ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ปู่ฤาษี 108 ตน

[คัดลอกลิงก์]
101#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 11:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระฤษีเศรษฐบุตรได้ยินดังนั้นก็ตกใจและสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น จึงสำรวมจิตเข้าฌาณดู ก็รู้ว่าทศกัณฑ์ผู้เป็นศิษย์ได้เสียท่าท่านท้าวอรชุนเสียแล้วพระฤษีรู้ดังนั้นจึงรอช้ามิได้รีบร่ายเวทย์สำแดงฤทธิ์เหาะตามไปเพื่อที่จะหาทางช่วยเหลือศิษย์ ครั้นมาทันกันพระฤษีก็อ้อนวอนท้าวอรชุนขอร้องให้ปล่อยทศกัณฑ์ด้วยบอกว่าทศกัณฑ์นั้นยังเป็นเด็กนัก ยังไม่รู้จักผิดถูกแต่อย่างใด ซึ่งก็มีนิสัยซุกซนไปตามประสาของเด็กทั่วไปจงขอได้โปรดอภัยโทษในครั้งนี้ด้วยเถิดจะได้เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ เพราะว่าในอนาคตข้างหน้าเด็กคนนี้จะได้เป็นใหญ่เป็นโตถึงขั้นเป็นเจ้านครลงกาองค์ใหม่เลยทีเดียวแหละ จงนึกว่าปล่อยลูกนกลูกกาเอาบุญสักครั้งเถิด
    ท้าวอรชุนก็ใจอ่อน ยอมปล่อยทศกัณฑ์ถวายกับพระฤษีเศรษฐบุตร แล้วจึงอโหสิไม่เอาโทษและยังได้กระทำสัจจะวาจาเป็นไม่ตรีกันทั้งสองฝ่ายเสร็จพระฤษีก็พาทศกัณฑ์ศิษย์รักกลับไปยังอาศรม
   แต่ในตำนานแห่งพระคัมภีร์รามายณะฉบับบสันสกฤต ได้ระบุชื่อพระฤษีองค์นี้ไว้คือ พระฤษีปุลัสตยะมุนี แต่ในรามเกียรติ์เรียกว่า พระฤษีโคบุตร
   ถึงแม้ชื่อเสียงจะผิดเพี้ยนกันไปบ้างก็จงอย่าไปสนใจอะไรมากนัก ก็เพราะว่ามากคัมภีร์มากตำนาน มากคนแต่ง ก็ต้องมากเรื่องมากราวเป็นอย่างนี้แหละ แต่เมื่อลงท้ายแล้วก็เป็นจุด
หมายเดียวกัน......

102#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 11:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


91.พระฤษีสัตยพรต
พระฤษีองค์นี้เดิมเป็นพระมหากษัตริย์แห่งแคว้น ทระวิระ พระองค์มีศรัทธา มุ่งมั่นในทางธรรมเป็นที่ตั้งจึงทรงถือเพศเป็นพระฤษี มีความพยายามบำเพ็ญตบะสร้างบารมี เคร่งครัดอยู่ในศีลธรรม ชอบสันโดษและภิกขาจารไปทั่วๆ เสวยแต่น้ำเป็นอาหารไม่ยอมเสวยอย่างอื่นที่เป็นอาหารหนัก จึงมีบารมีเพิ่มพลังขึ้นมาอย่างมหาศาล
    วันหนึ่งหลังจากที่พระฤษีออกจากตบะฌานแล้ว จึงเสด็จลงไปยังฝั่งแม่น้ำ กฤตะมาลา หวังว่าจะชำระล้างร่างกายและชำระบาปทั้งปวงให้หมดสิ้นไป พระฤษีจึงเอาพระหัตถ์กวักน้ำขึ้นมาหวังจะได้ดื่มกินประทังชีวิต แต่อะไรกันนั่น น้ำที่วักขึ้นมามีลูกปลาตัวน้อยๆที่มีความสวยงามติดมาด้วย พระฤษีจึงชงักไม่ยอมเอาน้ำเข้าปากเพราะกลัวจะผิดศีล พระฤษีหยุดพิจารณาปลาตัวนั้นอยู่นาน และแล้วลูกปลาตัวนั้นก็ได้กล่าววิงวอนกับพระฤษีเป็นภาษามนุษย์ ' หลวงตาเจ้าขา อย่าได้ปล่อยให้ฉันลงน้ำเลยนะ ถ้าหากหลวงตาปล่อยฉันลงน้ำไปแล้ว ฉันก็คงจะไม่รอด จะต้องกลายเป็นเหยื่อของสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นแน่สงสารฉันเถอะ หลวงตาผู้ใจดีอย่าปล่อยเลยนะตานะ' พระฤษีได้ยินเช่นนั้นก็สงสารอย่างสุดซึ้ง เลยนำเอาปลาตัวนั้นขึ้นไปเลี้ยงไว้ในหม้อที่อาศรม
    วันรุ่งขึ้นพระฤษีก็เดินไปดูปลาน้อยในหม้อ ก็ต้องตกใจเพราะว่าปลาช่างโตไวเสียจริงๆ โตจนกระทั่งเต็มหม้อ ปลาขอร้องว่า ' ตาจ๋าตา ที่อยู่ของฉันช่างเล็กและคับแคบเหลือเกิน รู้สึกว่าอึดอัดเป็นที่สุด จะขยับตัวก็ไม่ได้ ตาจ๋า ช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ใหญ่กว่านี้เถิด ' ครั้นแล้วพระฤษีก็เอาปลาไปปล่อยลงในสระ แต่แล้วชั่วขณะเดียวเท่านั้นปลาก็โตเต็มสระ พระฤษีก็เอาไปปล่อยในทะเลสาป แต่ก็โตเต็มทะเลสาปอีก พระฤษีจึงต้องเอาปลาไปปล่อยในมหาสมุทร ปลาจึงกล่าวกับพระฤษีว่า ' ในมหาสมุทรนั้นทั้งกว้างทั้งใหญ่โตและลึกเป็นที่สุด ไหนเลยฉันจะรอดพ้นอันตรายได้ มีทั้ง นาค จระเข้ และเหราสารพัดรวมอยู่ในนั้น'

103#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 11:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระฤษีก็มีความฉงน คิดทบทวนดูอย่างถ้วนถี่แล้วจึงลงความเห็นว่า จะต้องมีอะไรซ่อนเร้นอยู่เป็นแน่ทีเดียว เพราะเห็นว่าผิดหลักธรรมชาติเป็นอย่างมาก เมื่อพระฤษีท่านใคร่ครวญจนถ้วนถี่แล้ว ท่านจึงกล่าวออกไปว่า ' ท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านทรงจำแลงกายมาเป็นปลาด้วยกิจอันใดหรือ' ปลาพระ
ผู้เป็นเจ้าจึงเปิดเผยความจริงว่าเป็นองค์พระนารายณ์อวตารลงมาช่วยเหลือมนุษย์ ด้วยอีก ๗ วันน้ำจะท่วมโลก ท่านจะส่งเรือสำเภาใหญ่มาให้ ขอให้พระฤษีจงปฏิบัติตาม ให้นำพระฤษีลงไปในเรือนั้น ๗ องค์ จงเก็บพืชพันธุ์ธัญญาหารและสรรพยาต่างๆอย่างละเล็กละน้อยให้ครบถ้วน และจงเลือกสรร บรรดาสัตว์อย่างละคู่เอาลงไว้ในเรือนั้น พร้อมทั้งมนุษย์ชายหญิงอีกคู่หนึ่ง ท่านจะพาไปให้พ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ขอให้พระฤษีจงเตรียมตัวจัดเตรียมข้าวของเอาไว้ให้ครบถ้วน เมื่อถึงวันนั้นจะมารับแล้วปลาก็หายวับไป
ครั้นถึงตามกำหนดที่นัดหมาย พระนารายณ์ในร่างปลาก็ปรากฏขึ้น ได้ประทานเรือสำเภาใหญ่มาให้อีกลำหนึ่ง พระฤษีสัตยพรตก็มิได้รอช้า รีบเกณฑ์ข้าวของทั้งคนทั้งสัตว์ลงในเรือสำเภาครบจำนวนแล้วเอาพญานาคมาเป็นเชือกผูกหัวเรือทางด้านหาง ส่วนทางด้านหัวก็ผูกกับปลาอวตาร ปลาใหญ่นั้นก็นำพาลากจูงเรือให้แล่นไปในมหาสมุทร และก็สอนธรรมกับพระฤษีตลอดไป พอเรือสำเภาใหญ่แล่นออกจากท่าไปแล้ว ฝนแสนห่าก็ตกลงมาทั้งวันทั้งคืนในระยะเวลาอันยาวนานติดต่อกันถึง ๓ เดือน น้ำในมหาสมุทรก็หนุนขึ้นมา จึงทำให้น้ำท่วมโลก มนุษย์และสัตว์พากันตาย พืชพันธุ์ธัญญาหารก็มิได้หลงเหลืออีกเลย เมื่อมองไปก็จะมีแต่น้ำกับฟ้าไม่เห็นฝั่ง พระฤษีก็นั่งปฏิบัติธรรมมาในเรือ พระนารายณ์ก็นำเอาเรือนั้นมาโยงไว้ที่ภูเขามัสยะ แล้วก็อบรมสั่งสอนทั้งในทางโลกและทางธรรม ให้พระฤษีได้จดจำนำเอไปปฏิบัติ ครั้นได้เวลา ปลาพระนารายณ์ก็พาเรือสำเภาใหญ่นั้นกลับมา ก็เป็นเวลาที่พระพรหมาทรงตื่นขึ้นจากบรรทมพอดี น้ำที่ท่วมโลกก็แห้งแล้ว เรือก็ถึงฝั่งพอดี แล้วปลาพระนารายณ์ก็ดำน้ำหายไป พระฤษีก็เกณฑ์ทั้งมนุษย์และสัตว์ฺขึ้นฝั่ง ทั้งพืชพันธุ์ต่างๆ ก็นำเอาไปเพาะปลูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ ทั้งมนุษย์และสัตว์อย่างละคู่นั้นจึงได้เพาะพันธุ์กันเรื่อยมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ นี่แหละที่มีชีวิตเกิดมาอยู่ในโลกนี้ได้ก็เพราะ พระนารายณ์และพระฤษีสัตยพรตนั้น มีพระคุณกับมนุษย์และสัตว์มากที่สุด ในฐานะที่เป็นพระบิดาของมนุษย์ทั้งหลาย นามเดิมของพระฤษีสัตยพรตนั้นก็คือ พระมนู
ไวรัสวัต หลังจากที่เป็นพระบิดาของมวลมนุษย์แล้ว ท่านจึงได้นามใหม่ว่า พระประชาบดี ......

104#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 11:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

92.พระฤษีประทิศไพ
   พระฤษีองค์นี้ก็มีความศักดิ์สิทธิ์และมีฤทธิไกรมากมายทั้งไสยศาสตร์และ
บารมีมากด้วยคาถาอาคมและมนต์วิเศษ ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ มีตำแหน่งเป็น
อาจารย์ของหนุมาน ทหารเอกของพระราม ที่มีความเคารพและนับถืออย่าง
จริงจัง ท่านบำเพ็ญตบะอยู่ในป่าแห่งภูเขาเหมติวัน
    เมื่อหนุมานสู้รบกับยักษ์บรรลัยกัลป์ซึ่งมีฤทธิ์มาก ใครจะจับตัวไม่ได้ทั้งนั้นเพราะบรรลัยกัลป์ทำพิธีชุบตัวด้วยน้ำมันว่าน จึงทำให้ตัวลื่นจับก็ไม่อยู่ หนุมานจึงเหาะไปถามพระฤษีประทิศไพ พระฤษีท่า่นก็กลัวบาปไม่ยอมบอก แต่ท่านก็หยิบทรายฝุ่นมาโรยเล่นให้เห็นเป็นปริศนา หนุมานไวปัญญา จึงตีปัญหาแตกแล้วก็เหาะกลับไปสู้กับยักษ์ แล้วในที่สุดก็ฆ่ายักษ์ตายสมความต้องการ

105#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 12:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2014-5-17 12:02


93.พระฤษีโพธิสัตว์
  เป็นพระฤษีที่ศักดิ์สิทธิ์ในชั้นเทพอีกองค์หนึ่ง ท่านเป็นเทพที่มุ่งมั่นในทาง
บำเพ็ญ ทั้งทางศีลทางธรรม และทางบารมีทานรวมพร้อมอยู่ในท่าน มีพร้อมหมดทุกอย่าง จนกระทั่งได้บรรลุธรรมชั้นสูง จึงได้เลื่อนขั้นและฐานะขึ้นมาเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อคอยเวลาและโอกาส ที่จะอุบัติขึ้นในโลกมนุษย์ แล้วตรัสรู้ธรรมนำเอามาสั่งสอนปวงชน เป็นผู้นำของศาสนาที่เรียกว่าศาสดา
หรือพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไปในอนาคตกาลข้างหน้า ที่จะต้องมีขึ้นมาใหม่
อีก ตามวาระเวลาและคิวที่รอคอย เรียงกันตามลำดับสำหรับปวงชนหากมีสิ่งใดขัดข้อง ก็บนบอกกล่าวกับท่านได้ บูชาด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นเนืองนิตย์ ท่านก็จะต้องประสิทธิ์ประสาทพระพรให้ได้สำเร็จผล หากท่านต้องการจะไปปิดทองหรือถวายพวงมาลัย ไปที่องค์จำลองของท่านก็ได้ หรือจะแก้สินบนอย่างไรก็เห็นว่าสะดวกและสมควรยิ่ง จงเดินทางไปที่วัดเกตุมดีศรีวราราม (เส้นทางจะไปแม่กลองจะต้องผ่าน) แล้วจะได้พบกับพระฤษีโพธิสัตว์นี้ เป็นรูปปั้นสถิตย์อยู่ภายในกำแพงแก้ว ในซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก ของพระธาตุเกตุมดีที่วัดแห่งนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหลายอย่างอยู่ภายในวัด เช่น พระธาตุเกตุมดีพระพุทธสิหิงค์ มหาราชทั้ง ๔ พระองค์ พระสิวลีมหาเถระ ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ธรรมบัณฑิต พ่อหมอโกมารภัติ และพระฤษีพนาวัน

106#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 12:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


94.พระฤษีบรมโกฏิ
  พระฤษีองค์นี้ท่านก็ชอบสันโดษ อยู่ในอาศรมกลางป่าอีกเช่นเดียวกันท่านก็มีทั้งเมตตาบารมีและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์มากมาย ชอบช่วยเหลือและส่งเสริมมวลมนุษย์ที่กระทำแต่ความดี หากทำชั่วท่านก็จะสาปแช่งตามต่ำแหน่งหน้าที่ของท่าน ที่ได้รับคำสั่งจากพระอิศวร ให้ดูแลมวลมนุษย์ถ้าหากว่าผู้ใดได้รับความเดือดร้อนเพราะถูกกลั่นแกล้งรังแกท่านก็จะสาปแช่งผู้ที่ชอบกลั่นแกล้งรังแก หรือทำตัวเป็นอันธพาลให้ได้รับกรรม มีแต่ความวิบัติมาบังเกิด หากผู้ใดทำดีท่านก็จะดลบัลดาลให้ได้รับผลดี ในทำนอง'ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว' สิ่งนี้เป็นที่แน่นอนที่สุดท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์จะต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้แน่นอนแล้วเสมอ
   ดังนั้นหากผู้ใดมั่นใจว่าตัวเองได้ทำความดี และยึดมั่นอยู่ในความดีแล้ว มีศีลธรรมประจำใจแล้วก็จงขอพรจากพระฤษีบรมโกฏิเถิด แล้วท่านจะต้องสำเร็จสมประสงค์ ถ้าหากมีผลสำเร็จตามความประสงค์ที่ได้บนบานกับพระฤษีบรมโกฏิเอาไว้ หากจะทำพิธีแก้บนด้วยดอกไม้ ธูป เทียน และทองคำเปลวก็ได้ ให้นำเอาสิ่งของที่ตั้งใจว่าจะถวายกับท่านไปพบกับท่านได้เสมอ ที่ในวัด พระเชตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์ท่าเตียน) จะมีรูบปั้นพระฤษีบรมโกฏิให้พวกเราได้กราบไหว้บูชา....

107#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 12:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
95.ฤษีพระศุกร์

108#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 12:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

109#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 12:27 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2014-5-17 12:28



96.พระฤษีชลหุ
   พระฤษีองค์นี้ก็มีฤทธิ์มากมีทั้งอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์ แฝงไว้ด้วยอำนาจลึกลับมากมายมีประวัติดังนี้....
    เมื่อครั้งที่ท้าวสัคร ได้ทำพิธีอัศวเมท คือปล่อยม้าอุปการแล้ว พระอินทร์ก็แปลงกายลงมาขโมยม้าตัวสำคัญนั้นไปซ่อนไว้ ท้าวสัครจึงใช้พระกุมารทั้งหกหมื่น ซึ่งเป็นโอรสของพระองค์ทั้งหมดไปเที่ยวค้นหาม้า พระกุมารทำการขุดพื้นลงไปถึงหกหมื่นโยชน์แล้วก็ยังมิได้พบม้า จึงพยายามขุดลึกลงไปอีก พระนารายณ์ก็ทรงเกรงว่าโลกจะทะลุพินาศสิ้น จึงอวตารลงมาเป็นพระกบิล ลงไปบำเพ็ญตบะอยู่ใต้พิภพ เมื่อพระกุมารหกหมื่นขุดลงไปพบพระกบิลก็โกรธคิดว่าพระกบิลขโมยเอาม้ามา จึงตรงเข้าไปหมายจะทำร้าย
ในที่สุดพระกบิลก็ทำเป็นไฟกรดไหม้พระกุมารทั้งหกหมื่นตายกันหมด ท้าวสัครจึงคิดที่จะเชิญพระแม่คงคาลงมาจากสวรรค์เพราะน้ำพระแม่คงคานี้ถ้าหากว่่าไหลไปชำระอัฐิของพระกุมารทั้งหกหมื่นแล้ว ก็จะหมดบาปได้ไปสวรรค์กันทั้งหมด   ท้าวสัครจึงมอบราชสมบัติให้กับพระนัดดาเป็นผู้ครอบครอง ส่วนพระองค์ก็ออกไปบำเพ็ญตบะเพื่อจะทำพิธีอัญเชิญพระคงคาให้ลงมาจากสวรรค์ ตอนนี้จึงมีพระฤษีเพิ่มขึ้นอีก คือ พระฤษีสัคร
   สำหรับพิธีอัญเชิญน้ำพระคงคาลงมาจากสวรรค์ ก็ยังมิได้สำเร็จสมความตั้งใจ แต่ก็ยังดำเนินต่อเนื่องกันไปเมื่อท้าวสัครสิ้นพระชนม์แล้ว ท้าวอังศุมานก็บำเพ็ญพรตเป็น พระฤษีอังศุมาน และต่อมาจนกระทั่งบังเกิดเป็น พระฤษีทิลีป ต่อมาก็ถึง พระฤษี ภคีรถ สืบต่อเนื่องลำดับวงค์สกุลกันลงมาผล
สุดท้ายก็มาสำเร็จในสมัยของท้าวภคีรสนั่นเอง พระคงคาเสด็จลงมาจากสวรรค์โดยพระอิศวรเอามวยผมรับพระคงคาเอาไว้เพื่อป้องกันมิให้น้ำท่วมโลก หรือว่าโลกพังทลายลงมา ด้วยอิทธิฤทธิ์และความรุนแรงของพระคงคา พระคงคายังคงไหลเวียนอยู่บนพระเศียรของพระอิศวร
   

110#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 12:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้