ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
โชว์เครื่องประดับ-กรุพระ 40 ล."ผบ.ตร.สมยศ-เมีย”ยอดทรัพย์สินรวม 374 ล.
ยลโฉมของสะสม-เครื่องประดับ 40 ล้าน “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง-เมีย” ผบ.ตร. รายล่าสุด สนช.ปี 57 ปืน 7 กระบอก 4 แสน พระเครื่อง 12 องค์ 25 ล้าน สร้อยเพชร-จี้ไข่มุก 8 แสน – แจ้งรายได้คนเดียว 52 ล้าน ทรัพย์สินรวม 374 ล้าน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี 2557 แจ้งครอบครองทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) รวมมูลค่า 40 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีปืนถึง 7 กระบอก รวมมูลค่า 4 แสนบาท พระเครื่อง 12 องค์ 25 ล้านบาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.อ.สมยศ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง สนช. เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 แจ้งว่า ครอบครองทรัพย์สินอื่นฯ รวมมูลค่า 40 ล้านบาท
แบ่งเป็นของ พล.ต.อ.สมยศ 15 รายการ มูลค่า 30 ล้านบาท
1.นาฬิกา โรเล็กซ์ 1 เรือน 6 แสนบาท 2.นาฬิกา ปาเต็ก 1 เรือน 5 แสนบาท 3.นาฬิกา โรเล็กซ์ 1 เรือน 7 แสนบาท 4.นาฬิกา แพนนาไฮน์ 1 เรือน 8 แสนบาท 5.นาฬิกา ปาเต็ก 1 เรือน 6 แสนบาท 6.นาฬิกา ปาเต็ก 1 เรือน 7.5 แสนบาท 7.นาฬิกา ปาเต็ก 1เรือน 6.5 แสนบาท 8.ปืนลูกซอง 1 กระบอก 6 หมื่นบาท 9.ปืนสั้น 9 มม. 1 กระบอก 5 หมื่นบาท 10.ปืนออโตเมติก 9 มม. 1 กระบอก 5.5 หมื่นบาท 11.ปืนออโตเมติก 1 กระบอก 4 หมื่นบาท 12.ปืนรีวอลเวอร์ .357 1 กระบอก 9 หมื่นบาท 13.ปืนออโตเมติก 9 มม. 1 กระบอก 4.5 หมื่นบาท 14.ปืนออโตเมติก 9 มม. 1 กระบอก 6 หมื่นบาท 15.พระเครื่องตามรูปถ่าย 12 องค์ 25 ล้านบาท
ของนางพจมาน พุ่มพันธุ์ม่วง คู่สมรส 32 รายการ 10 ล้านบาท
1.สร้อยไข่มุก 1 เส้น 5.5 แสนบาท 2.สร้อยไข่มุกสลับสี 1 เส้น 3.5 แสนบาท 3.ต่างหูไข่มุกประดับเพชร 1 คู่ 1.5 แสนบาท 4.แหวนไข่มุกประดับเพชร 1 วง 2.5 แสนบาท 5.ต่างหูไข่มุก-เพชร 1 คู่ 2.5 แสนบาท 6.สร้อยเพชร-จี้ไข่มุก 1 เส้น 8 แสนบาท 7.ต่างหูเพชร 1 คู่ 3.5 แสนบาท 8.ต่างหูไข่มุกขาว 1 คู่ 1.5 แสนบาท 9.ต่างหูไข่มุกดำ 1 คู่ 1.5 แสนบาท 10.แหวนหัวทับทิม 1 วง 2 แสนบาท 11.แหวนเพชร 1 วง 3 แสนบาท 12.แหวนเพชร 1 วง 3 แสนบาท 13.แหวนเพชรเดี่ยว 1 วง 2.5 แสนบาท 14.แหวนมุกล้อมเพชร 1 วง 3.5 แสนบาท 15. เข็มกลัดเพชร-มุก 1 ชิ้น 1.5 แสนบาท 16.เข็มกลัดเพชร-มุก 1 ชิ้น 1.5 แสนบาท
17.สร้อยมุก-เพชร 1 เส้น 4.5 แสนบาท 18.สร้อยมุก-เพชร 1 เส้น 3 แสนบาท 19.สร้อยทองขาว-เทอร์คอย 1 เส้น 4.5 แสนบาท 20.สร้อยทองขาว-มุกดำ 1 เส้น 3.5 แสนบาท 21.เข็มกลัดเพชร-เทอร์คอย 1 ชิ้น 1.5 แสนบาท 22.แหวนเทอร์คอย-เพชร 1 วง 2 แสนบาท 23.ต่างหูเทอร์คอย-เพชร 1 คู่ 2.5 แสนบาท 24.แหวนมุก-เพชร 1 วง 2.5 แสนบาท 25.ต่างหูมุก 1 คู่ 1.5 แสนบาท 26.ต่างหูมุก-เพชร 1 คู่ 2.5 แสนบาท 27.นาฬิกา ปาเต็กฟิลลิป 1 เรือน 4.5 แสนบาท 28.นาฬิกา คาร์เทีย 1 เรือน 4 แสนบาท 29.นาฬิกา ปาเต็ก 1 เรือน 4.5 แสนบาท 30.นาฬิกา ปาเต็ก 1 เรือน 4 แสนบาท 31.นาฬิกา แฟรงค์มูลเลอร์ 1 เรือน 4.5 แสนบาท 32.นาฬิกา ปาเต็ม 1 เรือน 3.5 แสนบาท
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ แจ้งว่า มีรายได้ทั้งหมด 52,468,980 บาท (เป็นของ พล.ต.อ.สมยศ ทั้งหมด)
จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) 1,348,730 บาท, รายได้จาก บมจ.ทุ่งคาฮาเบอร์ 2 หมื่นบาท, บจก.เวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย) 39,095,250 บาท, บจก.แอนเซ็ท มิลเลี่ยน วอเตอร์ 12 ล้านบาท
มีรายจ่ายทั้งหมด 21.5 ล้านบาท
แบ่งเป็นของ พล.ต.อ.สมยศ 20 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่อปี 12 ล้านบาท, บริจาคทำบุญหรือเกี่ยวกับการกุศล 8 ล้านบาท) ของนางพจมาน 1.5 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่อปี 1.2 ล้านบาท, บริจาคทำบุญฯ 3 แสนบาท)
มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 374,679,849 บาท
แบ่งเป็นของ พล.ต.อ.สมยศ 246,455,152 บาท (เงินฝาก 18 บัญชี 11,544,651 บาท, เงินลงทุน 12 แห่ง 53,117,900 บาท, เงินให้กู้ยืม 2 รายการ 109 ล้านบาท, ที่ดิน 10 แปลง 40,792,601 บาท, โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง 2 ล้านบาท, ทรัพย์สินอื่นฯ 30 ล้านบาท)
ของนางพจมาน 128,224,696 บาท (เงินฝาก 4 บัญชี 27,790,529 บาท, เงินลงทุน 3 แห่ง 1,280,216 บาท, ที่ดิน 14 แปลง 65,810,000 บาท, โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4 หลัง 23,343,950 บาท, ทรัพย์สินอื่นฯ 10 ล้านบาท)
มีหนี้สินทั้งสิ้น 18,822,122 บาท แบ่งเป็นของ พล.ต.อ.สมยศ 13,947,446 บาท ของนางพจมาน 4,874,676 บาท (เป็นเงินกู้จากธนาคารทั้งหมด)
สำนักข่าวอิศรา

[color=rgba(0, 0, 0, 0.14902)]


โชว์เครื่องประดับ-กรุพระ 40 ล."ผบ.ตร.สมยศ-เมีย”ยอดทรัพย์สินรวม 374 ล.
ยลโฉมของสะสม-เครื่องประดับ 40 ล้าน “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง-เมีย” ผบ.ตร. รายล่าสุด สนช.ปี 57 ปืน 7 กระบอก 4 แสน พระเครื่อง 12 องค์ 25...
ISRANEWS.ORG|โดย ISRANEWS
"เรืองไกร"บี้ ป.ป.ช.สอบ สนช.ร่ำรวยผิดปกติ พร้อมลุยเจาะข้อมูลบิ๊กทหาร-ตำรวจ ทรัพย์สินอู้ฟู่ เตรียมคุ้ยรถประจำตำแหน่ง "นายกฯตู่"ได้มาจากไหน
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะกิจการพรรคเพื่อไทยและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งข้าราชการ อดีตข้าราชการทหาร และตำรวจ หลายรายมีทรัพย์สินจำนวนมาก ว่า กำลังติดตามข้อมูลเพื่อตรวจสอบทั้งหมด อย่างไรก็ตามคนที่มีข้อมูลมากที่สุดคือ ป.ป.ช. ที่ต้องตรวจสอบลงลึกต่อไป โดยตนมีข้อสังเกตว่าถ้ารับราชการอย่างเดียวแล้วมีทรัพย์สิน 200-300 ล้านนั้นเอามาจากไหน เป็นเรื่องที่น่าสงสัย แต่ถ้าต้นตระกูลมีทรัพย์สินจำนวนมากที่เป็นมรดกตกทอดมาก็ยังพอฟังได้ ทั้งนี้ในส่วนของ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และนายอาคม เต็มวิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ที่ยังไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินในตำแหน่ง สนช.นั้น หาก ป.ป.ช.แจ้งเตือนแล้วยังไม่มายื่น ก็เข้าข่ายมีความผิด
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนที่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินมาแล้วก็ต้องมาตรวจสอบต่อไปว่าแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือมีการปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่จะนำไปสู่การตรวจสอบว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะในส่วนของข้าราชการทั้งที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังไม่เกษียณ ป.ป.ช.ควรสุ่มตรวจทรัพย์สิน ประเภท รถ หรือบ้านว่าใครให้มา มีใบเสร็จมาแสดงหรือไม่ ไม่ใช่ดูแค่เลขทะเบียน เพื่อให้รู้ว่ามีการซื้อ ขาย โอนทรัพย์สินด้วยชื่อของใคร เพราะส่วนใหญ่เราจะได้ยินว่าพ่อค้าจะดูแลข้าราชการ ขณะที่ สนช.ที่มาจากภาคเอกชน อย่างนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าไทย วันนี้ป.ป.ช.ยังทำอะไรไม่ได้ แต่หากพ้นจากตำแหน่งแล้ว จะต้องยื่นแสดงบัญชีหลังพ้นตำแหน่ง ก็ต้องตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ทั้งนี้คิดว่าระบบการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ป.ป.ช.ยังไม่มีประสิทธิภาพและล่าช้า
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าตนจะติดตามตรวจสอบทั้งหมด โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีรถประจำตำแหน่งยี่ห้อเมอร์ซิเดซ เบนซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ญค 1881 กทม.ว่ามีที่มาอย่างไร พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีทรัพย์สินถึง 79 ล้านว่าเอามาจากไหน พล.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ น้องชายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ซึ่งจะดูว่าพี่น้อง 3 คนนี้มีทรัพย์สินสอดคล้องเชื่อมโยงกันอย่างไร ตลอดไปจน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผช.ผบ.ตร. ที่มีทรัพย์สินจำนวนมากและยังรับราชการอยู่ รวมทั้ง สนช. 28 คนที่ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองไม่ให้มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นกลุ่มหลัก ๆ ที่ตนจะเร่งตรวจสอบ.
เดลินิวส์ออนไลน์
http://goo.gl/6rkh4d



[color=rgba(0, 0, 0, 0.14902)]


'เรืองไกร'คุ้ยข้อมูลบิ๊กทหารรวยอู้ฟู่
'เรืองไกร'บี้ ป.ป.ช.สอบ สนช.ร่ำรวยผิดปกติ พร้อมลุยเจาะข้อมูลบิ๊กทหาร-ตำรวจ ทรัพย์สินอู้ฟู่ เตรียมคุ้ยรถประจำตำแหน่ง 'นายกฯตู่'ได้มาจากไหน
DAILYNEWS.CO.TH























"ประยุทธ์"ลุยกระตุ้นศก.รากหญ้า แจกเงินอปท.แห่งละ1ล.-ห้ามใช้ดูงาน
"พล.อ.ประยุทธ์"ลงนามประกาศใช้จ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าเป็นทางการแล้ว เผยอัดฉีดเม็ดเงิน 8.5 พันล้าน ผ่านอปท.จัดเต็มแห่งละ1ล้าน งบเหลือใส่เพิ่มอีก ระบุกิจกรรมต้องทำ 4 ส่วน ห้ามนำไปใช้ดูงานทั้งใน-ตปท.!
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.57 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ลงนามในประกาศเรื่อง การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ.2557
มีสาระสำคัญอยู่ที่การกำหนดกรอบรายละเอียดการใช้จ่ายเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการของ อปท. ตามแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ในวงเงินจำนวน 8,500 ล้านบาท 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนที่หนึ่งจัดสรรเงินให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งๆ ละ 1 ล้านบาท
ส่วนที่สอง หากมีเงินเหลือจากการจัดสรรในส่วนที่หนึ่ง ให้นำมาจัดสรรเพิ่มเติมให้แก่อปท.ตามสัดส่วนที่ อปท. แต่ละแห่งได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และภารกิจถ่ายโอน ปีงบประมาณ 2557
ทั้งนี้ ในประกาศฉบับนี้ระบุว่า อปท.ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไปแล้ว จะต้องนำไปใช้ตามโครงการที่กำหนดไว้ 4 ด้าน คือ 1.โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความมั่นคงถาวร 2.การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน 3. การส่งเสริมอาชีพของประชาชน 4. การส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจท้องถิ่นมีความเจริญเติบโต
โดยการดำเนินการทุกขั้นตอน มีการมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ควบคุมกำกับดูแลและรายงานผลการใช้จ่ายเงิน
อย่างไรก็ตาม ในประกาศฉบับนี้ ระบุชัดเจนว่า ห้ามมิให้นำงบประมาณไปใช้จ่ายในการศึกษาดูงานของบุคลากรท้องถิ่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีอยู่ทั้งหมด 7,853 แห่ง แบ่งเป็น อบจ.76 แห่ง เทศบาล 2,436 แห่ง แยกเป็นเทศบาล 30 แห่ง เทศบาลเมือง 174 แห่ง เทศบาลตำบล 2,232 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 5,339 แห่ง และองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา) 2 แห่ง
สำนักข่าวอิศรา
http://isranews.org/isranews-news/item/33375-payut01_33375.html











ถูกใจถูกใจ ·  · แชร์ · 1316




เรือด่วนเจ้าพระยา ขอขึ้นค่าโดยสาร ขู่ไม่ยอมให้ปรับ ลดเที่ยววิ่งแน่
เรือด่วนเจ้าพระยา ขอขึ้นค่าเรือโดยสารระยะละ 2 บาท ยื่นคำขาด ธ.ค.นี้ไม่ยอมให้ขึ้น ลดเที่ยวเรือบางเส้นทาง...
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีผู้ประกอบการเรือด่วนเจ้าพระยา ขอปรับค่าเรือโดยสารเพิ่มอีก 1-2 บาทนั้น เรื่องนี้ขอดูรายละเอียดก่อน และได้มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาเรื่องนี้ ส่วนที่ว่าหากไม่ได้รับค่าโดยสารและผู้ประกอบการอาจปรับลดจำนวนเที่ยววิ่งบางเส้นทางนั้น คงจะต้องมีการพูดคุยกันก่อน
ด้าน น.ท.ปริญญา รักวาทิน กรรมการผู้จัดการบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ขอขึ้นค่าเรือโดยสารระยะละ 2 บาท มาตั้งแต่ปี 55 แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลสูงกว่าเพดานที่กำหนด 25 บาท มานานแล้ว แต่ต่อไปถ้าน้ำมันดีเซลเพิ่มจนเกิน 30 บาทต่อลิตร บริษัทคงอยู่ไม่ได้แน่นอน และถ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นค่าโดยสารในเดือนธันวาคมนี้ อาจจะหาทางออกด้วยการลดให้บริการเที่ยวเรือบางเส้นทางแทน.
ไทยรัฐออนไลน์



[color=rgba(0, 0, 0, 0.14902)]


เรือด่วนเจ้าพระยา ขอขึ้นค่าโดยสาร ขู่ไม่ยอมให้ปรับ ลดเที่ยววิ่งแน่
เรือด่วนเจ้าพระยา ขอขึ้นค่าเรือโดยสารระยะละ 2 บาท ยื่นคำขาด ธ.ค.นี้ไม่ยอมให้ขึ้น ลดเที่ยวเรือบางเส้นทาง...
THAIRATH.CO.TH



















สรุปเหรียญ เอเชียนเกมส์

No.
ประเทศ
รวม
1
จีน
151
108
83
342
2
เกาหลีใต้
79
71
84
234
3
ญี่ปุ่น
47
76
77
200
4
คาซัคสถาน
28
23
33
84
5
อิหร่าน
21
18
18
57
6
ไทย
12
7
28
47
7
เกาหลีเหนือ
11
11
14
36
8
อินเดีย
11
10
36
57
9
ไต้หวัน
10
18
23
51
10
กาตาร์
10
0
4
14
11
อุซเบกิสถาน
9
14
21
44
12
บาห์เรน
9
6
4
19
13
ฮ่องกง
6
12
24
42
14
มาเลเซีย
5
14
14
33
15
สิงคโปร์
5
6
13
24
16
มองโกเลีย
5
4
12
21
17
อินโดนีเซีย
4
5
11
20
18
คูเวต
3
5
4
12
19
ซาอุดีอาระเบีย
3
3
1
7
20
เมียนมาร์
2
1
1
4
21
เวียดนาม
1
10
25
36
22
ฟิลิปปินส์
1
3
11
15
23
ปากีสถาน
1
1
3
5
24
ทาจิกิสถาน
1
1
3
5
25
อิรัก
1
0
3
4
26
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
1
0
3
4
27
ศรีลังกา
1
0
1
2
28
กัมพูชา
1
0
0
1
29
มาเก๊า
0
3
4
7
30
คีร์กีซสถาน
0
2
4
6
31
จอร์แดน
0
2
2
4
32
เติร์กเมนิสถาน
0
1
5
6
33
ลาว
0
1
2
3
34
บังกลาเทศ
0
1
2
3
35
เลบานอน
0
1
1
2
36
อัฟกานิสถาน
0
1
1
2
37
เนปาล
0
0
1
1
38
บรูไน
0
0
0
0
39
ปาเลสไตน์
0
0
0
0
40
โอมาน
0
0
0
0
41
เยเมน
0
0
0
0
42
ภูฏาน
0
0
0
0
43
ติมอร์-เลสเต
0
0
0
0
44
ซีเรีย
0
0
0
0
45
มัลดีฟส์
0
0
0
0





สลิงขาด!! คนงานตกลงมาพร้อมถังปูน โดนทับดับคาที่
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.springnewstv.tv/
                                                            วันที่ 6 ต.ค. 2557 เวลา 09.30น. ร.ต.ท.รนกร   สังข์ภิรมย์ ร้อยเวร ตำรวจภูธรนครปฐม ได้รับแจ้ง ที่บริเวณ ถ.ราชมังคา อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่สร้างคอนโค 8 ชั้น ได้มีงานถูกถังปูนตกมาทัพเสียชีวิต   ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ  ทราบว่า บริษัทอินเตอร์เป็นผู้ก่อสร้างคอนโค 8 ชั้นดังกล่าว

จากการสอบสวนในที่เกิดเหตุ คนงานคนดังกล่าว  ชื่อนาย ลา  จันทร์ลา คนงานชาวกัมบูชาในสภาพเสียชีวิตอยู่ไกลถังปูน   จึงได้สอบถามผู้เห็นเหตุกล่าว ว่า นายลาเป็นช่างปูนก่อสร้างก่อนเกิดเหตุ ขณะที่กำลังจะยกถังปูนขึ้นไปชั้น 8 นายลาได้เกาะถังปูนขึ้นไปด้วย เมื่อยกขึ้นถึงชั้นที่ 7 ได้เกิดสลิงขาดทำตัวนายลาพร้อมกับถังปูนลอยละลิ่วลงมา ทำให้ถังปูนทัพตัวนายลาเสียชีวิตคาที่  ส่วนทางเจ้าหน้าที่ จะให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสริงว่าได้มาดตฐานหรือไม่                                                                        
                                                            

รถตู้ชนสิบล้อตรงจุดยูเทิร์นร้อยศพ อยุธยา ดับ 1 เจ็บอีก 8
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/
                                                            รถตู้ลพบุรี-กรุงเทพฯ ชนข้างรถสิบล้ออย่างจัง หลังจู่ ๆ รถบรรทุกกลับรถกะทันหัน จนรถตู้เบรกไม่ทัน บริเวณจุดยูเทิร์นร้อยศพวัดบ้านแจ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย เสียชีวิต 1 ราย

วันนี้ (6 ตุลาคม 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.50 น. เกิดเหตุรถตู้โดยสารชนข้างรถบรรทุกทราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณวัดบ้านแจ้ง กม.36-37 ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยรถตู้โดยสารดังกล่าวเป็นรถประจำทางสายลพบุรี-กรุงเทพฯ สีขาว หมายเลขทะเบียน 10-2584 ลพบุรี มีผู้โดยสารติดอยู่ภายในซากรถจำนวน 8 ราย บาดเจ็บสาหัส บริเวณด้านหน้ารถ พบมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายจำรุณ ผุหลง อายุ 65 ปี ชาว จ.ลพบุรี ส่วนรถยนต์บรรทุก 10 ล้อบรรทุกทรายได้หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งนี้ นายสันติ เพ็ชร์ทองคำ อายุ 48 ปี ชาว จ.ลพบุรี คนขับรถตู้ ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เล่าว่า ตนได้ขับรถมาตามถนนปกติ พอมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุที่เป็นช่วงกลับรถ ตนมองเห็นรถบรรทุกทรายจอดอยู่ข้างหน้าเพื่อรอยูเทิร์น แต่จู่ ๆ รถบรรทุกทรายก็กลับรถกะทันหัน จนตนเบรกรถไม่ทัน พุ่งเข้าชนเข้าที่ข้างรถบรรทุกทรายอย่างจัง หลังจากนั้นรถบรรทุกทรายได้ขับหลบหนีไป โดยไม่สนใจว่าจะมีคนเจ็บหรือผู้เสียชีวิตหรือไม่

สำหรับที่เกิดเหตุบริเวณจุดกลับรถวัดบ้านแจ้งครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก จนชาวบ้านเรียกว่ายูเทิร์นร้อยศพ และขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาแก้ไข ทั้งที่รู้ว่ามีรถบรรทุกทรายและรถบรรทุกวิ่งออกมาจาก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ทุกวัน                                                                        
                                                            

แฝดสยามตัวติดกันสิ้นใจแล้ว แพทย์ชี้ หัวใจทำงานไม่สมบูรณ์
                                                                                                                  
                            ที่มา : http://baby.kapook.com/
                                                            แฝดสยามเพศหญิงที่อุดรฯ เสียชีวิตแล้วทั้งคู่ แพทย์ เผย มีหัวใจและตับอันเดียวกัน และหัวใจทำงานไม่สมบูรณ์ เตรียมร้องขอร่างไว้ใช้ศึกษา ก่อนมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศล

จากกรณีแม่ชาวอุดรธานีให้กำเนิดลูกแฝดเพศหญิง 2 คนมีหน้าอกติดกันเหมือนกรณีแฝดสยามอินจันที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เมื่อคืนวันที่ 2 ตุลาคม 2557 ซึ่งทางแพทย์พบว่า นอกจากเด็กทั้งสองคนจะมีหน้าอก หน้าท้องติดกันแล้ว ยังมีหัวใจดวงเดียวกัน โดยหัวใจมีห้องบน 3 ห้อง ห้องล่าง 3 ห้อง ต่างกับคนทั่วไปที่มีหัวใจ 4 ห้อง อีกทั้งยังมีตับอันเดียวกัน จึงมีความเป็นไปได้ว่าหากผ่าตัดแยกร่างแล้วอาจช่วยชีวิตไว้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น

ล่าสุดวันนี้ (6 ตุลาคม 2557) นพ.ณรงค์ ธาดาเดช รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ รพ.ศูนย์อุดรธานี พร้อมด้วยคณะแพทย์ได้แถลงผลการรักษาและพยายามช่วยชีวิตฝาแฝดที่มีหน้าอกติดกันว่า เด็กฝาแฝดได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีหัวใจและตับอันเดียวกัน อีกทั้งหัวใจยังทำงานไม่สมบูรณ์ ทำให้มีชีวิตอยู่ได้เพียง 3 วันเท่านั้น ขณะนี้ได้ประสานกับทางคณะแพทย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นแล้ว ซึ่งทางคณะแพทย์อาจร้องขอกับครอบครัวของเด็ก เพื่อขอร่างเด็กเอาไว้ใช้ศึกษาเรียนรู้ จากนั้นจะมอบให้ทางญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป                                                                        
                                                            

"BMW"ซิ่งข้ามเกาะกลางถนนชนแท็กซี่ พุ่งเสียบรถเมล์พังยับ หนุ่มสาวบาดเจ็บ                                                                                                                   
                            ที่มา : http://www.matichon.co.th/
                                                            เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 8 ต.ค. ร.ต.ท.บรรยงค์ แดงเรือง พนังงานสอบสวน สน.พหลโยธิน รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณปากซอยลาดพร้าว 25 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นถนน6 เลน บริเวณช่องทางที่ 2 ฝั่งขาออก พบรถโดยสารประจำทางสาย 145 สีแดง-ครีม หมายเลขทะเบียน 11-9346 กรุงเทพมหานคร วิ่งเส้นทางระหว่างสถานีหมอชิต 2 - ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ สภาพด้านหน้าพังเล็กน้อยชนประสานงากับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู ไม่ทราบรุ่น สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ภศ 4308 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยินยุบเกือบครึ่ง

จากการตรวจสอบภายในรถ พบนายพงศภัค กิจนพศรี อายุ 21 ปี เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.นฤมล โคตะโน อายุ 31 ปี นั่งโดยสารมาด้วยกัน ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะแตกทั้งคู่  

นอกจากนี้บริเวณช่องทางที่สาม พบรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรล่า สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน มฎ 7658 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านข้างเสียหายเล็กน้อย ทราบชื่อผู้ขับขี่ต่อมา คือ นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์ชาลี อายุ 26 ปี ซึ่งมี น.ส.มาลินี นามวงษ์ อายุ 23 ปี เป็นผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวทั้งหมดส่ง ร.พ.เปาโล โชคชัย 4

สอบสวนนายณรงค์ฤทธิ์ ให้การว่า ตนกำลังไปส่งผู้โดยสารย่านบางกะปิ โดยใช้ถนนเส้นทางดังกล่าว กระทั่งใกล้จุดเกิดเหตุ ตนขับตีคู่มากับรถเมล์ จากนั้นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูได้ขับมาด้วยความเร็วที่ช่องทางขาเข้าก่อนเสียหลักพุ่งข้ามเลนเกาะกลางถนนมาชนกับรถตนก่อนกระเด็นไปชนกับรถเมล์เข้าอย่างจัง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป                                                                        
                                                            

คนขับรถเมล์สาย 92 สุดกร่าง ขับปาด-ชูนิ้วกลาง  
                                                                                                                 
                            ที่มา : http://news.sanook.com/
                                                            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 ต.ค.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kui Papa ได้โพสต์คลิปและข้อความประจานพฤติกรรมของคนขับรถเมล์สาย 92 ที่นอกจากขับปาดรถคันอื่นโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ยังขับตามประกบรถที่บีบแตรใส่ตนเอง แล้วยังด่าพร้อมชูนิ้วกลางให้อีกด้วย

ทั้งนี้ คนขับรถเมล์สาย 92 ถูกตำรวจจราจรสกัดจับ แต่ปรากฏว่า ทั้งคนขับและกระเป๋ารถเมล์ยังไม่สำนึก พูดว่า เดี๋ยวโทรหาเฮียก่อน ตรวจสอบ พบว่าไม่มีใบขับขี่อีกด้วย

"ช่วย ๆ กันแชร์นะคะความกร่างของรถร่วมสาย 92 คันนี้ ปาดจากขวาสุดไม่เปิดไปเลี้ยวหน้าอิมพีเรียลลาดพร้าว อีก 5 เซนติเมตรชน เลยบีบแตรใส่ นอกจากไม่สำนึกว่าตัวเองผิดแล้วยังตามมาจอดประกบ ซ้ายขวา และจอดดักหน้ารถ ยื่นแขนออกมานอกรถสุดแขนแล้วชูนิ้วกลางให้ คนเห็นกันทั้งถนน จนมีรถเก๋งคันหนึ่งเป็นผู้ชายเปิดกระจกแล้วบอกเอาเลยพี่ ให้เราจัดการรถเมล์นักเลง แล้วคนขับและกระเป๋ายังตามมาตีคู่และด่าเรา เราเลยบอกให้มันจอดรอจะเรียกตำรวจ คนขับยังลอยหน้าลอยตาท้าทาย ขับมาเจอป้อมตำรวจข้างโรงพยาบาลลาดพร้าวเข้าไปแจ้ง เจอดาบตำรวจเลิศ ช่วย ว.สกัดจับ และสกัดจับได้ที่หน้าแม็คโคร ลาดพร้าว ต้องขอบคุณ หมวดเชื่อม จารจรลาดพร้าวอีกท่าน

ปรากฏว่า ทั้งคนขับและกระเป๋าก็ยังไม่สำนึกผิด พูดจากวนบาทาแม้อยู่ต่อหน้าตำรวจ บอกเดี๋ยวโทรหาเฮีย หลังจากถ่ายรูปบัตรประชาชน (เนื่องจากคนขับขับรถโดยไม่มีแม้กระทั่งใบขับขี่) ถ่ายรูปรถ ทะเบียนรถ และสอบถามทางหมวดเชื่อมแล้ว ตำรวจบอกว่าจะเอาไปเปรียบเทียบปรับที่ สน.ลาดพร้าว และแนะนำให้เรา ส่งเรื่องให้ ขสมก. ต่อไป จึงไปธุระต่อ เดี๋ยวโพสต์ต่อไปจะลงรูปให้ดูหน้า สุดยอดรถเมล์ร่วมของไทยไม่ไปไม่รู้หรอก!!!"                                                                        
                                                            

สุดมึน! หนุ่มกดเงินหมื่นตู้ ATM ได้ไม้ตะเกียบแทน
                                                                                                                  
                            ที่มา : http://news.sanook.com/
                                                            (7 ต.ค.) พ.ต.ท.สุทธิชน ธงชัยภูมิ สารวัตรเวร สภ.บางปู สมุทรปราการ รับแจ้งมีคนมากดเงินที่ตู้บริการเงินด่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าบริษัท ชิน อี เมลทัล จำกัด ภายในเขตส่งออกนิคมอุตสาหกรรมบางปูซอย E6 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ แต่เงินไม่ยอมออกมาแต่กลับมีไม้ตะเกียบออกมาแทน

ตรวจสอบพบนายไพรัตน์ สุขแก้ว อายุ 38 ปี ผู้เสียหายยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าตู้ดังกล่าว เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ มาส่งแฟนทำงานกะดึก และวันนี้เป็นวันเงินเดือนของแฟน จึงได้ไปกดเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มจำนวน 17,000 บาท เพื่อจะนำไปจ่ายค่างวดรถในวันพรุ่งนี้ ซึ่งระหว่างกดเงินตามขั้นตอนจนจบ ได้เอื้อมมือมารอหยิบเงินที่ช่องจ่ายเงินที่อยู่หน้าตู้ ปรากฎว่ากลับมีไม้ตะเกียบยาวประมาณ 7 นิ้วออกมาแทน ส่วนเงิน 17,000 บาทของตนที่กดออกมากลับถูกดูดคืนกลับเข้าตู้ไปเหมือนเดิม ตนพยายามใช้มืองัดช่องจ่ายเงินเพื่อที่จะดูว่าเงินคาอยู่ที่ช่องหรือไม่ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ รปภ.ของบริษัทดังกล่าวได้เดินออกมาดูและบอกว่าเดี๋ยวสัญญาณเตือนภัยจะดัง พร้อมทั้งแนะนำให้ตนไปแจ้งความที่โรงพัก

นายไพรัตน์ เล่าต่อว่า ด้วยความสงสัยตนเองจึงกดเช็คยอดเงินพบว่ายอดเงินได้หายไป 17,000 บาทตามที่ตนกดเอาไว้เหลือยอดเงินเพียง 15 บาทเท่านั้น ห่างกันประมาณ 6-7 นาทีในระหว่างที่เตรียมตัวจะไปแจ้งความที่โรงพัก ได้มีพนักงานของบริษัทซ่อมตู้เอทีเอ็มเป็นชาย 3 คนเดินทางมาซ่อมตู้เอทีเอ็มตู้ดังกล่าว โดยอ้างว่าจะมาเปลี่ยนสายพานในตู้เอทีเอ็ม ตนจึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแต่พนักงานทั้ง 3 ได้บอกว่าให้ตนไปแจ้งความและนำใบแจ้งความไปติดต่อที่ธนาคารในช่วงเช้า แต่ระหว่างนั้นตนได้สังเกตเห็นพนักงานที่เข้าไปเปิดตู้เซฟด้านหลังมีธนบัตรใบละพันกว่า 10 กว่าใบตกอยู่นอกกล่องบรรจุเงิน แต่ตนก็ไม่กล้าถามจึงเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจจะมีคนจงใจที่จะเอาไม้ตะเกียบไปแหย่ขวางช่องจ่ายเงินของตู้เอทีเอ็มดังกล่าวเอาไว้เมื่อมีคนมากดเงิน ซึ่งเงินที่กดออกมาจะชนอยู่กับไม่เสียบลูกชิ้นทำให้เงินไม่ไหลออกมา หลังผู้เสียหายออกจากตู้ไปคนร้ายก็จะย้อนกลับมาทำทีกดเงินและดึงเอาไม้เสียบลูกชิ้นออกเอาเงินของผู้เสียหายไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้