7.พระฤษีอิศวร
พระองค์เป็นผู้ทรงคุณค่าด้วยพระบารมีอันมากล้นมุ่งแต่ส่งเสริมธรรมะ มุ่งจะทำลายอธรรมให้พินาศ สิ้นมิให้หลงเหลืออยู่อีกเลยด้วยอำนาจและบารมีได้แบ่งภาคลงมาเป็นพระมุนีภพผู้เป็นพระสวามีของพระสตีผู้เป็นธิดาของพระทักษะประชาบดีเมื่อครั้งที่พระทักษะประชาบดีได้ทำพิธียัญญกรรมครั้งยิ่งใหญ่ก็ได้เชิญบรรดาเขยทั้งหมดให้มาร่วมในพิธีมงคลครั้งนี้ทั้งหมด เว้นแต่พระมุนีภพเท่านั้นทั้งยังประณามและประจานว่าแต่งตัวเป็นคนบ้า นุ่งผ้าบังสกุล ใช้กระดูกและกระโหลกคนเป็นสังวาลย์ หนวดเครา ผมเผ้ารุงรังน่าเกลียดชอบคบหาพวกภูติผีปีศาจ มั่วสุมกันในกลุ่มผีเป็นสมัครพรรคพวกดูแล้วไม่สมเกียรติอันใดแล้วก็ยังจะสร้างความเสื่อมเสียให้ได้รับความอับอายขายหน้าอีกด้วย
พระสตีจึงมีความน้อยใจจึงทำลายชีวิตของตนเองด้วยการกระโดดลงไปในกองไฟที่ใช้ในการทำพิธีนั่นเอง พระมุนีภพรู้เรื่องเข้าว่าพระชายาได้สิ้นใจตายไปแล้วด้วยความรักที่มีต่อพระนางจึงมีความโกรธแค้นพ่อตา พระองค์จึงกระทำเทวฤทธิ์แบ่งภาคออกจากพระโอษฐ์เป็น พระวีรภัทร ปางนี้เรียกว่าปางวีรภัทร ไปทำลายล้างพิธียัญญกรรมของพระทักษะประชาบดี ทรงแผลงศรวีรภัทรถูกเหล่าเทวดาล้มตายเป็นจำนวนมากศรีษะของพระทักษะประชาบดีขาดกระเด็น ด้วยความโกรธ พระวีรภัทรจึงโยนเอาศรีษะของพระทักษะประชาบดีเข้ากองไฟ มอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีไป
ต่อมาภายหลังเหล่าเทวดาเสนาผู้ใหญ่ในสวรรค์ จึงมากราบทูลอ้อนวอนขอลุแก่โทษพระวีรภัทรจึงอภัยให้ กระทำเทวฤทธิ์ให้เทวดาที่ตายนั้นกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างเดิม แล้วตัดเอาหัวแพะต่อให้กับพระทักษะประชาบดีให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป แต่ใบหน้าและเศียรต้องกลายเป็นแพะและพระวีรภัทรก็กลับคืนร่างรวมตัวเข้าเป็นพระมุนีภพ แล้วเดินทางไปยังป่าหิมพานต์ทรงตั้งมั่นในการบำเพ็ญตบะสร้างพระบารมีต่อไปและก็เป็นที่รู้กันว่า
พระฤษีอิศวรพระองค์นี้ก็คือ พระอิศวรหรือพระศิวะ นั่นเอง....
|