ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
มันจะเอาไปทำอะไรหนอ
เตือน ศิษย์คศช.ทุกท่านโดยเฉพาะเซลล์ทุกท่าน....เหนื่อย ง่วง ก็พักผ่อนอย่าฝืนนะครับ

สลด! เซลล์แมนหญิงขับเก๋งกับจนศพหลับใน ชนเสาไฟฟ้า เพลิงลุกไหม้ดับคารถ

พ.ต.ท.บุญยิ่ง บัณฑิตไทย สารวัตรสอบสวน สภ.ธัญบุรี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนเสาไฟฟ้าเกิดเพลิงลุกไหม้และมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในรถบริเวณถนนรังสิต-นครนายก (คลอง10) ม.2 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฌบ 1108 กทม. กำลังถูกไฟลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ช่วยกันใช้น้ำฉีดใช้เวลา กว่า 20 นาที เพลิงจึงสงบและบริเวณเสาไฟฟ้าข้างถนนพบมีรอยถูกชนจนคราบน้ำมันรั่วไหลออกมา
จากการตรวจสอบภายในรถ ที่นั่งคนขับพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ น.ส.ปริญดา ถาโอด อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/125 หมู่บ้านนริศรา ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี สภาพศพถูกไฟไหม้ดำเป็นตอตะโก เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจึงได้ใช้เครื่องตัดถ่างนำผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถ
จากการสอบถาม นายนิค อายุ 22 ปี (นามสมมติ) บอกว่า ตนอยู่บ้านตรงข้ามจุดเกิดเหตุได้ยินเสียงเหมือนรถชนกันจึงออกมาดู พบว่ารถคันดังกล่าวอยู่กลางถนน ตนพยายามที่จะช่วยคนขับออกมา แต่ประตูรถเปิดไม่ได้และไฟได้ลุกไหม้จึงวิ่งหนีเพราะกลัวว่ารถจะระเบิด ส่วนลูกสาวพร้อมญาติเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ร้องไห้เรียกหาแต่แม่ และบอกว่าผู้ตายทำงานเป็นเซลล์ขายบ้านและเพิ่งจะกลับมาจากงานศพปู่ที่วัดพระศรีมหาธาตุในกรุงเทพและกำลังจะกลับบ้านย่านคลอง 11 ธัญบุรี ตนเห็นว่านานผิดสังเกตจึงได้โทรศัพท์ตามหาก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรับสายและบอกว่าคนขับรถได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว
ทางด้าน พ.ต.ท.บุญยิ่ง ได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำผู้เสียชีวิตส่งนิติเวช ร.พ.ธรรมศาสตร์ ตรวจสอบการเสียชีวิต และคาดว่าคนขับน่าจะหลับในจึงขับรถชนเสาไฟฟ้าจนเสียชีวิตดังกล่าว




อึ้ง มะเร็งคร่าชีวิตคนไทยชั่วโมงละ 7 คน แพทย์ย้ำ เจอเร็ว รักษาได้
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://health.kapook.com/view104949.html
                                                            กรมการแพทย์เผย ทุกๆ 1 ชั่วโมง มีผู้ป่วยเสียชีวิตโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 7 คน พร้อมย้ำยิ่งตรวจพบเร็ว ยิ่งมีโอกาสรักษาให้หายได้

          วันนี้ (19 พฤศจิกายน พ.ศ.2557) นายแพทย์ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้เปิดเผยหลังจากเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการโรคมะเร็งแห่งชาติ ครั้งที่ 12 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น ว่า ปัจจุบันนี้โรคมะเร็งเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย โดยจากรายงานของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข เมื่อปี พ.ศ. 2554 แสดงให้เห็นว่า คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปีละประมาณ 60,000 คน หรือโดยเฉลี่ยทุกๆ 1 ชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ถึง 7 คน และยังคงพบอัตราการเกิดโรคนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

          สำหรับโรคมะเร็ง 3 อันดับแรกที่พบมากที่สุดในแต่ละเพศ คือ

          เพศชาย
          1. โรคมะเร็งตับและทางเดินน้ำดี
          2. โรคมะเร็งปอด
          3. โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

          เพศหญิง
          1. โรคมะเร็งเต้านม
          2. โรคมะเร็งปากมดลูก
          3. โรคมะเร็งตับและทางเดินน้ำดี

          สำหรับการรักษาโรคมะเร็งจำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาที่ต่อเนื่องและเสียค่าใช้จ่ายสูง เพราะเหตุนี้จึงส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ รวมทั้งยังเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศอีกด้วย

          ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาโรคมะเร็ง จึงต้องทำการลดอัตราการเกิด และการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพื่อให้แผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการให้ผลลัพธ์จากความก้าวหน้าทางวิชาการ เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การควบคุมโรคมะเร็งระดับชาติ เพื่อที่คนไทยจะห่างไกลจากโรคมะเร็งและยกระดับการแพทย์สาธารณสุขให้สูงขึ้น รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ก้าวไปพร้อมๆ กับการพัฒนาประเทศ
         
          ทั้งนี้ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ จึงได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลมะเร็งในส่วนภูมิภาคอีก 7 แห่ง ของกรมการแพทย์ จัดการประชุมวิชาการโรคมะเร็งแห่งชาติในหัวข้อ "National Strategies to Nationwide Cancer Care" ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักวิชาการ นักวิจัย บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ในหลากหลายสาขากว่า 800 คน จากทั่วประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้บุคลากรต่างๆ ที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งได้รับทราบถึงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และวิทยาการต่างๆ ทั้งในด้านการควบคุม ป้องกัน และการรักษา เพื่อให้การรักษามะเร็งมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น
         
          นอกจากนี้นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ยังได้กล่าวอีกว่า โรคมะเร็งเป็นโรคที่เกิดจากเซลล์ของร่างกายที่มีความผิดปกติที่ DNA หรือสารพันธุกรรม ส่งผลให้เซลล์มีการเจริญเติบโตและมีการแบ่งตัวมากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดก้อนเนื้อ และลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง หลอดเลือด และหลอดน้ำเหลือง จนในที่สุดก็จะเกิดการแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ส่งผลทำให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ โดยโรคมะเร็งมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิด 3 ประการคือ

          1. ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก อาทิเช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม หรือแม้แต่ยารักษาโรค รวมทั้งการได้รับรังสี และเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรียและพยาธิบางชนิด

          2. พฤติกรรมในการดำรงชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มสุราเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และมีไขมันสูง หรืออาหารที่มีดินประสิวและไหม้เกรียมเป็นประจำ

          3. พันธุกรรม ได้แก่ความผิดปกติของยีน และความบกพร่องของภูมิคุ้มกัน

          ในปัจจุบันมะเร็งหลายชนิดสามารถรักษาให้หายได้ และทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการรอดชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและระยะของมะเร็งที่พบ หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก็สามารถรักษาให้หายขาดได้มากกว่าระยะลุกลามหรือระยะสุดท้าย ดังนั้น การตรวจวินิจฉัยมะเร็งระยะเริ่มแรกจึงมีความสำคัญมาก

          โดยวิธีในการป้องกันโรคมะเร็งก็ไม่ใช่เรื่องยาก และมีหลักการง่ายๆ ก็คือออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้แจ่มใส กินผักผลไม้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของมื้ออาหารในแต่ละมื้อ ไม่รับประทานอาหารที่ซ้ำซากจำเจ และสดใหม่อยู่เสมอ ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หลีกเลี่ยงอาหารปิ้งย่างหรือทอดจนไหม้เกรียม ลดอาหารประเภทหมักดอง และปลาน้ำจืดที่มีเกล็ดดิบๆ รวมทั้งไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุรา หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ไม่อยู่ในที่มีแดดจัดเป็นเวลานาน ที่สำคัญควรไปตรวจร่างกายอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจวินิจฉัยหาโรคมะเร็งในระยะเริ่มแรก และควรไปเป็นประจำทุกปีเพื่อความปลอดภัย                                                                        
                                                            

พนักงานคัดแยกเจอซากขาคนในกองขยะ คาดมาจากโรงพยาบาล

                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/111530
                                                            คนงานคัดแยกขยะอึ้ง พบขาคน 1 ขา ที่กองขยะ พันด้วยผ้าก๊อซทั้งขา คาดเป็นขาผู้ป่วยของทางโรงพยาบาล

            เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนงานคัดแยกขยะภายในศูนย์ราชการแห่งที่ 2 (ดงสีบู) ต.ไก่คำ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ได้แจ้งกับตำรวจว่าพบขาคน 1 ขา ที่กองขยะ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบขามนุษย์ 1 ข้าง ทิ้งอยู่ห่างรถแบคโฮ 2 เมตร ลักษณะขาถูกตัดเลยหัวเข่าลงมาถึงปลายเท้า พันด้วยผ้าก๊อซตลอด ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างละเอียดคาดว่าเป็นขาผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือ โรคติดเชื้ออื่น ๆ ที่ทางโรงพยาบาลตัดแล้วทิ้งยัดใส่ถุงดำ 4 ชั้นลงถังขยะ จากนั้นรถเก็บขยะเทศบาลเมืองอำนาจเจริญก็ได้นำมาทิ้งไว้ที่นี่ เพื่อนำไปกำจัดต่อไป

            ทั้งนี้นายไพบูลย์ อะโมหะ นายช่างโยธา 7 อบจ.อำนาจเจริญ ผู้ควบคุมดูแลที่กำจัดขยะ บอกว่า ขณะที่คนงาน 4 คน ช่วยกันคัดแยกขยะอยู่นั้น ก็ได้พบถุงดำที่มาจากโรงพยาบาลอำนาจเจริญผิดปกติ ก็เลยแกะออกปรากฏว่า ภายในถุงเป็นขาคน 1 ข้าง จึงเกรงว่าหากทิ้งไว้หมาจะคาบไปกัดแทะที่อื่น จึงนำมาวางไว้ที่สนามหญ้าห่างจากกองขยะประมาณ 50 เมตร และแจ้งตำรวจตรวจสอบดังกล่าว นอกจากนี้ยังไม่เคยพบชิ้นส่วนมนุษย์ที่มากับขยะเลย เพิ่งพบครั้งนี้เป็นครั้งแรก

            อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าชิ้นส่วนขามนุษย์ครั้งนี้ ยังไม่ทราบว่ามาจากไหน ต้องส่งให้ทางโรงพยาบาลอำนาจเจริญตรวจพิสูจน์ดูก่อน ไม่น่าจะเป็นการฆาตรกรรม อาจเป็นขาคนป่วยก็ได้ เพราะมีการพันผ้าก๊อซปิดหมดขา                                                                        
                                                            

สลด น้ำป่าหลากซัดร่างเด็ก 3 ขวบดับ ที่กระบี่                                                                                                                   
                            ที่มา : http://thaiflood.kapook.com/view104990.html
                                                            น้ำป่าไหลหลาก จ.กระบี่ ซัดร่างเด็กหญิง 3 ขวบ หายไปต่อหน้าต่อตาป้า เจ้าหน้าที่ต้องงมหาร่าง 1 ชั่วโมง จึงจะเจอร่างของเด็กหญิง

            เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. เกิดเหตุมีเด็กถูกน้ำป่าพัดสูญหาย บริเวณคลองบางงาย หมู่ 7 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ทราบชื่อคือ ด.ญ.ปาน กำลา อายุ 3 ขวบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันงมหาร่าง 1 ชั่วโมง จึงสามารถนำเด็กขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ

            ทั้งนี้นางคำปุน คงแก้ว อายุ 43 ปี ป้าของเด็กที่เสียชีวิตเล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนกับหลานสาวที่เสียชีวิต และหลานชายวัย 5 ขวบ กำลังเดินข้ามลำห้วยมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่ในระหว่างทางเกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร พร้อมกับซัดร่างตนและหลาน 2 คนไหลไปตามกระแสน้ำ แต่ตนและหลานชายคว้าต้นไม้ไวัได้ ส่วนหลานสาวถูกน้ำซัดหายไปเสียชีวิตดังกล่าว
   
            ด้านนายสมยศ แย้มโอษฐ์ หัวหน้าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาสันติสุขคลองท่อม กล่าวว่า โดยปกติแล้วน้ำที่บริเวณคลองดังกล่าวจะสูงระดับหน้าแข้ง สามารถเดินข้ามไปมาได้ แต่เมื่อช่วงบ่ายมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำป่าจากคลองน้ำตกร้อนไหลลงมา ส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วประมาณ 1 เมตร ซึ่งกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากทำให้ไม่สามารถข้ามไปได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ระดับน้ำได้ลดลงแล้ว                                                                        
                                                            

คนงานรื้อคุกกองปราบเจอดี!

                                                                                       

                           
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1702865/
                                                            วันนี้บริษัทรับเหมาที่รื้อคุกกองปราบ เริ่มตัดเหล็กห้องขัง มีเสียงสะท้อนจากคนงานเกือบ 20 ชีวิต บอกว่า อยากเร่งทำให้เสร็จและออกจากที่นี่โดยเร็ว เพราะพวกเค้าเจอเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ตลอด 7 คืนที่ผ่านมา

คนงานของ บริษัท วรวุธ แทรคเตอร์ ลงมือตัดเหล็กห้องขังกองปราบปรามจุดที่ นายฉลาด เสนารัตน์ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาคดีข่มขืนหลานตัวเอง ใช้เสื้อสีแดงผูกคอเสียชีวิต โดยก่อนลงมือทำ มีการซื้อพวงมาลัย และน้ำแดงมากราบไหว้ตามความเชื่อ แม้ได้ยินเรื่องราวผ่านสื่อมามากมาย แต่คนงานเหล่านี้บอกว่า ไม่รู้สึกกลัว เพราะมาทำตามหน้าที่เท่านั้น และก่อนลงมือตัดเหล็กก็ขอเจ้าที่เจ้าทางแล้ว

ต่างจาก เก๋ พรทิพย์ ศรีอักษร หัวหน้าคนงาน ที่ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว เล่าทั้งน้ำตาว่าสงสารวิญญาณคนนี้ เขาบอกว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารื้ออาคาร เค้าพบเจอชายลักษณะไว้ผมรองทรง สวมเสื้อกล้าม มาขอความช่วยเหลือ ตอนแรกไม่รู้ว่ามีคนผูกคอ เมื่อเจ้าของบริษัทนำภาพชายที่ผูกคอมาให้ดู ก็เป็นคนเดียวกับที่เขาเห็น

การรื้อถอน ทุบอาคารกองปราบปรามต้องแล้วเสร็จภายใน 45 วันนับจากที่ทำสัญญา 12 พฤศจิกายน คนงานเกือบ 20 ชีวิต กิน อยู่ หลับ นอนบริเวณชั้น 1 พวกเขาบอกว่าแม้จะพิสูจน์ไม่ได้ แต่สิ่งที่พบเจอก็ทำให้เรื่องเล่าขานที่ได้ยินมามีน้ำหนัก และพวกเขาก็เชื่อว่าวิญญาณของผู้ที่ผูกคอ ยังอยู่ที่นี่ ทุกคืนจะได้ยินเสียงคนเดินเหยียบกระจกบ้าง ได้ยินเสียงคนรื้อกองหินบ้าง

หมิง ชาริสา ศิริบูรณ์ เจ้าของงานรับเหมา รู้สึกเป็นห่วงลูกน้องจึงอยากหาคนทำพิธีเชิญวิญญาณออกจากสถานที่ดังกล่าว เพราะเขาทำอาชีพนี้มาเกือบ 10 ปี จึงไม่สบายใจ หากไม่ได้ทำพิธี วันนี้เขาไปพบรักษาการผู้บังคับการกองปราบปราม ขออนุญาตตั้งศาลชั่วคราว เพื่อเชิญวิญญาณออกมาแล้ว ซึ่งท่านก็อนุญาตเพื่อให้เกิดความสบายใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน

สำหรับเหล็กจากห้องขังทั้งหมด รวมถึงเหล็กที่ผู้ต้องขังใช้ผูกคอ จากนี้จะนำไปเข้าเตาหลอม ไม่นำกลับมาใช้อีกต่อไป เพื่อความสบายใจ และสร้างบรรยากาศใหม่ของห้องขังกองปราบปราม - สำนักข่าวไทย                                                                        
                                                            

เป็นหญิงไทยนะโชคดีที่สุดแล้ว  



ต่างประเทศ
Monday, 3 November, 2014 - 00:00
คุก1ปีหญิงอิหร่าน-อังกฤษ โทษฐานดูวอลเลย์บอลชาย

[size=1.08333em]
    ทนายความของหญิงลูกครึ่งอิหร่าน-อังกฤษที่โดนจับในกรุงเตหะรานเผย ลูกความถูกตัดสินจำคุก 1 ปี  เหตุพยายามเข้าไปชมวอลเลย์บอล
    กอนเชห์ กาวามี วัย 25 ปี ซึ่งจบการศึกษาด้านกฎหมายจากกรุงลอนดอน ถูกตำรวจควบคุมตัวที่สนามอาซาดี ซึ่งเป็นภาษาเปอร์เซียแปลว่า "เสรีภาพ" เพราะเธอพยายามเข้าไปชมการแข่งขันวอลเลย์บอลชายระหว่างทีมชาติอิหร่านที่แข่งกับอิตาลีเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. แม้ 2-3 ชั่วโมงต่อมาเธอได้รับการปล่อยตัว แต่อีกไม่กี่วันต่อมาถูกจับอีกครั้ง และเมื่อเดือนที่แล้ว มีการพิจาณาคดีของเธอโดยไม่เปิดให้ประชาชนเข้ารับฟัง
    สื่อของอิหร่านรายงานคำพูดของอลิซาเดห์ ทาบาทาไบ ทนายความของเธอเผยว่า เธอถูกตัดสินจำคุก 1 ปี ในความผิดข้อหาเผยแพร่การโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นภัยต่อประเทศ ซึ่งเป็นข้อหากว้างๆ ที่ศาลของอิหร่านมักใช้อ้าง แต่กาวามีไม่เคยมีประวัติในคดีอาญามาก่อน ศาลน่าจะลดโทษให้
    กาวามีติดคุกไปแล้ว 126 วัน และเมื่อเดือนที่แล้วเธออดอาหารประท้วง 14 วัน ครอบครัวและเพื่อนๆ ทำเฟซบุ๊กรณรงค์ให้ปล่อยตัวเธอ ซึ่งมีภาพของเธอและข้อความเรียกร้องว่า เธอต้องติดคุกเพียงเพราะต้องการดูการแข่งขันวอลเลย์บอล และวิพาษ์วิจารณ์ความไม่โปร่งใสของระบบศาลยุติธรรมของอิหร่าน
    อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของอิหร่านเผยว่า กาวามีต้องโทษติดคุกเพราะเรื่องความมั่นคง ไม่เกี่ยวข้องกับการที่เธอต้องการเข้าไปดูกีฬา
    ในการแข่งขันวอลเลย์บอลนัดดังกล่าว ทางการอิหร่านประกาศห้ามไม่ให้ผู้หญิง หรือแม้แต่นักข่าวหญิงเข้าไปชมการแข่งขัน นอกจากนี้ ผู้หญิงอิหร่านยังถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าดูการแข่งขันฟุตบอลด้วย
    นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดวิด คาเมรอน นำเรื่องของกาวามีมาหารือกับประธานาธิบดีอิหร่าน ฮัสซัน โรฮานี ขณะพบกันในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาติที่นิวยอร์กเมื่อเดือนก.ย. โฆษกนายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยว่า คาเมรอนบอกกับผู้นำอิหร่านว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของอิหร่านที่มีต่ออังกฤษมาก.









เก๋งพุ่งตกลานจอดรถเดอะมอลล์ฯ ดับคาที่-ตร. พบคนขับใส่เกียร์ D                    
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/111913
                                                            ข่าวเก๋งตกลานจอดรถห้างฯ เดอะมอลล์ บางกะปิ คนขับเสียชีวิต ล่าสุด เจ้าหน้าที่พบว่าเกียร์รถอยู่ในตำแหน่งตัว D         

          จากกรณีที่ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ถนนลาดพร้าว โดยเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค ตกลงมาจากอาคารลานจอดรถ ชั้น 7 พร้อมกับกำแพงปูนที่กั้นลานจอดรถได้พังลงมาด้วย ซึ่งจากการที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถพบว่ามีผู้เสีย 1 ราย เป็นหญิง ส่วนสาเหตุคาดว่าอาจจะเข้าเกียร์ผิดหรืออาจเสียหลักระหว่างขับรถลงมา จึงเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวนั้น

           ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ได้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวแล้ว พบว่าภายในรถคันเกิดเหตุเกียร์รถอยู่ในตำแหน่งตัว D (เกียร์ที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า) และด้านญาติได้แจ้งว่า รถคันดังกล่าวเพิ่งเข้ารับการตรวจซ่อมก่อนที่จะเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น

          ต่อมาวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 พ.ต.อ. วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า จากการสอบถามญาติคนใกล้ชิดผู้ตาย ทราบว่าผู้ตายเป็นคนใจเย็น ไม่น่าจะเกิดจากความโมโหหรืออย่างไร ดังนั้นน้ำหนักสาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากตัวรถยนต์ที่ขับขี่มากกว่า ซึ่งในช่วงนั้นอาจจะเกิดขัดข้องจนเกิดเหตุสลดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอผลพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจพื้นที่อีกครั้งในเช้าวันนี้                                                                        
                                                            

เด็กดี 3 นักเรียน รร.พิมายฯ เก็บเงิน 2 หมื่น คืนเจ้าของ                                                                                                                   
                            ที่มา : http://education.kapook.com/view105670.html
                                                            ชื่นชม 3 นักเรียนโรงเรียนพิมายวิทยา โคราช เก็บเงินสด 2 หมื่นบาท แจ้งตำรวจคืนให้เจ้าของ

           เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 นายไพร ร่มเย็น รองผู้อำนวยการโรงเรียนพิมายวิทยา อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบใบประกาศนียบัตร และมอบเงินทุนการศึกษาให้กับนักเรียนของโรงเรียน 3 คน ประกอบด้วย  

           เด็กหญิงจิรวรรณ ภิญโญ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2
           นายจักรกฤษณ์ พวงพิมาย อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3
           นางสาวจิราพร เสาร์ร่อน อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3

           ทั้งนี้เพื่อชื่นชมและตอบแทนความดีของเด็กนักเรียนทั้งสามคน ที่เก็บเงินสดจำนวน 20,000 บาท พร้อมกับบัตรเอทีเอ็มที่มีคนทำหล่นไว้บนถนนบริเวณหน้าโรงเรียนพิมายวิทยา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ทั้ง 2 คนกำลังเดินไปรอขึ้นรถรับ-ส่งเพื่อเดินทางกลับบ้าน ซึ่งทั้งหมดได้เก็บเงินและให้คนขับรถรับส่งพาไปที่สถานีตำรวจภูธรพิมายเพื่อมอบให้ตำรวจติดตามตัวเจ้าของมารับคืน

           ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบหาตัวผู้ที่ทำเงินหล่นไว้จากบัตรเอทีเอ็มที่ทำหล่นไว้จนทราบว่าผู้ที่ทำเงินหล่นเพิ่งกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสินที่อยู่ใกล้เคียงไปได้ไม่นาน จึงได้ติดต่อไปยังผู้ที่ทำเงินหล่น ทราบชื่อต่อมาคือ นางศรีเรือง สนิทชอบ อายุ 58 ปี อาชีพรับราชการครู

           เจ้าของเงินที่ทำหล่นหาย เล่าว่า ตนได้เดินทางไปกดเงินที่ธนาคารออมสิน สาขาพิมาย จำนวน 20,000 บาท แล้วนำเงินใส่ไว้ในกระเป๋าสะพาย แต่คาดว่าตนน่าจะลืมรูดซิปกระเป๋าทำให้เงินหล่นโดยที่ไม่รู้ตัว โดยหลังจากรับมอบเงินคืน นางศรีเรือง ได้มอบเงินให้เด็กนักเรียนที่เก็บเงินได้คนละ 1,000 บาท เพื่อเป็นการขอบคุณในความดีของเด็กนักเรียนทั้ง 3 คน                                                                        
                                                            

อึ้ง! มังคุดพัทยาแพ็ค 6 ลูก ขาย 300 บาท
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1706185/
                                                            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (26 พ.ย.) พบร้านผลไม้ ซึ่งตั้งอยู่ปากทางพัทยาใต้ ซอย 13 ข้างทางเข้าหน้าตลาดสดวัดชัยมงคลฯ ขายมังคุคราคาแพงกว่าปกติ โดยเจ้าของร้าน อายุ 42 ปี ได้เปิดเผยว่า ตนขายผลไม้ มากว่า 5 ปี โดย ส่วนใหญ่มีลูกค้าเป็นทั้งชาวไทยและต่างชาติ ปกติตนขายผลไม้ในราคาเหมือนกันกับร้านค้าอื่นๆ ทั่วไป มีเพียงมังคุดที่มีราคาแพง เนื่องจากพ่อค้าคนกลางนำมาส่ง และเป็นมังคุดจากประเทศอินโดนีเซีย

เจ้าของร้านผลไม้ กล่าวต่อว่า บอกว่า มังคุดที่ตนขายอยู่ ผลไม้นำเข้า ซึ่งมีขนาดผลใหญ่กว่ามังคุดไทย อีกทั้งรสชาติอร่อยกว่า ซึ่งตอนแรกตนไม่กล้านำมาจำหน่าย เนื่องจากต้นทุนกิโลกรัมละ 300 บาท 1 กิโลกรัม มีเพียง 9 ลูก หากตนขายเป็นกิโลกรัม จะต้องขาย กิโลกรัมละ 380 บาท จึงเห็นว่ามันจะดูแพงมากกว่าปกติ

ในขณะที่มังคุดไทย เพียงกิโลกรัมละ 260 บาท ต้องขายกิโลกรัมละ 350 บาท ทำให้ราคาแตกต่างกันมาก ตนจึงแบ่งขายเป็นแพ็ค ช่วงแรกก็ขายไม่ได้ ทำให้เสียหาย แต่พอลูกค้าต่างชาติมาซื้อแล้ว เขาบอกว่ารสชาติดี จึงสั่งมาขายประจำ ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าประจำจะทราบดี มีเพียงบางรายไม่เข้าใจก็หาว่าแพงเกินไป โดยไม่ถามก่อน ตนจะร้องขอความเป็นธรรมว่า ควรเข้าใจการค้าบ้าง ก่อนจะนำมาสร้างความเสียหายให้ตนโดยไม่ถามก่อน                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้