่ในกรณีที่กำหนดไว้จะต้องไม่เกิน 30 วินาที ซึ่งเป็นต้นทุนในการโทรสำเร็จในครั้งแรกเท่านั้น
3. หลังจากที่มีโปรโมชั่นใหม่ออกมาหากผู้ใช้บริการมีความประสงค์ที่จะใช้โปรโมชั่นใหม่ สามารถติดต่อเปลี่ยนไปใช้บริการได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยผู้ให้บริการจะปฏิเสธไม่ได้ ยกเว้น กรณีที่เป็นโปรโมชั่นผูกติดกับสินค้าหรือบริการอื่น ซึ่งยังไม่ครบสัญญาในการผ่อน หรือชำระเงิน ก็จะต้องรอให้มีการผ่อนหรือชำระเงินเรียบร้อยก่อนจึงจะสามารถเปลี่ยนไปใช้โปรโมชั่นใหม่ได้
4. สำหรับผู้ที่ใช้โปรโมชั่นเดิม (ปัดเศษเป็นนาที) หากมีความประสงค์จะใช้งานโปรโมชั่นเดิมต่อไป ก็ยังคงสามารถใช้งานต่อไปได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของประชาชนว่าจะใช้โปรโมชั่นใหม่หรือโปรโมชั่นเก่า
สำนักงาน กสทช. ตระหนักดีว่าหลังจากมีการประกาศให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายคิดค่าบริการตามการใช้งานจริงเป็นวินาที ในช่วงแรกอาจจะมีเรื่องสอบถาม หรือร้องเรียนเข้ามาอย่างแน่นอน ขอให้มั่นใจว่าสำนักงาน กสทช. จะคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนให้ดีที่สุด หลังจากวันนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยขอให้สอบถามมายัง Call Center ของสำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 เพื่อสำนักงานฯ จะได้กำกับดูแลให้เป็นไปตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้
ข้อมูลจาก:

ดูเพิ่มเติม ==> http://nisit.co/WZ0C

เตือนภัย! ใครชอบซื้อกาแฟยี่ห้อแปลกๆตลาดโรงเกลือเมื่อเห็นรูปนี้ โปรดระวังด้วย

ที่มา ลุงอ่ำ
เพื่อนเจ้าหน้าที่ ส่งมาให้
เตือนบรรดาคอกาแฟ...จนท.กัมพูชาเข้าทะลายโรงงานผลิตกาแฟปลอมและจับยึดไป 34 ตัน กาแฟเหล่านี้มีการปลอมปนด้วยสารอันตรายต่อผู้ที่บริโภคเข้าไป...คนไทยที่ไปซื้อกาแฟตามรูปแบบนี้ที่ตลาดโรงเกลือหรือตลาดช่องจอม ตลาดสวนส้ม ตลาดเขาดิน ขอให้ท่านนำไปทิ้งฝังกลบเสีย อย่าฝืนกินเป็นเด็ดขาด ด้วยความปรารถนาดีต่อท่าน



ข้อมูลจาก:

ดูเพิ่มเติม ==> http://nisit.co/WZC3

คนใช้รถต้องดู! ลืมขวดสเปรย์ในรถ จอดกลางแดดระเบิดตู้มรถพังยับ

ที่มา ข่าวสด
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางสาววิชุตา เผามนิล อายุ 36 ปี เจ้าของร้านน้องแพรการพิมพ์ ให้บริการถ่ายเอกสาร เคลือบบัตรและพิมพ์งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงเรียนพิชัยพิทยาคม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ว่า มีเรื่องที่เป็นอุทาหรณ์เตือนใจถึงอันตรายจากการนำสเปรย์ชนิดกระป๋องติดไว้ภายในรถยนต์ พร้อมชี้ให้เห็นร่องรอยเศษกระจกที่ตกเกลื่อนอยู่ภายในรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา หมายเลขทะเบียน กค -8915 อุตรดิตถ์ ทั้งในกระโปรงรถยนต์และเบาะนั่งด้านหลังของคนขับ ผลพวงจากการเก็บสเปรย์กระป๋องเอาไว้ในรถยนต์

โดยเฉพาะบริเวณคอนโซลด้านหลังติดกับกระจก เมื่อถูกความร้อนจากแสงแดดแผดเผา หรือกระทบเข้ากับตัวสเปรย์ ทำให้วัตถุน้ำยาพร้อมแก๊สที่อยู่ภายในกระป่อง เกิดการขยายตัวจนเกิดการระเบิด แรงอัดทำให้กระจกรถยนต์แตกกระจายทันที และยังทำให้ตุ๊กตากระต่ายสีขาวที่ทำจากใยสังเคราะห์ฉีกขาดเป็นรูใหญ่

ข้อมูลจาก:

ดูเพิ่มเติม ==> http://nisit.co/WZji

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้