ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
แล้งลามหนัก ถนนสายลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ทรุดตัวพังเสียหาย


วันที่ 5 ก.ค.นายฤทธิ์สรรค์ เทพพิทักษ์ นายอำเภอลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบถนนสายลาดบัวหลวง-สามเมือง เลียบคันคลองพระยาบันลือ บริเวณหน้ามัสยิดนูรุ้ลฮิดายะฮ์ ม.2ต.สามเมือง อ.ลาดบัวหลวง เกิดการทรุดตัวลึกกว่า2 เมตรระยะทางกว่า100เมตร รถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เจ้าทำการปิดการจราจรให้ไปใช้เส้นทางอื่นแทน ถนนที่ทรุดตัวได้ดัน แนวเขื่อนคอนกรีตเอนจวนจะพังลงไปในคลอง










นายฤทธิ์สรรค์ กล่าวว่า ถนนได้เริ่มทรุดตัวเล็กน้อยเมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมาด้านติดกับแนวเขื่อน จนเมื่อช่วงเวลาประมาณ10.30น.ถนนทรุดตัวพังลงไปทั้งแทบโชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่มีรถผ่านมา ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากสภาพภัยแล้งน้ำในคลองได้ลดลงมากในรอบ16ปีจึงทำให้ดินใต้แนวเขื่อนไลด์ตัวทำให้ถนนทรุดตัว ขณะนี้ได้ประสานทางหลวงชนบทอยุธยา ตรวจสอบแล้ว รีบดำเนินการสำรวจความเสียหาย จะส่งเครื่องจักรปรับพื้นที่ ให้รถสามารถสัญจรได้ ในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นจะเฝ้าดูอาการประมาณ1-2สัปดาห์ เมื่อถนนหยุดการเคลื่อนตัวแล้ว จะทำผิวลาดยางชั่วคราว ให้สัญจรได้สะดวกขึ้น เพราะถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางหลักเข้าอำเภอลาดบัวหลวงไปโรงพยาบาลลาดบัวหลวง ระยะนี้ประชาชนต้องใช้เส้นทางอื่นที่ไกลไปก่อน


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1436091159

ย้อนวิกฤติกรีซ!สาเหตุหนึ่งเกิดจากทุ่มงบทหารเกินตัว-ใช้เงินแสนล้านซื้อเรือดำน้ำ

กรีซ หนึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วแต่ ณ  ปัจจุบันกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินอย่างหนักเหมือนดังเช่นที่ทุกคนทราบ  ลองมองย้อนกลับไปจะพบว่ากรีซเริ่มเผชิญปัญหาความไม่มั่นคงทางการเงินมาตั้งแต่ช่วงปี 2010  แม้ว่าภาครัฐจะรู้ (หรือไม่รู้) ในเรื่องนี้ แต่ยังคงทุ่มงบจำนวนมากในการเสริมเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพ  ทั้งที่กรีซเป็นประเทศขนาดเล็กมีประชากรเพียง 11 ล้านคน  แต่กลับเป็นประเทศที่นำเข้าอาวุธสงครามสูงที่สุดในแถบยุโรปหรือคิดเป็นอันดับ 5 ของโลก หากคิดเป็นสัดส่วน  GDP จะพบว่ากรีซมีการใช้งบประมาณทางทหารเกือบสูงที่สุดในยุโรป


ขณะที่เมื่อปี 2010 กรีซซื้อเรือดำน้ำใหม่ 2  ลำจากเยอรมนีมูลค่า 1.3 พันล้านยูโร เรือรบขนาดใหญ่ 6 ลำและเฮลิคอปเตอร์ค้นหาและกู้ภัยอีก 15  ลำจากฝรั่งเศส รวมถึงเครื่องบินรบ F-16 อีกกว่า 20 ลำจากสหรัฐ ที่คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 1.5 พันล้านยูโร  ซึ่งพูดได้ว่ากรีซเป็นประเทศที่มีรถถังมากถึง 1,300 คัน  มากกว่าประเทศอังกฤษถึงสองเท่า
ด้านสำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์รายงานว่า  ในปีที่ผ่านมานั้นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของกรีซทุ่มเงินกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.2แสนล้านบาท)  ในการซื้อเรือดำน้ำที่ยังต่อไม่เสร็จ  ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ในกรุงเอเธนส์

โดยสำนักข่าวบิซิเนสอินไซด์เดอร์เผยว่า  สาเหตุที่รัฐบาลกรีซทุ่มงบประมาณมหาศาลให้กับกองทัพมากที่สุดแม้ประชาชนกำลังเผชิญกับความยากแค้น  มาจากเหตุผล 3 ประการ 1. งบประมาณเหล่านั้นเป็นเงินเดือนให้กับบุคลากรกองทัพ 2. การเมืองระดับภูมิภาค 3.  ความกดดันจากการเมืองภายในประเทศ ทั้งนี้  งบประมาณสำหรับกองทัพนั้นเป็นโครงการที่ถูกกล่าวหาว่ามีการคอร์รัปชั่นมากที่สุด





“ถาวร”แกนนำกปปส. ค้านซื้อเรือดำน้ำจีน3.6หมื่นล้าน


ถามจะไปรบกับใคร แนะถอนวาระจากครม.



เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม นายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. กล่าวถึงกรณีที่กองทัพเรือมีมติจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน จำนวน 3 ลำ มีอาวุธครบ โดยใช้งบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท ว่า ตนไม่เห็นด้วย และขอคัดค้านเรื่องดังกล่าว ควรนำเงินมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจและภัยแล้งในชนบทที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้  นอกจากนี้ ส่วนตัวยังไม่ไว้วางใจการจัดซื้อเรือดำน้ำ การที่บอกว่าเรือมีอาวุธครบ ตนอยากถามว่ารัฐบาลจะเอาไปรบกับใคร ขณะนี้ประชาชนสู้รบกับปัญหาปากท้อง ขอให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชนก่อน





“ถ้าหากเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผมขอให้ถอนออกไปจากระเบียบวาระ แล้วใครบ้างที่ไปรับปากเขาไว้ว่าจะไปซื้อ ก็ให้ไปขอโทษบริษัทผู้ผลิต แล้วบอกเขาไปว่า เนื่องจากความจำเป็นของประเทศเปลี่ยนไป ไม่จำเป็นต้องใช้เรือดำน้ำแล้ว ตอนนี้รัฐบาลควรไปแก้ปัญหาของประเทศก่อน” นายถาวรกล่าว


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1436077308



ฮือฮา! พิธีขอฝน100ปี ปั้นหุ่นชายหญิงร่วมรักบนทางสามแพร่ง                                                            
                                                                                       
                            ที่มา : http://news.mthai.com/hot-news/general-news/452362.html


                                                            ชาวเพชรบูรณ์ปั้นหุ่นชายหญิงร่วมรัก วางประจานกลางทางสามแพร่งขอฝนเทวดา ระบุเป็นประเพณีสืบทอดกว่า 100 ปี หลังเจอภัยแล้งหนักสุดในรอบ 20 ปี

วันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบ้านนาตะกรุด ต.ศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ นำดินเหนียวจากทุ่งนามาปั้นเป็นรูปคนกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วนำมาประกอบพิธีขอฝนตามประเพณีโบราณ ที่บริเวณทางสามแพร่งปากทางเข้าหมู่บ้าน หลังจากหลายหมู่บ้านประสบภัยแล้งหนักสุดในรอบ 20 ปี

โดยที่บริเวณดังกล่าวพบหุ่นดินเหนียวขนาดเท่าตัวคนเป็นเพศชาย 2 คน หญิง 1 คน อยู่ในลักษณะกำลังร่วมรัก โดยมีรูปปั้นชายอีกคนหนึ่งนั่งดูอยู่ข้างๆ

ชาวบ้านรายหนึ่ง เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวเป็นประเพณีโบราณที่ทำสืบทอดมานานกว่า 100 ปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอฝน เพราะขณะนี้ชาวบ้านประสบกับภัยแล้งอย่างหนักในรอบกว่า 20 ปี เนื่องจากฝนทิ้งช่วงมาตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้พืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวกว่า 2 หมื่นไร่ กำลังเริ่มจะแห้งเหี่ยวเฉาตายเกือบทั้งหมด

ทั้งนี้สำหรับการปั้นหุ่นจะนำเอาดินเหนียวจากทุ่งนามาปั้นเป็นหุ่นผู้ชาย โดยตั้งชื่อว่านายเมฆ ส่วนหุ่นผู้หญิงตั้งชื่อว่านางฝน และหุ่นผู้ชายที่นั่งดูตั้งชื่อว่า นายหมอก ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการทำภาพประจานต่อสายตาผู้คนที่ผ่านไปมา จนทำให้เกิดอาเพศ และเทวดาทนดูไม่ได้ จึงดลบันดาลให้ฝนตกลงมาชะล้างหุ่นดินเหนียวดังกล่าว ให้ละลายหายไป

และก่อนหน้าที่จะนำหุ่นดังกล่าวมาตั้งไว้ที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ก็ได้มีการทำพิธีแห่นางแมวไปรอบหมู่บ้านเป็นเวลา 3 วันแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววของฝนที่จะตกลงมา จึงได้นำหุ่นมาตั้งไว้ปากทางดังกล่าว                                                                        
                                                            

น่าวิตก! เว็บนอกเตือนซ้ำ ‘กรุงเทพฯจมแน่’ ถ้าไม่รีบแก้ไข                                                            
                                                                                       
                            ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/510250


                                                            คนไทยอ่านแล้วคงตกใจ... เว็บไซต์นอกเตือนดังๆ ซ้ำอีก ‘กรุงเทพฯกำลังจมน้ำ’ อ้างผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติของไทยเตือนมานานหลายปีแล้ว ภัยพิบัติน้ำท่วมกำลังมาถึงกรุงเทพฯ พร้อมชี้ทางออก ให้ 2 ข้อ ไม่สร้างกำแพงกั้นน้ำ ก็อพยพคนกรุงฯทั้งหมดไปอยู่บนที่สูงกว่าเดิม

เว็บไซต์ต่างประเทศ towleroad.com เสนอรายงานชี้ชะตาอนาคตของ กรุงเทพฯกำลังจะจมหายไปในโลก โดยระบุว่า เมืองหลวงของประเทศไทยซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 10 ล้านคน เป็นเมืองที่มี 2 ด้าน คือด้านหนึ่ง เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ทันสมัย ชวนมอง แต่อีกด้านกลับเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแข็งกระด้าง เพราะมีแต่ตึกติดกระจกและปูนซีเมนต์เต็มไปหมด

ที่สำคัญ อาคารที่ก่อสร้างด้วยเหล็กและคอนกรีตเหล่านี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพื้นที่ลุ่ม ฐานล่างของดินมีลักษณะเป็นรูพรุนและชุ่มน้ำ ซึ่งลองจินตนาการดูว่า ตึกที่ตั้งอยู่บนก้อนเค้กวันเกิดนั้นจะเป็นอย่างไร นั่นล่ะ กรุงเทพฯ และมีสัญญาณเตือนแล้วว่า มันกำลังจะจมหายไปในโลก

towleroad.com ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายคนในประเทศไทยได้เตือนถึงภัยพิบัติที่กำลังมาถึงกรุงเทพฯหลายปีมาแล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าวว่า เขามีความกังวลใจเกี่ยวกับกรุงเทพฯว่าเกือบจะเหมือนกับชะตากรรมของเกาะแอตแลนติส ซึ่งเคยตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกสมัยดึกดำบรรพ์ ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติอีกคนเคยกล่าวกับนักข่าวโกลบอล โพสต์ก่อนหน้านี้ว่า กรุงเทพฯจะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 5 ฟุต ในปี 2573 หรือ 15 ปีข้างหน้า

ตามรายงานใน towleroad.com ชี้ว่า ก่อนหน้านี้ มีการคาดประมาณว่ากรุงเทพฯกำลังจมน้ำมากขึ้นทุกปี ปีละกว่า 3 นิ้ว แต่ข้อมูลใหม่ชี้ว่า อัตราการจมน้ำของกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 4 นิ้ว ด้วยเหตุนี้จึงมีการทำนายอนาคตของกรุงเทพฯในอีก 85 ปีข้างหน้่า หรือ พ.ศ.2643 ว่าสถานการณ์เลวร้ายมาก เพราะกรุงเทพฯจะจมอยู่ใต้น้ำทะเลทั้งหมดและไม่สามารถจะอยู่อาศัยได้อีกต่อไป

นอกจากนั้น จากภาวะโลกร้อน จะยิ่งเป็นปัจจัยทำให้ระดับน้ำในทะเลสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้สถานการณ์กรุงเทพฯ กำลังจะจมน้ำรุนแรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯไว้ 2 ทางเลือก คือ ประการแรก การก่อสร้างกำแพงกั้นน้ำโดยตรง ซึ่งจะใช้งบประมาณถึงเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (99,000 ล้านบาท) หรือคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปัจจุบัน ส่วนทางเลือกที่ 2 คือ การอพยพประชาชนในกรุงเทพฯทั้งหมดย้ายไปอยู่บนที่สูงกว่านี้                                                                        
                                                            

ชาวบ้านสุดทน! ขับไล่เจ้าอาวาส-พระลูกวัด ตั้งวงกินเหล้า

ชาวบ้าน ต.บึงอ้อ จ.นครราชสีมา บุกปิดวัดหนองกระทุ่มธรรมมาราม หลังพบว่าเจ้าอาวาส-พระลูกวัดรวมตัวกันดื่มสุราภายในวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา รอง สวป.ปป. สภ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจาก นายสายชล กิสันเทียะ กำนันตำบลบึงอ้อ อ.ขามทะเลสอ ว่า มีชาวบ้านกว่า 100 คน รวมตัวกันปิดล้อมเพื่อขับไล่เจ้าอาวาส และพระลูกวัดที่วัดหนองกระทุ่มธรรมมาราม ม.7 ต.บึงอ้อ อ.ขามทะเลสอ

ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านกว่า 100 คน กำลังยืนปิดล้อมกุฏิของพระลูกวัด โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าภายในกุฏิดังกล่าวมีเจ้าอาวาสและพระลูกวัด พากันปิดล็อกประตูอยู่ด้านในกุฏิ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ช่วยเจรจาเพื่อขอให้พระทั้งหมดเปิดประตูออกมาจากกุฏิ โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 30 นาที พระทั้งหมดจึงยอมเปิดประตูออกมาจากกุฏิ ตรวจสอบภายในกุฏิ พบหลวงพ่อเพิ่ม คันติพะโล อายุ 65 ปี เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว และมีพระลูกวัดอีก 4 รูป

โดยทั้งหมดอยู่ในอาการเมาสุรา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกาย ปรากฏว่ามีแอลกอฮอล์ในร่างกายของพระทั้ง 5 รูปจริง โดยมีชาวบ้านกว่า 100 คน ที่พากันยืนมุงดู

จากการสอบถาม หลวงพ่อเพิ่ม คันติพะโล เจ้าอาวาสวัดหนองกระทุ่มธรรมมาราม ให้การรับสารภาพว่า ตนพร้อมพระลูกวัดอีก 4 รูป ได้พากันดื่มเหล้าขาวในกุฏิของวัดจริง เนื่องจากทนคำชักชวนของพระลูกวัดที่ดื่มสุรากันอยู่ก่อนแล้วไม่ไหว ประกอบกับยังมีกิเลส อยากดื่มสุราอยู่ในจิตใจ จึงรับแก้วมาดื่ม ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตนและพระลูกวัดได้ชักชวนกันดื่มสุรา

ด้านกำนันตำบลบึงอ้อ กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านในชุมชน รับรู้ถึงพฤติกรรมการตั้งวงดื่มสุราของเจ้าอาวาสและพระลูกวัดดังกล่าวมานานหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตามชาวบ้านจะไม่เอาเรื่องในคดีความ แต่ขอให้ออกจากวัดดังกล่าวไป และห้ามไม่ให้เดินทางเข้ามาในวัดแห่งนี้อีก ซึ่งเจ้าอาวาสและพระลูกวัดทั้งหมด ก็ยอมรับข้อเสนอ

MThai News




ตร.จ่อส่งสำนวน 14 นศ.ให้อัยการไม่เกิน 15 ก.ค.นี้                                                            
                                                                                       
                            ที่มา : http://www.springnews.co.th/politics/222495


                                                            วันที่ 10 ก.ค. 58 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เปิดเผยว่า สำนวนคดี 14 นักศึกษา เกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการตรวจทานเท่านั้น โดยคาดว่าจะส่งให้อัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อศาลทหาร ไม่เกินวันที่ 15 ก.ค.นี้ ซึ่งถือว่าสำนวนคดีไม่ล่าช้าแต่อย่างใด

ส่วนการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของ 14 นักศึกษา เพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยงบุคคลอื่นนั้น ล่าสุดอยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูลว่าโยงกับผู้ใดบ้าง ซึ่งต้องใช้ความรอบคอบเป็นพิเศษ เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองและความมั่นคง                                                                        
                                                            

ปทุมฯวิกฤต! หยุดจ่ายน้ำ3อำเภอ ผวจ.ประกาศภัยแล้ง

กปภ.ธัญบุรี แจ้งน้ำดิบทำน้ำประปาคลอง13ปทุมธานีแห้ง หยุดจ่ายน้ำแล้ว กระทบ 5 หมื่นครัวเรือน ขณะผู้ว่าฯเตรียมประกาศภัยแล้ง 3 อำเภอ พร้อมนำน้ำแจกประชาชนบรรเทาทุกข์

วันที่ 12 ก.ค. เพจเฟซบุ๊ก การประปาส่วนภูมิภาคสาขาธัญบุรี โพสต์ข้อความชี้แจงว่า ตามที่น้ำดิบในคลองระพีพัฒน์ลดลงอย่างต่อเนื่องตามลำดับตั้งแต่วันที่ 5ก.ค.เป็นต้นมา และกปภ.สาขาธัญบุรีได้แจ้งให้ผู้ใช้น้ำทราบอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันกปภ.สาขาธัญบุรีได้พยายามประสานชลประทานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อขอให้ส่งน้ำให้กปภ.สาขาธัญบุรีใช้ในการผลิตน้ำประปา

จนกระทั่งวันนี้ (12ก.ค.) น้ำในคลองระพีพัฒน์แห้งขอด ส่งผลให้กปภ.สาขาธัญบุรีไม่สามารถผลิตน้ำประปาให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ ขณะนี้น้ำประปาที่จ่ายในพื้นที่ เป็นน้ำที่เหลืออยู่ในถังน้ำใสซึ่งจะหมดภายในวันนี้ ซึ่งกปภ.สาขาธัญบุรียังคงพยายามประสานกับชลประทานอย่างใกล้ชิด เพื่อขอน้ำและกำลังรอคำตอบการจัดสรรน้ำจากชลประทาน

โดยกปภ.สาขาธัญบุรีได้ประสานขอความช่วยเหลือจากเทศบาลและองค์การบริหารในพื้นที่ เพื่อนำรถน้ำออกแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน


ขณะเดียวกัน นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ได้รับแจ้งกรณีดังกล่าวจากผู้จัดการประปาภูมิภาคสาขาธัญบุรีแล้ว ขณะนี้ได้หยุดจ่ายน้ำประปา ในพื้นที่ อ.ธัญบุรี ตั้งแต่คลอง 5 ถึงคลอง 15 อ.ลำลูกกา ทั้งอำเภอ และ อ.หนองเสือบางส่วน ซึ่งจะทำให้ประชาชนไม่มีน้ำอุปโภคบริโภค รวมกว่า 50,000 ครัวเรือน เนื่องจากน้ำดิบสำหรับทำน้ำประปาในคลอง 13 หมดแล้ว และจะมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งในอำเภอดังกล่าวภายในวันนี้

เบื้องต้นส่วนท้องถิ่นทำความสะอาดรถน้ำ ไปรับน้ำสะอาดแจกจ่ายประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน อย่างไรก็ตามได้มีการออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ให้สำรองน้ำอุปโภคบริโภค ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว และจังหวัดกำลังหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเต็มกำลัง


ที่มาเฟซบุ๊ก การประปาส่วนภูมิภาค สาขาธัญบุรี , พงศธร สัจจชลพันธ์

ติดตามข่าวสารอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ news.mthai.com

MThai News



พระเทพฯ พระราชทานน้ำให้ปทุมฯ-ผู้ว่าฯ แจกจ่ายวันนี้

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่ง ให้ประชาชนที่เดือดร้อนไม่มีน้ำประปาใช้ สามารถรับน้ำที่พระตำหนักส่วนพระองค์ได้ ผู้ว่าฯ เผย สามารถเปิดทางน้ำคลองระพีพัฒน์ ส่งน้ำดิบเข้าระบบประปาธัญบุรีได้แล้ว คาดวันนี้ สามารถส่งน้ำประปาได้

นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับสั่งผ่านข้าราชบริพารในพระองค์ฯ ที่ปฏิบัติงานในพระตำหนักส่วนพระองค์ ที่ จ.ปทุมธานี มายัง ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีว่า

ประชาชนที่เดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค สามารถเข้าไปขอใช้บริการน้ำประปา ในพระตำหนักบ้านสวนปทุม ของพระองค์ท่านได้ จะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก

ส่วนความคืบหน้าในการลำเลียงน้ำดิบ สู่ระบบประปาสาขาธัญบุรี ที่ไม่มีน้ำดิบ ในคลองระพีพัฒน์ ทำให้น้ำประปา ใน 4 อำเภอ ไม่ไหลนั้น ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ทาง จนท. สามารถเปิดทางน้ำ ในคลองระพีพัฒน์ ได้แล้ว โดยทำลายสันดอน และคันกั้นน้ำ ที่ชาวบ้านกักเอาไว้ เพื่อหาปลา เป็นระยะทาง 2 กม. ได้หมดแล้ว และทางกรมชลประทาน ได้ส่งน้ำดิบเข้าระบบประปาธัญบุรีได้แล้ว แต่ต้องรอเวลาอีกระยะหนึ่ง เพื่อเข้าขั้นตอนในการผลิตน้ำประปา ส่งต่อให้ยังครัวเรือนในพื้นที่รับผิดชอบต่อไป คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำประปาได้ภายในวันนี้

สำหรับการขอความร่วมมือกับชาวบ้าน ริมคลองระพีพัฒน์ ได้ขออย่าสูบน้ำเข้าไร่นา ในช่วง 2-3 วันนี้ก่อน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือดีมาก แต่ยังมีคนฝ่าฝืนบ้าง ก็ได้ตักเตือนไปแล้ว และเฉพาะหน้าได้มีการแจกจ่ายน้ำให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อน โดยได้แจ้งจุดจ่ายน้ำให้ประชาชนทราบแล้ว





ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้