ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
ด่วน! แท็กซี่มิเตอร์ เฮ ชาวบ้านอ่วม รถติดนาทีละ2บาท "ประจิน"ประกาศแล้ว อัตราใหม่ มีผลพรุ่งนี้                           

                                                                                       
                            ที่มา : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1418358507
                                                            ประกาศกระทรวงคมนาคม  เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร  สำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER)ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร
ประกาศระบุว่า   ตามที่กระทรวงคมนาคมได้ออกประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุก คนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) ที่จดทะเบียนในเขต กรุงเทพมหานคร ฉบับประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น

โดยที่อัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) ได้ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นระยะเวลานานแล้ว ประกอบกับราคาเชื้อเพลิง และค่าครองชีพได้ปรับตัวสูงขึ้น จึงสมควรแก้ไขปรับปรุงประกาศกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนเสียใหม่ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน

อาศัยอำนาจตามความในข้อ๑๕ แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร   ไม่เกินเจ็ดคนที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๕๐ ออกตามความในพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (TAXI - METER) ที่จดทะเบียนในเขตกรุงเทพมหานคร ฉบับประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑

ข้อ ๒ อัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร ให้กำหนด ดังนี้
ระยะทาง ๑ กิโลเมตรแรก ๓๕.๐๐ บาท
ระยะทางเกินกว่า ๑ กิโลเมตรถึงกิโลเมตรที่ ๑๐ กิโลเมตรละ ๕.๕๐ บาท
ระยะทางเกินกว่า ๑๐ กิโลเมตรถึงกิโลเมตรที่ ๒๐ กิโลเมตรละ ๖.๕๐ บาท
ระยะทางเกินกว่า ๒๐ กิโลเมตรถึงกิโลเมตรที่ ๔๐ กิโลเมตรละ ๗.๕๐ บาท
ระยะทางเกินกว่า ๔๐ กิโลเมตรถึงกิโลเมตรที่ ๖๐ กิโลเมตรละ ๘.๐๐ บาท
ระยะทางเกินกว่า ๖๐ กิโลเมตรถึงกิโลเมตรที่ ๘๐ กิโลเมตรละ ๙.๐๐ บาท
ระยะทางเกินกว่า ๘๐ กิโลเมตรขึ้นไป กิโลเมตรละ ๑๐.๕๐ บาท

กรณีรถไม่สามารถเคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้เกินกว่า ๖ กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตรานาทีละ  ๒.๐๐ บาท

ข้อ ๓ อัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นจากค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร ให้กำหนด ดังนี้

(๑) กรณีการจ้างผ่านศูนย์บริการสื่อสารของผู้รับจ้าง ให้เรียกเก็บค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากที่แสดงไว้ในมาตรค่าโดยสารอีก ๒๐ บาท


(๒) กรณีการจ้างจากท่าอากาศยานดอนเมืองหรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยรถยนต์รับจ้างนั้น  จอดรอคนโดยสารอยู่ในท่าอากาศยาน ณ จุดที่ได้จัดไว้เป็นการเฉพาะ ให้เรียกเก็บค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากที่ แสดงไว้ในมาตรค่าโดยสารอีก ๕๐ บาท

ข้อ ๔ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ประกาศณวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม                                                                        
                                                            

จูบมรณะ! ทารกสิ้นใจ หลังติดเชื้อจากการจูบ
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/global/169845
                                                            หนูน้อยโชคร้ายที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียง 24 วัน ติดเชื้อไวรัสเริมซึ่งมีความร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต ทั้งที่แรกคลอดแพทย์ยืนยันว่าหนูน้อยมีสุขภาพสมบูรณ์ดีทุกประการ ทำให้ดักลาสและซาราห์ ผู้เป็นพ่อแม่ช็อกและเสียใจเป็นอย่างมาก

“ฉันรู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ลูกต้องมาจากไปแบบนี้ ทั้งๆ ที่เธอเกิดมาสมบูรณ์แข็งแรงดี หมอก็รู้ดีว่าสาเหตุมันไม่ได้มาจากฉัน เพราะฉันได้ผ่านการตรวจร่างกายแล้ว เชื้อร้ายนี้มันจะต้องมาจากใครสักคน” ซาราห์ กล่าว

หนูน้อยผู้โชคร้ายคลอดออกมาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัว ซึ่งมีพ่อแม่และลูกๆ อีก 3 คน แต่แล้วในสัปดาห์ต่อมาหนูน้อยก็น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว และเริ่มป่วยหนักจนแพทย์ต้องนำตัวเข้ารักษาในตู้อบ ทว่าแพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือดได้ ก่อนที่หนูน้อยจะเสียชีวิตในอ้อมแขนของพ่อแม่

ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่า ทารกวัย 24 วันเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสเริมจากการจูบ เนื่องจากเด็กแรกเกิดมีความบอบบางอ่อนไหวต่อเชื้อโรคได้ง่าย แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเชื้อดังกล่าวมาจากใคร                                                                        
                                                            

รถบรรทุกไปรษณีย์ไทย เสียหลักพุ่งตกแม่น้ำกุยบุรี
                                       
(14 ธ.ค.) รถบรรทุกพัสดุไปรษณีย์ไทย เสียหลักพุ่งตกแม่น้ำกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนถึงที่หมาย จ.ชุมพร คาดสิ่งของเสียหายทั้งหมด คนขับรถยังให้การไม่ได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งเหตุรถบรรทุก 18 ล้อ ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เสียหลักพุ่งชนราวสะพานข้ามแม่น้ำ ก่อนจะลงไปในแม่น้ำกุยบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุบนถนนเพชรเกษม พบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ไปรษณีย์ไทย จมอยู่ในแม่น้ำ ส่วนคนขับรถบรรทุกได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ รถบรรทุก 18 ล้อ ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้รับพัสดุและสินค้ามาจากศูนย์ไปรษณีย์ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางลงภาคใต้มาตามถนนเพชรเกษม เพื่อนำส่งที่ศูนย์ไปรษณีย์ จ.ชุมพร
เมื่อรถบรรทุกคันดังกล่าวมาถึงตรงจุดเกิดเหตุ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำกุยบุรี ประกอบกับเป็นช่วงทางโค้ง ยางด้านหน้าฝั่งซ้ายของรถเกิดระเบิดขึ้น ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนราวสะพานและตกลงไปในแม่น้ำ ส่งทำให้พัสดุและสินค้าในตู้คอนเทนเนอร์ได้รับความเสียหาย ยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม คนขับรถบรรทุกคันดังกล่างยังมีอาการหมดสติ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที และยังไม่สามารถให้การใดๆ ได้

ที่มา: http://news.sanook.com/1714941/รถบรรทุกไปรษณีย์ไทย-เสียหลักพุ่งตกแม่น้ำกุยบุรี/

เตือนภัยแก๊งสาวอ้วน ตระเวนป้ายยารูดทรัพย์ตามร้านค้า จ.พิษณุโลก                                       
เตือนภัยแก๊งสาวอ้วนออกตระเวนป้ายยารูดทรัพย์เจ้าของร้านกาแฟกลางวันแสกๆ  ที่ จ.พิษณุโลก และอุตรดิตถ์ มีร้านค้าที่ตกเป็นเหยื่อแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ราย ได้ทรัพย์สินไปจำนวนมาก


วันที่ 15 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีแก๊งมิจฉาชีพรูปร่างเป็นสาวร่างอวบอ้วน ออกป้ายยารูดทรัพย์ผู้เสียหาย ที่ร้านกาแฟมดดำ ตั้งอยู่เลขที่ 516/31 ถนนพิชัยสงคราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ น.ส.นพรัตน์ ฉิมสาหร่าย อายุ 42 ปี เจ้าของร้าน เล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อเวลา 10.20 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา



ขณะเปิดร้านขายกาแฟตามปกติ มีหญิงสาวอายุประมาณ 40 ปี รูปร่างอวบอ้วน ทำทีเข้ามาสั่งซื้อกาแฟจำนวน 20 แก้ว และขอทำให้เสร็จภายใน 10 นาที เนื่องจากต้องการซื้อนำไปให้ลูกน้อง ที่เปิดบูทขายชุดชั้นในอยู่ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับร้าน ขณะกำลังจะไปชงกาแฟ คนร้ายได้ทำทีหยิบใบทองออกมาขายให้กับตน และพูดจาหว่านล้อมให้นั่งฟังเพื่อที่จะซื้อเบอร์ทอง

โดยที่มือข้างขวาถือปากกาแกว่งไปมา และมาจับที่มือและแขนของตนจนรู้สึกมึนงง ก่อนที่คนร้ายจะบอกให้ตนหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ โดยตนได้ควักเงินออกมาให้เป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 3 ใบ และธนบัตรใบละ 100 บาท จำนวน 10 ใบ รวมเป็นเงิน 4,000 บาท


หลังจากนั้นคนร้ายก็ลุกเดินออกไปจากร้านโดยที่ไม่ได้รอกาแฟที่สั่งไว้แต่อย่างใด เมื่อตั้งสติได้จึงมารู้ตัวว่าถูกคนร้ายรูดทรัพย์ไปแล้ว ประกอบกับมาตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ทราบว่าตนหยิบเงินให้คนร้ายไปโดยไม่รู้ตัว จึงได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามหาตัวคนร้ายทันที


น.ส.นพรัตน์ เล่าให้ฟังอีกว่า หลังจากเกิดเหตุเกือบ 2 ชั่วโมง ตนเองและพนักงานในร้านกาแฟ มีอาการวิงเวียนศีรษะ และอาเจียน เหมือนถูกมอมยา จึงเชื่อว่าถูกป้ายยาอย่างแน่นอน หลังจากนั้นตนก็ได้นำภาพกล้องวงจรปิดภายในร้าน ที่จับภาพที่คาดว่าจะเป็นคนร้ายดังกล่าว ไปลงในกลุ่มเฟชบุ๊ก ให้ประชาชนได้ระมัดระวังตัว เกรงว่าสาวคนดังกล่าวจะไปหลอกผู้อื่นอีก แต่ปรากฏว่ามีร้านค้าที่ตกเป็นเหยื่อ ถูกสาวคนเดียวกันหลอกมาขายเบอร์ทอง เช่นกัน และถูกตบทรัพย์สินไปโดยไม่รู้ตัวไปไม่ต่ำกว่า 4 ราย แต่ละรายนั้นสูญเงินไปกว่า 3-4 พันบาท ในพื้นที่ จ.พิษณุโลกและจ.อุตรดิตถ์ จึงขอเตือนประชาชน และร้านค้าทั่วไปอย่าได้หลงเชื่อผู้คนมาซื้อขายของโดยไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งอาจจะทำให้เป็นเหยื่อจากแก๊งป้ายยาดังกล่าวได้

ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1418642927

ข่าวลือทำพิษ ฉุดหุ้นตกรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี ลดลงเกือบ 10%
                                       

ข่าวลือทำพิษ ! ฉุดหุ้นตกรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี ติดดอยแดงเถือกเต็มกระดานหุ้น ถึง 138.93 จุด หรือลดลง 9.2% ชี้สาเหตุจากข่าวลือทั้งในและต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกจนต้องเทขายหุ้นเพียบ

วันนี้ (16 ธันวาคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 นำเสนอข่าวใหญ่ของวงการหุ้นบ้านเรา ที่เมื่อวานนี้ (15 ธันวาคม 2557) หุ้นดิ่งร่วงลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 6 ปี ติดดอยแดงเถือกเต็มกระดานหุ้นกันเลยทีเดียว ถึง 138.93 จุด

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุของหุ้นที่ดำดิ่งขนาดนี้ เกิดจากแรงเทขายออกจากความตื่นตระหนกของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากข่าวลือหลากหลายอย่าง ทั้งข่าวลืออันไม่เป็นมงคล และราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีเรื่องการเมือง จึงทำให้นักลงทุนแตกตื่น พากันเทขายหุ้นจนกดดัชนีลงไปต่ำสุดที่ระดับ 1,375.99 จุด ลดลง 138.96 จุด หรือลดลง 9.2% หรือเกือบ 10% จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์เกือบจะได้ใช้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ หรือหยุดการซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง หากดัชนีหุ้นปรับตัวลงมากถึงระดับ 10% ส่วนในประเทศอื่น ๆ ราคาหุ้นก็ปรับลงเช่นกัน ประมาณ 2-4 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ลงดิ่งถึงขนาดหุ้นไทย

ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ไปติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนายกฯ กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สาเหตุหุ้นตกเกิดจากข่าวลือที่ลือกันไปเรื่อย แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างปกติกำลังดีขึ้น หุ้นกระเตื้องขึ้นมาแล้ว สาเหตุที่หุ้นตกมาจากข่าวลือต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับสงครามในพื้นที่ต่างๆ ของโลก ราคาน้ำมัน และภาวะตลาดโลก



คลิป พิษข่าวลือ ทำหุ้นไทยร่วงหนัก (16 ธ.ค.57) โพสต์โดย เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
ที่มา: http://money.kapook.com/view107188.html
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร

ขอบคุณสำหรับข่าวครับ
ไฟไหม้รถเมล์สาย 126 หน้าบิ๊กซีลาดพร้าว ผู้โดยสารหนีตายระทึก                    
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/112975
                                                            เกิดเหตุไฟไหม้รถเมล์ สาย 126 บริเวณใกล้ห้างบิ๊กซีลาดพร้าว ล่าสุดดับเพลิงได้เเล้ว ไม่มีคนเจ็บหรือเสียชีวิต คาดแก๊สรั่ว

          วันนี้ (18 ธันวาคม 2557) เวลาประมาณ 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้รถโดยสารประจำทาง สาย 126 บริเวณริมถนนหน้าซอยลาดพร้าว 85 ใกล้กับห้างบิ๊กซีลาดพร้าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ใช้เวลา 20 นาที จึงสามารถดับเพลิงได้สำเร็จ โดยจากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น ปรากฏว่าเปลวเพลิงได้เผาทำลายรถคันดังกล่าวทั้งคัน

          ทั้งนี้โชคดีไม่มีผู้โดยสารคนใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้น่าจะมาจากแก๊สรั่วออกมาจากตัวรถ

          จากการสอบถามพนักงานขับรถ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถออกมาจากอู่บางเขน มุ่งหน้า ม.รามคำแหง บนรถมีผู้โดยสารไม่มากนัก เมื่อมาถึงห้างบิ๊กซี ลาดพร้าว ผู้โดยสารก็ทยอยลงและขณะกำลังจะเคลื่อนรถออก ก็ได้กลิ่นไหม้บริเวณคันเกียร์ ก่อนที่จะมีกลุ่มควันและไฟลุก ตนจึงจอดรถเพื่อนำน้ำมาดับ แต่ไม่สามารถดับได้ ขณะที่ผู้โดยสารต่างพาวิ่งหนีลงจากรถจ้าละหวั่น ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทำให้การจราจรติดขัดสะสมเป็นทางยาว                                                                        
                                                            

สาวแสบ! หลอกเช่ารถ เชิดหนี 23 คันกว่า 10 ล้าน                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/local/eastern/171433
                                                            น.ส.เจติยา บุญทวี อายุ 29 ปีพร้อมเพื่อนบ้านนับ 10 คน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ หลังถูกนางภัสราภรณ์ บัวบก อายุ 45 ปี หลอกเอารถกระบะและรถเก๋งไปให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในเมืองพัทยาเช่าต่ออีกที แต่ปรากฏว่าผ่านไป 2 เดือน ยังไม่ได้รับค่าเช่า รถหายไปแถมยังไม่สามารถติดต่อนางภัสราภรณ์ได้

โดย น.ส.เจติยาเผยว่า ได้ตกลงเซ็นสัญญาให้นางภัสราภรณ์เช่ารถ โดยได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 25,000 บาท แต่ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับเงินค่าเช่าเลยแม้แต่บาทเดียว กระทั่งมีคนรู้จักมาบอกว่า รถยนต์ของตนถูกนำไปจำนำไว้กับอีกคน จึงได้โทรศัพท์ไปหานางภัสราภรณ์เพื่อขอรถคืน ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้ โดยเพื่อนบ้านบอกว่านางภัสราภรณ์ได้เก็บของออกจากบ้านไปตั้งแต่กลางดึก พร้อมล็อกประตูบ้านเงียบสนิท จึงมั่นใจว่าถูกหลอกและตัดสินใจแจ้งความ

เช่นเดียวกับนายวิฑูรย์ บุญทวีกล่าวว่า ตอนนี้อยากได้รถคืน ทุกวันนี้ร้องไห้เกือบทุกวัน เพราะต้องรับภาระผ่อนค่างวดรถ ค่าใช้จ่ายในครอบครัว ฝากสื่อและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ และฝากเตือนไปยังประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อให้เช่ารถยนต์ง่ายเกินไป แม้ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือสนิทกันมากก็ตาม เพราะสมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้

ร.ต.อ.พิชิตพงศ์ ยอดพิกุล พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งความ ได้ให้ชุดสืบสวนไปติดตามหาตัวนางภัสราภรณ์มาสอบสวน ซึ่งในเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ ซึ่งจะได้ขอหมายจับติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งตอนนี้ได้รับข้อมูลมาว่ารถยนต์ทั้งหมดถูกแยกย้ายไปจำนำตามสถานที่ต่างๆ รวม 23 คัน มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งจะได้ติดตามมาส่งคืนเจ้าของ และขยายผลติดตามจับกุมให้หมดยกแก๊ง                                                                        
                                                            

ดีเดย์! 22 ธ.ค. คนกรุงช้ำ ทางด่วน-แท็กซี่พร้อมใจขึ้นราคา                           

                                                                                       
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1718761/
                                                            (22 ธ.ค.) วันนี้เป็นวันแรกที่แท็กซี่มิเตอร์เริ่มทำการปรับอัตราค่าโดยสารใหม่ ซึ่งจะมีการปรับจูนมิเตอร์ให้ใหม่ ส่วนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ก็ปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ราคาใหม่รถยนต์ 4 ล้อ ปรับเป็น 70 บาท และรถยนต์ 4 ล้อขึ้นไป ปรับเป็น 100 บาท

บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับสัมปทาน ทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ประกาศปรับค่าผ่านทางตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยราคาใหม่ ขาออก ช่วงดินแดง-ดอนเมือง รถ 4 ล้อ ปรับจาก 60 บาท เป็น 70 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ ปรับเป็น 100 บาท ช่วงที่ 2 ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน รถ 4 ล้อ ปรับจาก 25 บาท เป็น 30 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 35 บาท ปรับเป็น 40 บาท ทำให้ตลอดทั้งเส้นทางขาออก รถ 4 ล้อ ปรับขึ้นราคาจาก 85 บาท เป็น 100 บาท ขณะที่รถมากกว่า 4 ล้อจาก 125 บาท เป็น 140 บาท

ส่วนอัตราค่าผ่านทางขาเข้า ช่วงอนุสรณ์สถาน-ดินแดง รถ 4 ล้อ จาก 85 บาท ปรับเป็น 100 บาท รถมากกว่า 4 ล้อ จาก 125 บาท ปรับเป็น 140 บาท และช่วงดอนเมือง-ดินแดง รถ 4 ล้อ จาก 60 บาทปรับเป็น 70 บาท ส่วนรถมากกว่า 4 ล้อ จาก 90 บาท ปรับเป็น 100 บาท ซึ่งในส่วนเส้นทางขาเข้า อัตราค่าผ่านทางรถ 4 ล้อ ราคา 100 บาท และรถมากกว่า 4 ล้อ ราคา 140 บาท เป็นการชำระค่าผ่านทางยกระดับฯ ช่วงอนุสรณ์สถาน - ดอนเมือง และช่วงดอนเมืองดินแดง รวมกันในครั้งเดียว

ทั้งนี้ การปรับขึ้นค่าผ่านทางของดอนเมืองโทลล์เวย์ เป็นไปตามข้อตกลงที่ทำไว้กับกรมทางหลวงที่จะต้องปรับราคาขึ้นทุกๆ 5 ปี ซึ่งราคาใหม่นี้จะใช้ถึงวันที่ 21 ธันวาคม 2562 จนกว่าจะหมดอายุสัมปทานในวันที่ 12 กันยายน 2577

ขณะที่ แท็กซี่มิเตอร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการปรับใช้อัตราค่าโดยสารใหม่เป็นวันแรกเช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีการไล่เรียงปรับจูนมิเตอร์ใหม่ทั้งหมด สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่จากประกาศของกรมการขนส่งบก ประกอบด้วย ระยะทาง 1 กิโลเมตรแรก 35 บาท กิโลเมตรที่ 1-10 กิโลเมตรละ 5.50 บาท กิโลเมตรที่ 10-20 กิโลเมตรละ 6.50 บาท กิโลเมตรที่ 20-40 กิโลเมตรละ 7.50 บาท กิโลเมตรที่ 40-40 กิโลเมตรละ 8 บาท กิโลเมตรที่ 60-80 กิโลเมตรละ 9 บาท และกิโลเมตรที่ 80 เป็นต้นไป กิโลเมตรละ 10.50 บาท

สำหรับกรณีเรียกบริการรถผ่านศูนย์บริการสื่อสารให้เรียกเก็บค่าจ้างเพิ่ม 20 บาท และกรณีเรียกรับบริการจากท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่จอดรอผู้โดยสาร ณ จุดที่จัดไว้เฉพาะให้เรียกเก็บค่าจ้างเพิ่ม 50 บาท                                                                        
                                                            

เผยพระราชดำรัสในหลวงถึงนักเตะทีมชาติไทย อย่าย่อท้อแม้ตามอยู่                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/113084
                                                            ผู้จัดการทีมชาติไทย เผย พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกำลังใจให้นักเตะทีมชาติไทย ระหว่างเกมนัดชิงซูซูกิคัพ 2014 กับมาเลเซีย ขออย่าย่อท้อ พระองค์ทอดพระเนตรเกมนี้อยู่

            ฉลองชัยชนะด้วยความสุขสมหวังอย่างต่อเนื่อง สำหรับทีมฟุตบอลทีมชาติไทยที่เพิ่งประกาศศักดาเป็น "เจ้าอาเซียน" คว้าแชมป์ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014 ได้สำเร็จ ท่ามกลางความดีใจของคนทั้งประเทศ แม้ว่า "ขุนพลช้างศึก" จะถูก "เสือเหลือง" มาเลเซีย ขึ้นนำไปก่อน 3-0 แต่นักเตะไทยก็สามารถกลับมาพลิกเกมได้ในช่วง 7 นาทีสุดท้าย ยิง 2 ประตูรวด จนเฮลั่นกันทั้งประเทศ

            ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันจากการนำเสนอข่าวว่า ในระหว่างพักครึ่งแรกที่มาเลเซียนำทีมชาติไทยอยู่ 2 ประตูนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานกำลังใจมายังนักเตะชุดนี้ด้วย โดยเว็บไซต์ Siamsport.co.th ได้สัมภาษณ์ นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทย ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น และคุณ ‏@tanatpong_nna ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น ได้นำข้อความที่สยามกีฬารายงานมาลงไว้ในทวิตเตอร์ ทำให้คนแชร์ต่อกัน ด้วยความปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง

            โดย นายเกษม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้รับข้อความจากราชเลขาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โทรศัพท์เข้ามาหาตั้งแต่ครึ่งแรก แต่ตนไม่ได้รับ ทำให้ราชเลขาได้ส่งเบอร์ของท่านให้ติดต่อกลับไป ซึ่งในระหว่างที่ติดต่อกลับ มือของตนสั่นไปหมด จน นพ.ชนินทร์ ล่ำซำ แพทย์ประจำทีม ต้องเข้ามาช่วยหาเบอร์ เพราะมีเบอร์ติดต่อเข้ามาเยอะมาก ก่อนที่ตนจะได้ติดต่อกลับไป พร้อมกับได้รับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากราชเลขาว่า...

            "ขอให้กำลังใจกับผู้เล่นทุกคน ขออวยพรให้มีชัยชนะ อย่าย่อท้อแม้ว่าจะตามอยู่ 0-3 ซึ่งในหลวงได้ทอดพระเนตรเกมนี้อยู่"

            นายเกษม กล่าวอีกว่า หลังจากตนวางสายโทรศัพท์ไม่นาน เรากลับมายิงได้ 2 ประตูทันที ทำให้ตนคิดถึงพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยทีมฟุตบอลทีมชาติไทยในเกมนี้                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้