ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
รม.ไฟเขียวเก็บเพิ่มค่าธรรมเนียมทำบัตรประชาชนหากหายหรือชำรุด จากเดิม20บาท เป็น100บาท ให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
วันที่ 23 มิ.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  ว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ การกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการออกบัตรประจำตัวประชาชนใหม่กรณีบัตรหายหรือถูกทำลาย บัตรชำรุด หรือแก้ไขชื่อตัว ชื่อสกุลหรือชื่อตัวและชื่อสกุลในทะเบียนบ้าน หรือย้ายที่อยู่ จากเดิมฉบับละ 20 บาท เป็นฉบับละ 100 บาท

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด


เพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการผลิตและจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนที่สูงขึ้น รวมทั้งให้อธิบดีกรมการปกครองมีอำนาจพิจารณาประกาศให้เขตท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง ในเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เป็นเขตยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว โดยให้มีผลนับแต่วันที่ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับบัตรประจำตัวประชาชนฉบับที่แก้ไขประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
โดยกระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าการเก็บอัตรา 20 บาท เป็นอัตราที่น้อยกว่าอัตราต้นทุนการดำเนินการจัดทำบัตรประชาชนต่อ 1 คน ที่ต้องใช้งบประมาณฉบับละ 54.64 บาท โดยแยกเป็นค่าวัสดุบัตร ค่าวัสดุผลิตบัตรสำหรับเครื่องพิมพ์ ค่ากระบวนการพร้อมข้อมูลต่อการใช้งาน ค่าเช่าระบบคอมพิวเตอร์ และต้นทุนอื่นๆ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ ค่าผลิตและค่าบริหารจัดการในการผลิตบัตร จึงทำให้ราคาต่อหน่วยมีราคาสูงกว่าราคาให้บริการจัดทำบัตรและทำให้เป็นภาระต่องบประมาณของรัฐบาล




นึกว่าในเมืองไทย จะชวน พี่มาตร เฮียตี๋ พี่ทัช ไปลองทานซะหน่อยว่าอร่อยแค่ไหน?
ไอ๋หยา! ร้านโจ๊กสุดสยิว สาวเสิร์ฟนุ่งบิกินี บ๋อยหนุ่มก็ถอดเสื้อโชว์กล้าม
เว็บไซต์เชี่ยงไฮ้อิสต์รายงานเรื่องราวของร้านโจ๊กแห่งหนึ่งในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง เป็นร้านโจ๊กเปิดใหม่ ตบแต่งร้านจนหรูหรา เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมานี้เอง



แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่ใช่การตบแต่งร้าน กลับเป็นบรรดาสาวเสิร์ฟหน้าตาสะสวย นุ่งบิกินีตัวจิ๋ว หรือบ๋อยหนุ่มๆ ถอดเสื้อโชว์กล้ามล่ำบึ้ก คอยต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง แบบว่าเรียกแขกเข้าร้านได้อย่างคึกคักจริงๆ  



ชดใช้ยึดสนามบิน 600ล้าน


อุทธรณ์ยืน-13แกนนำพธม.จ๊าก


เปิดรับบริจาค7ล้านเงินวางฎีกา







ฟ้อง"หมอระวี"บุกยึดก.พลังงาน

พันธมิตรฯจ๊าก ศาลอุทธรณ์ยืนตามชั้นต้น ให้ 13 แกนนำจ่ายชดใช้ยึดสนามบินปี 51 ไล่รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 522 ล้านบาทดอกเบี้ยอีก 7.5 เปอร์เซ็นต์ รวมแล้วกว่า 600 ล้านบาท แกนนำโพสต์เฟซบุ๊กโอดครวญจ่อล้มละลาย ดิ้นยื่นฎีกาต่อ พร้อมเปิดรับบริจาคค่าวางศาล 7 ล้านบาท เผยคำสั่งศาลชั้นต้น ชี้ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ แถมละเมิดสิทธิประชาชนในการคมนาคมขณะที่อัยการสั่งฟ้อง หมอระวี พร้อมพวกนับร้อยคน นำม็อบบุกกระทรวงพลังงานเมื่อปี 57 ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เจ้าตัวอ้างแค่อารยะขัดขืนเชิงรุก


วันที่ 23 มิ.ย. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณีบริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยื่นฟ้องเมื่อพ.ย. 2551 ซึ่งศาลแพ่งตัดสินให้แกนนำกลุ่มพธม. 13 คน ชดใช้ค่าเสียหายทั้งกายภาพและทางพาณิชย์ กรณีชุมนุมที่สนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นเงิน 600 ล้านบาท แก่ทอท.


นางมาลีรัตน์ระบุเป็นคดีทอท.ฟ้องแพ่งแกนนำและคณะ 13 คน โดยวันที่ 25 มี.ค.2554 ศาลชั้นต้นสั่งให้ชดใช้เงิน 522 ล้านบาท ทนายพธม.ขออุทธรณ์แบบอนาถา เพราะแต่ละคนไม่มีงานประจำ ศาลอนุญาตเพียง 1 ใน 3 ทนายต้องดิ้นรนหาเงินวางค่าธรรมเนียมศาลเกือบ 3 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษา ให้ชดใช้เงินจำนวน 600 ล้านบาท ทำให้ทั้ง 13 คน เดินเข้าใกล้เส้นทางเป็นบุคคลล้มละลายเข้าไปทุกขณะ แต่เราพยายามต่อสู้ในสิ่งที่เห็นว่าเราทำถูกต้อง จึงมีเพียง 2 แนวทางเท่านั้นที่ต้องดำเนินการ คือ 1.ยื่นฎีกา ซึ่งต้องวางค่าธรรมเนียมศาล รวม 7 ล้านบาท และทนายได้ขอผ่อนผัน 2 รอบแล้ว ทางคณะจึงได้ขอให้ทนายสุวัตรยื่นเรื่องขอยืดเวลาการชำระค่าธรรมเนียมออกไป จากเดิม 26 มิ.ย. ไปอีก 4 วัน กับเงิน 7 ล้านบาท จะหาอย่างไร หาจากไหน เพราะแต่ละคนเดือดร้อนกันหมดแล้ว แต่ข้อดี คือเวลาต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาอาจใช้เวลา 3-5 ปี


2.ไม่ยื่นฎีกา ให้ศาลว่าไป โดยไม่สู้ในชั้นฎีกา ยอมรับว่าเราทำผิดทางละเมิด ผลก็คือพล.ต.จำลองและคณะทั้ง 12 จะถูกฟ้องล้มละลายต่อไป อาจใช้เวลา 1 ปีนับจากนี้ ซึ่งเราปรึกษาหารือเบื้องต้น ได้ข้อสรุปว่า เดินแนวทางที่ 1 คือยื่นฎีกา ต้องหาเงินมาวางค่าธรรมเนียมศาล 7 ล้านบาท หาจากไหน นั่นล่ะคือสิ่งที่ตนช็อก จึงจะมีการระดมทุนเข้ากองทุนสู้คดี เพื่อสมทบเงินค่าธรรมเนียมศาลต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก ทอท.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวกซึ่งเป็นแกนนำ พธม.รวม 13 คน ในคดีหมายเลขดำที่ 6453 /2551 ทอท.ให้จำเลยทั้งหมดร่วมชดใช้ค่าเสียหาย กรณีระหว่างวันที่ 24 พ.ย. - 3 ธ.ค.51 ร่วมกันนำผู้ชุมนุมหลายหมื่นคนบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ประท้วงรัฐบาลและขับไล่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ขณะนั้น ทำให้การให้บริการต่างๆ ภายในท่าอากาศยานทั้งสองต้องหยุดลง


ศาลแพ่งมีคำพิพากษาวันที่ 25 มี.ค.54 ให้จำเลยทั้ง 13 คน ร่วมกันชดใช้เงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.51 จนกว่าจะชำระเสร็จ รวมทั้งให้จ่ายค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท เนื่องจากการชุมนุมที่จะได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 หมายถึงการชุมนุมที่เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามมาตรา 63 วรรคหนึ่ง แต่การชุมนุมของพวกจำเลยไม่เป็นไปตามหลักการดังกล่าว และส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและประโยชน์สาธารณะ ละเมิดสิทธิและเสรีภาพการประกอบอาชีพและการคมนาคมของประชาชน


การชุมนุมจะต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดี ตามมาตรา 28 ซึ่งการชุมนุมต้องตั้งอยู่บนหลักแห่งความสมดุลกับสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และไม่ใช้สิทธิเด็ดขาดที่พวกจำเลยทั้ง 13 เป็นผู้จัดการชุมนุมหรือผู้เข้าร่วมชุมนุม จะกระทำการใดๆ ก็ได้โดยไม่อยู่ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ ซึ่งการปิดสนามบินยังก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายในหมู่ผู้โดยสาร และผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพาณิชย์ ส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศอย่างรุนแรง จึงเป็นวัตถุประสงค์ให้เกิดความไม่สงบภายในบ้านเมือง ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธแล้วยังเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพการชุมนุมที่เกินสัดส่วน


นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความแกนนำ พธม. กล่าวว่า หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในทุกประเด็น คดีจะครบกำหนดยื่นฎีกาวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ตนและทีมทนายความกำลังพิจารณารายละเอียดเพื่อยื่นฎีกา เป็นไปได้ว่าไม่ทัน จึงเตรียมแนวทางยื่นคำร้องขอขยายเวลาฎีกาก่อน ขณะที่ตามขั้นตอนการฎีกาจำเลยต้องหาเงิน 7 ล้านบาท วางเป็นค่าธรรมเนียมศาลด้วย เราเตรียมยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณาเป็นกรณีอนาถา เพื่องดการวางเงินค่าธรรมเนียม 7 ล้านบาท ต้องดูว่าศาลจะพิจารณาและมีคำสั่งอย่างไร


วันเดียวกัน พนักงานอัยการนำ นพ.ระวี มาศฉมาดล แกนนำกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย หรือกคป. กับพวกแนวร่วม กคป.กว่า 40 คน พร้อมสำนวนสั่งฟ้องข้อหาร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไปในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ใช้เครื่องขยายเสียงหรือตั้งเวทีโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน มาส่งฟ้องต่อศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กรณีนำกลุ่มผู้ชุมนุมบุกกระทรวงพลังงานและสำนักงานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต เหตุเกิดวันที่ 13 ม.ค. ถึง 18 ก.พ. 2557


นพ.ระวีเผยว่า พนักงานสอบสวนส่งฟ้องผู้ต้องหาให้อัยการรวม 146 คน ซึ่งอัยการส่งฟ้องไปก่อนหน้านี้ 2 สำนวน รวม 10 คน และศาลอนุญาตให้รวมเป็นสำนวนเดียว โดยวันนี้จะยื่นคำร้องขอรวมสำนวนคดีนี้เข้าไปด้วย เพื่อลดภาระการสืบพยานซ้ำซ้อน พร้อมกันนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์ เป็นโฉนดที่ดินไว้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลด้วย


นพ.ระวีกล่าวว่า ยอมรับว่าตนและผู้ชุมนุมเข้าไปภายในกระทรวงพลังงานและสำนักงานบริษัท ปตท. จริง แต่ได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ทหารก่อนเข้าไป โดยชุมนุมอยู่บริเวณสนามหญ้า ไม่ได้บุกเข้าไปภายในอาคาร และเห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อกดดันรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ลาออกและเรียกร้องเรื่องพลังงาน เป็นการแสดงออกแบบอารยะขัดขืนเชิงรุกเท่านั้น


ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1435115043
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-6-24 12:44
ชดใช้ยึดสนามบิน 600ล้าน

เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า ประท้วงยังไงก็อย่าเล่นแบบนี้ ประเทศชาติเสียหายมากมาย
เริ่มแล้ว !! ปรากฏการณ์ "แม่น้ำสองสี" จ.อุบลฯ อิทธิพลจาก "โซนร้อนคูจิระ" !!

                                                                                                                                                
                                
                                
วันนี้ (25 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ลำน้ำมูลบริเวณ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เริ่มเกิดปรากฏการณ์แม่น้ำสองสีขึ้นแล้ว หลังจากประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนคูจิระที่พัดขึ้นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม จนทำให้บริเวณภาคอีสานมีฝนตกเพิ่มขึ้นในช่วงนี้

โดยฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้แม่น้ำโขงมีปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นและเป็นสีขุ้นคล้ายสีปูนเนื่องจากได้รับน้ำป่าที่พัดพาดินหินทรายลงมาด้วย ขณะที่น้ำในแม่น้ำมูลมีสีครามใส เนื่องจากรับน้ำจากพื้นที่ราบ เมื่อมีน้ำทั้ง 2 สาย มาบรรจบกันบริเวณปากแม่น้ำมูล จึงเกิดปรากฏการณ์แม่น้ำสองสี แบ่งฝั่งกันอย่างชัดเจนดูงดงาม

ด้านประชาชน เมื่อทราบข่าวก็ได้เริ่มทยอยกันเดินทางมายังจุดชมวิว เพื่อชมความงามของปรากฏการณ์ดังกล่าวกันอย่างคับคั่ง ส่งผลต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดให้กระเตื้องขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านี้

http://disaster.tnews.co.th/content/149237/


“กลุ่มแรงงาน”ร้องขึ้นค่าแรง 360 บาททั่วประเทศ

                                                           
                            ที่มา : http://www.dailynews.co.th/politics/330630


                                                            เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และน.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย พร้อมด้วยกลุ่มผู้ใช้แรงงานจำนวนหนึ่ง ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อคัดค้านกรณีที่กระทรวงแรงงานจะเสนอให้มีการประกาศลอยตัวค่าแรง และเรียกร้องค่าแรง 360 บาท ทั่วประเทศ โดยมีนายกมล สุขสมบูรณ์ ที่ปรึกษารมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับเรื่อง

โดยนายสาวิทย์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่กระทรวงแรงงานเตรียมเสนอลอยตัวค่าจ้าง เพราะจะทำให้เกิดปัญหาแรงงานย้ายถิ่นคนหนุ่มสาวมุ่งหน้าเข้าเมือง เกิดปัญหาที่นาถูกยึด แต่ถ้าค่าแรงเท่ากันทั่วประเทศโดยกระจายงานไปยังภูมิภาคต่างๆจะทำให้แรงงานสามารถอยู่ในพื้นที่ของตนเองได้ พร้อมกับสามารถเลือกที่จะทำเกษตรกรรมได้ด้วย นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้อยู่ที่วันละ 360 บาท ทั่วประเทศ เพราะค่าแรง 300 บาท ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย สิ่งที่ทำให้แรงงานอยู่ได้ในวันนี้คือการทำงานล่วงเวลา และจากเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาบ้านเรามีการส่งออกถึงร้อยละ 70 จึงควรแก้ปัญหาด้วยการบริโภคภายใน การเพิ่มค่าแรงจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายเงินภายในประเทศด้วย.                                                                        
                                                            


                   




กลุ่มรัฐสภาอาเซียนออกแถลงการณ์
จี้รัฐบาลปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับ












เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. กลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (ASEAN Parliamentarians for Human Rights: APHR) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยุติข้อกล่าวหาทั้งหมดและปล่อยตัวนักศึกษาที่ถูกจับโดยทันที พร้อมระบุด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคจะต้องก้าวออกมายืนเคียงข้างผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย

แถลงการณ์ระบุว่า ทั้ง 14 คนถูกจับกุมเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ด้วยข้อหาชุมนุมเกิน 5 คน ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 โดยการจับกุมเกิดขึ้นหลังจากการประท้วงต่อต้านอำนาจ คสช. วันที่ 25 มิ.ย. ในกรุงเทพฯ

  “มันเป็นความอัปยศ ไม่มีความชอบธรรมเหลืออยู่แล้วสำหรับระบอบที่รังแกและจับกุมนักศึกษาผู้สันติที่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการลุกยืนเพื่อสิทธิของพวกเขา” ชาร์ล ซาดิเอโก ประธาน APHR และสมาชิกรัฐสภามาเลเซียกล่าว



ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1435408810

แสดงความคิดเห็น

ณ.เวลานี้ทหารบอกนักศึกษาออกมาเรียกร้องต้องการให้คืนสิทธิของตนเองที่ถูกยึดไปคืนผิดโดนจับ....ในอดีตพวกขัดขวางไม่ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งทหารกลับว่างเฉย...แล้วจะให้คิดอย่างไร?  โพสต์ 2015-6-28 10:43
วิเคราะห์การเมือง: "ยาแรง" ออกฤทธิ์ ท่าทีจาก "มหามิตร" ปฏิกิริยาต่อ "เกมยาว"






สถานการณ์การเมืองไม่สะดวกสบาย ชวนให้ "หุดหิด"  ในอารมณ์อยู่พอสมควร

"ข่าวดี" ในภาพรวมก็คือ ไม่มีการชุมนุมประท้วงแบบเผชิญหน้า  ไม่มีปิดถนน ไม่มีการ์ดมาเดินข่มขวัญผู้คน ไม่มีเวทีที่โหมกระหน่ำความเกลียดชังระหว่างคนในชาติเดียวกัน  ฯลฯ




แต่ "ข่าวร้าย" ก็คือ "การเมืองรูปแบบพิเศษ" ที่เชื่อกันว่าจะเป็น "ยาแรง" ใช้แก้ปัญหา ช่วยในการปฏิรูปประเทศ  กำลังออกฤทธิ์ในทางตรงข้าม

และจะเป็น "ผลโดยตรง" หรือ "ผลข้างเคียง" ก็ไม่ทราบ  แต่ที่แน่ๆ มันได้กลายเป็น "เงื่อนไข" ให้ต่างชาติใช้เป็นข้ออ้าง ในการจำกัดความร่วมมือ  การช่วยเหลือ

ความจำกัดเหล่านี้  ขยายตัวและแพร่กระจายออกไปเรื่อยๆ

ประเทศไทยเคยมีภาพเป็นประเทศเสรีนิยม เปิดกว้างต่อมิตรสหาย  ไปมาหาสู่กันอย่างสะดวก

สงครามสีภายใน รัฐประหาร 2 ครั้งในรอบไม่ถึง 10 ปี เขยื้อนประเทศไทย  จนเป็นอย่างที่เห็น

การเมืองพลิกเปลี่ยน เป็นการเมืองภายใต้การควบคุม รวมศูนย์อยู่ที่ คสช.  มีกลไกสำคัญคือ "แม่น้่ำ 5 สาย" มาจากการแต่งตั้ง สรรหา

ความยุ่งเหยิงภายใน  อย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลก่อน ทำให้ปัญหาหลายๆ อย่างถูกละเลย ไม่มีการบริหารจัดการ  ไม่มีคนดูแล

กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นชาติที่มีปัญหาค้ามนุษย์  มีปัญหาการควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านการบิน

เศรษฐกิจดำดิ่ง  แม้ทีมเศรษฐกิจปลุกพระท่องคาถาว่าฟื้นแล้วๆ แต่หาคนเชื่อได้ยากเต็มที

เกิดปัญหา "ภัยแล้ง" ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเกษตรกรรมชั้นนำของภูมิภาค ประเทศส่งออกข้าว มีระบบชลประทาน คู คลอง ส่งน้ำทั่วถึง  มีเขื่อน ฝาย มากมาย

กลับต้องมาแห่นางแมวขอฝน แย่งกันสูบน้ำจนคลองแห้งเป็นสายๆ อยู่ๆ  น้ำหมดเขื่อน

ข้าวเป็นล้านๆ ไร่ ยืนต้นแห้งรอฝน

ทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้น  ไม่มีกลไกรับรู้ที่รวดเร็วพอ บุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปแก้ไข ก็โดนมองเป็นเรื่อง  "การเมือง"

เป็น "ผลด้านลบ" ที่เกิดขึ้น และเป็นภาระหนักยิ่งกว่าหนักของ  "คสช."




ขณะที่ในทางการเมือง การจำกัดสิทธิ  ข้อห้ามการแสดงออก แม้จะเป็นที่ชื่นชมของผู้สนับสนุนการรัฐประหาร

แต่ในอีกด้านหนึ่ง  ผู้ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารก็มีไม่น้อย

โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อว่า  ปัญหาบ้านเมืองแก้ไม่ได้ด้วยการยกอำนาจให้คนกลุ่มเดียว

แต่จะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม  เมื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนับสนุน ก็ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ที่เห็นต่าง

ทำให้วันที่ 24 มิ.ย.  อันเป็นวันเริ่มต้นของประชาธิปไตยในประเทศไทย ของปีนี้  มีความหมายมากเป็นพิเศษ

ขณะที่นักการเมืองส่วนมากปิดปาก ระวังตัวแจ  เพราะไม่อยากถูกเชิญตัวไปปรับทัศนคติ สนทนาปัญหาบ้านเมือง

ถ้าเคลื่อนไหว  ก็ออกไปในทางเดินสายไหว้พระ สะเดาะเคราะห์ ชิมมะยงชิด ทุเรียน อย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ  ชินวัตร

กลายเป็นบทบาทของคนรุ่นใหม่ อย่างกลุ่มดาวดิน หรือนักศึกษาคณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เรียกร้องประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ  กันแบบตรงๆ

หรือนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ในนามกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย

ล่าสุด สองกลุ่ม รวมตัวกันในนาม  "ขบวนการประชาธิปไตยใหม่"

ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจพยายามก่อนเข้าควบคุมตัว 14  นักศึกษาตามหมายจับในวันที่ 25 มิถุนายน

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  แสดงความไม่พอใจ กล่าวเตือนหลายครั้ง

น่าสังเกตว่าจำนวนคนออกมาเคลื่อนไหว มีไม่มากนัก  แต่มีผลสะเทือนสูง

อาจเป็นเพราะมีผู้คนที่มีความรู้สึกร่วมจำนวนมากที่ไม่แสดงตัว  แต่ติดตามข่าวสารจากโซเชียลมีเดีย และสื่้ออื่นๆ

ภาพการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่  กลายเป็นประเด็นของการใช้อำนาจรัฐ เข้าจัดการกับฝ่ายที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ

ข้อสรุปง่ายๆ  ที่เกิดขึ้นก็คือ ไม่คุ้มและไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายที่กุมอำนาจอย่างแน่นอน




ประวัติศาสตร์การเมืองชี้ว่า การรัฐประหารที่ผ่านมา หากเข้าเร็วออกเร็ว  การลงจากหลังเสือ ปล่อยวางเปิดทางให้ระบบปกติทำงาน  จะไม่มีปัญหามากนัก

เพราะรัฐประหารเป็นวิธีการที่ใช้ได้ชั่วคราว ยิ่งยืดเวลานาน  จะยิ่งสร้างความเสียหาย

แต่เมื่อสรุปกันว่า รัฐประหาร 2549 เป็นรัฐประหาร "เสียของ"  จึงเกิดแนวคิดที่จะไม่ให้เสียของ นำไปสู่ความพยายามยืดอำนาจ ด้วยข้ออ้าง "ปฏิรูปอีก 2  ปีก่อนเลือกตั้ง"

ความพยายามดังกล่าว เป็นที่รับรู้กันทั่วไป  ยิ่งเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวขอไฟเขียว คสช.เพื่อตั้ง "กาสิโน"  ซึ่งจะมีเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก และมีผู้ระบุถึงการตั้งพรรคใหม่  ยิ่งทำให้เกิดคำเล่าลือถึงการสืบทอดอำนาจ

การเคลื่อนไหว 24 มิ.ย.  เป็นภาพสะท้อนปฏิกิริยาภายในประเทศ ขณะที่ในต่างประเทศก็เต็มไปด้วยปฏิกิริยาเช่นกัน

อาทิ  คำแถลงของนายเกล็น เดวีส์ ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย  ต่อกรรมาธิการฝ่ายกิจการต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.  บ่งบอกถึงท่าทีของสหรัฐต่อสถานการณ์พิเศษในประเทศไทย  อย่างตรงไปตรงมา

โดยย้ำว่าการจำกัดความสัมพันธ์บางด้านกับไทย  การระงับความช่วยเหลือบางประการต่อประเทศไทย  จะดำเนินต่อไปจนกว่าไทยจะมีการบริหารประเทศโดยรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

ในหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ยังไม่ชัดเจนว่าคสช.จะเลือกเกมยาวหรือเกมสั้น

ตัวชี้วัดคือ ร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสปช.ในเดือนกันยายนนี้



การ
เมืองประเทศไทย  จะคาราคาซังในลักษณะนี้อีกพักใหญ่

ตราบเท่าที่คนไทยส่วนหนึ่ง ภาคราชการและองค์กรอิสระ  ยังหวาดหวั่นว่า การกลับสู่การเมืองปกติ มีการเลือกตั้ง จะทำให้ "ทักษิณ"  หรือเครือข่ายกลับมาอีกครั้ง

ขณะที่พรรคการเมืองเอง ยังไม่ได้ปฏิรูปตัวเอง  ไม่ปรับเปลี่้ยนสร้างความหวัง  ให้ความเชื่อมั่นแก่สังคมว่าจะเป็นพรรคการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง

พรรคหลักๆ  อย่างพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ที่แข่งขันกันแบบไม่เผาผี  แต่เอาเข้าจริงก็ก้าวไม่พ้นการยึดถือในตัวบุคคล

ใครก็ตามที่เข้ามารับผิดชอบแก้ปัญหาที่มี  "องค์ประกอบ" ยุ่งเหยิง หากคลำไม่เจอ "ปม" อันเป็นหัวใจ  และเริ่มต้นจากจุดนี้

คงจะต้องเดินวน รอเวลาเสียของอีกครั้ง


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435482306






เริ่มแล้ว! เขียนจดหมายน้อย ถึง14นักศึกษา ที่ถูกจองจำ

นศ.-ประชาชน-อาจารย์ ร่วมส่งใจ




วันที่ 28 มิ.ย. - กิจกรรม "Post it for friends คุกขังเขาได้  แต่หัวใจอย่าปรารถนา" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์  โดยในกิจกรรมเปิดโอกาสให้ทุกคนเขียนความในใจลงบนกระดาษ Post it ให้กับเพื่อนนักศึกษา 14 คน  ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ แล้วนำมาติดที่กระดานบริเวณกำแพงประวัติศาสตร์ข้างศูนย์หนังสือ  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์




นักศึกษาหนึ่งในผู้จัดกิจกรรม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า  ภายใต้สถานการณ์ที่การสื่อสารแบบปกติมีข้อจำกัดหลายประการ  การใช้จดหมายน้อยน่าจะเป็นทางออกที่สื่อสารกับเพื่อนนักศึกษาทั้ง 14 คน ที่จะอยู่ในเรือนจำอย่างน้อย 12  วัน ต่อจากนี้ พร้อมกันนั้นยังฝากถึง คสช. ด้วยว่า  ควรเปิดพื้นที่ให้กับการเคลื่อนไหวในอนาคต

นัชชชา กองอุดม  หนึ่งในนักศึกษาที่ถูกจับกุมและได้ประกันตัวออกมา ยืนยันว่า  การเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาไม่มีเบื้องหลังและเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์  ส่วนการที่ประกันตัวออกมานั้น เพราะสภาพบรรยากาศคุกของประเทศไทยไม่เอื้อต่อเพศสภาพของตน



กลุ่มนศ.ประชาธิปไตยใหม่ กอดคอตะโกน

แถลง5ข้อเคลื่อนต่อ หลังเพื่อนถูกจับ (คลิป)



เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 27  มิถุนายน กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่  จัดแถลงข่าวถึงแนวทางการดำเนินการรวมถึงภาพรวมและเป้าหมายใหม่ในอนาคตที่บ้านสวนเงินมีมา  มูลนิธิเสฐียรโกเศศ นาคะประทีป ตั้งอยู่ระหว่างซอยเจริญนคร 20-22 แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กทม. โดยมี  นางสาวกตัญญู หมื่นคำเรือง นางสาวชนกนันท์ รวมทรัพย์ และนางสาวลลิตา เพ็ชรพวง  นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่  ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ยืนยันจุดยืนหลังจากเพื่อนนักศึกษาร่วมกลุ่มถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อวันที่ 26  มิ.ย.ที่ผ่านมา








ก่อนเริ่มแถลงตัวแทนกลุ่มแสดงออกด้วยกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์  กอดคอหันหลังโชว์กระดาษที่เขียนคำว่า "ประชาชน" พร้อมตะโกนว่า  "ประชาชนอยู่เบื้องหลังเรา"


จากนั้นกลุ่มนักศึกษาร่วมกันอ่านแถลงการณ์  โดยมีใจความสำคัญยังคงยืนยันขับเคลื่อนขบวนฯกันต่อไป ตามหลักการกำปั้นห้า  ประกอบด้วย

1.หลักประชาธิปไตย  จะต้องให้พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเสมอหน้าอย่างเท่าเทียมกัน
2.หลักความยุติธรรม  ที่จะช่วยลดความขัดแย้งในสังคม ปราศจากสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรม
3.หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน  ในการกำหนดวิถีชีวิตตนเอง รัฐบาลต้องคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว
4.หลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน  ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องเคารพ รัฐบาลต้องหยุดละเมิดสิทธิประชาชน
5.หลักสันติวิธี คือ  การแก้ไขปัญหาทางการเมืองต้องปราศจากการใช้ความรุนแรง  หรือการนำมาสู่เงื่อนไขที่ทำให้เกิดความรุนแรง







ทั้งนี้ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ย้ำว่า  การเคลื่อนไหวจะกระทำด้วยมือเปล่า เท้าเปล่า และมีเบื้องหลังคือประชาชนผู้รักในสิทธิและเสรีภาพเท่านั้น  มิได้มีกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง หรือพรรคการเมืองใดๆแอบแฝงทั้งสิ้น






ขณะที่ตัวแทนกลุ่มนักศึกษาปชต.ใหม่ระบุว่าหลังจากนี้จะมีกิจกรรมต่อวางแคมเปญเคลื่อนไหวและลงพื้นที่ทำงานร่วมกับประชาชนตามที่ทำอย่างต่อเนื่องกลุ่มยืนยันว่าจะมีกิจกรรมขับเคลื่อนตามจุดยืนต่อไปแต่ยังไม่เปิดเผยว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่


เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางการพิสูจน์ตัวเองว่าไม่มีกลุ่มการเมืองอยู่เบื้องหลังตัวแทนนักศึกษากล่าวว่าประชาชนเห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่ทำกิจกรรมมาตลอด ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้เห็น  และยืนยันว่ากลุ่มที่สนับสนุนเบื้องหลังคือประชาชนทั่วไปที่รักประชาธิปไตยไม่ใช่นักการเมือง


ตัวแทนกลุ่มที่มาแถลงยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่สอบถามสภาพของเพื่อนนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวตามหมายศาลทหารโดยตัวแทนที่มาแถลงเปิดเผยว่าเพื่อนทุกคนยังกำลังใจดียิ้มแย้มแจ่มใสไม่ขอประกันตัว และมีความสุขดี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่อ่านแถลงการณ์เสร็จสิ้นมีกลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่า "ประชาชนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มปชต.ใหม่" อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนักศึกษา14 คน  ที่ถูกจับไปเมื่อวานนี้ (26 มิถุนายน)  และถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพความเห็นต่าง





(ที่มาคลิป :  พลเมืองโต้กลับ)



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้