ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
                            ระวัง! โรคฉี่หนูช่วงน้ำท่วม ป่วยแล้ว 1,300 ราย ภาคใต้มากสุด                                                                                                                   
                            ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
                                                            กรมควบคุมโรคเตือนประชาชน หน้าฝน น้ำท่วมขัง ระวังโรคฉี่หนู ขณะนี้พบผู้ป่วย 1,299 ราย ใน 64 จังหวัด เสียชีวิต 10 ราย โดยพบภาคใต้ป่วยสูงสุด...

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 57 นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ฝนตกเกือบทุกพื้นที่ของไทย ในบางพื้นที่มีน้ำท่วมขัง โรคที่ควรเฝ้าระวัง คือ โรคเล็ปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือ "โรคฉี่หนู" เพราะจากข้อมูลการเฝ้าระวังโรค โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 29 สิงหาคม 2557 พบผู้ป่วยโรคฉี่หนูทั่วประเทศ 1,299 ราย ในพื้นที่ 64 จังหวัด มีผู้เสียชีวิต 10 ราย พบได้ทั้งผู้ที่อยู่ในชนบทและอยู่ในเมือง กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุด คือ อายุ 35-54 ปี รองลงมา คือ 45-54 ปี และ 55-64 ปี ตามลำดับส่วนจังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สตูล ระนอง ยะลา พังงา และกาฬสินธุ์

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต ประสานการดำเนินงานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง และ อสม. เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค และการดูแลเมื่อมีอาการป่วย เพื่อป้องกันการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยโรคนี้รักษาให้หายขาดได้ แต่อาจติดเชื้อและป่วยซ้ำได้ ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยในคนได้ โดยเชื้อจะอยู่ในฉี่ของสัตว์ โดยเฉพาะหนู ทั้งหนูนา หนูป่า หนูบ้าน หนูท่อ รวมทั้งสัตว์อื่นๆ เช่น สุนัข แมว โค แพะ แกะ เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกาย โดยไชเข้าทางผิวหนังตามรอยแผล รอยขีดข่วน เยื่อบุของตา จมูก ปาก หรือผิวหนังปกติที่แช่น้ำเป็นเวลานาน และอาจติดเชื้อตรงจากการสัมผัสเชื้อและกินอาหาร หรือน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ โรคนี้แม้ว่ามียารักษาเฉพาะ แต่ถ้ารักษาช้า หรือซื้อยากินเอง อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้

นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า โรคไข้ฉี่หนู เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่พบได้ทั่วโลก ขณะนี้พบได้ทุกภาคของประเทศไทย ถือเป็นโรคประจำถิ่น ผู้ติดเชื้อโรคนี้ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะน่องมีเลือดออกใต้เยื่อบุตาขาว เป็นต้น มีน้อยรายที่จะมีอาการรุนแรง และเสียชีวิต การป้องกันโรคไข้ฉี่หนู มีคำแนะนำ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนที่ชื้นแฉะ เนื่องจากหากมีเชื้อฉี่หนูอยู่ ปริมาณเชื้อจะมีความเข้มข้นมาก และมีโอกาเสี่ยงติดโรคสูง

2. ผู้ที่ต้องทำงานที่เสี่ยงต่อโรค เช่น เก็บเกี่ยวข้าว หรือดำนาในแปลงนา ขอให้สวมถุงมือยาง ใส่รองเท้าบูท ป้องกันการเกิดบาดแผลที่เท้า หรือที่ขา

3. หมั่นล้างมือบ่อยๆ อาบน้ำชำระร่างกาย หลังจากเสร็จภารกิจทำงาน

4. กำจัดขยะในบ้านเรือน ที่ทำงาน ให้สะอาด โดยเฉพาะเศษอาหาร เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของหนู

"หากประชาชนมีอาการป่วยดังต่อไปนี้ คือ มีไข้สูงทันทีทันใด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่อง ปวดกระบอกตา หลังจากการลุยน้ำขัง ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคฉี่หนู และรีบไปพบแพทย์เพื่อรีบให้การรักษา เนื่องจากโรคนี้มียารักษาหายขาดได้ อย่าซื้อยากินเอง ซึ่งจากการติดตามประวัติในกลุ่มที่เสียชีวิต พบว่าส่วนใหญ่มักจะซื้อยาไปกินเอง โดยเฉพาะยาแก้ที่มีฤทธิ์แก้ปวดและลดไข้ด้วย เพราะเข้าใจว่าเป็นไข้ทั่วไปที่เกิดจากการทำงานหนัก จึงทำให้อาการรุนแรงขึ้น เชื้อโรคเข้าไปทำลายอวัยวะอื่น เช่น ไต ทำให้ไตวาย เสียชีวิตได้ ประชาชนที่มีความสนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน สำนักโรคติดต่อทั่วไป 0 2590 3177 – 8 สายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422" นายแพทย์โสภณ กล่าว.                                                                        
                                                            

แม่สาย เชียงราย อ่วม น้ำท่วมหนัก                                        
แม่สาย เชียงราย อ่วม น้ำท่วมหนัก เมื่อ 14:00 น.


ด้าน อ.แม่จัน เชียงราย เตือนภัยระดับสีแดงน้ำท่วมฉับพลัน ระดับน้ำขึ้นสูงอย่างรวดเร็วเกินค่าวิกฤต ให้ประชาชนในเขตพื้นที่ขนของขึ้นที่สูง

ขอบคุณภาพจาก twitter @js100radio
ด่านแม่สายปิดเนื่องจากสะพานข้ามเริ่มโก่งตัว น้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้นสูงเรื่อยๆ ทำให้ร้านค้าและรถจมน้ำระนาว


ขอบคุณภาพจาก twitter @noppatjak
18.06 น้ำเริ่มมาถึงส่วนอำเภอเมืองเชียงรายแล้ว หน้าราชภัฏฯ สูงครึ่งแข้ง

ขอบคุณภาพจาก twitter @noppatjak

ที่มา: Cr. : ปลอดภัย36 ศปภ.คค Cr.ภาพจาก Twitter @PaePhuriphan ‪#‎ThaiPBS‬

                            ล่าตัว! ครูหื่นเซ็กส์โฟนลูกศิษย์สาวแลกเกรด                                                                                                                   
                            ที่มา : sanook.com
                                                            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (8 ก.ย.) นายสงกานต์ อัจฉริยทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กขอเบาะแสเกี่ยวกับคลิปครูหื่นเซ็กส์โฟนกับลูกศิษย์สาว โดยคลิปดังกล่าวเป็นเสียงสนทนาตอบโต้ของครูผู้ชายรายหนึ่ง กับนักเรียนหญิง ความยาว 10.48 นาที ระบุว่าให้นักเรียนหญิงออกมาตามนัดเพื่อแลกกับเกรดที่เขียนเตรียมเอาไว้ แต่เด็กปฏิเสธที่จะออกไปพบ เนื่องจากกลัว นอกจากนี้ นายสงกานต์ได้ตั้งรางวัลนำจับไว้ 5,000 บาท สำหรับผู้ที่แจ้งชื่อนามสกุล โรงเรียนเข้ามา โดยหลังจากทราบเบาะแสทางเครือข่ายฯจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าร้องเรียนกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ล่าสุด นายสงกานต์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้เบาะแสแล้ว โดยเด็กผู้หญิงที่อยู่ในคลิปทราบว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 อายุ 18 ปี ส่วนครูเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ อายุ 45-47 ปี ซึ่งหลังจากนั้จะดำเนินการให้เปิดเผยความจริงต่อสาธารณะชน เพื่อให้ครูคนดังกล่าวถูกไล่ออกและดำเนินคดีทางอาญาจนถึงที่สุด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป                                                                        
                                                            

                            ไฟไหม้โรงงานเอฟบีทีย่านหนองจอก คุมได้แล้ว-ไร้เจ็บ                                                                                                                   
                            ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
                                                            เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานเอฟบีที ย่านหนองจอก จนท.ควบคุมเพลิงได้แล้วไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด สาเหตุคาดไฟฟ้าลัดวงจร...

เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 8 ก.ย. ตำรวจ สน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุ เกิดเพลิงไหม้ที่โรงงานบริษัท เอฟบีที สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด เลขที่ 38/2 หมู่ 6 ถนนฉลองกรุง แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม. ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเสื้อผ้าชุดกีฬา ต้นเพลิงมาจากชั้น 5 ไฟกำลังลุกลามไปที่ชั้น 6 และ ชั้น 7 จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตดังกล่าว สำหรับสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ คาดว่าไฟฟ้าลัดวงจร.                                                                        
                                                            

               วิจารณ์แซด เบนซ์หรูป้ายแดง จอดทับที่คนพิการ รปภ.เตือนไม่ฟัง
                                                                                                                   
                            ที่มา : MThai News
                                                            วิจารณ์แซด เบนซ์หรูป้ายแดง จอดทับที่คนพิการ รปภ.เตือนไม่ฟัง ชาวเน็ตจวกยับไม่มีจิตสำนึก

วันนี้(8 ก.ย.) เฟซบุ๊ค Michael Yon ผู้สื่อข่าวอิสระ ชาวต่างชาติที่รายงานข่าวในประเทศไทย ได้โพสต์ภาพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ค โดยเป็นเหตุการณ์ที่มีหญิงขับรถเบนซ์หรูป้ายแดง นั่งกันมา 3 คนจอดทับที่จอดรถของคนพิการบริเวณห้างสรรพสินค้าเมกะ บางนา โดยเจ้าของภาพบอกว่า

“ข้าจอดหน้าตาเฉย ไม่สนแม้แต่คำเตือนจากผม หรือ รปภ แค่อ้างว่า ว่างทำไมจะจอดไม่ได้ เมกะบางนา โซนบิ๊กซี เวลา 17:10″

ซึ่งหลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก โดยมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้มีให้เห็นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีคนไม่มีจิตสำนึกแบบนี้อยู่ ซึ่งมีสมาชิกเฟซบุ๊คท่านหนึ่งให้ความเห็นว่า

“…เขาน่าจะจอดจนเคยตัวนะครับ เพราะว่าห้างใหญ่ ๆ บางห้างใช้ที่จอดรถ คนพิการ เป็นที่จอดรถ VIP พอไปที่ไหน ๆ เขาก็เลยคิดว่าที่จอดรถคนพิการที่อื่น ๆ ก็คือที่จอด VIP เช่นกัน .. และเขาก็คิดว่าคนอย่างพวกเขาคือ VIP เขาจึงมุ่งหน้าที่จะจอดในช่องคนพิการ … ถึงแม้ว่ารอบ ๆ จะมีที่ว่างผมก็เชื่อว่าเขาจะเลือกจอดที่ช่อง คนพิการ เพราะเขาคิดว่าเขาคือ VIP ไม่ใช่คนธรรมดา…”                                                                        
                                                            

                            มติ กสท. ให้แจ้งดาวเทียม-เคเบิ้ลทีวีห้ามออนแอร์ช่อง 3 อนาล็อก                           
                                   
                                
                           
                                                                                       
                            ที่มา : สปริงนิวส์
                                                            ที่ประชุม กสท. มีมติให้ทำหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวียุติการออกอากาศช่อง 3 ในระบบอนาล็อก ขีดเส้นตายภายใน 15 วัน

วันนี้ (8 ก.ย. 57) เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ รายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. มีมติ 3 ต่อ 2 เสียง ให้ทำหนังสือถึงโครงข่ายโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี ห้ามแพร่ภาพออกอากาศช่อง 3 ระบบอนาล็อก โดยให้เวลาดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน                                                                        
                                                            

วันอังคารที่ 9 กันยายน 2557 ‘ไมค์แพง’ต้องคสช.ตอบเอง
>



‘ไมค์แพง’ต้องคสช.ตอบเอง : ขยายปมร้อนโดยศรุติ ศรุตา          

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เมื่อมีอำนาจแล้วจะก้าวผ่านเรื่องผลประโยชน์ การถือกำเนิดขึ้นมาของ คสช.ก็ไม่อาจหนีเรื่องเหล่านี้ได้พ้น

          แต่ไม่ได้หมายความว่า คสช.จะไม่สามารถก้าวผ่านเรื่องราวลักษณะนี้ได้ เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะเป็น คสช. หรือใครก็แล้วแต่ เมื่อก้าวขึ้นมามีอำนาจในการบริหารประเทศ ก็ไม่อาจหลีกหนีเรื่อง "ผลประโยชน์" ที่ดูจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปเสียแล้วสำหรับสังคมไทย

          เพียงแต่ คสช.นั้นมีมาตรฐานที่ตั้งเอาไว้สูง จนผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้ต่างพากันคาดหวังว่า คสช.จะไม่เป็นเพียงแค่ "ตัวอย่าง" ให้แก่รัฐบาลหน้า หากแต่จะเป็นผู้วาง "รากฐาน" อันแข็งแกร่งให้สังคมรังเกียจการโกงทุกรูปแบบ

          การเข้ามาจัดการการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว จึงได้รับเสียงไชโยโห่ร้องกันเต็มไปหมด

          เช่นเดียวกับการพูดถึง สมาชิกองค์กรปกครองท้องถิ่นบางราย ถึงจะทำนองแดกดัน "คางคกขึ้นวอ" นั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส แต่กลับถามหากะปิ น้ำปลา แต่ก็แทบไม่มีคนไม่เชื่อว่ามีเรื่องอย่างนั้นจริงๆ

          หรืออย่างเปรียบเทียบงบฯ ศึกษารถไฟรางคู่ มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นครึ่งต่อครึ่ง ก็ยิ่งปลื้มรัฐบาลที่มาจากการ "ยึดอำนาจ"

          เผลอๆ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไปสัก 3 ปี 4 ปี ก็คงจะยอมรับกันได้เลยกระมัง

          สิ่งเหล่านี้เป็นภาพที่ทำให้รัฐบาล คสช.เก็บเกี่ยวคะแนนนิยมมาโดยตลอด

          แต่แล้วก็เหมือนฟ้าผ่ากลางฤดูหนาว เพราะแค่อยากจะโชว์ความพร้อมของห้องประชุมสุดไฮเทคของ ครม. แล้วดันไปมีการกระซิบกระซาบว่า ไมโครโฟนล้ำยุค เพราะมีทั้งเสียงทั้งภาพนั้น ราคาพรวดไปที่ตัวละ 1.45 แสนบาท

          ก็เข้าใจอยู่ว่า ลงได้ชื่อว่า "ทหาร" แล้วระบบการรักษาความปลอดภัยจะต้องสูงสุด โดยเฉพาะในเรื่องของ "ชั้นความลับ"

          เพราะต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลทหารที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ และต้องใช้ห้องประชุมทำเนียบรัฐบาลนั้นเป็นที่เดียวกับรัฐบาลพลเรือนที่คณะนายทหารชุดนี้ไปยึดอำนาจมา

          และต้องไม่ลืมว่า เอกชนที่สนับสนุนรัฐบาลมานับสิบปี ก่อนที่ คสช.จะยึดอำนาจนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ในเรื่องของระบบโทรคมนาคม

          นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คสช.ต้องสั่งยกเครื่องทำเนียบรัฐบาลครั้งใหญ่

          ในแง่มุมเรื่องความมั่นคง การลงทุนไปกับระบบรักษาความปลอดภัยที่ดูจะ "เว่อร์" หรือ "ทำเกิน ทำเผื่อ" ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือเป็นเรื่องที่ยอมรับกันไม่ได้ เพราะรับรู้กันมานานแล้วว่า "ข่าวสารคืออำนาจ"

          แต่การทุ่มงบประมาณไปกับเทคโนโลยีที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยในระบบข้อมูลข่าวสาร มันก็ต้องสามารถอธิบายกันด้วยหลักของเหตุและผล เพื่อแสดงให้เห็นว่า การทุ่มเงินซื้อเทคโนโลยีเหล่านั้น มันจำเป็นต้อง "ล้ำหน้า" กว่าเอกชนด้วยเพราะเหตุใด

          ดูเหมือนเรื่องนี้จะเข้ากับสุภาษิต "กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้" เพราะยังไม่ทันที่ข้อมูลเหตุผลเรื่องสเปกของกับราคา จะออกมาอย่างไร ก็ดันไปบอกว่า ที่เอามาติดตั้งนั้นราคายังต่อรองกันได้ ทั้งที่ฝ่ายที่ร้องให้มีการตรวจสอบเขาตั้งคำถามนี้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างกัน แล้วเอามาติดตั้งได้อย่างไร

          ถึงเรื่องนี้จะมอบหมายให้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ดูแล และไม่มีใครเชื่อว่า ม.ล.ปนัดดา จะมีนอกมีใน แต่พอเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น คนเขาไม่อยากฟังจากปาก ม.ล.ปนัดดา เท่าไหร่หรอก เขาอยากรู้ว่า คสช. โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นแหละ จะว่าอย่างไร

          ก็ในเมื่อจะ "วางมาตรฐาน" เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลหน้า แล้วจะปล่อยให้เรื่องขี้หมา มาทำลายแผนการใหญ่ได้อย่างไร

          ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับ คสช. นอกจากออกมาพูดและทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะวันนี้ ถ้าจะนับ ก็แค่ "ก้าวแรก" เท่านั้น
................................
(หมายเหตุ : 'ไมค์แพง'ต้องคสช.ตอบเอง : ขยายปมร้อนโดยศรุติ ศรุตา)


http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140909/191752.html


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-9-9 14:39

คลิปสาวแก้ผ้าเต้น
กลางงานเลี้ยงทหาร

แชร์ว่อน คนตะลึง ด่ากันขรม





คลิปสาวแก้ผ้าเต้นกลางงานเลี้ยงทหาร

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการพระราม 9 ข่าวเช้า โพสต์โดย คุณ MadooTV HD สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

          คลิปสาวแก้ผ้าเต้นกลางงานเลี้ยงทหาร แชร์ว่อนโลกไซเบอร์ ชาวเน็ตตะลึงวิจารณ์ยับไม่เหมาะสม เหน็บ สงสัยจะคืนความสุขให้กำลังพล

          สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยกใหญ่ในโลกไซเบอร์ หลังจากตลอดทั้งวันนี้ (8 กันยายน 2557) ชาวเน็ตต่างพากันแชร์คลิปวิดีโอสาวคนหนึ่งแก้ผ้าล่อนจ้อนโชว์ลีลาเต้นสุดแสนจะยั่วยวน ประกอบการร้องเพลงกลางงานเลี้ยงของทหารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่มีการระบุว่าเป็นงานเลี้ยงในสังกัดใด และจัดขึ้นเมื่อไร

          ทั้งนี้จากภาพในคลิปจะเห็นทหารบางคนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพไว้ในขณะที่นักร้องสาวคนดังกล่าวแก้ผ้าร้องเพลง แต่ขณะเดียวกันก็พบว่ามีนายทหารบางคนไม่พอใจกับกิจกรรมดังกล่าวนี้เหมือนกัน เพราะเมื่อนักร้องสาวเดินเข้าไปใกล้ ๆ นายทหารคนหนึ่งก็ได้ลุกออกจากโต๊ะทันที ก่อนที่นักร้องสาวจะเดินเข้ามาถึงตัว

          และแน่นอนว่าเมื่อคลิปนี้ถูกเผยแพร่ก็มีเสียงสะท้อนกลับมาอย่างหนาหูว่าภาพที่เห็นเป็นสิ่งลามกอนาจาร ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย แถมยังมีบางคนเหน็บว่าสงสัยจะเป็นการคืนความสุขให้กำลังพลหรืออย่างไร พร้อมไถ่ถามกันว่านายทหารที่เป็นผู้บังคับบัญชารู้เห็นเรื่องนี้บ้างหรือไม่ หรือเป็นกิจกรรมที่ลูกน้องจัดขึ้นเอง








อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ฮือฮา'หลวงพ่อ' ขอละสังขารวันนี้





นอนโลง วัดเวฬุวัน ที่จ.ชัยภูมิ ห้ามเปิดดู ให้ชันสูตร ใน‘วันที่11’

สมภารชื่อดังประกาศละสังขารล่วงหน้าในวันที่ 9 เดือน 9 ตรงกับวันคล้ายวันเกิด อ้างเป็นการจากไปสู่ปรภพ หลังการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ช่วงวันที่ 9-10 ก.ย. ห้ามเปิดโลงศพดูอย่างเด็ดขาด อนุญาตให้ชันสูตรศพได้ในวันที่ 11 ก.ย. ยันไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตายแต่เป็นการละสังขารด้วยเจริญภาวนาในโลงศพ

สมภารประกาศละสังขารล่วงหน้ารายนี้เปิด เผยเมื่อสายวันที่ 8 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดเวฬุวัน หมู่ 4 บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังทราบว่าเจ้าอาวาสประกาศละสังขารล่วงหน้า พบเป็นวัดขนาดใหญ่มีพื้นที่ 18 ไร่ พบชาวบ้านนับพันคนส่วนใหญ่แต่งกายนุ่งขาวห่มขาว นั่งสงบนิ่งในกุฏิสงฆ์เจ้าอาวาสและบนศาลาการเปรียญขนาดใหญ่ 3 หลัง โดยมีพระครูเวฬุวันจันทะรังสี หรือ หลวงพ่อพิมพ์ อายุ 65 ปี เจ้าอาวาส ทำพิธีสวดมนต์ให้พรแก่ชาวบ้านที่มีปัญหาชีวิตมาให้ช่วยขจัดปัดเป่า


หลังจากเสร็จพิธีสวดเมตตาให้ชาวบ้านแล้ว หลวงพ่อพิมพ์ได้เปิดเผยถึงการประกาศละสังขารว่า ที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตในชาติหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อเกิดมาตัวเปล่าต้องไปด้วยตัวเปล่าเช่นกัน ชีวิตไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ตนจึงประกาศให้ญาติโยมทราบว่าจะขอละสังขารไปสู่ปรภพ ในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 21.00 น. หมายถึงวันที่ 9 ก.ย.57 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของตน โดยเลือกละสังขารที่ใต้ต้นใหญ่ข้างกุฏิภายในวัด ด้วยวิธีเข้าไปนอนภาวนาในโลงที่เตรียมไว้

ด้านนายธนกร นวลมะรัง อายุ 56 ปี ส.อบต.ทุ่งพระและกรรมการวัดเวฬุวันเปิดเผยว่า หลวงพ่อพิมพ์เป็นผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เป็นพระนักพัฒนาสายวิปัสสนากรรมฐาน ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด อุปสมบทมานาน 20 กว่าพรรษา ก่อนจะสร้างวัดแห่งนี้ได้เดินธุดงค์ผ่านมาแล้วปักกลดในบริเวณป่าเนินเขานอกหมู่บ้าน ชาวบ้านเกิดแรงศรัทธาจึงนิมนต์ท่านให้จำพรรษาที่ดินบริเวณเชิงเขาจนสร้างวัดเป็นผลสำเร็จ ส่วนเรื่องที่หลวงพ่อประกาศละสังขารนั้น ท่านได้ประกาศล่วงหน้าหลายเดือนแล้ว พอชาวบ้านรู้ข่าวต่างแห่มาทำบุญจนแน่นวัดแทบทุกวัน ยิ่งใกล้ถึงวันที่ประกาศละสังขาร คือวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 21.00 น. คนยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ

นายธนกรกล่าวอีกว่า หลวงพ่อท่านได้บอกกับญาติโยมว่า ในช่วงวันที่ 9-10 ก.ย.57 ห้ามไม่ให้ญาติโยมเข้าพบหลวงพ่อหรือเปิดโลงอย่างเด็ดขาด รอให้ถึงวันที่ 11 ก.ย.57 จึงค่อยให้แพทย์และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมาชันสูตรศพ ซึ่งการละสังขารครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการทำอัตวินิบาตกรรมหรือฆ่าตัวตายแต่อย่างใดเป็นการละสังขารภายในโลงศพด้วยการเจริญภาวนาจนกระทั่งสิ้นลมหายใจ
อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่าพระครูเวฬุวันจันทะรังสี หรือหลวงพ่อพิมพ์ ยังมีร่างกายปกติ สมบูรณ์แข็งแรงทุกอย่าง แถมยังพูดจาหยอกล้อติดตลกกับญาติโยม โดยไม่มีแววเศร้าโศกหรือเบื่อหน่ายชีวิตแต่อย่างใด ขณะเดียวกันลูกศิษย์ที่มีความศรัทธาต่างเชื่อว่าหลวงพ่อพิมพ์จะสามารถละสังขารสิ้นลมหายใจด้วยการเจริญภาวนาในโลงศพอย่างแน่นอน

ที่มา..http://www.thairath.co.th/content/448876



รถไฟสายใต้พุ่งชนกระบะที่สงขลา เจ็บ 1
                                                                                                                  
                            ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
                                                            รถไฟสายใต้ยะลา-กทม. ชนรถกระบะแวน ที่สงขลา กระบะพังเสียหายทั้งคัน ขณะที่รถไฟขับไปจอดซ่อมที่สถานีรถไฟบางกล่ำ ก่อนเดินทางต่อ คาดคนขับรถกระบะไม่ทันเห็นรถไฟที่กำลังวิ่งมา ประกอบกับไม่มีทางกั้น ทำให้คนขับกระบะได้รับบาดเจ็บ 1 ราย...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ก.ย. พ.ต.ต.ประวัติ คชรัตน์ พงส.ผนก.สภ.ควนเนียง รับแจ้งเหตุรถไฟขบวนรถเร็วที่ 169 กรุงเทพฯ-ยะลา ชนกับรถกระบะแวน ยี่ห้ออีซูซุ สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน กธ 4609 สงขลา บริเวณถนนข้ามทางรถไฟพื้นที่บ้านคลองคล้า หมู่ 10 ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา ก่อนถึงสถานีรถไฟเกาะใหญ่ 1 กม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อ นายสุริยา ชูกุล อายุ 31 ปี เจ้าของรถกระบะแวนคันดังกล่าว

จากการสอบสวน ทราบว่า นายสุริยา ขับรถกระบะข้ามทางรถไฟ ซึ่งเป็นทางแยกย่อยไม่มีเครื่องกั้น โดยที่ระหว่างข้ามไม่ทันเห็นรถไฟที่กำลังวิ่งมา จึงถูกชนเข้าที่ส่วนหัวของรถกระเด็นลอยไปตกกลางทุ่งนา ห่างจากรางรถไฟประมาณ 10 ม. และรถกระบะพังเสียหายทั้งคัน ทำให้นายสุริยา ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.บางกล่ำ

ขณะที่ขบวนรถไฟกันชนหน้าที่หัวรถจักรได้รับความเสียหายเล็กน้อย หลังเกิดเหตุได้ขับไปจอดซ่อมที่สถานีรถไฟบางกล่ำ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังปลายทาง.                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้