พลิกแฟ้มประหาร! ‘หมอสุพัฒน์’ ฆ่าโหดแรงงานพม่าฝังดิน ศาลจังหวัดเพชรบุรี ตัดสินประหารชีวิต “หมอสุพัฒน์” พร้อมลูกชายคนโต-จำคุกลูกชายคนเล็ก 25 ปี 3 เดือน ในคดีฆ่าอำพรางแรงงานชาวพม่าฝังดิน หลังวานนี้ (1พ.ค.) ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้มีคำพิพากษาสั่งประหารชีวิต “หมอสุพัฒน์” พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมด้วยนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายคนโต และจำคุกนายอัคร เลาหะวัฒนะ บุตรชายคนเล็ก 25 ปี 3 เดือน ฐานร่วมกันฆ่า “นายอีต้าร์” แรงงานชาวพม่า ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนและปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ หลังมีการขุดพบซากโครงกระดูกของแรงงานชาวพม่า ถูกฝังอยู่ภายในไร่ของ “หมอสุพัฒน์” ในพื้นที่ ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ขณะที่ “หมอสุพัฒน์” ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษา ให้ออกหมายจับมารับการลงโทษ โดยทนายความได้ยื่นขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ
ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อปี 2555 นับเป็นคดีดังแห่งปี เรื่องดังกล่าวกลายเป็นข่าวครึกโครม สังคมจับตามองและให้ความสนใจ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี เข้าจับกุม “หมอสุพัฒน์” ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่หาดปึกเตียนเมื่อวันที่ 22 ก.ย.55 เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับการหายตัวไปของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาชาวเพชรบุรี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.52 หลังนายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดชาวเพชรบุรี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรีว่า พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไทเกอร์ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน บฉ-5960 เพชรบุรี ของนายสามารถ บุตรชายและน.ส.อรษา ลูกสะใภ้ ที่หายตัวไปจอดอยู่ภายในบ้านร้างแห่งหนึ่งใน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เหตุดังกล่าว นำมาสู่การ “พลิกแฟ้มคดีคนสูญหาย” ที่เหมือนจะถูกลืมไปแล้วกลับขึ้นมาทำใหม่อีกครั้ง กระทั่งนำไปสู่การจับกุม “หมอสุพัฒน์” และออกหมายจับ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยา ในข้อกล่าวหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันรับของโจร และต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของสองสามีภรรยาดังกล่าวด้วย พยานชี้จุดพบรถกระบะ “สองสามีภรรยา”ในจ.นนทบุรี
เหตุที่ทำให้ “หมอสุพัฒน์” ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากพี่ชายแท้ๆ ของหมอสุพัฒน์เอง ได้ให้ข้อมูลแก่ นายสว่าง บิดาของนายสามารถว่า รถกระบะของบุตรชายและลูกสะใภ้ที่หายไปกว่า 3 ปีนั้น ถูกจอดซุกในบ้านร้างแห่งหนึ่งในพื้นที่จ.นนทบุรี ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ “หมอสุพัฒน์” ที่เคยอยู่อาศัย จนเป็นที่มาของการร้องรื้อคดี และตามจับกุมตัว “หมอสุพัฒน์” ในที่สุด โดยพ่อของเหยื่อ เชื่อว่ามาเกิดจากความขัดแย้งที่บุตรชายและสะใภ้มีที่ดินติดกับไร่ของ หมอสุพัฒน์ โดยคดีนี้เป็นที่สนใจของสังคม เพราะผู้ต้องหาเป็นถึงนายแพทย์ เป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ทั้งนี้ การค้นหาหลักฐานในเชิงคดี ก็ยังไม่สามารถแจ้งข้อหา “ฆาตกรรมสองสามีภรรยา” กับหมอสุพัฒน์ได้ เนื่องจากการเข้าขุดค้นไร่ของหมอสุพัฒน์ที่ จ.เพชรบุรี จำนวนหลายครั้งนั้น พบเพียงโครงกระดูก 3 ศพ แต่เมื่อส่งไปตรวจดีเอ็นเอ กลับไม่มีศพใด ที่ระบุได้ว่าเป็นของนายสามารถ และภรรยาของเขา แต่กลับพบว่าหนึ่งใน 3 ศพนั้น เป็นศพของ “นายอีต้าร์” คนงานพม่าในไร่ของ หมอสุพัฒน์ จากการพบศพ “นายอีต้าร์”นั้น เพื่อนคนงานในไร่ให้การอ้างว่า หมอสุพัฒน์ “เป็นคนสั่งฆ่า” โดยมีบุตรชายสองคนรวมอยู่ด้วยในขณะเกิดเหตุ สาเหตุเพราะหึงหวงที่นายอีต้าร์ไปพัวพันกับ นางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาของหมอสุพัฒน์ พร้อมให้การระบุว่า วันเกิดเหตุ “นายอีต้าร์” ถูกยิงเข้าที่ขมับและยิงซ้ำที่ปาก ส่วนแรงงานชาวพม่าอีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของ นายอีต้าร์ หลบหนีไปได้ ก่อนย้อนกลับมาเป็นพยานในคดีให้ตำรวจ จากนั้นมีการนำตัวพยานไปชี้จุดฝังศพจนพบซากโครงกระดูก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ฆ่าแรงงานพม่าและค้ามนุษย์” แก่หมอสุพัฒน์อีก 2 ข้อหา รวม 3 ข้อหา ค้นศพสองสามีภรรยา ในไร่ “หมอสุพัฒน์”
“กักขังหน่วงเหนี่ยวและรับของโจร ในคดีการหายไปของสองสามีภรรยา และข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานพม่าและข้อหาค้ามนุษย์ จากการพบศพ นายอีต้าร์” จนนำมาซึ่งคำสั่ง “ประหารชีวิต” แม้ว่าปัจจุบัน “หมอสุพัฒน์” จะยังอยู่ระหว่างหลบหนีคดีก็ตาม… โดยก่อนหน้านี้ “หมอสุพัฒน์” พร้อมบุตรชายทั้งสอง ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยยืนยันว่า ไม่ได้กระทำความผิดในเรื่องดังกล่าว และไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการหายตัวไปสองสามีภรรยา แต่กลับเป็นฝ่ายช่วยเหลือครอบครัวทั้งสองด้วยซ้ำ ทั้งนี้ทีมทนายพยายามยื่นขอประกันตัว หมอสุพัฒน์และน.ส.วิลสา ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกลางเพชรบุรี แต่ศาลไม่อนุญาต จนเมื่อยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว น.ส.วิลสา โดยศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างดำเนินคดี เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีที่มีอัตราโทษเล็กน้อย อีกทั้งประกอบกับเป็นผู้หญิงไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีได้ จากนั้น ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุก หมอสุพัฒน์ 5 ปี ในคดีลักทรัพย์ รถยนต์ ของสองสามีภรรยาชาวเพชรบุรี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะที่น.ส.วิลสา ภรรยา ที่สมรู้ร่วมคิด ถูกจำคุก 3 ปี 4 เดือน และอีกหนึ่งคดีใน “ข้อหาค้ามนุษย์” จากการรับคนงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน พร้อมให้ที่พักพิงซ่อนเร้นแก่คนงานต่างด้าวเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยให้ “หมอสุพัฒน์” ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ต่อโจทก์ร่วม รวมเป็นเงิน 1 ล้านบาท โดย “หมอสุพัฒน์” ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวในคดีดังกล่าวออกไป เพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ จากนั้น “หมอสุพัฒน์” ได้ “หลบหนี” ไม่มาฟังคำพิพากษาศาล ซึ่งศาลเห็นว่า “หมอสุพัฒน์” มีพฤติการณ์หลบหนีคดี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราว ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม “หมอสุพัฒน์” ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีในขณะนี้ มีรายงานล่าสุด จากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนว่า เมื่อเร็วๆนี้มีผู้พบเห็น “หมอสุพัฒน์” ปรากฏตัวอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน ประเทศกัมพูชา ถึงแม้ล่าสุด ศาลจะพิพากษาสั่ง “ประหารชีวิต” หมอสุพัฒน์แล้วก็ตาม คงไม่ถือว่าเป็นการสิ้นสุดคดีดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากตำรวจยังไม่สามารถนำตัว “หมอสุพัฒน์” กลับมาชดใช้กรรมที่ก่อไว้ได้….. รวมถึงยังไม่พบศพของ “สองสามีภรรยา” ที่หายตัวไปอย่างลึกลับและไร้ร่องรอย ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถมัดตัวผู้กระทำผิดได้อย่างชัดเจน….
MThai News ผู้ที่มีวิชาความรู้มากมายแต่คิดว่าชีวิตผู้อื่นเป็นเช่นผักปลานับวันความคิดเช่นนี้ถูกปลูกฝังในคนรุ่นใหม่มากขึ้นทุกวัน...มีหรือจน เรียนมาก เรียนน้อย ก็หนึ่งเสียวิตเหมือนกัน
|