พระฤษีสินธู...พระฤษีสุทน...พระฤษีสนธิ...พระฤษีมิลินทร์.. ด้านเชิงเขาพระสุเมรุราชซึ่งเป็นดินแดนติดด่อในระหว่างเขาไกรลาสและป่าหิมพานต์ยังมีพระฤษที่กำลังจะกล่าวถึงอีก 4 องค์ ที่ท่านมีความเก่งกล้าสูงด้วยบารมีธรรมอยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะและมีความสามารถเท่าเทียมกัน 108.พระฤษีสินธู ผู้มีความเก่งกล้าสามารถเป็นผู้นำหมู่คณะ
109.พระฤษีสุทน เป็นพระฤษีที่มีตบะธรรมอันลึกล้ำ
110.พระฤษีสนธิ เป็นอีกองค์ที่มีอิทธิฤทธิ์มากด้วยบารมี
111.พระฤษีมิลินทร์ เป็นผู้สร้่างสรรค์คุณงามความดีในทุกอย่าง พระฤษีทั้ง 4 องค์นี้ท่านรักใคร่สามัคคีมีความปรองดองกันอย่างดี ไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆเกิดขึ้นกับองค์ใดองค์หนึ่ง ท่านก็จะต้องหันหน้ามาปรึกษาหารือกัน เพื่อที่จะหาทางแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆและช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ทันต่อเวลา ถึงแม้จะถือเพศเป็นพระฤษี แต่ก็ยังมีพวกมีพ้องยังจะต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอยู่ในฉันท์พี่น้องที่ซื่อสัตย์ต่อกัน ที่บริเวรอาศรมของพระฤษีทั้ง 4 องค์นี้ ก็ยังมีอ่างแก้วใบใหญ่ที่เทวดาลงมาเนรมิตให้พระฤษีทั้ง 4 ออกจากฌานในยามเช้าก็จะต้องมานั่งคุยปรึกษาหารือสนทนาธรรมกันโดยวงรอบอ่างแก้วใบนั้นทุกเช้าและทุกวันเป็นประจำ ภายในป่าหิมพานต์ย่านนั้นก็ยังมีฝูงแม่โคนม 500 ตัว อาศัยอยู่และเที่ยวหากินอยู่ในบริเวรนั้น ทุกเช้าฝูงแม่โคเหล่านั้นก็จะพากันมาที่อาศรมแล้วก็หยดน้ำนมลงในอ่างแก้วใบนั้น เพื่อถวายให้พระฤษีฉัน ทั้ง 4 พระฤษีก็มานั่งสนทนาธรรมแล้วก็ดื่มน้ำนมโคนั้นทุกวันพร้อมกัน เป็นกิจวัตรประจำวัน
ในบริเวรนั้นยังมีนางกบตัวหนึ่ง ซึ่งหมอบนิ่งอยู่ข้างอ่างแก้วน้ำนมโค เมื่อพระฤษีออกมาฉันครั้งใด ก็จะต้องตักเอาน้ำนมนั้นให้นางกบได้กินด้วย จนอิ่มหนำสำราญไม่ต้องออกไปหากินที่ไหน
วันหนึ่งพระฤษีทั้ง 4 เมื่อออกจากฌานแล้วก็ชวนกันออกไปหาผลไม้ในป่าเอามาเก็บไว้ฉันและหาเก็บดอกไม้มาใส่ที่บูชา พระฤษีทั้ง 4 ก็พากันเดินออกไปเรื่อยๆ ยังมีธิดาพญานาคนางหนึ่งชื่อ อนงค์ เป็นธิดาของ พญากาลนาค ผู้ครอบครองเมืองบาดาลในวันนั้นนางนาคอนงค์ก็หนีบิดาขึ้นมายังป่าหิมพานต์ เพื่อที่จะหาคู่ครองที่ถูกใจในป่านั้นนางก็เที่ยวไปทุกหนทุกแห่งแต่ก็หาไม่พบ แล้วก็ถึงคราวที่จะต้องเกิดเหตุ นางนาคอนงค์ก็เที่ยวมาใกล้อาศรมพระฤษีทั้ง 4 พบกับงูดินตัวหนึ่ง นางนาคอนงค์ก็สิ้นคิดเพราะหาคู่ไม่ได้ นางจึงร่วมรักกับงูดินตัวนั้น โดยไม่คิดคำนึงว่าศักดิ์ศรีของนางนั้นสูงกว่างูดินตั้งมากมาย เมื่อนางต้องการอยากจะได้ ความอายก็จึงไม่เกิด จึงมั่วกับงูดินพันกลมอยู่ที่ดงหญ้าข้างทางระหว่างป่าหิมพานต์ ก็นับว่านางนาคอนงค์ผู้นี้ก็มีความสุขไปได้ชั่วขณะหนึ่ง และพอดีขณะนั้นพระฤษีทั้ง 4 เดินมาพบเข้าก็ปลงอนิจจัง ว่านางนาคอนงค์ ทำไมจึงทำตัวเช่นนั้นมันไม่สมควรเลย ด้วยความจำเป็นพระฤษีทั้ง 4 จึงใช้ไม่เท้าที่ติดมือมานั้นเขี่ยที่ขนดหาง เพื่อหวังว่าจะให้นางนาคอนงค์ได้รู้สึกสำนึกในศักดิ์ศรีของตนเอง ว่ามันห่างกันราวฟ้ากับดิน พอนางนาคอนงค์รู้สึกตัวก็ให้มีความอายต่อพระฤษีทั้ง 4 เป็นที่สุดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี นางนาคอนงค์จึงรีบแทรกแผ่นดินหนีไปเมืองบาดาลโดยเร็ว พระฤษีทั้ง 4 เห็นเหตุการณ์ก็หัวเราะกัน หึ..หึ..แล้วพากันกลับอาศรม
ฝ่ายนางนาคอนงค์เมื่อหนีไปแล้วก็ให้มีความเจ็บแค้นพระฤษีทั้ง 4เนื่องจากความอายนางจึงคิดจะแก้แค้นพระฤษีให้จงได้ จึงต้องขึ้นมาจากบาดาลอีกครั้ง แล้วจึงคอยดูทีท่าเพื่อหาช่องทางเล่นงานพระฤษีทั้ง 4ด้วยความโกรธแค้นใหเจงได้ พอได้โอกาสในยามดึกสงัด นางนาคเห็นว่าไม่มีผู้ใดรู้ผู้ใดเห็น จึงตรงไปที่อ่างแก้วที่ใส่น้ำนมโคใบนั้น แล้วจึงคายพิษอันแรงกล้าลงไป เพราะนางรู้ว่าตอนเช้าพระฤษีทั้ง 4 จะต้องมาฉันน้ำนมแล้วจะต้องดื่มเอาพิษของนางเข้าไปด้วย พระฤษีทั้ง 4 องค์จะต้องตายไม่เหลือแม้แต่องค์เดียว เมื่อนางนาคอนงค์คายพิษใส่อ่างแก้วเรียบร้อยแล้วก็กลับเมืองบาดาลด้วยความมั่นใจ แต่เดชะบุญบารมีที่พระฤษีทั้ง 4 ยังมิถึงฆาต การกระทำของนางนาคอนงค์ ไม่รอดพ้นสายตาของกบที่หมอบนิ่งอยู่ข้างอ่างแก้วไปได้ นางกบก็คำนึงคิดทบทวนด้วยความกตัญญูรู้คุณพระฤษีทั้ง 4 ที่มีความเมตตาแบ่งน้ำนมให้กินทุกวัน นางมีความซาบซึ้งในบุญคุณเป็นล้นพ้น ในการครั้งนี้ไมาสามารถที่จะทนดูพระฤษีผู้มีพระคุณต้องดื่มพิษร้ายของนางนาคอนงค์แล้วต้องตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้เป็นอันขาด จะต้องตอบแทนพระคุณของท่าน นางกบน้อยจึงตัดสินใจกระโดดลงบไปในอ่างแก้วที่มีน้ำนมผสมพิษร้ายของนางนาคและสิ้นชีวิตลอยอยู่ในอ่างนั่นเอง
|