ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
เตือนระวัง อุทาหรณ์...ผู้ที่ชอบนำไฟเย็นมาถ่ายรูป
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/111195
                                                            ช่างภาพเวดดิ้งชื่อดัง โพสต์แชร์อุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ชอบนำไฟเย็นมาถ่ายรูป หลังทีมงานเจอประสบการณ์ตรง ไฟลุก ไหม้จริง เจ็บจริง

            โดยปกติแล้วใครก็ตามที่กดฟอลโลเพจเฟซบุ๊ก Jakawin Photography ก็มักจะได้ชมภาพพรีเวดดิ้ง หรือภาพงานวิวาห์ที่สวยงามและน่าประทับใจ แต่เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา ช่างภาพคนดังก็ได้นำเอาประสบการณ์จากการถ่ายภาพซึ่ง "ไม่คาดคิด" มาแชร์เตือนภัยให้กับทุกคน เพราะได้เกิดอุบัติเหตุจาก "ไฟเย็น" ที่หลายคนมักนำมาจุดถ่ายภาพสร้างความสวยงาม เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น มาติดตามกันเลย...

            "อุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ชอบนำไฟเย็นมาถ่ายรูป

            สืบเนื่องมาจากเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาได้ เกี่ยวกับอุบัติเหตุจาก "ไฟเย็น" ซึ่งเป็นหนึ่งในชนิดของประทัด ที่เด็ก ๆ ส่วนใหญ่นิยมเล่นกันมาก ผมจึงอยากแชร์ประสบการณ์นี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุก ๆ คน โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองทุกท่าน จะได้ช่วยกันระมัดระวังและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกครับ

            วันเกิดเหตุตอนนั้นเป็นช่วงค่ำแล้ว ผมทำงานถ่าย Pre-Wedding อยู่ที่เขาใหญ่ ให้กับลูกค้าของเราคู่หนึ่ง ระหว่างที่ทุกคนกำลังเซตอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ และคู่บ่าวสาวยืนอยู่ในจุดที่ผมจะต้องถ่าย น้องเบียร์ Creative Producer หนึ่งในทีมงานของผม ที่เป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับการจัดพร๊อบต่าง ๆ ของบ่าวสาว ซึ่งพร๊อบที่เราจะใช้ในตอนนั้นก็คือ "ไฟเย็น" แต่ผมขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ไฟเย็นชนิดนี้นิดนึงนะครับ ไฟเย็นที่ว่านี้ ไม่ใช่ไฟเย็นธรรมดา ๆ ทั่วไป มันเป็นไฟเย็นที่ยาวกว่าปกติประมาณ 2-3 เท่า พอเราจุดปุ๊บ ประกายไฟมันจะวิ่งลง แล้วก็วิ่งขึ้น ทำให้ไฟอยู่ได้นานกว่าปกติ แล้วน้องเค้าก็คิดว่า ไฟเย็นชนิดนี้ คงจะเหมือนกับไฟเย็นทั่ว ๆ ไป ที่เราสามารถเอามาจุดพร้อมกัน หรือเอามาจุดต่อ ๆ กันได้ เพราะตอนที่จุดเล่นกันก็ดูปกติดี

            พอถึงเวลาต้องใช้งานจริง น้องเบียร์หยิบมา 4 อันรวด แล้วจับตรงกลางก้าน (เหมือนเวลาจุดธูปครับ เพื่อให้ด้านหัวจุด ติดกัน) แต่ชั่วเสี้ยววินาทีที่เอาไฟแช็คจุดเท่านั้นแหละ ประกายไฟของไฟเย็นทั้ง 4 อัน ก็พุ่งเข้ามือซ้ายของน้องเบียร์ทันที ด้วยความตกใจ น้องจึงรีบสะบัดทิ้งทันที ตอนนั้นไฟมันพุ่งแรง และเร็วมาก มองแทบไม่ทัน ช่วงเวลาแค่วิเดียวจริง ๆ ครับ เมื่อผมหันกลับไปดูมือของน้องเค้า ตอนนั้นมือของน้องเป็นรอยไหม้ ๆ ดำ ๆ ทั้งมือ มีเนื้อปริออกมาจากการโดนเผา ด้วยประกายไฟของไฟเย็น

            คุณนุ่น ภรรยาของผมและพนักงานของรีสอร์ต จึงรีบพาน้องเบียร์ไปส่งโรงพยาบาลทันที โดยปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการให้เอามือจุ่มถังน้ำที่ใส่น้ำเเข็ง ซึ่งคุณหมอบอกว่ามันเป็นวิธีที่ดีมากครับ หรืออาจจะใช้ว่านหางจระเข้ก็ได้ โดยฝานเปลือกออก แล้วเอาเนื้อว่านมาทาครับ ส่วนการเอายาสีฟันมาทานั้น คุณหมอบอกว่าคราบของยาสีฟันจะทำให้เช็ดถูออกยาก เพราะคุณหมอต้องทำความสะอาดแผล ด้วยการขูดคราบดำ ๆ คราบสกปรกออกก่อนให้หมดก่อน

            จากอุบัติเหตุคราวนั้น น้องโดนไฟเผาเกือบทั้งฝ่ามือ โดยเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางครับ เป็นแผลไฟไหม้ดีกรีความลึกระดับ 2 ครับ คือ เกิดการไหม้ขึ้นที่ชั้นหนังกำพร้าตลอดทั้งชั้น (ทั้งชั้นผิวนอกและชั้นในสุด) และหนังแท้ จะมีอาการปวดแสบปวดร้อนมาก เพราะเส้นประสาทบริเวณผิวหนังยังเหลืออยู่ การหายของแผลใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ และไม่ทำให้เกิดแผลเป็น ถือได้ว่าเป็นความโชคดีของน้องเบียร์มากครับ ที่ลูกไฟไม่ได้พุ่งเข้าใส่ใบหน้า หรือว่าส่วนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งทำความเสียหายให้กับคนอื่น ๆ ครับ

            หลังจากเหตุการณ์ในคราวนั้น ผมจึงอยากให้ทุกคนที่ชอบเล่นประทัด ดอกไม้ไฟต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งใช้ไฟเย็นมาจุดเล่น เพื่อความสวยงามในตอนถ่ายภาพ ได้ระมัดระวังกันมากขึ้นครับ เพราะอาจจะไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเหมือนน้องทีมงานของผมครับ"

            เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวเลยจริง ๆ ยิ่งใกล้เทศกาลแห่งความสุขในช่วงส่งท้ายปีแบบนี้ ใครที่คิดจะเล่นกับไฟเย็น ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะคะ                                                                        
                                                            

หนุ่มยะลาแสดงตัว อ้างเป็นเด็กในภาพก้มกราบในหลวง                                                                                                       
            
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1698609
                                                            (12 พ.ย.) จากกรณีกระทรวงวัฒนธรรม ประกาศตามหาเด็กชายในภาพก้มกราบในหลวง เสด็จฯ ที่ราชบุรี เมื่อปี 2512 ล่าสุด มีรายงานว่า ได้มีผู้แสดงตัวว่าเป็นเด็กคนดังกล่าวแล้ว คือ นายเรืองยศ สุขาเขิน อายุ 43 ปี ชาว จ.ยะลา ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ ต.ปะตง อ.สอยดาว จ.จันทบุรี

ทั้งนี้ นายเรืองยศ เผยว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ตนเองและมารดาได้เข้าเฝ้ารับเสด็จที่ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อประมาณปี 2516 ไม่ใช่ภาพที่สถานีอนามัยใน จ.ราชบุรี ตามที่เป็นข่าว

นายเรืองยศ ได้เล่าต่อว่า ขณะนั้นตนเองอายุ 2 ขวบกว่า มารดาได้พาไปรับเสด็จในหลวง โดยนั่งอยู่แถวหน้าสุด เสื้อผ้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยหินดินทรายที่เล่นก่อนเข้าเฝ้ารับเสด็จ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาถึง เขาก็ได้ไถลตัวออกจากที่นั่งมาก้มกราบพระบาท โดยไม่กล้ามองพระพักตร์ ไม่กล้าสบพระเนตร แต่รู้สึกมีความสุขที่สุด พร้อมยืนยันว่าเด็กคนนั้นคือตนเองอย่างแน่นอน และมีภาพของแม่ซึ่งในตอนนั้นได้นั่งรอรับเสด็จอยู่ด้วยกันมายืนยัน

นอกจากนี้เขายังเตรียมประสานไปยังหอสมุดจังหวัดยะลา เพื่อขอภาพในเหตุการณ์ดังกล่าวมายืนยันอีกครั้ง ส่วนนายอำเภอสอยดาวเผยว่า ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังผู้ว่าฯ จันทบุรี ให้ทราบแล้ว เพื่อจะมีการตรวจสอบต่อไป                                                                        
                                                            

อดีตเจ้าอาวาสวัดบางคลาน โต้เล่นหุ้น อ้างถูกกลั่นแกล้ง
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1698677
                                                            จากกรณี พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ถูกปลดให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ส่อไปในทางทุจริตยักยอกเงินบริจาควัด นำไปซื้อหุ้นกว่า 40 ล้าน

ล่าสุด (12 พ.ย.) ด้านพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาส กล่าวว่า ตนเองทราบแล้วว่าพระผู้ใหญ่และทางเจ้าคณะจังหวัด ปลดตนออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ซึ่งตนเองก็พร้อมที่รับคำสั่ง แต่การถูกสั่งครั้งนี้ ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีบุคลไปร้องเรียนพระผู้ใหญ่ กลั่นแกล้งตนเอง จนกระทั่งมีการตั้งคณะทำงานไตร่สวนข้อเท็จจริงขึ้นมา แต่ตนกลับไม่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมา ตนเองก็ชี้แจงไปแล้วขอเวลารวบรวมหลักฐานก่อน แต่ทางคณะกรรมการที่มาไต่สวนกลับไม่ยินยอม

ในส่วนเรื่องเงินบริจาค ที่ผู้ร้องอ้างว่าตนเองนำเงินไปซื้อหุ้นนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากหุ้นดังกล่าวที่อ้างถึงนั้น มีการซื้อตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสเก่าแล้ว โดยเป็นธนาบัตรออมทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ.2552 อายุ 7 ปี จำนวนเงิน 16 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีหุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารอยุธยาจำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 ปี 55 ครบกำหนดปี 56 จำนวน 7,100,000 บาท

พอตนเองมารับตำแหน่ง ก็ต้องซื้อตาม เนื่องจากหุ้นหมดอายุเกรงว่าจะไม่ได้เงิน จึงได้นำเงินออกมาซื้อหุ้นเหมือนเดิม อีกทั้งวัดจะได้ผลประโยชน์ในการได้ดอกเบี้ยเงินไม่ได้ไปไหน ยังอยู่กับวัดเหมือนเดิม อีกทั้งดอกก็มีการเพิ่มขึ้น ปัจจุบันขณะนี้วัดมียอดเงินอยู่ที่ 84 ล้านบาท

ในส่วนที่ตนเองถูกร้องว่าตนเองพาสีกาไปเดินเที่ยวห้างนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ตนเองไม่เคยรู้จักห้างว่าอยู่ตรงไหน ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกใส่ร้ายทั้งสิ้น ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายให้ความยุติธรรมบ้าง

ทางด้านพระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องปลดออกจากเจ้าอาวาสวัดบางคลาน เพราะเจ้าอาวาสวัดบางคลาน มีการปฎิบัติงานที่หย่อนยาน มีทั้งเรื่องเงินของทางวัดที่นำไปใช้ส่วนตัว ในการซื้อหุ้น และไม่นำมาคืน อีกทั้งไม่สามารถตอบคำถามคณะกรรมการได้ แม้แต่ถามว่าวัดมีเงินเท่าไหร่ มีบัญชีธนาคารกี่เล่ม ตู้บริจาคมีจำนวนเท่าไร กุญแจอยู่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องภายในวัดทั้งหมด รวมถึงเงินที่นำมาจัดสร้างวัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้น ใน ปี 2555 แล้ว ไม่นำมากลับคืนทางวัดอีกจำนวนกว่า 20 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้มีคำสั่งปลดพระครูวิสิฐสีลาภรณ์เพิ่มอีก 2 ตำแหน่งคือ ปลดออกจากเป็นเจ้าคณะตำบลท่าขมิ้น และปลดออกจากการเป็นพระอุปชา                                                                        
                                                            

สลด เด็ก 2 ขวบ ถูกหมูแม่ลูกอ่อนกิน เหตุคลานเข้าคอกหมู   
                                                                                                                
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/111274
                                                            สลด หนูน้อย 2 ขวบ ถูกหมูแม่ลูกอ่อนทำร้ายจนตาย ก่อนแทะกินกะโหลก เหตุคลานเข้าไปในคอกหมู ด้านพ่อแม่จับหมูเชือด พบเศษชิ้นส่วนของลูกในท้องแม่หมู

            เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ  มีรายงานเหตุสุดสลดซึ่งเกิดขึ้นที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีน เมื่อหนูน้อย "เหว่ยเส้า" หรือที่คนใกล้ชิดเรียกว่า "เก๋อเก๋อ" วัย 2 ขวบ ถูกแม่หมูทำร้ายจนเสียชีวิตก่อนจะกินเข้าไป เหตุเพราะหนูน้อยคลานเข้าไปในคอกหมูที่มีหมูแม่ลูกอ่อนและลูก ๆ ของมันอยู่ภายในคอก

            รายงานเผยว่า ขณะเกิดเหตุพ่อ-แม่ของเก๋อเก๋อได้กลับเข้าไปในบ้าน โดยทิ้งลูกให้เล่นอยู่ในสวนตามลำพัง และเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นพวกเขาก็ต้องรีบวิ่งออกมาที่สวน หลังได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของลูก แต่นั่นก็ดูจะไม่ทันเสียแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นแม่หมูที่อยู่ห่างออกไปราว 80 เมตร กำลังแทะกินศีรษะของเก๋อเก๋อ

            จากนั้นพ่อกับแม่ที่ใจสลายรวมถึงชาวบ้านคนอื่น ๆ จึงรีบตรงเข้ามาช่วยกันจับแม่หมูผูกไว้กับต้นไม้ ก่อนจะเชือดและผ่าท้องมันออกมา โดยได้พบชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะและเส้นผมของเก๋อเก๋ออยู่ภายในท้องของแม่หมู แล้วจึงนำชิ้นส่วนเหล่านั้นไปให้ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานว่าเก๋อเก๋อถูกหมูฆ่าและกินเข้าไปจริง ๆ ทั้งนี้ชาวบ้านยืนยันว่าที่ต้องฆ่าหมูก็เพื่อจะหาหลักฐานว่าเก๋อเก๋อถูกหมูฆ่าจริง ๆ เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นแต่อย่างไร

            ขณะที่ทางตำรวจได้ออกมาร้อขอให้เกษตรกรเก็บหมูไว้แต่เพียงในคอกเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย พร้อมเผยว่าตามปกติแล้วหมูเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเชื่อง แต่มันจะดุร้ายและก้าวร้าวเป็นพิเศษในช่วงท้อง หรือเพิ่งออกลูกใหม่ ๆ เพื่อปกป้องลูกของมัน                                                                        
                                                            

อุบัติเหตุ2ราย ดับสยอง3ศพ
                                           
            
        รองนายก อบต.ซิ่งกระบะชนขอบสะพาน ยูเทิร์น ร่างกระแทกพื้นเบื้องล่างถูกรถทับซ้ำดับอนาถ อีกราย หนุ่มควบเก๋งไปรับเพื่อนห้อเต็มเหยียด ทำให้รถเสียหลักฟาดกับต้นไม้ขาด 2 ท่อน ก่อนลอยละลิ่วลงคลอง ร่างกระเด็นจมน้ำตายทั้งคู่
รองนายก อบต.ชะตาขาดรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 15 พ.ย. พ.ต.ท.แดน ดีไข่ พงส.สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แพทย์เวรสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไปตรวจสอบอุบัติเหตุรถกระบะพุ่งชนขอบสะพานกลับรถและร่างกระเด็นตกลงพื้นล่างเสียชีวิต ใต้สะพานกลับรถ ถนนกาญจนาภิเษก บริเวณหน้าหมู่บ้านพระปิ่น 3 พบศพนายสมคิด ศรีพยัคฆ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/7 หมู่ 5 ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เป็นรองนายก อบต.มหาสวัสดิ์ นอนตายจมกองเลือดในช่องทางด่วน ใกล้กันพบแผ่นป้ายทะเบียนรถกระบะ ฌภ 4656 กรุงเทพมหานครตกอยู่ ส่วนบนสะพานกลับรถมีรถกระบะโตโยต้ารุ่นวีโก้ ทะเบียน ศช 5327 กรุงเทพมหานคร ชนอัดกับขอบสะพานจนด้านหน้าพัง กระจกมองข้างซ้ายแตกโดยเครื่องยนต์ยังติดเครื่องไว้
ระหว่างนั้นได้มี พ.จ.อ.สามารถ อินทร์บุญช่วย สังกัดกองทัพอากาศ เจ้าของรถกระบะทะเบียน ฌภ 4656 กรุงเทพมหานคร ได้ขับรถมาที่เกิดเหตุและให้การว่า ขณะขับรถจะไป จ.ราชบุรี โดยมีรถบรรทุก 10 ล้อขับนำหน้าถึงที่เกิดเหตุมีสิ่งของลักษณะคล้ายกระสอบข้าวตกมาจากที่สูงในระยะกระชั้นชิดทำให้รถกระบะของตนพุ่งชนสิ่งของดังกล่าวจนกันชนหน้าเสียหายและป้ายทะเบียนหลุดหายไป ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นสิ่งของหล่นจากรถบรรทุกจึงรีบขับเข้าไปภายในปั๊มเพื่อตรวจสอบความเสียหายพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนหลุดหายไปจึงย้อนกลับมายังจุดเกิดเหตุอีกครั้งและมาทราบว่าสิ่งของที่หล่นมาเป็นคน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายอาจขับรถมาด้วยความเร็วแล้วเสียหลักพุ่งชนขอบสะพานกลับรถนายสมคิดจึงจอดรถเดินลงมาดู แต่เกิดพลัดตกลงมาจากขอบกั้นทางกระแทกพื้นจนทำให้เสียชีวิต

อีกรายเวลา 02.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท. สมประสงค์ ปริชำนิ พงส.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี พร้อมแพทย์ รพ.หนองเสือและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไปตรวจสอบอุบัติเหตุรถเก๋งชนต้นไม้ตกลงไปในคลองสิบมีผู้เสียชีวิต ริมถนนเลียบคลองสิบ หมู่ 3 ต.บึงบา บริเวณริมถนนพบกันชนรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิคมีป้ายทะเบียนติดไว้ระบุ วร 6711 กรุงเทพมหานคร ส่วนตัวรถขาด 2 ท่อนจมอยู่ในคลองและพบศพนายชลธี ดีปั่น อายุ 25 ปี ชาว อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ลอยเหนือน้ำจึงกู้ขึ้นฝั่ง ทราบว่ายังมีผู้เสียชีวิตจมน้ำอีก 1 ศพ ต่อมานักประดาน้ำของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งระดมช่วยงมหาจนพบศพนายทิชากร ทองดี อายุ 24 ปี ทำงานอยู่การท่าอากาศยานดอนเมืองและเป็นคนขับติดคาซากรถด้านคนขับ
สอบถามพยานทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังเหมือนรถชนกัน วิ่งออกมาดูพบว่ารถชนต้นไม้และตกลงไปในคลองจึงกระโดดน้ำเข้าไปช่วยเพราะเห็นมีคนลอยน้ำอยู่แต่ว่าเสียชีวิตก่อนแล้ว ต่อมาญาติของนายทิชากรมาที่เกิดเหตุถึงกับปล่อยโฮลั่นด้วยความเสียใจหลังเห็นศพผู้ตาย สอบสวนทราบว่า นายทิชากรขับรถออกไปรับเพื่อนที่ปากทางคลองสิบ แล้วขับมาตามทางมาด้วยความเร็วก่อนรถเกิดเสียหลักพุ่งชนฟาดกับต้นไม้เสียงดังสนั่นจนรถขาด 2 ท่อน กระเด็นตกน้ำเป็นเหตุให้เสียชีวิตทั้งคู่
                                
                        

ขอบคุณครับ
แชร์สนั่น! แฉเบื้องหลัง จนท.ขนกระเป๋าที่สุวรรณภูมิ
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/
                                                            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเดินทางโดยสารเครื่องบินยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังตกตะลึงกับคลิปเบื้องหลังการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่หลายคนไม่แปลกใจที่เหตุใดกระเป๋าเดินทางจึงเสียหาย

ตามรายงานระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Bank Freesize Thailand ได้โพสต์คลิปวิดิโอความยาวประมาณนาที ระบุว่าเป็นภาพจากอาคารลำเลียงกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสาร ซึ่งเจ้าของคลิปได้ระบุข้อความไว้ว่า "#สนามบินสุวรรณภูมิ คลิปนี้ส่งมาเพื่อให้ผู้โดยสารเห็นกระเป๋าสัมภาระของตนนะครับ ไม่ต้องแปลกใจพอถึงบ้าน ทำไมของในกระเป๋าจึงเสียหาย อันนี้เป็น TG313 เครื่องออกเวลา 23.35 น. จากสนามบินสุวรรณภูมิครับ"

ภาพจากคลิปวิดีโอดังกล่าง เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่กำลังทำงานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระกันอย่างขวักไขว่ แต่ประเด็นเกิดขึ้นที่บันได้ มีพนักงานช่วยกันลำเลียงกระเป๋า โดยใช้วิธีปล่อยทิ้งลงไปตามขั้นบันได รวมทั้งมีการเตะกระเป๋าลงมาจากบันได เพื่อส่งต่อให้กันเป็นทอดๆ กว่าจะจับโยนขึ้นรถลำเลียงกระเป๋าต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก หลายคนรู้สึกประหลาดใจและสะเทือนใจกับการบริการดังกล่าว อีกทั้งยังมีการนำไปเปรียบเทียบกับประเด็นที่เกิดขึ้นกับไปรษณีย์ไทย พร้อมกับกล่าวตำหนิการกระทำที่มักง่ายของเจ้าหน้าที่ที่ลำเลียงกระเป๋าดังกล่าว                                                                        
                                                            

เตือนภัย! แก๊งฉกมือถือระบาดหนัก ห้างฯดังย่านลาดพร้าว
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/social/160715
                                                            เหตุการณ์แก๊งขโมยมือถือเกิดขึ้นกับหญิงสาวรายหนึ่ง ได้ไปเดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แต่ถูกคนร้ายล้วงโทรศัพท์ไอโฟน 5 ไปแบบไม่รู้ตัว จากนั้นได้พยายามติดต่อทางห้างฯ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เผื่อว่าจะสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ แต่ถูกทางห้างฯปฏิเสธ บอกแต่เพียงว่ากล้องที่ติดไว้เป็นของเก่า ซูมอย่างไรก็ไม่เห็น หนำซ้ำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ยังพูดทำนองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ เพราะเหยื่อโดนไปไม่รู้กี่พันรายแล้ว

จากนั้น ผู้เสียหาย เดินทางไปแจ้งความ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่กลับไม่ใส่ใจต่อการติดตามคนร้ายเท่าที่ควร พูดเพียงว่า อีกแล้วหรือ และช่วงเวลาไปแจ้งความ ยังมีผู้เสียหายรายอื่นๆ เข้าแจ้งความจากการถูกขโมยโทรศัพท์ และทรัพย์สินจาก 2 ห้างย่านลาดพร้าว อีกนับ 10 ราย

ขณะเดียวกัน เพื่อนของหญิง ก็ได้โทรมาบอกว่าตนเองก็เคยโดนในลักษณะเดียวกัน ซึ่งดูเหมือนแก๊งนี้จะทำกันเป็นขบวนการไม่ต่ำกว่า 5 -10 คน โดยทำทีมาเดินเบียดขนาบข้าง ก่อนจะฉวยจังหวะนั้นล้วงสิ่งของมีค่าของเหยื่อหายไป สุดท้ายเหยื่อทุกรายก็ทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน และรอเรื่องจากตำรวจเท่านั้น                                                                        
                                                            

นักเรียน จ.เลย แห่ไล่ ผอ. แฉทุจริตเพียบ-เดินโพยหวยในโรงเรียน
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://education.kapook.com/view104773.html
                                                            นักเรียนโรงเรียนเหมืองแบ่งวิทยาคม จ.เลย กว่า 400 คน แห่ไล่ ผอ. แฉทุจริตเพียบ-เดินโพยหวยในโรงเรียน นักเรียนหญิงโวยถูกบีบคอห้ามประท้วง แต่เพื่อนชายช่วยไว้ทัน

            วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนเหมืองแบ่งวิทยาคม ต.หนองหญ้าปล้อง อ.วังสะพุง จ.เลย นักเรียนกว่า 400 คน ได้รวมตัวประท้วงที่หน้าโรงเรียน โดยห้ามครูและเจ้าหน้าเข้าออก ทั้งนี้เพื่อขับไล่ "นายวีระพร จำปาอ่อน" ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ย้ายออกจากโรงเรียน มีผู้ปกครองเข้าร่วม พร้อมชูป้ายขับไล่และกล่าวหาการบริหารไม่สุจริต

            ทั้งนี้ นักเรียนชั้น ม.5 ได้กล่าวโจมตี นายวีระพร ว่า การกระทำของผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่เคยสนับสนุนการกิจกรรม เช่น ส่งเสริมในการกีฬา และด้านวิชาการต่าง ๆ แม้กระทั้งการไปทัศนศึกษา ทางโรงเรียนไม่เคยจัดไป แต่เท่าที่ทราบโรงเรียนมีโครงการและมีการเบิกเงินไป แต่จริง ๆ แล้วกลับไม่เคยพานักเรียนไปที่ไหนเลย

            นอกจากนี้ นักเรียนยังเผยอีกว่า ทางผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการได้เอาหวยใต้ดินมาขายในโรงเรียนทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน โดยจะมีรถมารับ-ส่ง โพยหวยของแต่ละหมู่บ้าน และให้แม่บ้านในโรงเรียนเป็นผู้เดินโพย อีกทั้งยังใช้บ้านพักครูเป็นแหล่งรวมโพยหวย ส่วนช่วงบ่าย ๆ ก็ใช้แฟกซ์ของโรงเรียนส่งให้เจ้ามือหวยรายใหญ่อีกที ซึ่งเรื่องนี้ทั้งนักเรียนและครูก็ทราบเรื่องกันทั้งตำบล

            ส่วนทางด้าน นักเรียนชั้น ม.6 กล่าวถึงเรื่องสแตนเชียร์ในโรงเรียนว่า ทุกวันนี้โรงเรียนเราไม่มีสแตนเชียร์ ทั้ง ๆ ที่เป็นโรงเรียนที่มีตั้งแต่ระดับ ม.1-ม.6 นักเรียนต้องเอาเก้าอี้มาต่อกันเวลาโรงเรียนมีการแข่งขันกีฬา ที่ผ่านมากำลังแข่งขัน ก็ล้มลงมาแต่โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เคยถามไปทาง อบจ.เลย ก็บอกให้งบจัดสร้างให้มาแล้ว แต่ทาง ผอ. ไม่ดำเนินการก่อสร้างแต่อย่างใด ของเดิมเคยมีเป็นแบบไม้ก็ไม่มีการปรับปรุง

            นอกจากนี้ โรงเรียนยังใช้งบกว่า 5 ล้านบาท สร้างเป็นห้องวิทยาศาสตร์และห้องคณิตศาสตร์ เป็นศูนย์เรียนรู้ แต่ไม่เคยเปิดให้นักเรียนเข้าใช้ อ้างแต่ว่ากลัวพัง แล้วจะสร้างมาทำอะไร ถ้าไม่ให้ใช้ก็น่าจะเอาไปสร้างอย่างอื่นที่โรงเรียนยังขาดอีกมาก

            ขณะที่ นักเรียนหญิงอีกคนร เผยว่า ในช่วง 7 โมงเช้าที่ผ่านมา ตนและเพื่อนกำลังจะเดินไปหน้าโรงเรียนเพื่อประท้วงขับไล่ ผอ. แต่ ผอ. ก็เข้ามาผลักและทำร้ายนักเรียน และได้บีบคอตนด้วย จนเพื่อนนักเรียนชายต้องเข้ามาช่วย

            อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายโกศล บุญไชย ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา ตัวแทนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้เดินทางมารับฟังความคิดเห็นทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อยุติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังข้อมูลจากตัวแทนนักเรียน เพื่อนำไปประกอบการสอบสวนทางวินัยในลำดับต่อไป                                                                        
                                                            

ตำรวจจ่อหมายจับ 2 ฝรั่งฉกศพเด็ก ประสาน FBI ตามกลับไทย
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1701257/
                                                            รอง ผบ.ตร. เผยเตรียมออกหมายจับ 2 ฝรั่ง ที่ลักลอบนำซากทารกออกนอกประเทศแล้ว ประสานตามตัวมาสอบ

ที่อาคารศรีสวรินทิรา โรงพยาบาลศิริราช ศ.คลินิก น.พ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงกรณีบริษัท DHL ตรวจพบชิ้นส่วนมนุษย์เตรียมจัดส่งไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยันว่า ชิ้นส่วนในพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราชของตึกอดุลยเดชวิกรมชั้น 2 และพิพิธภัณฑ์กายวิภาค โรงพยาบาลศิริราชได้หายไปจริงเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 57 ซึ่งภาพกล้องวงจรปิดทั้งสองจุดสามารถจับภาพชาวอเมริกันทั้ง 2 คนได้ แต่ไม่ทราบว่ามีการนำชิ้นส่วนดังกล่าวออกไปอย่างไร แต่ยืนยันว่า ทั้ง 2 คนมีความเกี่ยวข้องกับการหายไปอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์นั้นเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าเข้าไปด้านใน ส่วนเจ้าหน้าที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของชิ้นส่วนหรือไม่นั้น ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการตรวจสอบสวนต่อไป

ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำชิ้นส่วนดังกล่าวมาคืนให้ทางโรงพยาบาลศิริราชแล้ว และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยดำเนินการตรวจสอบติดตามชิ้นส่วนดังกล่าวคืนมา เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญทางการศึกษาของนักเรียนแพทย์

ด้าน พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ขณะนี้เตรียมขออนุมัติศาลออกหมายจับ 2 ชาวอเมริกันในข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ ส่วนที่ทั้ง 2 คนได้เดินทางออกไปยังนอกประเทศแล้วเมื่อวานที่ผ่านมานั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองติดตามตัวมาเพื่อสอบปากคำ หากพบว่าผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้