ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
เรียกตัวสาวโพสต์ใบสั่ง โวมีแบ็คดี-ส่อแววโดนหลายกระทง                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/121047


                                                            ตำรวจ สน.โชคชัย เตรียมออกหมายเรียกสาวโพสต์รูปใบสั่งแล้วไม่มาตามนัด แถมปิดโทรศัพท์หนี เล็งตั้งข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

          จากกรณีที่หญิงสาวรายหนึ่งโพสต์รูปใบสั่ง ที่ระบุข้อหาว่าไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว และยังเขียนข้อความกำกับภาพดังกล่าวอีกด้วยว่า ได้เป่าเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ และพบว่ามีปริมาณ  90 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ก็รอดพ้นมาได้แบบสวย ๆ เพราะมีแบ็คดี จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ และพฤติกรรมของหญิงสาวคนดัง จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น [อ่านข่าว : โซเชียลด่าจัดหนัก ! สาวเมาแล้วขับโพสต์อวดเดินออกจากด่านสวย ๆ คลิก ]

          ล่าสุด (28 พฤษภาคม 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.ต.ท. สรพงษ์ นาคะโยคี รองผู้กำกับจราจร สน.โชคชัย ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนั้นเป็นเวลา 02.45 น. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านอยู่บริเวณถนนลาดพร้าว ฝั่งตรงข้าม สน.โชคชัย และพบว่าหญิงคนดังกล่าวขับรถผ่านมาตำรวจจึงโบกเรียกขอตรวจสอบใบขับขี่ แต่หญิงคนดังกล่าวไม่มีใบขับขี่มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จึงปรับเป็นเงินจำนวน 500 บาท

          ทั้งนี้การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามปกติ แต่ไม่คิดว่าหญิงคนดังกล่าวจะนำภาพใบสั่งไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กในลักษณะดังกล่าว จนเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อไปยังหญิงสาวรายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้คำตอบว่าที่โพสต์ภาพนั้นเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์พร้อมกับกล่าวคำขอโทษกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

           เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์คุยกับหญิงคนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ก็มีการนัดพบเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม แต่ปรากฏว่าหญิงคนดังกล่าวไม่มาตามนัด และยังปิดโทรศัพท์หนีอีกด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องออกหมายเรียก

          นอกจากนี้การโพสต์รูปภาพของหญิงสาวอาจถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานด้วย                                                                        
                                                            

ขอบคุณสำหรับข่าวคร๊าบ
พระสุเทพ หวิดนอนคุก ศาลให้ประกันตัว 2 แสนบาท คดีหมิ่น นปช.                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/121111


                                                            ศาลรับฟ้อง พระสุเทพ กล่าวหา แกนนำ นปช. เป็นตัวการเผาบ้านเมือง ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง ด้านเจ้าตัวให้การปฏิเสธ พร้อมยื่นประกันตัววงเงิน 2 แสนบาท ศาลอนุมัติปล่อยตัวชั่วคราว

          เมื่อวานนี้ (28 พฤษภาคม 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลอาญา ว่า พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้นำพระสุเทพ ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. มาฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา จูงใจเพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง

          สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2554 จำเลยพูดบนเวทีปราศรัยหาเสียง โดยกล่าวหา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ด้วยถ้อยคำที่ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า ผู้เสียหายทั้งหมดเป็นคนไม่ดี เป็นผู้ก่อเหตุการณ์ไม่สงบเผาบ้านเมือง เป็นการหมิ่นประมาทใส่ความผู้เสียหายทั้งหมด อีกทั้งการกระทำของจำเลยยังเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้เสียหาย เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. และทั่วราชอาณาจักร ขอให้ศาลลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ,328 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 53 ,137

          โดยศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.1878/2558 พร้อมอ่าน และอธิบายคำฟ้องให้พระสุเทพฟัง ซึ่งพระสุเทพให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 17 สิงหาคมนี้ เวลา 09.00 น.

          ภายหลังนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของพระสุเทพ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวพระสุเทพ ซึ่งศาลพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 2 แสนบาท                                                                        
                                                            

ตำรวจ-ทหาร สกัดจับแว๊น 395 คน ย่านราชพฤกษ์
ตำรวจนครบาล8 สนธิกำลังทหาร เปิดยุทธการราชพฤกษก์โมเดล สกัดจับจักรยานยนต์ซิ่งป่วนเมือง บนสะพานต่างระดับราชพฤกษ์ ได้395 คน ยึดรถของกลางจำนวนมาก – คุมทำประวัติตรวจสารเสพติดก่อนส่งฟ้อง
รถจักรยานยนต์ จำนวนกว่า 200 คัน เป็นของกลางที่ตำรวจ นครบาล 8 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่19 ซึ่งเป็นของกลางที่ยึดได้ จากกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่ จักรยานยนต์ ในลักษณะสร้างความเดือดร้อนรำคาญ รถทั้งหมดถูกยึดได้บริเวณ สะพานยกระดับราชพฤกษ์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตลาดพลู
โดยตำรวจและทหารสามารถจับกุมวัยรุ่นได้ทั้งหมด 395 คน และเกินครึ่งหนึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18ปี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำรถอาสามูลนิธิ รถยกและรถจีเอ็มซีของทหาร มานำตัวกลุ่มเยาวชนและรถจักรยานยนต์ ของกลาง ไปควบคุมไว้ที่ สน.ตลาดพลู เพื่อทำประวัติตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด และเชิญผู้ปกครองมารับทราบ
ด้าน พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ตลาดพลู เปิดเผยว่า การจับกุมเยาวชนในครั้งนี้ มีการวางแผนร่วมกันระหว่าง สน.บางยี่เรือ สน.ตลาดพลู. สน.สำเหร่ และทหาร มานานกว่า1 เดือนตามโครงการาชพฤกษ์โมเดล ใช้กำลังทั้งหมดกว่า 150 นาย
หลังได้รับการร้องเรียนจาก ประชาชน ในพื้นที่ ที่เดือดร้อนจากกลุ่มรถ จักรยานยนต์ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการวางแผนตั้งจุดสกัด โดยใช้รถยนต์ปิดกั้นเส้นทางต่างๆ บีบให้กลุ่มวัยรุ่นขับรถขึ้นมาบนสะพานยกระดับ เพื่อความปลอดภัย ง่ายต่อการจับกลุ่ม และป้องกันการหลบหนี
ทั้งนี้กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดตำรวจจะควบคุมไปสอบปากคำและคัดแยกอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนเยาวชนที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ก็จะเชิญผู้ปกครองมาสอบถาม แต่หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย ผู้ปกครองก็จะมีความผิด
ส่วนการส่งฟ้องศาล จะแยกออกเป็นสองส่วนคือกลุ่มที่อายุเกิน18ปี และกลุ่มที่อายุต่ำกว่า18ปีที่จะต้องส่งศาลเยาวชน พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานให้เร็วที่สุด ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางให้เป็นดุลยพินิจของศาลที่จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป

: จับแว๊น, ย่านราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์, เด็กแว๊น
ติดต่อทีมข่าว : news@mthai.com
ปล. จับพวกนี้ชาวบ้านคงไม่ด่าหรอกครับ ...ไม่ใช่ตั้งด่านจับข้อหา หมวกกันน็อคมีแว่นกันแดดด้านใน หรือ ที่พักเท้าไม่มียางหุ้มหมายถึงดัดแปลงสภาพ...
https://www.facebook.com/K.speed.net/photos/a.348691198567102.1073741829.136465203123037/608105575958995/?type=1




ตำรวจนครบาล8 สนธิกำลังทหาร เปิดยุทธการราชพฤกษก์โมเดล สกัดจับจักรยานยนต์ซิ่งป่วนเมือง บนสะพานต่างระดับราชพฤกษ์ ได้395 คน ยึดรถของกลางจำนวนมาก – คุมทำประวัติตรวจสารเสพติดก่อนส่งฟ้อง
รถจักรยานยนต์ จำนวนกว่า 200 คัน เป็นของกลางที่ตำรวจ นครบาล 8 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่19 ซึ่งเป็นของกลางที่ยึดได้ จากกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่ จักรยานยนต์ ในลักษณะสร้างความเดือดร้อนรำคาญ รถทั้งหมดถูกยึดได้บริเวณ สะพานยกระดับราชพฤกษ์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตลาดพลู
โดยตำรวจและทหารสามารถจับกุมวัยรุ่นได้ทั้งหมด 395 คน และเกินครึ่งหนึ่งเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18ปี ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำรถอาสามูลนิธิ รถยกและรถจีเอ็มซีของทหาร มานำตัวกลุ่มเยาวชนและรถจักรยานยนต์ ของกลาง ไปควบคุมไว้ที่ สน.ตลาดพลู เพื่อทำประวัติตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด และเชิญผู้ปกครองมารับทราบ
ด้าน พ.ต.อ.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผกก.สน.ตลาดพลู เปิดเผยว่า การจับกุมเยาวชนในครั้งนี้ มีการวางแผนร่วมกันระหว่าง สน.บางยี่เรือ สน.ตลาดพลู. สน.สำเหร่ และทหาร มานานกว่า1 เดือนตามโครงการาชพฤกษ์โมเดล ใช้กำลังทั้งหมดกว่า 150 นาย
หลังได้รับการร้องเรียนจาก ประชาชน ในพื้นที่ ที่เดือดร้อนจากกลุ่มรถ จักรยานยนต์ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการวางแผนตั้งจุดสกัด โดยใช้รถยนต์ปิดกั้นเส้นทางต่างๆ บีบให้กลุ่มวัยรุ่นขับรถขึ้นมาบนสะพานยกระดับ เพื่อความปลอดภัย ง่ายต่อการจับกลุ่ม และป้องกันการหลบหนี
ทั้งนี้กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดตำรวจจะควบคุมไปสอบปากคำและคัดแยกอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนเยาวชนที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ก็จะเชิญผู้ปกครองมาสอบถาม แต่หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย ผู้ปกครองก็จะมีความผิด
ส่วนการส่งฟ้องศาล จะแยกออกเป็นสองส่วนคือกลุ่มที่อายุเกิน18ปี และกลุ่มที่อายุต่ำกว่า18ปีที่จะต้องส่งศาลเยาวชน พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานให้เร็วที่สุด ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางให้เป็นดุลยพินิจของศาลที่จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป

: จับแว๊น, ย่านราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์, เด็กแว๊น
ติดต่อทีมข่าว : news@mthai.com
ปล. ดีกว่่ามาตั้งด่านออกใบสั่งข้อหา มีแว่นกันแดดด้านในหมวกกันน็อคหรือพักเท้าไม่มียางหุ้มผิดข้อหาดัดแปลงสภาพ ...จับแบบนี้ชาวบ้านคงปรบมือให้
แถม ให้ดูว่า ตำรวจที่จะจับสามารถตั้งข้อหาได้ตลอด ดัดแปลงสภาพ เจอแบบนี้หน้าแตกเลยมากดูกัน





มาดูกันคนจะจับก็บอกว่าผิด...ทั้งๆที่ไม่ผิด

อันนี้ บอกว่าไม่ผิด...


ชื่นชม หนุ่มฮีโร่ลุยช่วยสาวรอดหวุดหวิด หลังขับรถชนเสาจนไฟลุก                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/121222


                                                            โลกออนไลน์แห่ชื่นชมวีรกรรมของหนุ่มฮีโร่ที่ฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยสาวรอดหวุดหวิด หลังขับรถชนเสาจนไฟลุกท่วม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวโลกออนไลน์แห่ชื่นชมวีรกรรมของนายชาญชัย ดวงจันทร์ ฮีโร่หนุ่มที่ฝ่ากองเพลิงบุกทุบกระจกเข้าไปดึงตัว น.ส.จุฆามาศ ไตรศุภโชค ลูกสาวนายกเทศมนตรีห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี ออกมาสำเร็จ หลังขับรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ ชนเสาไฟจนเพลิงท่วม หวิดถูกคลอกทั้งเป็น

ทั้งนี้ พ.ต.ท. ภูมิพัฒน์ นามพุทธา สวส.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี  เปิดเผยว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2558 ซึ่งหลังรับแจ้งเหตุว่า รถยนต์พุ่งชนเสาไฟฟ้าแล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ บริเวณหน้าวัดจิตตภาวัน ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาเข้าพัทยา หมู่ 1 ต.บางละมุง ก็รุดไปตรวจสอบทันที โดยเมื่อเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุบริเวณพบรถยนต์ โตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน ฎว 5843 กรุงเทพมหานคร เกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงกั้นไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องมาใกล้จุดเกิดเหตุ เกรงจะเกิดอันตราย และเจ้าหน้าที่เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

ส่วนคนขับรถมีหนุ่มฮีโร่เข้าไปช่วยเหลือจนออกจากตัวรถไว้ทัน ทราบชื่อต่อมา คือ น.ส.จุฆามาศ ไตรศุภโชค อายุ 23 ปี ลูกสาวของ นายไพรัตน์ ไตรศุภโชค นายกเทศมนตรีตำบลห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี อยู่ในอาการมึนงง ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมีบาดแผลแตก เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลกรุงเทพ-พัทยา

สำหรับฮีโร่หนุ่มที่ฝ่ากองเพลิงบุกทุบกระจกเข้าไปดึงตัว น.ส.จุฆามาศ ทราบชื่อในเวลาต่อมา คือ นายชาญชัย ดวงจันทร์ อายุ 23 ปี โดย นายชาญชัย เผยถึงนาทีระทึกว่า ขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ในร้านจำหน่ายหินอ่อนใกล้กับที่เกิดเหตุ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้น ตนจึงรีบวิ่งออกมาดูก็พบรถยนต์ถูกเพลิงลุกไหม้รุนแรง แถมคนขับที่อยู่ในสภาพคล้ายใกล้จะหมดสติยังติดค้างอยู่ภายในด้วย จึงตัดสินเข้าไปทุบกระจกรถให้แตก ก่อนดึงร่างออกมาสำเร็จ                                                                        
                                                            

กทม. อัพค่าเก็บขยะ 8-10 เท่า อัตราใหม่จ่ายบ้านละ 150 บาท/เดือน                                                     
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/121249


                                                            คนกรุงเตรียมจ่ายค่าขยะอัตราใหม่ 150 บาทต่อเดือน จากเดิม 20 บาท หลังบางบ้านทำมึนไม่จ่าย เผย กทม. แบกภาระปีละ 6,000 ล้านบาท

วันที่ 1 มิถุนายน 2558 นายสุวพร เจิมรังษี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างจัดทำร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการจัดการขยะอันใหม่ คือ

1. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. ...

2. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราค่าธรรมเนียมในการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ...

เพื่อให้ทุกเทศบาลนำไปใช้ในแนวทางเดียวกัน โดยกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ ได้กำหนดอัตราการจัดเก็บครัวเรือนละ 150 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้หากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ กทม. จะสามารถดำเนินการจัดเก็บค่าเก็บขยะได้เพิ่มขึ้น 8-10 เท่าจากเดิมที่ กทม. เก็บเพียงครัวเรือนละ 20 บาทต่อเดือนเท่านั้น แถมบางบ้านไม่ยอมจ่าย เพราะมองว่าไม่จ่าย กทม. ก็ยังเก็บให้ โดยปัจจุบันมีครัวเรือนตามทะเบียนราษฎร์ประมาณ 2,100,000 ครัวเรือน แต่สามารถจัดเก็บค่าเก็บขยะได้ประมาณ 1,900,000 ครัวเรือน หรือเป็นเงินที่จัดเก็บได้ปีละประมาณ 450 ล้านบาท ส่งผลให้ที่ผ่านมา กทม. แบกภาระค่าดำเนินการจัดเก็บ-กำจัดขยะ ปีละ 6,000 ล้านบาท                                                                        
                                                            

ประกาศ ! แจ้งผู้ฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ต้องแสดงบัตรประชาชนทุกครั้ง                                                            

                                                                  
                                
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/121278


                                                            มาตรการใหม่ ประกาศให้ผู้ฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์แสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางทุกครั้ง ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามเกี่ยวกับยาเสพติด เริ่ม 2 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป

วันนี้ (2 มิถุนายน 2558) นางวราภรณ์ ใช้เทียมวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ขอความร่วมมือจากผู้ฝากส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (กรณีเป็นชาวต่างประเทศ) ต่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ทุกครั้งก่อนใช้บริการ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน เป็นต้นไป

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่

1. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2558) เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ประกาศ ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558

2. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2558) เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ประกาศ ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558

โดยประกาศข้างต้นได้กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการขนส่งสินค้าหรือพัสดุภัณฑ์ เป็นสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการจะต้องให้ความร่วมมือดำเนินการ โดยผู้ใช้บริการจะต้องแสดงหลักฐานประจำตัว เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ของผู้ฝากส่งหรือผู้ฝากส่งแทน หากผู้ใช้บริการไม่ได้เตรียมหลักฐานประจำตัวมาในขณะฝากส่ง ทางบริษัทมีความจำเป็นต้องขอระงับการรับฝากไว้ก่อน จนกว่าจะมีหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่                                                                        
                                                            

ดราม่าพยาบาลให้นมทารก แพทย์จุฬาฯ แย้งเสี่ยงติดเชื้อ                                                            
                                                                                       
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/121355


                                                            ชาวเน็ตตั้งคำถาม การให้นมแก่เด็กที่ทารกที่ไม่ใช่ลูกของตนเองนั้น ควรกระทำหรือไม่ หลังแพทย์จุฬาฯ เตือนการให้ทารกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองดูดนม เสี่ยงเกิดอันตราย และอาจได้รับเชื้อโรค ด้านสหภาพพยาบาลฯ ยันพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว

             จากกรณีโลกโซเชียลแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก สหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นภาพที่พยาบาลคนหนึ่งที่เป็นแม่ลูกอ่อนกำลังให้นมเด็ก เนื่องจากพ่อแม่เกิดอุบัติเหตุ โดยพ่อเสียชีวิต ส่วนแม่บาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถให้นมเด็กได้ จนมีผู้เข้ามาชื่นชมการกระทำของพยาบาลท่านนี้เป็นจำนวนมาก

             แต่เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว ลงเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยระบุว่า...

             "อ่าน social media แล้วตกใจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าไม่ควรบริจาคนมแม่ในเวชปฏิบัติ ถ้าทารกไปดูดนมแม่อื่นที่ไม่ใช่แม่ของตน

             ทั้งนี้ ทางตะวันตกจะถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ให้ดูแลทารกนั้นเหมือนบุคลากรทางการแพทย์ ที่ถูกเข็มตำทีเดียว เพราะในนมแม่ที่ไม่ใช่แม่ทารกเอง ไม่ทราบว่ามีเชื้อโรคอะไรบ้าง เช่น เชื้อเอชไอวี (HIV) ไวรัสบี ไวรัสซี ฯลฯ ถึงแม้ว่านมแม่จะดีที่สุด ก็ดีที่สุดสำหรับลูกตัวเอง ไม่ควรบริจาคให้ใครเด็ดขาด ถ้าจะมีการให้นมแม่ ก็จะมีธนาคารนม การจัดจำหน่ายต้องมีขบวนการฆ่าเชื้อที่ถูกวิธี โดยคุณค่านมไม่เสีย จะเป็นการลงทุนที่สูงมาก"

             หลังข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้หลาย ๆ คนต่างสงสัยว่า จริง ๆ แล้วการให้นมแก่เด็กที่ทารกที่ไม่ใช่ลูกของตนเองนั้น เป็นเรื่องที่ควรกระทำหรือไม่กันแน่

             และล่าสุด (3 มิถุนายน) เฟซบุ๊ก สหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาชี้แจงประเด็นนี้ว่า...

             เรียนคุณแม่และญาติเด็กที่ได้รับนมจากเต้าพยาบาล ท่านโปรดจงมั่นใจในคุณภาพ เพราะเรายึดหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ เราจะไม่แพร่เชื้อโรคจากนมตนเองแน่นอน

             ตามข่าวจากกระแสข่าว social กรณีพยาบาลให้นมตนเองแก่คนไข้เด็ก เป็นที่ฮือฮา และเกิดการวิพากษ์ 2 กระแส จึงนำเรียนมาชี้แจงดังนี้

             1. การให้นมแก่คนไข้เด็กในโรงพยาบาล กรณีกระทำการโดยบุคลากรทางด้านสาธารณสุข ซึ่งมีการพินิจพิเคราะห์ ถึงข้อดีข้อเสียแล้ว เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตนาใด ๆ แอบแฝง นอกเหนือจากการให้ด้วยจิตเมตตา

             2. กระบวนการให้นมกระทำโดยบุคลากรทางด้านสาธารณสุข และกระทำการโดยใช้การตัดสินใจของมารดาที่ไม่อาจกระทำการให้นมบุตรได้ในขณะนั้น จึงขออนุญาตจากมารดาก่อน และได้รับคำตอบตกลงอนุญาต

             3. บุคลากรดังกล่าว ซึ่งในขณะนั้นเป็นมารดาอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร และมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน และประกันคุณภาพ ว่าไม่ใช่ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์, ไวรัสตับอักเสบบี, ซี , EBV และอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสุขภาพประจำปีทุกคน

             ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้สะเทือนอารมณ์ และงานด้านวิชาการชาติตะวันตก ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ และขอเตือนพี่น้องประชาชน หากจะได้รับนมแม่จากบุคคลอื่น ซึ่งไม่ใช่มารดาของเด็ก ควรมีการตรวจสอบว่าเป็นนมจากบุคคลติดเชื้อหรือไม่ ?? เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าลูกคุณจะไม่ติดเชื้อแน่นอน — กับ Yong Poovorawan                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้