ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
รถบรรทุกซิ่งชน 3 คัน หนุ่มใหญ่ดับคาเก๋ง เจ็บอีก 2
                                                                                                                   
                            ที่มา : ข่าวสดออนไลน์
                                                            เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 9 ก.ย. ร.ต.อ.คงเทพ บุญนาค ร้อยเวร สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนกับรถกระบะ รวม 3 คัน มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ เหตุเกิดบนถนนสายกำแพงแสน-พระแท่น หมู่ 9 ต.ทุ่งบัว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่เกิดเหตุ พบรถยนต์เก๋ง สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฐร 5958 กทม. ภายในรถที่เบาะคนขับ พบศพนายสมพร เจิมจุล อายุ 56 ปี อยู่ ต.หนองกร่าง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี สภาพศพศีรษะแตก ใบหน้ามีเลือดไหล เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำศพออกมา ส่วนผู้บาดเจ็บที่นั่งคู่กับคนขับ ถูกนำส่งโรงพยาบาลทราบชื่อนางกิมหยง เจิมจุล อายุ 55 ปี ภรรยานายสมพร

ด้านท้ายรถยนต์เก๋งของผู้ตาย ยังพบรถยนต์กระบะ สีขาว ทะเบียน บย 4272 นครปฐม สภาพรถแถบซ้ายพังยับเยิน นายเด่น สวนสม อายุ 33 ปี อยู่ ต.หนองกระทุ่ม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม คนขับได้รับบาดเจ็บ ห่างออกไปเล็กน้อยพบรถกระบะ สีดำ ทะเบียน 1781 กาญจนบุรี ด้านท้ายแถบซ้ายพัง คนขับคือนายสมคิด แก้วบัวขาว อายุ 53 ปี ไม่ได้รับบาดเจ็บ

ด้านร.ต.อ.คงเทพ กล่าวว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ มีรถบรรทุกสิบล้อพ่วง วิ่งพุ่งชนท้ายรถกระบะนของายสมคิดอย่างแรง ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนรถเก๋งของผู้ตายที่ขับอยู่ด้านหน้า ทำให้ผู้ตายไม่สามารถบังคับรถได้แฉลบไปชนกับรถยนต์กระบะที่วิ่งสวนมา ประสานงาเข้าอย่างจัง หลังเกิดเหตุรถบรรทุกได้เร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าเข้า อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี

ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อออกติดตามคนขับรถบรรทุกมาดำเนินคดี                                                                        
                                                            


อุ้ม ‘หลวงปู่พิมพ์’ เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ออกจากโลงแล้ว








เจ้าหน้าที่ รุด นำตัวหลวงปู่พิมพ์ออกมาจากโลงแล้ว หลังถูกร้องเรียนไม่เหมาะสม ก่อนพาส่งโรงพยาบาล
วันนี้(10 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ พระครูเวฬุวันจันทรังษี หรือ หลวงปู่พิมพ์ เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน อายุ 65 ปี ได้ประกาศ ละสังขาร ด้วยการนอนในโลง ภายในกุฏิ เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา และสั่งห้ามใครเข้าไปรบกวน และเปิดฝาโลงอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะถึงเวลา 16.00 น. วันที่ 11 ก.ย. 2557 นั้น ทางเจ้าคณะอำเภอฯ ได้รุดตรวจสอบ และได้พบว่านอนในโลงจริง
หลวงปู่พิมพ์

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ เดินทางไปไปยังวัดเวฬุวัน  เพื่อนำตัวหลวงปู่พิมพ์ออกมาจากโลง เพราะมีผู้ร้องเรียนว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม หลังจากนำตัวหลวงปู่ออกมาพบว่ามีสภาพอิดโรย เมื่อได้เห็นหลวงปู่ลูกศิษย์ต่างพากันร้องไห้แล้วเปล่งเสียง สาธุ สาธุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวหลวงปู่ไปที่โรงพยาบาลคอนสารแล้ว
MThai News
หลายบริษัทไม่รับบัณฑิตจบใหม่เข้าทำงาน ขึ้นบัญชีดำมหาลัยห่วย



หลายบริษัทไม่รับบัณฑิตจบใหม่เข้าทำงาน ขึ้นบัญชีดำมหาลัยห่วย สกอ.เร่งแก้ปัญหา เน้นสหกิจศึกษา

จากรายงานโกลบอล คอมเพทติทีฟ รีพอร์ท 2014-2015 (Global Competitive Report 2014-2015) โดยWorld Economic Forum-WEF ที่ระบุว่า คุณภาพของระบบอุดมศึกษา ของไทยอยู่อันดับ 8 ของอาเซียน เป็นอันดับที่ 78 ของโลก ตามหลัง สปป.ลาว ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 6 ของอาเซียน และอันดับที่ 57 ของโลก

รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา (กกอ.)ได้เผยว่า ขณะนี้มีข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI พบว่าบัณฑิตไทยมีคุณภาพน่าเป็นห่วง โดยมีหลายบริษัทและสถานประกอบการขึ้นบัญชีดำมหาวิทยาลัยไร้คุณภาพแล้วหลายแห่ง ซึ่งจะไม่รับบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยที่ถูกขึ้นบัญชีดำเข้าทำงาน แม้ว่าจะได้รับเกียรตินิยมก็ตาม
เนื่องจากรับเข้ามาแล้วก็ไม่สามารถทำงานได้ทันที ไม่รู้ว่าต้องทำงานอย่างไร ต้องมาฝึกฝนกันใหม่ นอกจากนี้ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ประกอบการไม่พึงพอใจ จึงอยากให้ทางมหาวิทยาลัยเร่งปรับปรุงหลักสูตรให้ผลิตบัณฑิตออกมาตรงตามกับความต้องการของบริษัทและน้ำความรู้มาใช้ในงานได้จริง
ซึ่งทางสกอ.กำลังเร่งแก้ไขปัญหานี้อยู่และเน้นให้มีการจัดการเรียนแบบสหกิจศึกษามากขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งสองทาง ทั้งผู้เรียนเองและผู้ประกอบการเองด้วย จบไปก็สามารถทำงานได้ทันที  โดยได้มีการพัฒนาเรื่องนี้มา 2 -3 ปีแล้วแต่ทำได้บางมหาวิทยาลัยและบางสาขาเท่านั้น ซึ่งการที่บริษัทไม่รับบัณฑิตบางมหาวิทยาลัยเข้าทำงานก็ถือเป็นสิทธิของบริษัทนั้นๆ ที่ไม่เชื่อมั่นในคุณภาพของบัณฑิตที่มหาวิทยาลัยนั้นผลิตออกมา
เรียบเรียงข้อมูล โดย MThai News
ที่มา นสพ.เดลินิวส์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลาว-เขมรแซงหน้าการศึกษาไทย ทิ้งห่างไปแล้วในอันดับโลก


อาจารย์ไม้ร่มวัย 72 มีสาววัย 27 เป็นภรรยา ใช้ชีวิตอย่างสมถะ



อาจารย์ไม้ร่ม วัย 72 แต่งงานกับสาววัย 27

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

          อาจารย์ไม้ร่มวัย 72 มีสาววัย 27 เป็นภรรยา ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ชี้ ความรักส่วนมากมาจากราคะ ทำให้ไม่ยั่งยืน ส่วนความรักของตนเกิดจากใจ

          เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางเข้าไปพบกับนายวิโรจน์ นุ้ยบุตร เจ้าของฉายาอาจารย์ไม้ร่มธรรมชาติอโศก ซึ่งเป็นศิลปินวาดภาพแนวเซอร์เรียลลิสต์ วัย 72 ปี พร้อมกับนางสาวชญาดา เนียมเปีย วัย 27 ปี ซึ่งเป็นภรรยา ที่บ้านเลขที่ 22 ต.พระรักษ์ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านกลางสวนปาล์ม มีความกว้าง 10 เมตร ยาว 12 เมตร ฝาผนังบ้านทำจากไม้และไม้ไผ่มาตีห่าง ๆ เหมือนรั้ว ส่วนหลังคาบ้านมุงด้วยกระเบื้อง และปลูกไม้เลื้อยไว้ด้านบนเพื่อความร่มรื่น พื้นเป็นดิน มีปากทางเข้าเป็นซุ้ม และมีการปลูกไม้เลื้อยต่าง ๆ ที่สามารถรับประทานได้

          ด้านนางสาวชญาดา เปิดเผยว่า หลังจากที่เรียนจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็ทำให้งานเป็นเจ้าหน้าที่โครงการระงับข้อพิพาทเด็กและเยาวชน จ.สงขลา ก่อนได้ชมรายการคนค้นฅน เมื่อปี 2552 และประทับใจกับแนวคิดของบุคคลในรายการ คือ อาจารย์ไม้ร่มธรรมชาติอโศก ด้วยเหตุนี้จึงพยายามติดต่อกับอาจารย์ไม้ร่มตลอด แต่ก็ติดต่อไม่ได้เสียที กระทั่งเมื่อปลายปี 2556 ได้ร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม กปปส. และได้เจออาจารย์ไม้ร่มโดยบังเอิญ จึงได้คุยกันเกือบหนึ่งเดือน จนกลายเป็นความรัก และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ตัดสินใจพาไปพบพ่อแม่ และสู่ขอตามประเพณี ไม่ได้มีของหมั้นแต่อย่างใด

          ด้านอาจารย์ไม้ร่ม เปิดเผยว่า หลังจากที่จบจากวิทยาลัยเพาะช่างปี 2506 ก็ทำงานด้านศิลปะมาโดยตลอด และมีโอกาสเข้าวัดไปศึกษาธรรมะมากขึ้น จนเปลี่ยนแนวทางการใช้ชีวิตเป็นแบบสมถะ จนเข้าสู่ปี 2528 จึงลาออกจากงานประจำที่โรงเรียนนานาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา มาอยู่กับประเทศไทย ทิ้งเงินเดือนเดือนละ 50,000 บาท มาใช้ชีวิตแบบสมถะ ซึ่งหลายคนมองว่าตนเป็นคนบ้า แต่ตนก็ปฏิบัติแบบนี้มา 30 ปีแล้ว

          ส่วนเรื่องความรัก ตนมองว่าความรักของคนส่วนใหญ่เกิดจากราคะและความใคร่ จึงไม่มีความยั่งยืน เมื่อความสาวหมด ความรักก็หมดตาม ส่วนความรักของตนกับภรรยา เกิดขึ้นภายในจิตใจ แม้ว่าอายุจะต่างกันถึง 45 ปีก็ตาม และตอนที่ไปสู่ขอ ตนก็มีเงินติดตัวเพียง 300 บาทเท่านั้น ซึ่งช่วงแรกทางพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็กังวลใจ แต่เมื่อคุยกันก็ยอมให้อยู่ด้วยกัน

          สุดท้าย ตนก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม การอาบน้ำ การสระผมด้วยดินเหนียว ซักผ้าด้วยผงขี้เถ้า กินอาหารมังสวิรัติ และวาดภาพด้วยวัสดุธรรมชาติต่าง ๆ เท่าที่หามาได้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


อ.เจษฎา ทดสอบทำรอยพญานาค ตึกอักษรจุฬาฯ
                                                                                                                  
                            ที่มา : sanook.com
                                                            อ.เจษฎา ซื้อเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงทดสอบทำรอยพญานาค ตึกอักษรจุฬาฯ ปรากฎว่าเหมือนพอใช้

(11 ก.ย.)  จากโลกออนไลน์ฮือฮาภาพรอยประหลาดคล้ายกับรอยพญานาคเลื้อย บริเวณหน้าเทวาลัย หรือ อาคารคณะอักษรศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง  

ล่าสุดวันนี้ ผศ.ดร.ว่าที่ร้อยตรี เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ถึงกรณีดังกล่าว หลังลงไปตรวจสอบร่องรอยดังกล่าว โดยชี้แจงว่า

"เมื่อคืนนึกสนุก เลยเข้าบิ๊กซีไปซื้อเครื่องฉีดน้ำความดันสูงมาลองเล่นดู ได้มาตัวราคาประมาณ 1700 ฉีดที่หลังตึก ที่พื้นเป็นคราบตะไคร่คล้าย ๆ ที่ดูที่อักษร คิดว่าก็เหมือนพอใช้ได้นะ แต่ยังไม่คม-กลมเท่าที่เห็นที่อักษร ... เช็คเฟซบุ้คอีกที คนแชร์กันใหญ่ว่า จริงมันเป็นเครื่องฉีดน้ำล้างพื้นคล้าย ๆ กัน แต่มีหัวกลม ๆ หมุน ๆ เอาไว้ล้างขีดโดยเฉพาะ ... อย่างนึ้นี่เอง ฮะๆๆๆ มิน่า ถึงเนียนนัก"

ทั้งนี้ มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก                                                                        
                                                            

ใกล้กินเจ ผักชีแพงขึ้นอีกกิโลกรัมละ 10 บาท
                                                                                                                   
                            ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
                                                            พาณิชย์ รายงานภาวะสินค้า ราคาปรับหลายรายการ ผักชีขยับขึ้น 10 บาทต่อกิโลฯ ที่กิโลฯ ละ 100-110 บาท กะหล่ำปลี ลดลง เหลือกิโลฯ ละ 15-18 บาท หมู ไก่ ไข่ราคาทรงตัว...

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รายงานภาวะราคาสินค้าจำหน่ายปลีกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช้านี้ (11 ก.ย.) พบราคาสินค้าปรับเปลี่ยนหลายรายการ โดยเฉพาะผักชี มีการปรับราคาสูงถึง 10 บาทต่อกิโลกรัม อยู่ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท กะหล่ำปลี ราคาลดลง เหลือกิโลกรัมละ 15-18 บาท

ส่วนสินค้าอื่นที่ยังทรงตัว เนื้อหมู ราคากิโลกรัมละ 134-136 บาท ไก่สดทั้งตัว ราคากิโลกรัมละ 75-80 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 ราคาฟองละ 3.50-3.60 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 ราคาฟองละ 3.40-3.50 บาท ผักคะน้า กิโลกรัมละ 22-25 บาท ถั่วฝักยาว กิโลกรัมละ 25-28 บาท ผักบุ้งจีน กิโลกรัมละ 20-22 บาท กวางตุ้ง แตงกวา กิโลกรัมละ 18-20 บาท และต้นหอม กิโลกรัมละ 50-60 บาท.                                                                        
                                                            

หลวงปู่พิมยืนยันจากนี้ไปอีก15ปีจะละสังขารอีกครั้ง
                                                                                                                   
                            ที่มา : Nation TV
                                                            เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2557 หลวงปู่พิม ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ไม่ได้หลอกลวงใคร ตั้งใจจะละสังขารในคืนวันที่ 9 ก.ย. โดยเข้าไปนอนในโลงศพข้างกุฏิ และประกาศให้ลูกศิษย์ขึ้นไปดูศพในโลงในวันที่ 11 ก.ย.ก็เพราะป่วยเป็นมาหลายโรค ทั้งโรคเกาต์ และลำไส้มานาน หมอให้ยามารับประทานก็ไม่หาย หลวงปู่เลยเลิกทานยา และตั้งใจปฏิบัติฌานสมาบัติ 4 ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

ส่วนที่ยกเลิกความตั้งใจเพราะหลวงปู่ศรี เจ้าคณะจังหวัดวัดผาเกิ้ง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิและพล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ชัยภูมิ และคณะแพทย์มานิมนต์ขอร้องให้ออกจากโลง เห็นเรื่องจะไปกันใหญ่ จึงตัดสินใจให้ลูกศิษย์นำตัวส่งโรงพยาบาล โดยหลังจากหายป่วยดีแล้วก็จะกลับไปจำวัดที่เดิม แต่จะไม่ขอรับตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้นอีก โดยจะให้หลวงตาบัวฯพระน้องชายเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน ตนเองไม่หลงในลาภยศใด ๆ ทั้งสิ้น จะเดินหน้าสอนธรรมะญาติโยมต่อไป หลังจากกลับมาอยู่ได้ต่อครั้งนี้ อีกไม่เกิน 15 ปีต่อจากนี้ไป ในวันที่ตรงกับ วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2572 จึงจะละสังขารอีกครั้ง                                                                        
                                                            

ชูวิทย์ โพสต์เหน็บ ไมค์ทองคำ ถ้าไม่ฉาวคงแฮปปี้เอนดิ้ง

                                       


จากประเด็นการสั่งซื้อไมโครโฟนในราคาหลักแสนบาท เพื่อใช้ในห้องประชุมของครม.ในตึกบัญชาการ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นเหตุให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาที่แท้จริง จนกระทั่งวานนี้ (10 ก.ย.) อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ออกมชี้แจงกรณีการปรับปรุงทำเนียบทุกขั้นตอนไร้ทุจริต ยืนยันโปร่งใสตรวจสอบได้ ส่วนไมโครโฟนได้สวนลด 35% เหลือราคาตัวละ 94,250 บาท
ทั้งนี้ ในประเด็นดังกล่าว นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ภาพเหน็บเหนมการสั่งซื้อไมค์  โดยภาพที่ นายชูวิทย์ โพสต์นั้นมีการเขียน "นี่คงจะคิดออกตอนมีเรื่องต่อรองขอลดราคา(คอมมิชชั่น) ถ้าเรื่องไม่ฉาวโฉ่ป่านนี้คงแฮปปี้เอนดิ้ง อิ่มหมีพีมันฉลองไมค์ทองคำในห้องสูทแถวรัชดา"
ซึ่งก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ ได้โพสต์เรื่อง "ไมค์ทองคำ"  พร้อมระบุว่า "สมัยก่อนเมื่อผมอยู่ในสภาก็เคยพูดเรื่องนาฬิกาเรือนละเจ็ดหมื่นห้า ตู้น้ำราคาเกือบแสน เก้าอี้หลุยส์ราคาเป็นล้าน เหตุผลเพราะการจัดซื้อจัดจ้างของระบบราชการไทยต้องมีเปอร์เซ็นต์ ค่าน้ำชา เบี้ยบ้ายรายทาง
วิธีการที่ใช้กันโดยทั่วไปคือ
1.ล็อคเสปคให้กับบริษัทเอกชนที่เจรจาต้าอ่วยกันมาแล้ว จากสิบเจ้าเหลืออยู่ไม่ถึงสามเจ้า คู่แข่งโนเนมเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาอย่าหวังจะได้เกิด
2.บริษัทเอกชนต้องมีเส้นสายคอนเน็คชั่น เข้าหาผู้ใหญ่ที่มีอำนาจอนุมัติ ของไม่ดีกลายเป็นของดี ของดีกลายเป็นของแพง
3.ระเบียบหยุมหยิมตามประสาราชการที่จะต้องเรียนรู้ บริษัทยักษ์ใหญ่อาจตกม้าตาย แพ้บริษัทตึกแถว ที่พวกหัวใสไปจัดตั้งไว้ล่วงหน้า
4.เรื่องซ่อมบำรุง ประกัน จะต้องมี เพราะบางหน่วยงานซื้อมาแล้วของยังไม่ทันใช้ หมดเงินเป็นพันๆล้านก็เคยเห็นมาแล้ว เช่น มอเตอร์ไซค์ไทเกอร์ของตำรวจ หรือ รถดับเพลิงของกทม.
ไม่รู้ว่าไมค์ราคาแสนสี่มันจะเสียงดีสักแค่ไหน? พูดออกมาแล้วเสียงทุ้มเหมือนกลั้วฟองเบียร์ เอาไปร้องเพลงในรายการเดอะวอยซ์กรรมการต้องแย่งกันกดปุ่มหรือเปล่า? สรุปจะพูดเอาเนื้อหาสาระหรือจะเอาเสียงใส?
ถึงขนาดนี้ควรจะดูตัวเองแล้วเปรียบเทียบถึงความเดือนร้อนของชาวบ้าน คงไม่ต้องใช้ไมค์ถึงตัวละแสนสี่ เพราะเสียงที่ดีคือเสียงที่สะท้อนปัญหาของประชาชน ไม่ได้อยู่ที่มูลค่าไมค์โครโฟน
ใช้เงินแบบนี้เดี๋ยวเขาจะหาว่าเป็น "สามล้อถูกหวย"
เห็นได้ชัดว่าประเทศไทยยังยึดติดกับวิธีการเดิมๆ แค่เริ่มต้นก็เจอปัญหาเดิมๆเสียแล้ว นี่สิครับควรปฏิรูป เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นและสัมผัสได้
ส่วน หม่อมหลวงปนัดดา แรก ๆ พูดออกไมค์เสียงนุ่มทุ้มว่าไมค์ตัวนี้แจ๋ว เสียงดี มาตรฐานโอบาม่าใช้ หลัง ๆ กลายเป็นเสียงอ้อมแอ้ม โยนไปโยนมาว่ายังไม่ได้จัดซื้อ สงสัยบริษัทนำมาให้ใช้ก่อน
สักพักคงกลายเป็นเสียงเงียบ คราวนี้ต่อให้เอาไมค์ราคาเป็นล้านมาจ่อปาก เสียงคงไม่ดัง
ไอ้ผมก็ขอเป็นฝ่ายค้านนอกสภาแล้วกัน ติเพื่อก่อ บางคนบอกให้ผมเงียบ ผมจะเงียบทำไมล่ะครับ? เมื่อผมมีปากไว้พูด และที่ผมพูดไป หากไม่ใช่เรื่องจริง ก็ช่วยบอกผมหน่อย


ที่มา: http://news.sanook.com/1665225/ชูวิทย์-โพสต์เหน็บ-ไมค์ทองคำ-ถ้าไม่ฉาวคงแฮปปี้เอนดิ้ง/
http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=39413&page=1

กู้ภัยจับงูเห่า ซ่อนตัวใต้ชักโครก คาดอยู่มานาน
                                                                                                                  
                            ที่มา : kapook.com
                                                            ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก กู้ชีพ-กู้ภัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่

          คลิปกู้ภัยจับงูเห่า ซ่อนตัวใต้ชักโครก ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ คาดอยู่มานาน

          เป็นคลิปที่เห็นแล้วชวนขนลุกสุด ๆ เลยล่ะ สำหรับคลิปที่กู้ชีพ-กู้ภัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ กำลังช่วยกันนำงูเห่าออกมาจากชักโครกที่บ้านแห่งหนึ่ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

          โดยที่เฟซบุ๊ก กู้ชีพ-กู้ภัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อตอนตีหนึ่งของช่วงเช้าวันนี้ (12 กันยายน 2557) ซึ่งเจ้าของบ้านแจ้งมาว่าเห็นงูตัวนี้เมื่อหลายวันก่อน แล้วมันก็หายไป พยายามจะจับก็ไม่เจอ เลยแจ้งกู้ภัยให้มาจับ แต่เมื่อมาถึงพยายามหาก็หาไม่เจอเช่นกัน สักพักพอกู้ภัยกำลังจะกลับ งูเห่าก็โผล่หัวมาให้เห็นมาพอดีใต้ช่องน้ำในชักโครก คาดว่ามันอยู่ตรงนี้มานานแล้ว ทั้ง ๆ ที่ห้องน้ำนี้คนก็ใช้เป็นประจำ

          ด้านกู้ภัยก็ใช้เหล็กพยายามจับจนสำเร็จ โดยงูเห่าตัวนี้มีขนาดใหญ่พอประมาณ เห็นแล้วน่ากลัวสุด ๆ ซึ่งถือว่าโชคดีของเจ้าของบ้าน ที่เด็กและคนในบ้านปลอดภัยไม่โดนงูกัด                                                                        
                                                            

ระทึก! รถปูนล้มทับกระบะจอดติดไฟแดง สาหัส 1
                                                                                                                   
                            ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
                                                            รถโม่ปูนล้มทับกระบะจอดติดไฟแดง ปากซอยนราธิวาสฯ 18 เฒ่าวัย 77 ปี ที่นั่งมาบาดเจ็บสาหัส จนท. เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล...

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 12 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางโพงพาง รับแจ้งเหตุ รถบรรทุกปูนทับรถกระบะ บริเวณปากซอยนราธิวาสฯ 18 ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ที่เกิดเหตุพบรถกระบะโตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒน 8601 กรุงเทพฯ ซึ่งจอดติดไฟแดงอยู่ ถูกช่วงท้ายของรถบรรทุกปูนทับบริเวณฝั่งข้างคนขับจนโครงรถยุบอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ชายวัย 77 ปี นั่งเบาะข้างคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดเหล็กเพื่อนำตัวออกมา ส่วนอีก 2 คนในรถกระบะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่คนขับรถปูนทราบชื่อ นายไตรสิทธิ์ ช้างอัครวีรกุล อายุ 43 ปี ไม่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากพลิกคว่ำคนละฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงน้ำตัวผู้บาดเจ็บส่ง รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ก่อนสอบสวนหาสาเหตุ เพื่อดำเนินคดีกับคนขับรถปูนต่อไป.                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้