ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
กระบะตีนผี ! ชนสนั่นสองแถวจอดติดไฟแดง นักท่องเที่ยวรัสเซียเจ็บระนาว                           

                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/112238
                                                            กระบะตีนผี ! ชนสองแถวสนั่นกลางไฟแดง นักท่องเที่ยวรัสเซียเจ็บระนาว-ขาหวิดขาด 1 ราย ด้านรถสองแถวไหลไปชนรถอีกรวม 5 คัน พังยับ

             วันนี้ (2 ธันวาคม 2557) เมื่อเวลา 00.10 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บนถนนสุขุมวิทขาเข้าสัตหีบ แยกไฟแดงซอยชัยพฤกษ์ ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ ทั้งนี้เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บจำนวน 13 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ในจำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัสขาเกือบหลุด 1 ราย โดยนำทั้งหมดส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

            ส่วนในที่เกิดเหตุพบรถกระบะเชฟโรเลต สีขาว ทะเบียน ฝฉ7146 ชลบุรี สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน และพบรอยเบรกเป็นทางยาวประมาณ 300 เมตร โดยในรถนั้นมีผู้โดยสารชาวไทยบาดเจ็บด้วย 2 ราย ส่วนคนขับอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีไปแล้ว ใกล้กันนั้นพบรถสองแถวสัตหีบ-นาเกลือ สีขาว ทะเบียน 10-2743 ชบ. ในสภาพถูกชนที่ด้านท้ายพังเสียหาย ส่วนด้านหน้ารถสองแถวยังกระเด็นไปชนกับรถจักรยานยนต์ รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง  รถยนต์เก๋งที่จอดติดไฟแดงอยู่ 2 คัน รวมเป็น 6 คัน ทั้งคันก่อเหตุ

            ทั้งนี้จากการสอบถาม นายพิชัย ขวัญเมือง อายุ 56 ปี คนขับรถยนต์สองแถว ให้การว่า ตนได้รับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาจากพัทยา เพื่อนำไปส่งยังโรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้จอมเทียน อ.สัตหีบ ขณะจอดรถติดสัญญาณไฟแดงอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีรถกระบะพุ่งชนที่ท้ายรถของตนอย่างแรง ทำให้ตัวรถลื่นไถลไปชนกับรถอื่น ๆ อีกหลายคัน พอตนตั้งสติได้จึงออกมาตรวจสอบผู้โดยสารที่นั่งท้ายรถ พบว่ากระเด็นไปคนละทิศละทางบางคนหล่นอยู่บนท้องถนนได้รับบาดเจ็บกันระนาว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มาทำการช่วยเหลือ

           ส่วนผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า รถกระบะคันที่ก่อเหตุได้ขับปาดซ้ายปาดขวามาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะเสียหลักพุ่งชนสองแถวที่จอดติดไฟแดงอยู่จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

          อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการซักถามผู้บาดเจ็บที่นั่งโดยสารมากับรถกระบะเชฟโรเลตคันก่อเหตุเพื่อติดตามตัวคนขับมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป เบื้องต้นคาดว่ารถกระบะคันดังกล่าวน่าจะขับมาด้วยความเร็วสูง ขณะถึงจุดเกิดเป็นช่วงทางโค้งและเห็นรถจอดติดไฟแดงอยู่ จึงเบรกกะทันหันอาจทำให้เบรกแตกหรือรถเสียหลักพุ่งเข้าชนท้ายรถสองแถว จนเกิดความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว                                                                        
                                                            

ขนส่ง เบรกขึ้นค่ามิเตอร์แท็กซี่ บอกสภาพรถไม่ผ่านเพียบ                                                                                                                   
                            ที่มา : http://money.kapook.com/view106036.html
                                                            ขนส่ง เบรกขึ้นค่ามิเตอร์แท็กซี่ บอกสภาพรถไม่ผ่านเพียบ จาก 8 หมื่นคัน ผ่านเพียง 2 หมื่นคัน เผยกรณี Uber แท็กซี่ ล่าสุดเรียกตัวแทนมาพูดคุยแล้ว แต่ยังไม่มา เบื้องต้นต้องออกปรับจับกุมก่อน

            วันนี้ (2 ธันวาคม 2557) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานถึงกรณีที่ทางกรมขนส่งทางบกระงับการขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ว่า ตามกำหนดเดิมคือจะมีการพิจารณากันในวันที่  1 ธันวาคม 2557 เพื่อกำหนดราคา แต่ล่าสุดต้องยุติไปก่อน เนื่องจากเมื่อนำรถแท็กซี่จำนวน 8 หมื่นคันมาตรวจสภาพ พบว่า ผ่านเพียง 2 หมื่นคันเท่านั้น ถือเป็น 25% น้อยกว่าเป้าหมายคือ 85% ที่ตั้งไว้ ซึ่งเมื่อถามว่าจะมีการพิจารณาขึ้นราคาให้ทันภายในปีนี้ได้หรือไม่นั้น นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้

            ส่วนเรื่อง Uber แท็กซี่ นั้น นายธีระพงษ์ยืนยันว่า ผิดกฎหมาย เนื่องจากคนขับไม่ได้สอบผ่านใบขับขี่รถสาธารณะ แต่ทั้งนี้ได้เรียกตัวแทน Uber แท็กซี่  มาพูดคุยด้วยแล้ว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมา ทำได้เพียงออกตรวจปรับจับกุมก่อน ซึ่งเมื่อวานนี้ (1 ธันวาคม 2557) สามารถจับกุมได้ 1 ราย ข้อหาเอารถป้ายแดงมาให้บริการ                                                                        
                                                            

‘ปูนิ่ม’-เจ้าของผลิตภัณฑ์ลดอ้วนชื่อดัง เบี้ยวนัดตร.-ลูกค้าตั้งกลุ่มฮือร้องจ่ายค่าเสียหาย!
                                                      
                                                           
                            ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_ne ... 6TlE9PQ==&subcatid=
                                                            จากกรณี เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เข้าตรวจค้นบริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด สถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนชื่อดัง “โอ้โห” ตั้งอยู่เลขที่ 919/54 หมู่ 7 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ของนายวรกร ยิ้มอยู่ อายุ 32 ปี และ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน อายุ 27 ปี สองสามีภรรยา หลังพบสินค้ามีลักษณะไม่ถูกต้องตามกฎหมายหลายรายการ นอกจากนี้สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ยังตรวจพบว่ามีสาร “ไซบูทรามีน” เป็นสารที่อันตรายต่อสุขภาพ หากรับประทานเป็นเวลานานจะสะสมจนถึงแก่ชีวิตได้ เป็นส่วนผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนอีกด้วย จึงถูกแจ้งความดำเนินคดีทั้งหมด 5 ข้อหา คือ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ฐานจำหน่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 100,000 บาท ฐานจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท ฐานจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฐานโฆษณาคุณประโยชน์และคุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 ฐานขายเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ธ.ค. พ.ต.อ.สามารถ จูเทศ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้ดำเนินการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน คือ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน หรือ ปูนิ่ม และนายวรกร ยิ้มอยู่ เจ้าของบริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด ให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด โดยให้นายสัมพันธ์ ทองน้อย ทนายความส่วนตัวโทรศัพท์มาแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่า ขณะนี้ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน และนายวรกร  ยิ้มอยู่ ป่วยและพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นำเอกสารใบรับรองแพทย์ส่งมาแสดง เพื่อยืนยันว่าเข้ารับการรักษาพยาบาลจริง และให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค. นี้ หากยังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาอีก ก็จะออกหมายจับในวันจันทร์ที่ 7 ธ.ค. ทันที เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับผู้บริโภคที่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนยี่ห้อดังกล่าวไปแล้วนั้นขณะนี้ได้ร่วมกันตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊กเพื่อเรียกร้องขอเงินค่าสินค้าคืนแบบไม่มีเงื่อนไข หรือเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทโอ้โห สลิมพลัส จำกัด พร้อมทั้งนำหลักฐานการโอนเงิน หรือหลักฐานข้อความในเฟซบุ๊ก ที่มีการพูดคุยเพื่อซื้อสินค้ากับตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน แต่ยังไม่ได้มีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด

ส่วนเฟซบุ๊กของน.ส.ศิรินทรา เส็งสิน และนายวรกร ยิ้มอยู่ ขณะนี้ได้ตั้งค่าสถานะเป็นส่วนตัวไม่มีการตอบโต้ใดๆ แต่ก็มีลูกค้าบางส่วนยังคงเข้าไปแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจกับทั้งคู่อยู่บ้าง                                                                        
                                                            

อุทาหรณ์! เด็ก ป.2 อมเหรียญบาท ลื่นลงคอหายใจไม่ออก                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/local/western/167338
                                                            วันที่ 3 ธ.ค. 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุกู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถานเข้าช่วยเหลือ น้องไนท์ อายุ 7 ปี นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองบัว ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กลืนเหรียญบาทติดคอ หายใจอ่อนแรง จึงรีบนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

ด้านแพทย์เวรตรวจอาการ พบว่ากลืนเหรียญบาทไป 3 เหรียญ ซึ่งหลังจากนำตัวไปเอ็กซเรย์พบว่าเหรียญบาทติดอยู่ที่ลำคอ 1 เหรียญ และหลอดอาหารอีก 2 เหรียญ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พยาบาลพยายามช่วยเหลือนำเหรียญบาทออกมาได้ 1 เหรียญ ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปพักที่แผนก หูคอจมูก เพื่อรอดูอาการในวันนี้ (4 ธ.ค. 57)                                                                        
                                                            

หึ่ง!! ล้างบางกองปราบ เปลี่ยนผกก.ยกแผง  
                                    
เตรียมล้างบางกองปราบ เปลี่ยนยกแผงระดับผู้กำกับยกเว้นผกก1ป."ประวุฒิ"เผยปรับบชก.ให้ดีขึ้น ลั่นไม่กลั่นแกล้งใครแค่เปลี่ยนคนให้เหมาะสมกับงาน เด็กนายใหม่ขยับพรึบ

วันนี้ (6 ธ.ค.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รรท.ผบช.ก.) เปิดเผยว่า  การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสารวัตร ถึง รองผู้บังคับการ ในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  จะมีการปรับเปลี่ยนนายตำรวจบางคนที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  โดยจะพิจารณาจากความเหมาะสม และความรู้ความสามารถ เพื่อให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสามารถปฏิบัติงานได้อย่างโปร่งใสต่อไป
"เป็นการหมุนเวียนกำลังพลเป็นประจำทุกปี  เพื่อความโปร่งใสในการทำงาน ใช้คนให้เหมาะสมกับงาน อย่าไปคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือย้ายล้างบาง ปรับเพื่อความเหมาะสมเท่านั้น  ส่วนใครที่เกี่ยวกับคดีก็ว่ากันไป ย้ายตามความเหมาะสม ตามความสามารถของแต่ละคน" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเสียงร่ำลือกันในกองปราบปรามว่า นายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ-สารวัตร (รอง ผบก.-สว.) แบบล้างบางกันเลยโดย พ.ต.อ.นิรันดร์ นามสุวรรณ ผกก.2ป.  พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3ป. พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.4ป. พ.ต.อ.วัชพล ทองล้วน ผกก.5ป. และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6ป. จะถูกโยกย้ายออกทั้งหมด  ส่วน พ.ต.อ.ธีรเดช ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ใช่คนสนิทของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ก็ย้ายไปด้วย จะเหลือเพียง พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง และ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข เท่านั้น

ส่วนรายชื่อนายตำรวจที่จะเข้าทำหน้าที่แทน ส่วนใหญ่จะอยู่ในสายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.  อาทิ พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรมัย พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส และ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง หลานชาย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ส่วน พ.ต.อ.จิตรภพ ภูริเดช รักษาการ. ผกก.1 บก.ป. ขยับขึ้นเป็น. ผกก.1  แต่ทั้งนี้ นายตำรวจที่ย้ายมาใหม่ส่วนใหญ่เป็นตำรวจที่เคยอยู่กองปราบปรามมาก่อน

ที่มา: http://crime.tnews.co.th/content/119079/

ผู้โดยสารอึ้ง! แท็กซี่เอนเบาะนอน ใช้เข่าขับแทน                           
                                   
                                
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1711689
                                                            (8 ธ.ค.) โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ภาพโชเฟอร์แท็กซี่คันหนึ่งขับรถส่งผู้โดยสารด้วยลีลาท่าทางสุดหวาดเสียว เอนเบาะนอนขับตลอดทาง อีกทั้งยังชันหัวเข่าขึ้นมาบังคับพวงมาลัยแทนมือ ผู้โดยสารสุดทนหยิบกล้องถ่ายพฤติกรรมประจาน

เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง YouLike (คลิปเด็ด) แชร์เผยแพร่คลิปวิดีโอจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Bunapha Seethan ที่โพสต์คลิปชื่อว่า "แท็กซี่มหันตภัย! เอนเบาะนอนใช้เข่าขับแทน" โดยมีข้อความอธิบายว่า "เจอมากับตัวเอง เรียกแท็กซี่จากกรมแรงงานจะไปบางกะปิ คนขับเอนเบอะนอนมาตลอดทาง โดยไม่ใช้มือจับพวงมาลัย แถมใช้หัวเขาขับแทน อันตรายมาก (ขอโทษนะคะ ไม่ทันได้ถ่ายทะเบียน เพราะขึ้นมาคนเดียวเลยกลัว)"

ทั้งนี้ คลิปความยาวประมาณ 30 วินาที เผยให้เห็นโชเฟอร์แท็กซี่กำลังขับรถแท็กซี่ด้วยท่าทางสบายๆ สบายเกินจนทำให้ผู้โดยสารเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของตัวเอง โชเฟอร์ได้เอนเบาะคนขับลงคล้ายกับท่านอน ก่อนจะชันหัวเข่าขึ้น เพื่อบังคับพวงมาลัยแทนมือ และสวมแว่นตากันแดดไปด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ตำหนิพฤติกรรมของโชเฟอร์แท็กซี่ ที่นอกจากจะไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของผู้โดยสาร ยังไม่ห่วงตัวเองด้วย อีกทั้งยังเกิดคำถามว่า ขับรถแบบนี้มองเห็นทางหรือ? ขณะที่บางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพราะโชเฟอร์แท็กซี่อาจจะเหนื่อยล้าจากการขับรถตลอดทั้งวัน พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ                                                                        
                                                            

กทม. สั่งปิดตลาดคลองถมกลางคืน ให้ขายได้ถึงสิ้นปี 57

กทม. สั่งปิดตลาดคลองถม เพื่อจัดระเบียบร้านค้าแผงลอย โดยอนุญาตให้ขายได้ถึงสิ้นปี 2557 เท่านั้น หลังมีการตั้งวางแผงขวางทางเท้ากินพื้นที่การจราจร และขายสินค้าผิดกฎหมาย

   วันที่ 8 ธันวาคม 2557 นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังประชุมจัดระเบียบร้านค้าแผงลอย บริเวณโดยรอบถนนเสือป่า โรงพยาบาลกลาง และถนนคลองถม ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ว่า ที่ประชุมมีมติอนุญาตให้ผู้ค้าแผงลอยสามารถขายสินค้าได้ถึงสัปดาห์สุดท้ายของสิ้นปี 2557 หลังจากนั้นทาง กทม. จะขอคืนพื้นที่ โดยพื้นที่ย่านคลองถมเป็นพื้นที่ที่มีผู้ค้าหาบเร่จำนวนมากตั้งวางแผงค้าเต็มพื้นที่ทางเท้าและบนพื้นผิวการจราจร ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ที่สัญจรไปมาบนท้องถนน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งมั่วสุม มีการค้าขายสินค้าผิดกฎหมายจำนวนมากอีกด้วย

          ด้าน พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า จากการสำรวจจำนวนผู้ค้าย่านคลองถมพบว่า มีผู้ค้าทั้งสิ้นรวมกว่า 2,000 ราย มีทั้งในส่วนที่เป็นร้านอาคารพาณิชย์และแผงลอยบนทางเท้า ซึ่งทาง กทม. ได้กำหนดว่าจะไม่ให้ผู้ค้าหาบเร่ตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าอย่างเด็ดขาดตลอดทั้งวัน ส่วนที่เป็นร้านค้าในอาคารพาณิชย์จะต้องไม่มีการต่อเติมร้านล้ำเข้ามาในบริเวณทางเท้า โดยหลังปีใหม่พื้นที่ย่านคลองถมจะต้องปราศจากแผงค้าผิดกฎหมาย รุกล้ำทางเท้าทั้งหมด

          อย่างไรก็ตาม ทาง กทม. ได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับผู้ค้าย่านคลองถมให้แล้ว โดยประสานกับภาคส่วนต่าง ๆ อาทิ ตลาดสายใต้เก่า, ตลาดสนามหลวง 2 และตลาดจตุจักร 2 เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อจำนวนผู้ค้าทั้งหมด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ


ผงะ กู้ภัยบางปะอิน จับงูเห่าตัวยาวซ่อนตัวในชักโครก
คลิปเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย ใช้อุปกรณ์ดึงลากงูเห่าตัวยาวที่โผล่คาส้วมชักโครกที่บ้านประชาชนในอยุธยา ท่ามกลางความตกตะลึงและหวาดผวาของผู้ที่พบเห็น ก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ  - See more at: http://morning-news.bectero.com/ ... thash.uzAQrGEH.dpuf


ขนส่งลงดาบ รถแท๊กซี่ Uber X ผิดกฎหมายห้ามวิ่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

                                        ก่อนหน้านี้ทีมงานได้แนะนำ Taxi หลบไป Uber X โฉมใหม่มาแล้วแถมถูกกว่า !!! ซึ่งกฎหมายไทยก็เข้าข่ายสีเทา ๆ มาโดยตลอด คือคลุมเครือระหว่างถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย และก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านบอกว่า “ถ้าไม่แก้กฎหมายบริการเหล่านี้จะไม่มีทางให้บริการแบบถูกกฎหมายได้เลย เพราะตามระเบียบคือต้องเป็นรถจดทะเบียน ใบขับขี่สาธารณะ ติดมิเตอร์ และคิดราคาตามกฎหมายกำหนด” และเมื่อวานที่ผ่านมานี้กรมการขนส่งทางบกได้ตีความแล้วว่า

นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกได้เรียกผู้ให้บริการ Taxi ผ่าน App ทั้ง 3 เจ้ามาพูดคุย (Easy Taxi, Grab Taxi, Uber) โดยสรุปแล้วว่าให้ Uber หยุดให้บริการ Taxi ป้ายดำ ซึ่งในกรณีนี้คือ Uber X ไม่รวมถึง Uber Black เนื่องจากขัดต่อพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพราะใช้รถยนต์ผิดประเภท ไม่มีใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ และไม่ใช้อัตราค่าโดยสารตามที่ทางการกำหนด โดยก่อนหน้านี้ได้ทำการปรับ 2,000 บาท ไปหลายสิบคันแล้ว
ส่วนแท็กซี่ป้ายเขียว หรือ Uber Black สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย คือ ให้บริการได้เฉพาะในพื้นที่สนามบิน โรงแรม และเพื่อการทัศนาจร หรือนำเที่ยวเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะต้องนำรถเข้ามาจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกให้ถูกต้อง
ส่วน Easy Taxi, Grab Taxi ไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการใช้บริการเรียกรถ Taxi ป้ายเหลืองตามปกติ และจากที่ทีมงานได้ทดสอบลองเรียกในตอนเช้าย่านบางนา พบว่าไม่มี Uber X ให้เรียกแม้แต่คันเดียว ส่วน Uber Black ยังมีให้เรียกอยู่
ที่มา: http://www.iphonemod.net/uber-x-illegal-in-thailand.html
   
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้