|
เจ้าของที่ได้จัดสร้างกุฏิสองหลัง แยกกันอยู่กุฏิละด้าน หลังหนึ่งสำหรับเป็นที่พักของหลวงปู่ และอีกหลังหนึ่งเป็นที่พักของท่านพระอาจารย์ทิวา พรรษานั้นท่านจำพรรษากันเพียงลำพังสององค์ โดยมีข้อตกลงว่า หลังจากที่ท่านพระอาจารย์ทิวาถวายยาตามกำหนดเวลาอันควรแล้ว และเมื่อฉันจังหันแล้ว ต่างองค์จะแยกกันไปวิเวกเจริญภาวนาอยู่ในที่ของตน ไม่มาวุ่นวายเกี่ยวข้องกัน ต่างองค์ต่างอยู่ ไม่รบกวนกันให้เวลาแต่ละองค์ได้ปรารภความเพียรอย่างเต็มที่ ต่อเมื่อถึงตอนค่ำ หากว่ามีญาติโยมมากราบนมัสการ จึงจะออกมาทำวัตรสวดมนต์พร้อมกัน หากไม่มีทั้งสององค์ก็จะอยู่แต่ในที่ของท่าน เพียงแต่ท่านพระอาจารย์ทิวาคอยดูแลถวายยาตามกำหนดเวลาเท่านั้น
ตอนปลายพรรษานั้นเป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้มีโอกาสไปกราบท่าน ได้กิตติศัพท์ของท่าน ได้ไปกราบท่านพระอาจารย์ทิวาที่เรือนพักของท่านก่อน ท่านก็บอกว่า ให้มารอที่ศาลาซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารชั่วคราว พื้นดูเหมือนระยะนั้นจะไม่ได้ราดซีเมนต์ด้วยซ้ำ แต่มีที่ตั้งพระพุทธรูป มีแคร่สำหรับพระสงฆ์ที่จะนั่งฉันจังหัน เราก็ปูเสื่อรออยู่ที่พื้น ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนก็มองไปรอบ ๆ ด้วยความชื่นชมด้วยได้กลิ่นดอกจำปาหอมตลบอบอวลไปหมด เงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นเชือกที่ท่านขึงเป็นราวไว้ เข้าใจว่า ก่อนหน้านั้นก็คงมีผู้ที่ได้ไปกราบท่าน และได้ถวายพวงมาลัยเป็นพุทธบูชา ท่านให้แขวนไว้ตามรายเป็นพวง ๆ ไป มองดูว่าอุบะของพวงมาลัยเหล่านั้นจะมีอุบะพวงใดที่มีดอกจำปาบ้าง แต่ก็แปลกใจมากที่ไม่เห็นดอกจำปาตามอุบะเหล่านั้นเลย แต่เหตุใดทั้งบริเวณจึงมีกลิ่นจำปา และกลิ่นถึงได้หอมมากเช่นนั้น ลุกขึ้นเดินอยู่รอบศาลาแล้วก็มองไปในป่า
ท่านอาจารย์ทิวาซึ่งตามมาจากกุฏิ ท่านก็เห็นเราเดินวน ๆ อยู่จึงถามว่า นั่นผู้เขียนเดินดูอะไร ก็กราบเรียนท่านว่า เดินมองหาต้นจำปาเจ้าค่ะ เพราะได้กลิ่นหอมมากเหลือเกิน ไม่ทราบว่าเจ้าของสวนไปปลูกไว้ที่ตรงไหน
ท่านก็หัวเราะ บอกว่าที่นี่นั้นไม่มีต้นจำปา
ผู้เขียนสงสัยว่า ถ้าเช่นนั้นกลิ่นจำปาจะมาจากที่ไหน
ท่านไม่ตอบโดยตรง แต่กล่าวว่า “เรื่องพรรค์นี้ อาตมาไม่ค่อยพบ คุณพบบ่อย.....” หมายความว่า คงเป็นเรื่อง “พิเศษ” แล้ว ระยะนั้นผู้เขียนเริ่มทราบแล้ว เพราะได้พบสิ่งที่พิเศษ ไม่อยากจะเรียกว่าปาฏิหาริย์.....ทำนองที่ว่าบางครั้งเราไปกราบครูบาอาจารย์องค์ใด ที่คิดว่าท่านผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ และมีจิตบริสุทธิ์นั้นมักจะมีกลิ่นหอมพิเศษให้เราได้กลิ่นอยู่เสมอ ดอกไม้ไนบริเวณนั้นไม่มี ป่าใกล้นั้นก็ไม่มีต้นไม้ชนิดนั้นอยู่ แต่กลิ่นดอกไม้ประเภทนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นได้ บางครั้งอาจจะเป็นมะลิหรือจำปา หรือเป็นจำปีหรือกุหลาบ หรือแม้แต่มีกลิ่นพิเศษซึ่งไม่อาจจะตอบได้ว่าเป็นกลิ่นของดอกไม้ใด และบางครั้งก็อาจจะ เป็นกลิ่นของดอกไม้ที่มีเสียงบอกขึ้นมาชัดว่า ดอกไม้นี้ไม่มีในโลกนี้
คราวนี้ก็เช่นกัน การที่ได้กลิ่นหอมดอกไม้เป็นพิเศษ ในวาระแรกที่จะได้กราบ ทำให้ผู้เขียนอดแอบคิดขึ้นในใจไม่ได้ว่า ท่านองค์นี้ย่อมทรงศีลบริสุทธิ์ จิตบริสุทธิ์อย่าว่าแต่มนุษย์จะบูชาเลย แม้แต่เทพยดาก็ยังมาบูชาด้วย ทำให้เราพลอยได้กลิ่นหอมของดอกไม้ทิพย์ด้วย
หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสอาราธนานิมนต์ให้หลวงปู่มาโปรดญาติและเพื่อนของเราที่บ้านลาดพร้าวบ้าง ซึ่งท่านได้เมตตามาให้หลายครั้ง ตลอดปี ๒๕๒๐, ๒๕๒๑, ๒๕๒๒, ๒๕๒๓ ระยะนั้นเป็นระยะที่ท่านเวียนมาโปรดเรามาก และตลอดระยะเวลาเหล่านั้น ก็ทำให้เราได้ซาบซึ้งในความเมตตาของท่าน และประจักษ์ในบุญบารมีอันน่าอัศจรรย์หลายประการ ซึ่งหากมีเวลาก็คงจะได้กล่าวแยกต่อไปโดยเฉพาะ
ระยะเวลาเหล่านี้ควรจะกล่าวได้ว่า นับตั้งแต่ที่หลวงปู่เข้ามาในกรุงเทพฯ มาจำพรรษาอยู่ในจังหวัดต่าง ๆ หลังจากที่ท่านออกมาจากถ้ำผาบิ้งแล้ว ควรจะถือว่าเป็นเวลาที่ท่านได้โปรยปรายสายธรรมให้แก่บรรดาพุทธบริษัทในเขตภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออก เป็นอันมาก
ท่านจะเปลี่ยนสถานที่จำพรรษา ไม่ได้อยู่ซ้ำในสถานที่เดิม กล่าวคือ ต่อจากปี ๒๕๒๐...
|
|