ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
คณะศิษย์หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ (คศช.)
›
พูดคุยตามประสา คศช.
»
100
1 ...
12
13
14
15
16
17
18
19
20
... 40
/ 40 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: Metha
100
[คัดลอกลิงก์]
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
151
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:19
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
49. บริโภคนิยม ( consumerism ) บริโภคนิยมเป็นคำที่ใช้กันทั้งทางวิชาการและในทางสังคมทางวิชาการหมายถึงทฤษฎีที่บอกว่า ยิ่งมีการบริโภคมากขึ้นเพียงใดก็ยิ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ
ทางสังคมมีการใช้คำนี้ค่อนไปในทางลบเพื่อบอกถึง “ ลัทธิบริโภคนิยม ” หรือที่บางคน เรียกว่า “ ลัทธิบ้าบริโภค ” กลุ่มคนที่ใช้คำนี้ในทางลบเป็นขบวนการปกป้องผู้บริโภคจากการเอาเปรียบ ล่อลวงหลอกลวง และครอบงำของผู้ผลิตที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจสังคมและการเมือง ใช้เครื่องมือสื่อสารโดยเฉพาะสื่อมวลชนในการโฆษณาชวนเชื่อทำให้ผู้คนหลงใหลอยากได้อยากมีมากขึ้น โดยไม่เกี่ยวกับการ “ เป็นคนมากขึ้น ” ตรงกันข้ามอาจจะน้อยลงเสียอีก เพราะถลำเข้าไปในวงจรของหนี้สิน ซึ่งกู้ยืมมาเพื่อการบริโภค ลงลึกจนถอนตัวไม่ขึ้นเกิดปัญหาชีวิต ปัญหาครอบครัวและสังคม
ลัทธิบริโภคนิยมตอบสนองกิเลสมนุษย์ ทำให้ผู้คนเห็นว่าการมีบ้านหลังใหญ่ รถยนต์คันโต แก้วแหวนเพชรนิลจินดา สิ่งของมีค่าราคาแพง มียี่ห้อเป็นที่นิยม เป็นการสร้างสถานภาพทางสังคม ให้ตัวเอง ทำให้ได้รับการยอมรับนับหน้าถือตาว่าเป็นผู้ดีมีเงิน
ลัทธิบริโภคนิยมมาพร้อมกับวัตถุนิยม (materialism) ในความหมายพื้นฐานซึ่งหมายถึงลัทธิคำสอนหรือทฤษฎีที่อ้างว่าความสุขกายภายนอกและการมีข้าวของของโลกเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดและเป็นคุณค่าสูงสุดของชีวิต
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
152
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:20
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
50. บูรณาการ ( integration ) ตามรากศัพท์ คำว่า บูรณะ แปลว่าทำให้เต็ม ทำให้สมบูรณ์ การทำให้สิ่งที่ขาดอยู่สมบูรณ์ การนำหน่วยย่อยต่าง ๆ ที่สัมพันธ์อิงอาศัยกันผสานกันเข้าอย่างกลมกลืน สมดุลลงตัว สามารถดำรงอยู่และดำเนินไปได้ในภาวะที่เป็นองค์รวมหนึ่งเดียวที่ครบถ้วนสมบูรณ์ บูรณาการหรือกระบวนการทำให้สมบูรณ์มักเกี่ยวกับการ พัฒนา การศึกษา สาธารณสุข เพื่อตอบสนองชีวิต ตอบสนองชุมชนและสังคมซึ่งเป็นองค์รวมที่บ่งแยกมิได้ การเอาชีวิต เอาคนเอาชุมชนและความเป็นจริงเป็นเป้าหมายหรือเป็นตัวตั้งจึงต้องหาวิธีการที่ตอบสนองแบบบูรณาการจึงจะสอดคล้องกับความเป็นจริงนั้น
บูรณาการเป็นกระบวนการที่รอบด้าน ไม่ใช่แต่เพียงด้านหนึ่งด้านเดียวโดยแยกออกจากความ เป็นจริงทั้งหมด เช่น การศึกษา แบบบูรณาการตอบสนองพัฒนาการของคนอย่างรอบด้าน ทั้งทางกาย ทางสังคม ทางอารมณ์ ทางปัญญา สุขภาพดีไม่ใช่แค่การไม่มีโรค แต่หมายถึงสุขภาวะทางกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ
ด้วยกระบวนทัศน์แบบบูรณาการทำให้เกิดการจัดหลักสูตรและการเรียนการสอนแบบบูรณาการ ซึ่งเอานักเรียนหรือผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เอาชีวิตของเขาเป็นเป้าหมาย ให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของ ตนเองอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เอาวิชาของครู เอาประเด็นเรื่องเฉพาะเป็นตัวตั้งแล้วสั่งให้เด็กท่องจำ แม้ว่ายังมีการเลือกประเด็นมาเรียนมาสอน แต่การเรียนเรื่องข้าวไม่ได้เรียนแบบแยกส่วนที่เน้นแต่เพียงด้านหนึ่งด้านเดียว แต่รอบด้านเหมือนชีวิตที่ “ รอบด้าน ” ข้าวในด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ข่าวเกี่ยวกับวัฒนธรรม ภูมิปัญญา เกี่ยวกับเศรษฐกิจ พืชเศรษฐกิจที่ส่งออกเป็นศาสตร์และศิลป์ของ การดำเนินชีวิตของบรรพบุรุษของไทย ข้าวแปรรูปได้ร้อยกว่าชนิด เป็นอาหาร เป็นขนม ที่มีส่วนสำคัญในพิธีกรรมและวิถีของชุมชน ข้าวเป็น “ แม่โพสพ ” ที่ให้ชีวิตแก่ผู้คน
การให้บริการสุขภาพแบบบูรณาการก็เป็นการผสานการบริการสุขภาพทั้ง 4 ด้าน คือ การส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพ
การพัฒนาแบบบูรณาการก็มิได้เน้นแต่เพียงการพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ( สะพาน ถนน บ่อน้ำ ) แต่เอาชีวิตของคนและชุมชนเป็นเป้าหมาย ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงและแก้ปัญหาได้อย่างรอบด้าน แผนพัฒนาที่ดีจึงเป็นแผนบูรณาการที่ผสานเอาเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ การทำมาหากิน การอยู่ร่วมกัน ให้ดำเนินไปอย่างกลมกลืนและสมดุล การวัดการพัฒนาเช่นนี้จึงวัดที่คุณภาพชีวิต วัดด้วยความสุขมากกว่าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่เพียงอย่างเดียว
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
153
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:23
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
51. การวางแผนพัฒนาแบบบูรณาการ (Integrated Development Planning - IDP) การวางแผนพัฒนาแบบบูรณาการเป็นวิธีการวางแผนพัฒนาท้องถิ่นที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนได้เสีย ( stakeholders ) เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนา เป็นการสร้างกรอบการพัฒนา ประสานงานต่าง ๆ ในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ( เช่น อบต. เทศบาล ) โดยพิจารณาเงื่อนไขและปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อการพัฒนาแผน ดังกล่าวพิจารณาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างรอบด้านและเป็นองค์รวม ไม่แยกส่วน รวมทั้งสร้างกรอบการใช้ที่ดิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน งานบริการ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เมื่อได้ IDP แล้ว แผนย่อยและโครงการต่างๆ ต้องเกิดขึ้นภายใต้กรอบนี้ งบประมาณประจำปีของ อบต. และเทศบาลก็ต้องใช้ตามกรอบดังกล่าว
กระบวนการแบบ IDP เมื่อได้วางแผนการเตรียมการพัฒนา IDP ให้รู้ว่าใครต้องมาร่วมและใครทำอะไรแล้ว ก็จะดำเนินงานเป็น 5 ขั้นตอน
1. การวิเคราะห์ มีการรวบรวมข้อมูลสภาพการณ์ เงื่อนไขปัญหาของประชาชน สาเหตุของปัญหา การค้นหาทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น ประเมินสถานภาพการพัฒนาของท้องถิ่นในขณะปัจจุบัน จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของประเด็น ของปัญหาและสาเหตุ ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งในท้องถิ่นและจากภายนอก ( ที่จะนำมาใช้เพื่อการพัฒนา )
2. ยุทธศาสตร์ เป็นการหาทางแก้ไขปัญหาจากที่ค้นพบในขั้นตอนที่หนึ่ง โดยการพัฒนาวิสัยทัศน์ วัตถุประสงค์ ยุทธวิธี ( วิธีการเพื่อไปถึงเป้าหมาย ) และพัฒนาโครงการ
3. โครงการ เป็นการพัฒนาโครงการโดยตั้งอยู่บนฐานของแนวทางที่วางไว้ในขั้นตอนที่สอง โครงการต่าง ๆ ต้องพัฒนาขึ้นมาภายใต้กรอบและคำถาม คือ ใครจะได้ประโยชน์จากโครงการ ใช้งบประมาณเท่าไร ใช้งบประมาณจากไหน ใช้เวลานานเท่าไร ใครเป็นผู้บริหารจัดการโครงการ
4. การบูรณาการ เมื่อได้พัฒนาโครงการแล้วก็ควรตรวจสอบให้ดีอีกครั้งว่าโครงการเหล่านี้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่วางไว้ในขั้นตอนที่สองหรือไม่ เพราะโครงการเหล่านี้จะเป็นหน้าตาของ แผนพัฒนาทั้งหมด แล้วก็ถึงขั้นการบูรณาการ การดำเนินงานเพื่อให้ตอบสนองชีวิตของผู้คน โดยให้ ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานแม้ว่าจะตั้งประเด็นเฉพาะขึ้นมา เช่น สิ่งแวดล้อม สุขภาพ เอดส์ ยาเสพติด เด็ก คนชรา การดำเนินงานจะต้องไม่แยกส่วน แต่พิจารณาจากปัญหาชีวิตของกลุ่มคนเป้าหมายเป็นสำคัญ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
154
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:25
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
52. บริบท (context) หมายถึงสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่รายล้อมเหตุการณ์หนึ่ง เรื่องหนึ่ง ประเด็นหนึ่ง เช่น การศึกษาวรรณกรรมยุคต้นรัตนโกสินทร์ก็ควรศึกษาประวัติศาสตร์ บริบททางสังคมวัฒนธรรมของไทยในยุคนั้นเพื่อจะได้เข้าใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในยุคนั้นซึ่งสัมพันธ์กับวรรณกรรมนั้น หรือการศึกษาเรื่องเศรษฐกิจหรือประเด็นอะไรก็ได้สมัยหนึ่งก็ควรต้องเข้าใจบริบททางสังคมวัฒนธรรม ซึ่งล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับเศรษฐกิจและประเด็นนั้น ๆการศึกษาบริบททางสังคมวัฒนธรรมในยุคที่หนังสือเล่มหนึ่งถูกเขียนขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อจะได้เข้าใจสาระสำคัญของหนังสือเล่มนั้น ซึ่งสัมพันธ์กับวิถีของสังคม วิธีคิดวิธีปฏิบัติต่าง ๆ เช่นเดียวกันกับการตีความหลักธรรมคำสอนทางศาสนาก็ดี ล้วนต้องเข้าใจบริบทหรือสภาพแวดล้อมของสังคมวัฒนธรรมและเหตุการณ์ต่าง ๆ ของยุคสมัยที่หลักธรรมคำสอนนั้นถูกตราขึ้น เพราะคำสอนนั้นมีส่วนสัมพันธ์กับโลกทัศน์ชีวทัศน์และวิถีของชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนั้น ๆ
ในวิชาการสื่อสารและภาษาศาสตร์ บริบทเป็นความหมายของสาร ( message ) ( เช่น ประโยคหนึ่ง ) ความสัมพันธ์ของมันกับส่วนอื่น ๆ ของสาร (เช่น หนังสือเล่มนั้น ) สิ่งแวดล้อมที่การสื่อสารนั้นเกิดขึ้น รวมทั้งภาพลักษณ์ ( perceptions ) ต่าง ๆ ที่อาจสัมพันธ์กับการสื่อสาร การเข้าถึงสารหรือสาระของภาษาจึงต้องการการตีความ อันเป็นกระบวนการและวิธีการที่ต้องวิเคราะห์บริบทหรือปัจจัยรายล้อมภาษาที่สื่อออกมานั้น
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
155
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:30
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
53. ประชาพิจารณ์ (public hearing) ประชาพิจารณ์เป็นคำที่อธิบายในตัวเองว่าหมายถึงประชาชนเป็นผู้วิจารณ์ การวิพากษ์วิจารณ์โครงการและนโยบายสาธารณะที่จะมีผลกระทบต่อชีวิตของ ผู้คน ชุมชนท้องถิ่นและต่อสังคม
การทำประชาพิจารณ์หมายถึงการจัดเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้เกี่ยวข้องหรือ มีส่วนได้เสียโดยตรงมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลในรายละเอียด แสดงความคิดเห็น และมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลและความคิดเห็นต่อโครงการหรือนโยบายนั้น ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นค้านก็ตาม
การทำประชาพิจารณ์ไม่ใช่การลงประชามติ ไม่ใช่การจัดฉากเกณฑ์คนไปยกมือเห็นชอบ โครงการแบบพวกมากลากไป ทำให้ประชาพิจารณ์กลายเป็นประชาสัมพันธ์โครงการมากกว่าการไปฟังความคิดเห็นของประชาชน
ประชาพิจารณ์เป็นกระบวนการของธรรมาภิบาล คือการดำเนินการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การดำเนินการประชาพิจารณ์จึงต้องทำอย่างเที่ยงตรง ยุติธรรมและจริงใจ ไม่มีอคติ รับฟังด้วยใจเปิดกว้าง
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
156
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:30
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
54. ประชาพิจัย (PR & D) แผนแม่บทชุมชน ประชาพิจัยหรือประชาพิจัยและพัฒนา(People Research and Development – PR & D) เป็นคำที่คิดขึ้นใหม่โดยมูลนิธิหมู่บ้านเพื่อเรียกกระบวนการ วิธีการ หรือเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนในชุมชนต่าง ๆ วิจัยตนเอง สืบค้นข้อมูลภายในชุมชนและที่เกี่ยวข้องกับชุมชน ประมวลข้อมูล วิเคราะห์สังเคราะห์แล้วทำแผนพัฒนา ชุมชน ซึ่งถ้าหากเป็นแผนใหญ่ที่ให้กรอบการพัฒนาอย่างรอบด้านก็เรียกว่า แผนแม่บทชุมชน (community master plan , community strategic plan)
การทำประชาพิจัยจึงเป็นการวิจัยตนเองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เพราะ หัวใจของประชาพิจัยคือกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยให้ชุมชนค้นพบ “ ทุน ”อันหลากหลาย อันเป็นศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง รวมทั้งพบแนวทางในการพัฒนาทุนดังกล่าวไปสู่การพึ่งตนเองทำให้ ชุมชนหลุดพ้นจากวิธีแบบพึ่งพารอความช่วยเหลือจากรัฐหรือภายนอก
ประชาพิจัยเป็นการเรียนรู้จักตนเอง รู้ความต้องการและความจำเป็นที่แท้จริง รู้จักโลกและผลกระทบต่าง ๆ ของการเปลี่ยนแปลงโลกที่มีต่อวิถีของชุมชน รู้จักรากเหง้าและเอกลักษณ์ทางสังคมวัฒนธรรมของตนเอง เกิดความภูมิใจและเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น รู้จักศักยภาพ ทุน สิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชุมชน ทั้งในด้านบวกและด้านลบ จุดแข็งและจุดอ่อน ศักยภาพและข้อจำกัด โดยเฉพาะ การสืบค้นทุนทรัพยากรซึ่งมีอยู่หลากหลายแต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์เพราะคนท้องถิ่นไม่เข้าใจและไม่เห็นคุณค่า รู้รายรับ รายจ่าย หนี้สิน และปัญหาของชุมชนจนเข้าใจสถานภาพทางเศรษฐกิจสังคมของ ตนเองเข้าใจว่าทำไมจึงมีปัญหาหนี้สินมาก รายได้ไม่พอรายจ่ายกลายเป็นวัวพันหลัก วงจรอุบาทว์ที่หาทางออกไม่ได้
กระบวนการทำประชาพิจัยยังรวมถึงการไปเรียนรู้จากคนอื่นชุมชนอื่นที่มีประสบการณ์และผ่านขั้นตอนการเรียนรู้และการดำเนินงานจนประสบความสำเร็จมาก่อน แล้วจึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดแล้วสังเคราะห์เป็นแผนแม่บทชุมชน ทำประชาพิจารณ์ในชุมชนแล้วหาทางแปรแผนดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล
“ ประชาพิจัย ” เป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นจากการสังเคราะห์ประสบการณ์ของชุมชนและคนที่ทำงานกับชุมชนนับแต่ประมาณทศวรรษที่ 2520 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ของผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม ผู้พัฒนาแนวคิดการพึ่งพาตนเองและการทำวนเกษตรประสบการณ์ของอินแปง เครือข่าย องค์กรชุมชนรอบเขาภูพานประสบการณ์ของชุมชนไม้เรียง ที่นครศรีธรรมราช ซึ่งเรียนรู้และพัฒนา ตนเองอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบ รวมทั้งประสบการณ์การทำงานวิจัยเศรษฐกิจชาวนาที่ยโสธร โดยใช้แนวคิดและแนวทางของชายานอฟ นักคิดชาวรัสเซีย
แผนแม่บทชุมชนเป็นผลของการทำประชาพิจัย เป็น “ แผนแม่ ” ที่ให้ชีวิตแก่ชุมชน เกิดเป็นแผนงาน โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เป็นแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนแบบบูรณาการหรือรอบด้านเกิดจากการเรียนรู้ของชุมชนและมีเป้าหมายคือการพึ่งพาตนเอง การช่วยเหลือจากรัฐและภายนอกเป็นการเสริมหรือเติมเต็มให้ชุมชนมากกว่าที่จะรอให้รัฐมาช่วยทำให้สร้างให้ตั้งแต่เริ่มต้น
อีกนัยหนึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ของชุมชน ซึ่งมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ยุทธวิธี แผนงาน โครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและประสานเพื่อตอบสนองความใฝ่ฝันของชุมชนที่จะร่วมมือกันพัฒนาไปสู่การพึ่งตนเอง
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
157
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:30
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
56. ปราชญ์ชาวบ้าน หมายถึงสามัญชนคนธรรมดาที่ “ ไม่ธรรมดา ” อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบท ได้รับการยอมรับยกย่องจากชาวบ้านทั่วไปว่าเป็นผู้มีภูมิปัญญา มีความรู้ความสามารถในการอธิบายและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เป็นคนดีมีคุณธรรม เพราะภูมิปัญญาเป็นความรู้ที่เป็นองค์รวมของชีวิต แม้ว่าปราชญ์ชาวบ้านบางคนจะมีความรู้เฉพาะเรื่องอย่างถ่องแท้ แต่ก็เป็นความรู้อันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทั้งหมดเป็นความรู้ที่ทำให้ชีวิตโดยรวมเกิดความมั่นคง ทำให้อยู่เย็นเป็นสุข
ปราชญ์ชาวบ้านจึงเป็นผู้เข้าใจปรัชญาชีวิตอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้ผู้คนเห็นคุณค่าและความหมาย ของชีวิต เข้าใจที่มาสาเหตุของปัญหาและเป็นผู้นำในการแสวงหาทางออกด้วยสติปัญญา ปราชญ์ชาวบ้านมองชีวิตอย่างรอบด้าน เป็นองค์รวม ไม่แยกส่วน และยึดมั่นในคุณค่าและคุณธรรม โดยทั่วไปคนที่เป็นปราชญ์ย่อมไม่ยกย่องตัวเองว่าเป็นปราชญ์ คนอื่นต่างหาก โดยเฉพาะนักวิชาการ เอ็นจีโอคนนอกชุมชนที่ยกย่องและให้เกียรติเรียกพวกเขาว่าปราชญ์ชาวบ้าน
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
158
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:31
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
57. ปรัชญา (philosophy) นิยามทั่วไปบอกว่า ปรัชญาหมายถึงวิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริง นับเป็นความหมายที่แคบ เพราะปรัชญาเป็น “ ปัญญา ” ที่ส่องทางนำชีวิต ปรัชญาเป็นหลักแห่งการดำเนินชีวิตซึ่งรวมเอาโลกทัศน์ชีวทัศน์และกระบวนทัศน์ทั้งหมด (กระบวนทัศน์อันหมายถึงวิธีคิด วิธีปฏิบัติ วิธีให้คุณค่า ซึ่งตั้งอยู่บนฐานการมองความเป็นจริงแบบหนึ่ง) ปรัชญาเป็นศาสตร์และศิลป์แห่งการดำเนินชีวิต
ปรัชญาเป็นความเข้าใจโลกเข้าใจชีวิต เข้าใจความเป็นจริงแบ่งกว้าง ๆ เป็นปรัชญาตะวันออก ปรัชญาตะวันตก ปรัชญาจีน ปรัชญาอินเดีย ปรัชญากรีก และแคบลงไปเป็นสำนักต่าง ๆ เช่น จิตนิยม (idealism) วัตถุนิยม (materialism) ประสบการณ์นิยม (empiricism) ปฏิบัตินิยม (pragmatism) ปฎิฐานนิยม (positivism) ฯลฯ
ปรัชญาตะวันตกเริ่มต้นเมื่อประมาณ 2,500 ปีที่แล้ว เมื่อชาวกรีกบางคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับโลก เกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับความรู้แตกต่างไปจากที่เคยถามเคยตอบกัน ก่อนหน้านั้นทุกอย่างมีคำตอบหมดแล้วในเทพปกรณัม (mythology) ปรัชญากรีกก็เช่นเดียวกับปรัชญาอินเดีย ปรัชญาจีนในยุคเดียวกัน ซึ่งเชื่อว่าทุกอย่างล้วนสัมพันธ์กันหมด พยายามแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับกฏเกณฑ์แห่งชีวิตและความเป็นจริงทั้งมวล ต้องการทราบว่าอะไรเป็นตัวเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกันให้เป็นเอกภาพ มีความสมดุล เชื่อว่า “ เด็ดดอกไม้ดอกเดียวกระเทือนถึงดวงดาว ”
หากค้นหาความหมายลึก ๆ ของคำว่าปรัชญาก็จะพบ “ ปัญญา ” และค้นลึกลงไปใน
คำว่า philosophy ก็ไม่ใช่เพียง “ รักในความรู้ ” (philein + sophia) เพราะรากศัพท์ภาษากรีกเดิมนั้นหมายถึงการค้นหาเอกภาพของทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นหนึ่ง หนึ่งคือทุกอย่าง เช่นเดียวกับความหมาย ของพรหม เต๋า รวมถึง “ ขวัญ ” ในปรัชญาของไทย
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
159
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:31
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
58. ผู้เกื้อกระบวนการ (facilitator i9) คือผู้ช่วยกลุ่มคนให้ทำบางอย่างร่วมกันอย่างได้ผล เช่น ให้เรียนรู้ร่วมกัน ให้บรรลุมติร่วมกัน ให้ประชุมร่วมกันเพื่อทำความเข้าใจหรือตกลงบางอย่าง ร่วมกัน ช่วยให้กลุ่มคนได้ดำเนินการบางอย่างร่วมกัน ทั้งนี้โดยทำหน้าที่เพียงผู้เกื้อกระบวนการ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องชี้นำหรือเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ผู้เกื้อกระบวนการมีผู้แปลว่า “ วิทยากรกระบวนการ” บางคนเปรียบเทียบกับ “ หมอตำแย ” ซึ่งช่วยให้สตรีคลอดบุตร โดยหมอไม่ได้เป็นผู้คลอดเอง เป็นผู้ช่วยทำให้คลอดง่าย (รากศัพท์ facilis ภาษาละตินแปลว่า ง่าย)
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Metha
Metha
ออฟไลน์
เครดิต
54527
160
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-12-15 08:32
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
59. ผู้เชื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (catalyst) เป็นคำที่ยืมจากวิชาเคมีและชีววิทยา ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ริเริ่มหรือเร่งปฏิกิริยาเคมีโดยที่ตัวมันเองไม่มีผลกระทบ ก่อให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้น คำนี้ถูกยืมมาใช้ทางสังคม หมายถึงคนหรือองค์กร หรือสถาบัน (เช่น สื่อมวลชน) ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ สถานการณ์ ทำหน้าที่เชื่อมคน เชื่อมความคิด เชื่อมสถาบัน องค์กร เชื่อมกระบวนการ หรือวิธีการต่าง ๆ ก่อให้เกิดนวัตกรรมการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นโดยที่ตัวมันเองไม่ได้แปรเปลี่ยนไป
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1 ...
12
13
14
15
16
17
18
19
20
... 40
/ 40 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...