ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
ฉลามหนูพุ่งออกจากบ่อกลางห้างดังเมืองอุบลฯ แจงไม่ได้โดดใส่เด็ก                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/113224
                                                            ระทึก ปลาฉลามหนูกระโดดออกมานอกบ่ออควาเรียมกลางห้างดัง จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่แจงเด็กเอาของเล่นไปเคาะทำให้ปลาฉลามหนูตกใจ ไม่ใช่กระโดดใส่เด็กตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ

            จากการที่ เพจมีด่านบอกด้วย อุบลราชธานี และ เพจ Suchainews ได้โพสต์ภาพฉลามหนูกระโดดออกมานอกบ่ออควาเรียม แล้วมีภาพรถเข็นเด็กของลูกค้าล้มลง จนหลายฝ่ายเข้าใจกันว่าฉลามหนูกระโดดใส่เด็ก เหตุเกิดภายในห้างดังแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี นั้น

            ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557 ได้มีการสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ของห้างดังกล่าวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า มีเหตุการณ์จริง พร้อมเล่าเหตุการณ์จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่เป็นสาเหตุของปลาฉลามหนูกระโดดออกมานอกบ่อว่า มีเด็กเอาของเล่นไปเคาะกระจกบ่อปลา ทำให้ฉลามหนูตกใจกระโดดออกมาอยู่บนพื้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณพ่อของเด็กรีบยกเด็กขึ้นจากรถเข็นจึงทำให้รถเข็นล้ม ไม่ได้เกิดจากการชนของปลาแต่อย่างใด

            รายงานระบุด้วยว่า เหตุการณ์ปลาฉลามหนูโดดออกนอกบ่อในห้างดังครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็มีเด็กเอานิ้วแหย่ลงไปในบ่อปลาดังกล่าว จนทำให้ถูกปลาไม่ทราบชนิดกัดจนต้องเย็บกว่า 20 เข็ม ทางห้างจึงได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าบ่อปลา และติดป้ายห้ามยื่นมือลงไปในบ่อ พร้อมทั้งทำที่กั้นขอบบ่อให้สูงขึ้น และย้ายฉลามหนูบางส่วนออกไปจากห้างเพื่อความสบายใจ แต่สุดท้ายก็มีเหตุการณ์ปลาฉลามหนูกระโดดออกจากบ่ออีกครั้ง                                                                        
                                                            

ICT ยันไม่มีดักจับข้อมูลสนทนาผ่านแอปฯ “ไลน์”
                                                                                                                  
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/politics/173104
                                                            น.ส.วารดี วสวานนท์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไลน์ แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) อ้างว่า สามารถตรวจสอบข้อความประเภทหมิ่นสถาบันและกระทบต่อความมั่นคงของผู้ใช้ไลน์ในไทย พร้อมระบุว่า จะดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์นั้น ไม่ทราบว่า ไอซีทีตรวจสอบด้วยวิธีอย่างไร ยืนยันว่า ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้ได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และในทางสากลก็มีกฎหมายละเมิดสิทธิของผู้ใช้ไลน์คุ้มครองอยู่ หากทางการไทยประสานมาที่ไลน์ ประเทศไทย เพื่อจะขอข้อมูลผู้ใช้ไลน์ต้องมีหมายศาลและติดต่อไปที่ไลน์ ประเทศญี่ปุ่น หรือบริษัทแม่ก่อน นอกจากนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของบริษัทแม่ด้วยว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ได้หรือไม่

ด้าน นัม จีวุง โฆษกของไลน์ คอร์ป ก็ออกมาปฏิเสธข่าวที่รัฐบาลไทย ระบุว่า ได้แอบสอดแนมบทสนทนาของผู้ใช้ภายในประเทศ โดยยืนยันว่า รัฐบาลไทยไม่เคยสอดแนมไลน์ และไลน์ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นอันดับแรก

ขณะที่ นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที พูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า กระทรวงไอซีทีได้ดักจับข้อมูลการสนทนาของประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน “ไลน์” (LINE)เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยนำวิธีการสืบหาพยานหลักฐานจากการกระทำผิดผ่านเว็บไซต์, เฟซบุ๊กมาปนกับกรณีแอปพลิเคชันแชท ซึ่งกรณีของเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก เป็นการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเปิดเผยในวงสาธารณะจึงค้นหาต้นตอได้จากหมายเลข IP และฐานข้อมูลในระบบทำให้ตามหาตัวบุคคลได้ง่ายกว่าการตามจับผ่านแอปพลิเคชันแชทที่เป็นการสนทนาระหว่างบุคคลต่อบุคคล และถ้าจะเข้าถึงข้อมูลในระบบได้ต้องประสานไปยังบริษัท ไลน์ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการจับกุมผู้กระทำผิดที่ผ่านมาสาวถึงต้นตอผู้ส่งได้ ด้วยการไล่ย้อนไปถึงผู้ส่งข้อความในแต่ละช่วง โดยมีข้อความในแชทที่ผู้แจ้งความนำมาให้เป็นหลักฐาน

นายพรชัย กล่าวต่อว่า ยืนยันแล้วพูดเตือนให้ระวังอย่าส่งต่อข้อความทางไลน์ เพราะสามารถตามจับได้ เวลาผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ เขาจะนำข้อความในแชทมาให้ตำรวจทำให้สาวถึงต้นตอได้จากตรงนั้น ไม่ใช่ว่ากระทรวงไอซีทีไปนั่งส่องข้อความที่คนแชทกัน                                                                        
                                                            

สรุปแล้ว คดีสาวขับรถตกเดอะมอลล์บางกะปิ เหตุขวดน้ำติดคันเบรก                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/113265
                                                            หยุดรถได้

            วันที่ 25 ธันวาคม 2557 พล.ต.อ. จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา ผบ.ตร. (ด้านนิติวิทยาศาสตร์) เปิดเผยถึงสาเหตุของรถเก๋งตกอาคารจอดรถที่ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดในวันเกิดเหตุ พร้อมทั้งประสานผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ร่วมตรวจสอบ พบว่า ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ไม่มีความบกพร่อง แต่พบขวดน้ำดื่มขัดอยู่ใต้แป้นเบรก ขณะที่ด้านหัวของขวดน้ำดื่มอยู่บริเวณคันเร่ง จึงทำให้ไม่สามารถเหยียบแป้นเบรกลงได้ และยังเป็นการกดคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถมากขึ้นไปอีก โดยมีวงรอบความแรงของเครื่องยนต์ 5000 รอบ จากการที่ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านพิสูจน์หลักฐานทำการทดลองจำลองเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ

            ขณะที่การคำนวณความเร็วเฉลี่ยของรถจากจุดชนจนถึงผนังอาคาร ซึ่งมีความยาวของระยะทาง 58.40 เมตร คำนวณเวลาและระยะทางแล้วขณะเกิดเหตุรถคันนี้วิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นไปได้ว่าคนขับพยายามเหยียบเบรก แต่เนื่องจากมีขวดน้ำขัดอยู่จึงเหยียบเบรกไม่ได้ กลับเป็นการเหยียบคันเร่งแทน

            ซึ่งจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดภายในห้างเพิ่มเติม ที่ตอนแรกคาดว่าจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ซึ่งพอตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้เสียชีวิตหลังจากเลิกงานได้เดินออกจากห้างพร้อมกับเพื่อนสาวอีกคนตามปกติ ไม่มีคนติดตามหรือจ้องจะทำร้าย จึงตัดประเด็นเรื่องการฆาตกรรมทิ้งไป                                                                        
                                                            

อุทาหรณ์ ปล่อยลูกขวบเศษไว้กับหมาบางแก้ว เจอขย้ำเย็บ 30 เข็ม
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://pet.kapook.com/view108482.html
                                                            อุทาหรณ์ ! ปล่อยลูกสาววัย 1 ขวบ 5 เดือนไว้กับสุนัข เจอกัดแก้ม-หูเหวอะ เย็บกว่า 30 เข็ม บอกเป็นบางแก้วลูกผสม เลี้ยงกันมาแต่เด็กและเคยเล่นกับลูกสาวมาก่อน คาดว่าลูกอาจจะไปลูบคลำจนสุนัขตกใจ จึงคร่อมร่างและกัดดังกล่าว

           วันนี้ (5 มกราคม 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 นำเสนอข่าวอุทาหรณ์สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ว่าอย่าปล่อยเด็กเล็กไว้กับสุนัข ถึงแม้ว่าเราจะเลี้้ยงมันตั้งแต่แรกเกิดก็ตาม เพราะอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้..

          โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ จ.อ่างทอง เมื่อน้องแก้มวัย 1 ขวบ 5 เดือน ถูกสุนัขลูกผสมพันธุ์บางแก้ว กัดเข้าที่บริเวณแก้มซ้ายและหูข้างซ้าย จนมีบาดแผลฉกรรจ์เย็บถึง 30 เข็มเลยทีเดียว

          ทั้งนี้คุณพ่อของน้องแก้ม เล่าว่า สุนัขตัวดังกล่าวชื่อ "เพชร" อายุ 2 ขวบ เลี้ยงกันมาแต่เล็ก ไม่ได้มีนิสัยดุร้ายแต่อย่างใด และเจ้าเพชรกับน้องแก้มก็เล่นด้วยกันบ่อย ๆ แต่ตอนเกิดเรื่อง คาดว่าเจ้าเพชรน่าจะนอนอยู่ใต้ถุน ส่วนน้องแก้มอยู่กับแม่ แล้วอาจจะเข้าไปลูบ ๆ คลำ ๆ เจ้าเพชร ทำเอาเจ้าเพชรตกใจและเข้ามาทำร้าย โดยตอนนั้นตนได้ยินเสียงร้องของน้องแก้มก็ตกใจมาวิ่งเข้ามาดู ก็พบว่าเจ้าเพชรกำลังคร่อมอยู่บนตัวน้องแก้มแล้ว จึงจับคอและพาน้องแก้มส่งโรงพยาบาล ส่วนหลังจากนี้จะเอาเจ้าเพชรไปอยู่กับญาติ ไม่ได้นำไปปล่อย เพราะสงสารและคิดว่ามันก็คงไม่ได้ตั้งใจทำเหมือนกัน                                                                        
                                                            

อ่านข่าวได้จากที่นี่เหมือนกัน ติดตามครับ
ขุดเจอซากมนุษย์โบราณ 2,000 ปี ที่ จ.สตูล เผยมีเด็กมาเข้าฝัน                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/113731
                                                            ชาวบ้านขุดเพิงหินพบโครงกระดูกมนุษย์อายุราว 2,000 ปี และอาวุธโบราณ เผยก่อนขุดเจอมีคนมาเข้าฝัน ด้านนักโบราณคดีคาด เป็นช่วงหลังยุคหิน

                 วันที่ 6 มกราคม 2558  พระสมจิต สะมะจิตโต แห่งสำนักสงฆ์ถ้ำระฆังทอง พื้นที่ ม.5 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เล่าว่า เมื่อประมาณ 10 กว่าวันที่ผ่านมา มีชาวบ้านในพื้นที่ ม.4 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เข้ามาขุดเพิงหินโดยใช้จอบขุดในพื้นที่ ม.5 ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เพื่อจะทำที่พักในสวนที่เพิงหินดังกล่าว โดยใช้จอบขุดไปเจอโครงกระดูกมนุษย์โบราณและวัตถุที่เป็นเหล็ก เครื่องใช้ของมนุษย์โบราณ ซึ่งชาวบ้านคนดังกล่าว บอกว่า ก่อนขุดพบฝันว่ามีเด็กมาไกวเปลให้ และมีผู้ใหญ่อีก 3 คนมาเข้าฝันด้วย เมื่อไปขุดพบโครงกระดูกดังกล่าว แต่ไม่ชำนาญในการขุดเลยทำให้โครงกระดูกแตก จึงนำมามอบให้ทางสำนักสงฆ์ถ้ำระฆังทองเก็บรวบรวมไว้

                 ด้าน นางศิริพร สังข์หิรัญ นักโบราณคดีชำนาญการและเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ เผยว่า เป็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณอายุราว 2,000 ปี หลังจากยุคหิน เพราะมีการพบเครื่องมือเป็นเหล็กติดปลายศร และอื่น ๆ โดยโครงกระดูกและชิ้นส่วนต่าง ๆ พร้อมทั้งเครื่องมือที่ขุดพบนั้น ทางสำนักสงฆ์จะเก็บไว้ให้ลูกหลานและประชาชนมาศึกษาต่อไป                                                                        
                                                            

พ่อแม่ใจจะขาด ! สาละวนเก็บของ ปล่อยลูกเล่นลำพัง รถไฟทับร่างขาด     
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/113758
                                                            พ่อแม่ใจจะขาด ! สาละวนเก็บของ ปล่อยลูกวัย 1 ขวบ 9 เดือน เล่นเพียงลำพัง สุดท้ายปีนรางรถไฟ เจอทับร่างขาด

        วันนี้ (7 มกราคม 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 นำเสนอข่าวสุดสลด เมื่อพ่อแม่สาละวนอยู่กับการเก็บของ ทำให้ลูกน้อยวัย 1 ขวบ 9 เดือน เดินมาเล่นยังรางรถไฟเพียงลำพัง ก่อนที่จะถูกรถไฟทับร่างขาดเป็นสองท่อน เสียชีวิตคาที่

            โดยวานนี้ (6 มกราคม 2558) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถไฟทับร่างเด็กเสียชีวิต บริเวณรางรถไฟสายใต้บ้านโป่ง-นครชุม จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ทั้งนี้เมื่อไปถึงพบกองเลือด เศษชิ้นเนื้อ แขนขา อยู่ตรงรางรถไฟ ห่างไปประมาณ 30 เมตร พบคุณแม่ชื่อ น้ำฝน อายุ 25 ปี กอดร่างไร้วิญญาณของ น้องนะโม ลูกน้อยเอาไว้ และร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ

            จากการสอบถามทราบว่า พ่อกับแม่มีบ้านอยู่แถวรางรถไฟดังกล่าว และในวันเกิดเหตุทางบ้านนั้นได้จัดงานทำบุญศาลเจ้า ซึ่งเมื่อทำบุญกันเสร็จแล้ว พ่อกับแม่ก็เอาถ้วยชามและข้าวของเครื่องใช้จะไปคืนวัด ขณะที่พ่อกับแม่เอาข้าวของใส่รถ ก็ปล่อยให้น้องนะโมเล่นอยู่เพียงลำพัง แต่ทั้งนี้น้องนะโมอยู่ในวัยซุกซน จึงเดินไปปีนทางรถไฟหน้าบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่มีขบวนรถไฟ ขบวนที่ 252 ออกจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปลายทางบางซื่อ กรุงเทพฯ วิ่งมาด้วยความเร็ว ทับร่างน้องนะโมเข้าอย่างจัง จึงเกิดเหตุการณ์สุดสลดดังกล่าว                                                                        
                                                            

ระทึก! รถน้ำมันชนกระบะคว่ำ เชื้อเพลิงรั่วทั่วพื้นหวิดลุกไหม้                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/local/northern/176844
                                                            วันที่ 7 ม.ค. 58 เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ร.ต.ท.ประทิน ไชยยงค์ ร้อยเวร สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถสิบล้อบรรทุกน้ำมันเสียหลักชนกับรถยนต์กระบะ แล้วพลิกคว่ำตกลงข้างทาง จนทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงรั่วไหลทั่วพื้นถนนและบริเวณโดยรอบ เกรงว่าจะเกิดประกายไฟลุกไหม้ขึ้น และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บนถนนเส้นพิษณุโลก-สุโขทัย หลักกิโลเมตรที่ 12-13 ตรงข้าม ที่ทำการ อบต.ไผ่ขอดอน หมู่ 1 ต.ไผ่ขอดอน อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรีบประสานรถน้ำดับเพลิงจาก อบต.ไผ่ขอดอน อบต.บ้านกร่าง อบต.จอมทอง และ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พิษณุโลก เข้าเคลียร์พื้นที่

ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไฮลักซ์ไทเกอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บฉ 3036 กำแพงเพชร เสียหลักชนกับป้ายข้างทาง จนตกลงไปข้างถนนสภาพเสียหายพังยับเยิน โดยมี นายสมมาก อ่ำชาวนา อายุ 44 ปี ชาว อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร คนขับ พร้อมกับญาติที่นั่งมาด้วยกัน รวม จำนวน 4 ราย ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถสิบล้อบรรทุกน้ำมัน ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น FVM 240 สีเขียว ทะเบียน 61-5239 กทม. ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด ที่บรรทุกน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน จำนวน 20,000 ลิตร พลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า ตกลงไปข้างถนนเช่นกัน สภาพด้านหน้ารถเสียหายพังยับเยิน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย ทราบชื่อคือ นายอลงกรณ์ เครือเกตุ อายุ 35 ปี ชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และ นายกิตติ จั่นสกุล อายุ 30 ปี ชาว อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ออกมาจากตัวรถ โดยมีอาการปวดเจ็บตามร่างกาย ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลรวมแพทย์

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยกันระดมฉีดน้ำ เพื่อหล่อเลี้ยงถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 20,000 ลิตร เพื่อไม่ให้อุณหภูมิความร้อนเพิ่มขึ้น เพราะเกรงว่าจะเกิดประกายไฟจนลุกไหม้ได้ พร้อมกับประสานหน่วยเฉพาะกิจพิษณุโลก นำเครื่องไอเอ็กซ์โฟมมาเตรียมพร้อมรอฉีดโฟม เพื่อครอบน้ำมันเชื้อเพลิงที่รั่วไหลออกมา ก่อนจะปีนขึ้นไปบนรถเพื่อปิดวาล์วน้ำมัน และถอดแบตเตอรี่ออก ก่อนเก็บกู้รถบรรทุกน้ำมันขึ้นมาด้านบนถนน และถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังรถสิบล้อบรรทุกน้ำมันอีกคัน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเหตุเกิด นายสมมาก อ่ำชาวนา คนขับรถยนต์กระบะ ได้ขับรถยนต์เดินทางมาจาก จ.กำแพงเพชร พร้อมกับญาติ จำนวน 4 คน เพื่อเดินทางมาเยี่ยมญาติที่ จ.พิษณุโลก ขณะเกิดเหตุได้จอดข้างทางเพื่อโทรศัพท์สอบถามเส้นทาง จากนั้นจู่ ๆ ได้มีรถสิบล้อบรรทุกน้ำมันคันดังกล่าว ที่เพิ่งขับไปรับน้ำมันมาจากคลังน้ำมัน ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก เพื่อนำน้ำมันเชื้อเพลิงไปส่งให้กับลูกค้าที่ จ.แพร่ ได้ขับมาชนด้านข้างฝั่งขวาของรถยนต์กระบะเข้าอย่างจัง จนทำให้รถยนต์กระบะร่วงตกลงไปข้างทาง และรถสิบล้อบรรทุกน้ำเสียหลักพลิกคว่ำ ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงที่บรรทุกมาด้วยนั้นรั่วไหลทั่วพื้นถนน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป                                                                        
                                                            

ขอบคุณสำหรับข่าวคร๊าบ
ชาวเน็ตเดือด ขาซิ่งชนน้องการ์ตูนโพสต์เฟซบุ๊ก บอกเสียเวลากับสองแม่ลูก                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/113828
                                                            โลกออนไลน์เดือด ขาซิ่งชนน้องการ์ตูนโพสต์เฟซบุ๊กปัดรับผิดชอบ บอกสองแม่ลูกทำเสียเวลา ด่าเห็นแก่ตัว ไม่มีทางจ่ายเงินให้แน่

            จากกรณี น้องการ์ตูน เหยื่อถูกกระบะขับซิ่งพุ่งชนร้านสเต๊กเสียหาย ซึ่งทำให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นพ่อของน้องการ์ตูนเสียชีวิต และตัวน้องการ์ตูนได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ สมองกระทบกระเทือนนั้น ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ และไม่ได้รับการช่วยเหลือเท่าที่ควรจากคู่กรณี คือนายธงชัย ชื่นชัยแสงสุริยะ และนางสาวน้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม นั้น

            ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 มีรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ Thailand Police Story ได้โพสต์ภาพข้อความจากเฟซบุ๊กของ นายธงชัย ชื่นชัยแสงสุริยะ ซึ่งใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Chatchai Chuenchaisaengsuriya" ที่เจ้าตัวได้โพสต์ไว้เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา เป็นข้อความแสดงความไม่พอใจที่ต้องรับผิดชอบกรณีของสองแม่ลูก ทำให้ตนเองต้องเสียเวลา แถมยังสำทับว่าไม่มีทางจ่ายค่าชดเชยแน่ จะขอยืดอายุความออกไปเต็มที่                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้