ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย morntanti เมื่อ 2015-1-14 07:50

'ABเพลง abc ชักกระตุก เพลงจากหนังเรื่อง "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" ที่ตอนนี้ดังไปไกลถึงต่างประเทศแล้ว แม้แต่สุดยอดบอยแบนด์อย่าง Super Junior ก็ยังต้องเอาไปเต้นกันมาแล้ว
นี่ก็คือหนึ่งในคลิปวีดีโอของวัยรุ่นชาวไต้หวัน ที่หยิบเอาเพลง ABC ชักกระตุก เพลงจากหนังเรื่อง "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้" หนังเรื่องล่าสุดของค่าย GTH ไปเต้นตาม โดยรายงานข่าวของใต้หวันบอกว่าเพลง "ABC ชักกระตุก" ไม่ได้ฮิตและมีการเต้นตามเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น แต่ที่ไต้หวันเองก็กำลังฮิตมากเหลือเกินในหมู่วัยรุ่น มีการอัดคลิปการโชว์สเต็ปอวดกันใน Youtube มากมายทั้งเวอร์ชั่นเป็นคู่ มาเป็นทีม หรือแม้แต่เต้นที่โรงเรียนเลยก็มี โดยที่ไต้หวันจะเรียกกันว่า "เต้นแต่งหน้า" หรือ "ฮั่วจวงอู่" นอกจากนั้น เมื่อลองสำรวจดูใน Youtube ก็ยังพบอีกว่าไม่ใช่ แค่ไต้หวันเท่านั้นที่มีการเต้นเพลงนี้ ที่กัมพูชา เวียดนาม หรือแม้แต่จีนเองก็เริ่มจะฮิตเพลงนี้แล้วเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ในคอนเสิร์ต Super Show 6 ของสุดยอดไอดดอลของเกาหลีใต้อย่าง Super Junior เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีการโชว์สเต็ปเพลงด้วยเหมือนกัน เรียกว่าตอนนี้ฮิตจนหยุดไม่อยู่แล้วจริงๆ
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2015-1-14 07:47
'ABเพลง abc ชักกระตุก เพลงจากหนังเรื่อง "ไอฟาย..แต๊งกิ้ว. ...

หากพูดถึงการบริการส่งพัสดุ ของบริษัท ไปรษณีย์ไทย ต้องยอมรับว่า ยังมีคนไทยจำนวนหนึ่ง หวาดระแวงอยู่ไม่น้อย เพราะบางคนอาจเคยประสบปัญหาสิ่งของเสียหายระหว่างการขนส่ง  และปัญหานี้ ก็ถูกหยิบยกไปพูดถึงในรายการของประเทศญี่ปุ่นด้วย
นี่คือคลิปวิดีโอ รายการของญี่ปุ่น โชว์ภาพการส่งไปรษณีย์ของคนไทย โดยนอกจากเขียนจ่าหน้าซองด้วยลายมือแล้ว  ยังต้องเขียนข้อความกำกับไว้หลายข้อความ ในทำนองอ้อนวอน บุรุษไปรษณีย์ ให้ส่งของ ให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ไม่บุบสลายนะ  อย่างเช่น ไหว้ล่ะ ระวังแตก  อย่าโยนนะ วางเบาๆ
เหตุที่รายการญี่ปุ่นเขามาคุยกัน เรื่องไปรษณีย์ของไทยได้  ก็เพราะหัวข้อที่พูดคุยกันก็คือ ความสุดยอดของไปรษณีย์และบริษัทขนส่งของญี่ปุ่นเอง แต่ว่า มีผู้ร่วมรายการ เป็นชาวต่างชาติ ทั้งจากบราซิล ฝรั่งเศส และมีคนไทยด้วย  ซึ่งคนไทยเองนี่แหละ ที่เล่าถึงเรื่องราวของไปรษณีย์ไทยว่า แม้บนกล่องจะติดป้ายระบุไว้ให้ระวังแตก  แต่คนไทยก็ยังกลัวบุรุษไปรษณีย์ ไม่เห็น  เลยต้องเขียนข้อความตัวโตๆ แบบนี้กำกับไว้อีกทีหนึ่ง
บริการของไปรษณีย์ไทย ในการส่งพัสดุ มักถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะหลายครั้งที่มีคลิปวิดีโอในโลกออนไลน์ออกมาเป็นหลักฐานว่า เจ้าหน้าที่ขนถ่ายพัสดุ ไม่ได้ระมัดระวังสิ่งของที่อยู่ในกล่อง จนทำให้เกิดความเสียหาย โดยบางกรณีไปรษณีย์ไทยก็ชดใช้ให้ตามที่ระเบียบกำหนด พร้อมจัดทำคลิปวิดีโอแนะนำการบรรจุพัสดุที่ถูกต้องป้องกันสิ่งของในกล่องเสียหายอีกทางหนึ่งด้วย  แต่กับงานนี้ ได้ไปออกรายการไกลถึงประเทศญี่ปุ่น ถือว่า เสียภาพลักษณ์ไปรษณีย์ไทยเหมือนกัน โดยเฉพาะได้รับคำยืนยัน จากคนไทยเองแบบนี้ซะด้วย


โอสถสภาพร้อมรับผิดชอบ หลังมีคนพบเศษแก้วในเครื่องดื่ม                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.voicetv.co.th/thailand/154899.html
                                                            บริษัท โอสถสภา จำกัดพร้อมรับผิดชอบและตรวจสอบ หลังหนุ่มโพสต์คลิปพบเศษแก้วในขวดเครื่องดื่มยี่ห้อดังและดื่มเข้าไปติดคอจนต้องบ้วนออก

หลังจากที่คุณ Wans MarioMan โพสต์คลิปการพบเจอเศษแก้วในขวดเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง ที่ซื้อมาจากเซเว่น ปตท.ฟ้าใส ราชบุรี โดยหลังจากซื้อเสร็จได้เปิดขวดดื่ม แต่ระหว่างดื่มพบสิ่งผิดปกติในน้ำจึงต้องบ้วนออกมาพบเป็นเศษแก้ว ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้รับบาดเจ็บและได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้ว จึงอยากฝากเตือนทุกคนให้ระวัง


โพสต์ by Wans MarioMan.

ล่าสุดเจ้าหน้าที่บริษัท โอสถสภา จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม 'เปปทีน' ได้ติดต่อคุณ Wans MarioMan แล้ว พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง โดยเบื้องต้นจะดูแลค่าตรวจและรักษา พยาบาล ส่วนการตรวจสอบหรือขั้นตอนต่อไปทางบริษัทเตรียมดำเนินและจัดการต่อไป                                                                        
                                                            

เตือนภัย! กำลังฮิตฟันขาวด้วย เบกกิ้งโซดา+น้ำมะนาว อันตรายถึงขั้นมะเร็ง



ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลขัดฟันขาวทางโซเชียลมีเดีย ด้วยการนำเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำมะนาวมาขัดฟัน อาจทำให้หลายคนที่อยากฟันขาวทำตาม ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าได้ผลจริงหรือไม่ และจะส่งผลกระทบอย่างไร

ทันตแพทย์สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ต้องอธิบายก่อนว่าปกติคนเราจะมีฟันอยู่ 2 ประเภท คือ ฟันน้ำนมสีออกขาว ๆ เคลือบฟันค่อนข้างบาง ส่วนฟันแท้จะออกสีเหลืองกว่าซึ่งเป็นสีฟันตามธรรมชาติ เคลือบฟันมีความแข็งแรงมากกว่า ทั้งนี้สีของฟันจะขึ้นอยู่กับสีผิวของแต่ละคนด้วย ส่วนคนผิวดำจะมีสีฟันค่อนข้างขาว ตรงนี้เป็นเรื่องของยีน

บางคนอยากมีฟันขาวจึงเลือกใช้วิธีการฟอกสีฟัน ส่วนตัวแล้วไม่แนะ นำ เพราะการฟอกสีจะดึงสารบางตัวที่มีในเนื้อฟันออกมา เช่น แคลเซียม แร่ธาตุบางตัว ทำให้สีธรรมชาติของฟันที่เป็นตัวเคลือบเนื้อฟันป้องกันฟันผุ การเสียวฟันออก ยิ่งถ้าฟอกบ่อย ๆ ยิ่งทำให้มีโอกาสฟันสึก เสียวฟัน เร็วกว่าที่ควรจะเป็น และเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดฟันกร่อนได้มากขึ้น ซึ่งหากเกิดภาวะเหล่านี้ การแก้ไขมีวิธีเดียว คือ ครอบฟัน หรืออาจจะเติมเคลือบฟันเพิ่มเติมขึ้นมา

เท่าที่เจอคนไข้ที่ชอบว่ายน้ำจะมีปัญหาฟันสึกและกร่อนอย่างรุนแรง เพราะในสระน้ำมีการเติมกรดหรือด่างลงไปเพื่อฆ่าเชื้อโรค ซึ่งหากไม่มีการทดสอบปริมาณความเข้มข้นของสารที่เติมลงไปก็อาจมีอันตรายกับฟัน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องแช่อยู่ในสระนาน ๆ วันละประมาณ 2 ชั่วโมง เช่น นักกีฬาว่ายน้ำนี่พบปัญหาฟันสึกและกร่อนอย่างรุนแรง

สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องการใช้ “เบกกิ้งโซดา” หรือ “โซเดียมไบคาร์บอร์เนต” ผสมกับน้ำมะนาวมาขัดฟันเพื่อต้องการให้ฟันขาวนั้น อาจเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ โดยในน้ำมะนาวเป็นกรด ในส่วนเบกกิ้งโซดามีฤทธิ์เป็นด่าง โดยโครงสร้างการทำงานของสารตัวนี้อาจจะช่วยทำให้ฟันขาวได้ก็จริง แต่กรณีที่บอกว่าทำให้สีฟันขาวในครั้งแรกนั้นยังไม่มีความชัดเจน ต่อเมื่อมาผสมกับน้ำมะนาวแล้ว จะเป็นการเพิ่มฤทธิ์ในการกัดกร่อนเนื้อฟัน และผิวฟัน

สูตรการฟอกสีฟันดังกล่าวเป็นการใช้สารคนละตัวกับที่ทางทันตแพทย์ใช้ แต่ถือว่ามีอันตราย หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อความแข็งแรงของฟันได้ เนื่อง จากในการทำหัตถการฟอกสีฟันของทันตแพทย์จะมีการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับฟัน และสุขภาพในช่องปากของผู้ใช้บริการอย่างเข้มงวด

หากมีการใช้เป็นระยะเวลานาน หรือแม้แต่การใช้เพียงครั้งเดียว แล้วไม่มีการควบคุมปริมาณที่เหมาะสมก็อาจเกิดการระคายเคือง ทำให้เซลล์บริเวณนั้นมีการต่อต้าน เมื่อต่อต้านแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์ อาจจะมีโอกาสเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นเซลล์ตั้งต้นของเซลล์มะเร็งได้

ดังนั้นไม่แนะนำให้ใช้ เพราะเราไม่สามารถควบคุมปริมาณ หรือคุมความเสี่ยงได้ และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่แนะนำให้ไปฟอกสีฟัน เพราะไม่ได้ทำให้สีฟันขาวถาวร เพราะสีฟันจะกลับมาเป็นสีเดิมตามธรรมชาติภายใน 2 ปี เป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ

การดูแลสุขภาพในช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แนะนำว่า 1. ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสหวานเกินไป โดยเฉพาะขนม น้ำอัดลมเพราะน้ำตาลจะเปลี่ยนเป็นกรดทำให้เกิดฟันผุ ลดการทานจุกจิก เพราะทุกครั้งที่รับประทานอาหารจะเกิดกรดขึ้นในช่องปาก 2. แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน แต่ละครั้งนาน 2 นาที และหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมงควรงดรับประทานอาหาร และ 3. ไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้งในผู้ที่ไม่มีปัญหาในช่องปาก ส่วนผู้ที่มีปัญหาในช่องปากอาจจะพบบ่อยขึ้น.

ข้อมูลจาก:

ดูเพิ่มเติม ==> http://nisit.co/WjLc











หนุ่มเจ้าของรถกระบะเซ็ง คนร้ายย่องเงียบลักไฟท้ายกลางดึก แถมเพื่อนบ้านโดนด้วย เผยไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน พร้อมวอนตำรวจติดตู้แดงเฝ้าระวัง
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านที่เช่าอาศัยอาคารพาณิชย์ ริมถนนสายจอมพล ป. หมู่ 2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ถูกคนร้ายขโมยไฟท้ายรถยนต์กระบะจำนวน 2 คันรวด จึงเดินทางไปตรวจสอบพบนายวิระชล ดุมแก้ว อายุ 37 ปี เจ้าของรถ กำลังมุงดูรถยนต์กระบะอีซุซุ ออนิวสีขาว ทะเบียน กธ 9763 พระนครศรีอยุธยา ของตนเองอยู่ โดยพบว่าที่บริเวณไฟท้ายรถยนต์กระบะหายไปทั้งสองข้างจนเป็นรูโหว่ นอกจากนี้ ยังพบรถยนต์กระบะร้านค้าใกล้กันถูกขโมยไฟท้ายเช่นกัน
นายวิระชล กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีการขโมยถอดไฟท้ายรถยนต์แบบนี้ ที่ผ่านมาเคยได้ยินแต่ข่าวขโมยยางอะไหล่ หรือทุบกระจกเอาทรัพย์สิน หรือเครื่องเสียงภายในรถ แม้รถจะติดสัญญาณกันขโมย แต่ไม่มีเสียงเตือนภัยตลอดทั้งคืน คาดว่าคนร้ายน่าจะมีความรู้ความชำนาญในเรื่องระบบไฟรถยนต์ ส่วนไฟท้ายคนร้ายน่าจำนำไปขายในราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท ถ้าเป็นของใหม่อยู่ที่ราคาประมาณ 5,000 บาท ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวเคยมีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์สินกว่า 4 ครั้งแล้ว จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานช่วยดูแลเรื่องไฟส่องสว่าง และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตู้แดง เพื่อคอยตรวจเฝ้าระวังคนร้าย..




ยายมหาภัยเอาอีกแล้ว !! ขู่เด็กจนร้องไห้ ชาวบ้านโห่ไล่                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/114199
                                                            ยายบังคับขายดอกไม้ ยังไม่เลิกขู่กรรโชกทรัพย์ ล่าสุด ด่าเด็กจนร้องไห้ ชาวบ้านสุดทนตะโกนโห่ไล่

          เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิป "ยายมหาภัยยัดเยียดดอกไม้ใส่มือขู่กรรโชกทรัพย์" ถูกเผยแพร่ออกมามากมายนั้น คุณยายคนเดิมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกพฤติกรรมนี้ ล่าสุดมีผู้ถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ได้อีกครั้ง โดยเหตุการณ์ครั้งนี้คุณยายคนดังกล่าวกำลังขู่เอาเงินกับเด็กผู้หญิงจนเด็กร้องไห้ด้วยความตกใจ และยังกระชากแขนเสื้อ บอกว่าถ้าไม่จ่ายก็จะไม่ยอมปล่อย จนมีผู้อาสานำเงินมาจ่ายให้แทน และในช่วงสุดท้ายของคลิปยังมีเสียงของชาวบ้านตะโกนด่าทอคุณยายรายนี้พร้อมไล่ให้ไปขายที่อื่นด้วย

          นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน (14 มกราคม) ก็มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Watcharasitti Inseewong ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 17 วินาที ระบุข้อความว่า... “ยายแก่ที่ชอบยัดดอกไม้ใส่มือแล้วเรียกเก็บเงิน นั่งสมาธิกลางถนน” โดยในคลิปมียายมหาภัยคนดังกล่าวกำลังนั่งสมาธิอยู่กลางถนน ซึ่งสร้างความสงสัยให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมา                                                                        
                                                            

ยายคนนี้คงไม่เต็มแน่ๆ แล้ว
                                                                                                                                                                                                  หนุ่มญี่ปุ่นโพสต์จวกยับ สนามบินสุวรรณภูมิ
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1733309/
                                                            (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก Koki Aki ชายชาวญี่ปุ่น ที่ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ และต้องเจอกับประสบการณ์สุดเลวร้าย จากการบริการอันย่ำแย่ของเจ้าหน้าที่ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งแท็กซี่ที่โกงค่าโดยสาร จนยกให้สนามบินสุวรรณภูมิ ให้เป็นสนามบินที่น่ารังเกียจมากที่สุดและเป็นความน่าอายของประเทศไทย โดยมีข้อความว่า

สนามบินที่แพงที่สุด คือสนามบินที่น่ารังเกียจมากที่สุด ผมพูดได้เลยว่า สนามบินสุวรรณภูมิคือความน่าอายของประเทศไทย

เมื่อวานนี้ประมาณ 18.30 น. ผมมาถึงสนามบินสุวรรรภูมิโดยสายการบินเวียดนาม ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองแถวผู้โดยสารยาวมาก ถึงจะมีผู้โดยสารเยอะ แต่ด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่เปิดใช้งานช่องที่ว่างอยู่ และสุดท้ายผมต้องรอคิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองถึง 30 นาที

ตอนนี้ผมมีปัญหาที่ข้อเท้า ผมต้องเดินลากเท้าเอา ผมมีกระเป๋าสะพายหนัก 15 กิโลกรัม และกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ ใบละ 20 กิโลกรัม ที่เต็มไปด้วยของเล่นและขนมสำหรับเด็กๆ แล้วผมก็เดินมาถึงที่รอคิวแท็กซี่ด้วยความอ่อนเพลีย ที่จริงผมควรจะใช้บริการรถไฟเข้าเมือง แต่ก็เพราะมีกระเป๋าหลายใบ

คิวที่รอรถแท็กซี่ยาวมาก และแล้วก็เกิดปัญหาขึ้นอีก ตอนที่เอากระเป๋าขึ้นรถ คนขับก็ขอบัตรคิวรถจากผมไป ที่จริงบัตรคิวนี้ผู้โดยสารควรจะเก็บไว้เผื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ตอนนั้นผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ ตอนที่ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว คนขับก็พูดว่า "ไปสะพานควาย ต้องจ่าย 700 บาท" ผมว่านี่มันแปลกๆนะครับ

ปกติแล้วไปสะพานควายเสียค่ารถเพียงแค่ประมาณ 350 บาท นี่เหมือนการโกงเลยนะครับ ผมบอกเขาว่า "ใช้มิเตอร์ครับ" แต่คนขับบอกกับผมว่า "คุณเลือกรถใหญ่เอง" ผมก็เลยลงจากรถ

คนขับพูดไม่จริงนะครับ เพราะเราก็ไม่ได้เลือกรถเอง มีพันกงานคอยกดบัตรคิวให้เรา ถ้าคนที่ติดตามเฟสบุ๊คผม จะรู้ว่าผมมีปัญหาแบบนี้บ่อยมาก ไม่ใช่แค่ผมนะครับ คนญี่ปุ่น หรือชาติอื่นก็โดนโกงจากแท็กซี่

ถึงแม้นี่จะเป็นแท็กซี่ของสนามบิน ผมตัดสินใจทักท้วงกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบที่นั่น ผมต้องเดินกลับไปที่รับบัตรคิวรถแท็กซี่อีก ผมพยายามทักท้วงกับคนที่รับผิดชอบเรื่องแท็กซี่ตรงนั้นพวกเขาบอกผมว่า "งั้นขอบัตรคิวคืน" แต่ถ้าผมคืนบัตรคิวให้พวกเขา ผมก็ไม่มีหลักฐาน

ผมก็เลยต้องถ่ายรูปไว้ และเจ้าหน้าที่ก็ทิ้งบัตรคิวนั้นไป

ผมบอกว่า "นี่เป็นที่รอคิวแท็กซี่ ทำไมถึงมีแท็กซี่ไม่รักษากฎ ผมเจอปัญหาแบบนี้หลายครั้งแล้ว ขอคุยกับคนที่รับผิดชอบตรงนี้หน่อย" ตอนที่ผมบอกแบบนั้น ชายที่ใส่เสื้อสีขาวเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจ และพูดกับผมว่า "ผมนี่แหละรับผิดชอบตรงนี้อยู่"

ผมคิดว่าเขารับผิดชอบแต่ตรงที่กดบัตรคิว แต่ไม่ใช่ผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับแท็กซี่ เขาบอกว่า "ขึ้นอยู่กับคนขับกับผู้โดยสารจะตกลงกันเอง ถ้าไปไกลอย่างพัทยา หัวหิน แต่ถ้าผู้โดยสารไม่อยากจ่ายแบบเหมาก็เปลี่ยนคันใหม่"

ผมว่ามันแปลกนะครับ สะพานควายอยู่ไกลกว่าพัทยาเหรอครับ ผมอยู่ที่นี่มาเกือบ 10 ปีแล้ว ผมก็ยังไม่รู้เลย

ผมพูดกับเขาโดยพยายามเก็บความโมโหไว้ "มันแปลกนะ คนขับไม่ยอมใช้มิเตอร์ พูดแค่สะพานควายต้องจ่าย 700 บาท นี่ไม่ใช่การตกลงทั้งสองฝ่าย แต่เป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว คุณยอมรับการโกงแบบนี้เหรอ คุณไม่สนใจคนขับที่นิสัยแย่แบบนี้เหรอ"

เขาบอกว่า "ถ้าต้องการร้องเรียนต้องเขียนใบร้องเรียน ตามผมมาตรงนั้นแล้วเขียนใบร้องเรียน"

และเขาก็พาผมไปที่เค้าเตอร์ มีผู้หญิง 2 คนอยู่ที่นั่น ผมก็อธิบายเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง "รถใหญ่แพงกว่ารถเล็กเป็นธรรมดา 700 บาทก็ปกติ" ตลกไปไหมครับ ทุกคนก็รู้ว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างแท็กซี่คันใหญ่กับคันเล็ก พวกเขาพยายามจะไม่สนใจการทักท้วงของผม เหมือนไม่สนใจ และไม่อยากจะทำงาน

ที่นี่คือสนามบินแห่งชาติของประเทศไทยนะครับ และที่นี่คือสถานที่รอรถแท็กซี่ของสนามบินนานาชาติ แม้กระทั่งมีการโกง และไม่สนใจผู้โดยสาร เราคนต่างชาติจะทำยังไงได้ครับ

เจ้าหน้าที่สนามบินไม่มีหน้าที่ดูแลคนขับแท็กซี่เหรอครับ แม้กระทั่งพยายามจะไม่สนใจผู้โดยสาร ทำเหมือนกับปล่อยไปเถอะ เจ้าหน้าที่บอกให้ผมไปรอรับบัตรคิวแท็กซี่อีกรอบ ผมก็ต้องเดินกลับไปรอรับบัตรคิวอีกรอบ

ถึงอย่างนั้น สนามบินสุวรรณภูมิก็เป็นสนามบินที่ต้องเสียค่าภาษีสนามบินแพงที่สุดอยู่ดี รอแถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมาก ลิฟท์ก็ใช้ไม่ได้ การบริการที่แย่ ผู้โดยสารจะถามข้อมูล เจ้าหน้าที่ก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือไม่สนใจ มีเจ้าหน้าที่แย่แบบนั้น แท็กซี่ไม่กดมิเตอร์ และคิดค่าโดยสาร 2 เท่า มีแท็กซี่ที่แย่แบบนั้น

ต่อหน้าชาวต่างชาติ คนไทยแสดงความแย่ในการบริการแบบนั้น ที่สนามบินแห่งชาติที่เป็นประตูเข้าสู่ประเทศ พวกเขาไม่ใช่ความน่าอับอายของประเทศไทยเหรอครับ ที่แสดงความขี้เกียจ ไม่มีน้ำใจต่อชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม ได้มีคนไทยเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยบอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาดังกล่าวแม้แต่คนไทยยังเจอ                                                                        
                                                            

ผู้ว่าฯ จันทบุรี เร่งเจรจา 2 ฝ่าย เปิดทางขึ้น "เขาคิชฌกูฏ"                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/local/180610
                                                            นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า วันนี้ (21 ม.ค.) จะให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้พูดคุยตกลงกันเกี่ยวกับกรณีการดำเนินการจัดการบนเขาคิชฌกูฏ โดยเฉพาะเรื่องคิวรถรับคน ซึ่งปัญหาหลักๆ ที่ชาวบ้านเรียกร้องมานั้น เคยมีการตกลงพูดคุยกันมาก่อนแล้วเมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงร่วมงานกัน แบ่งให้ทางคณะสงฆ์เป็นผู้บริการจัดการเขาคิชฌกูฏทั้งหมด ส่วนวัดเขากระทิงจะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เมื่อปฏิบัติจริงก็ติดขัดบ้างเล็กน้อย

นายสามารถ กล่าวต่อว่า คิวรถที่ทางวัดกระทิงจัดมา ไม่สามารถให้บริการส่งนักท่องเที่ยวขึ้นเขาได้อย่างที่ตกลง ทำให้เกิดความไม่พอใจ โดยอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายจบด้วยการเจรจา                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้