ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ปู่ฤาษี 108 ตน

[คัดลอกลิงก์]
31#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2014-5-13 02:23



30.พระฤษีสิงขรณ์
พระฤษีองค์นี้ท่านหนักในการบำเพ็ญตบะบารมีเป็นอย่างมาก ท่านไม่ค่อยวุ่นวายกับผู้ใดนักสำหรับอาศรมที่อยู่อาศัยนั้นอยู่ในป่าทึบ ไม่ค่อยมีเทวดาหรือมนุษย์เข้าไปรบกวน ท่านมุ่งมั่นไปในทางบารมีธรรมคิดหวังตั้งใจว่าจะต้องให้สำเร็จ เพื่อที่จะได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ชั้นพรหมให้ได้ ในด้านจิตใจท่าน
ใจดีมากใครขออะไรก็ได้ คาถาอาคมของท่านก็ขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก หากท่านผู้อ่านจะลองขออะไรจากท่านก็ลองดูนะคะ เพราะพระฤษีที่ใจดีนั้น บางทีเราขออะไรก็มักจะได้ โดยเราเองก็คาดไม่ถึงทุกอย่างในโลก มักจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงเสมอๆ

32#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


31.พระฤษีประไลยโกฏิ
         
               พระฤษีพระองค์นี้บำเพ็ญตบะสร้างบารมีอยู่ในป่า เพื่อหวังสำเร็จฌานบารมีแล้วจะได้ไปบังเกิดบนสวรรค์ ตั้งใจปฏบัติกรรมฐานบำเพ็ญพรตด้วยความมานะพยายาม มุ่งมั่นในนิพพานอย่างเดียวด้วยในระหว่างนั้นมวลมนุษย์ทั้งหลายกำลังเดือดร้อน และกังวลเรื่องอาหารการกินมนุษย์ทุกคนต้องดิ้นรน  แสวงหาสิ่งของเพื่อประทังความหิวโหยแต่ก็รู้สึกว่าจะหายากเหลือเกินแม้แต่องค์พระฤษีประไลยโกฏิเองก็เถอะ ท่านก็ยังมิวายกังวลห่วงใยประชาชนเหล่านั้นเช่นเดียวกัน มองหาช่องทางใดก็ไม่มีความสามารถช่วยได้ จึงต้องนิ่งบำเพ็ญพรตต่อไป
               ด้วยอภินิหารและบุญญาธิการของท่านจึงปรากฏเหตุการณ์มศจรรย์ขึ้นมา พายุใหญ่พัดกระหน่ำรุนแรงต้นไม้ใหญ่น้อยหักระเนระนาดต่อจากนั้นฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักทำให้น้ำท่วมขังรอบๆ อาศรมของพระฤษี แล้วทั้งพายุและฝนก็สงบลงไปในที่สุด  เหตุการณ์อภินิหารในครั้งนี้ก็มีเมล็ดข้าวสาลีปลิวมากับพายุฝนนั้นตกลงมาแถวบริเวณหน้าอาศรม
               ตั้งแต่เชิงบันไดไปจนถึงสระน้ำเมล็ดข้าวสาลีฝังอยู่ในดินที่มีน้ำท่วมอยู่นั้นก็เริ่มกระเทาะเปลือกแตก  ออกมาเป็นต้นงอกงามเขียวชอุ่มไปทั่วบริเวณ มองดูสวยงามยิ่งนัก พระฤษีประไลยโกฏิก็มีความปลื้ม  ปิติยิ่งนักจึงเฝ้าดูต้นไม้ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไรเหล่านั้น    จนกระทั่งต้นข้าวแตกรวง และสุกเหลืองอร่ามในเวลาต่อมา ทั้งยังส่งกลิ่นหอม พระฤษีก็มีความ         ยินดีรำพึงกับตนเองว่า'มันเป็นผลอะไรกันหว่า ช่างมีกลิ่นหอมยวนใจเหลือเกินไม่รู้ว่ามนุษย์จะกินได้หรือเปล่า เราจะต้องคอยดูว่าจะมีนกกาหรือสัตว์อื่นใดมากินหรือไม่ ถ้านกกากินได้มนุษย์ก็กินได้เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะมีอาหารการกินเพิ่มขึ้น' แล้วพระฤษีก็เฝ้าดูอยู่เงียบๆ
               ต่อมาอีกไม่นานก็มีนกกระจาบตัวน้อยๆ ไม่รู้ว่าบินมาจากไหนได้ลงมาจิกกินเมล็ดข้าวสาลีจนอิ่มและก่อนบินกลับมันยังคาบเอารวงข้าวสาลีกลับไปด้วย แล้วอีกไม่นาน ก็มีนกกระจาบฝูงใหญ่พากันบินลงมาที่ต้นข้าวสาลีต่างพากันจิกกินอย่างเอร็ดอร่อย ส่งเสียงร้องดังเจี๊ยวจ๊าวจ้อกแจ้กจอแจ ฟังไม่ได้สรรพ เมื่อพวกมันกินอิ่มแล้ว ก่อนกลับทุกตัวยังคาบเอารวงข้าวสาลีกลับไปด้วย  พระฤษีเห็นเช่นนั้นก็ดีใจ คิดในใจว่า ต่อไปนี้มวลมนุษย์จะไม่ต้องเดือดร้อนในเรื่องอาหารการกินอีกแล้วเพราะจะมีอาหารเพิ่มขึ้น รอจนกองทัพนกกระจาบไปหมดแล้ว พระฤษีก็ลงจากอาศรมเก็บรวบรวมเอารวงข้าวสาลีขึ้นมาไว้ในอาศรม เพื่อจะได้ขยายพันธุ์ต่อไปให้ได้มากๆ จะได้พอเพียงกับความต้องการของมนุษย์ ในปีต่อมาพอถึงฤดูกาลที่ฝนตกลงมา พระฤษีท่านก็ไถนาแล้วเอาเมล็ดข้าวสาลีหว่านไปทั่วพื้นดิน พอออกรวงก็เก็บเอามาไว้เป็นพันธุ์ ท่านทำอย่างนี้ทุกปีจนพันธุ์ข้าวสาลีมากขึ้นพอกับความต้องการก็นับได้ว่าพระฤษีประไลยโกฏิท่านมีบุญคุณกับมวลมนุษย์อย่างมากมายในด้านของโภชนาการ
               หากท่านไม่สนใจหรือถือว่าธุระไม่ใช่ไม่เก็บพันธุ์ข้าวสาลีเอาไว้ ป่านนี้ก็อาจจะสูญพันธุ์ไปแล้วก็ได้เพราะนกกระจาบฝูงใหญ่และความอบคอบของพระฤษีกับความปรารถนาดีของท่านจึงทำให้มนุษย์มีข้าวสาลีเป็นอาหารมาจนทุกวันนี้ นี่แหละคือฝีมือของพระฤษีทำนาองค์นี้แหละ ควรที่พวกเราจะต้อง

33#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
32.พระฤษีชนกจักรวรรดิ
              
            พระฤษีองค์นี้เป็นกษัตริย์แห่งนครมิถิลา ก็คือ ท้าวชนก นั่นเอง ได้สละสมบัติออกมาบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าวันหนึ่งเมื่อพระฤษีออกจากฌานแล้วก็ลงไปสรงน้ำในแม่น้ำ เห็นดอกบัวใหญ่ลอยน้ำมาพระฤษีก็มีความสงสัยว่าดอกบัวอะไร ทำไมถุงใหญ่เช่นนั้น ด้วยไม่เคยมีและไม่เคยเห็นมาก่อนเลย จึงได้เก็บดอกบัวนั้นขึ้นมาจากน้ำ ก็เห็นผลบแก้วอยู่ในดอกบัว พระฤษีก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น จึงเข้าฌานดูก็รู้ว่าในผอบนั้นมีเด็กหญิงที่มากด้วยบุญญาบารมีอยู่ในนั้น
            เมื่อพระฤษีรู้เช่นนั้นแล้วก็เปิดผอบแก้วนั้นออก แล้วจึงอฐิษฐานจิตให้นิ้วของท่านมีน้ำนมไหลออกมา เพื่อจะได้ให้พระธิดาดื่มกิน เลี้ยงมาจนกระทั่งเห็นสมควรแล้วจึงนำเอาพระธิดานั้นไป ฝากให้พระธรณีเลี้ยงเอาไว้ ครั้นต่อมาเมื่อพระฤษีเบื่อจากการบำเพ็ญคิดจะกลับพระนครก็ชักชวนบริวารของท่าน ไปขุดผอบแก้วที่ฝังเอาไว้ แต่ถึงแม้จะใช้ความพยายามขุดกันสักเท่าใด ก็หาได้พบผอบแก้วนั้นไม่ เล่นเอาพระฤษีถึงกับเหงื่อหยดจึงต้องทำพิธีบวงสรวงขอจากเทพธิดาและพระธรณีแล้วให้คนสนิทเข้าไปในนครมิถิลา แล้วนำเอาคันไถ ออกมาทำการไถนาหาผอบแก้วต่อไป นี่แหละเป็นที่มาของคำว่าพระฤษีไถนา
           ในที่สุดก็ได้ผอบแก้วขึ้นมาจากใต้ดินตามความต้องการ พระฤษีจึงประทานนามให้ว่า สีดา แปลว่าได้ขึ้นมาจากรอยไถ แล้วพระฤษีก็ลาเพศจากฤษีกลับเข้าไปครองนครมิถิลาเหมือนอย่างเดิม ในนามของท้าวชนก และสถาปนาสีดานั้น ให้เป็นราชบุตรตรีบุญธรรม แล้วจึงเลี้ยงดูอย่างเป็นสุขตลอดไป......

34#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


33.พระฤษีนาวัน
   เป็นพระฤษีที่มีเมตตาธรรม บำเพ็ญตบะสร้างบารมีอยู่ในป่าแห่งภูเขาดงพญาไฟ ที่เต็มไปด้วยไข้ป่าและอันตรายนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่า ก็ล้วนแล้วแต่ดุร้ายทั้งสิ้นทั้งเสือ สิงห์ กระทิง แรด และอสรพิษต่างๆ ก็มีอยู่มากมาย นอกจากนั้นก็ยังมี ผีโป่ง ผีป่า ผีกระสือ
ผีกระหัง ผีกองกอย ผีปอบ มีทั้งยาเบื่อยาสั่งสารพัดที่ล้วนแต่อันตราย แต่พระฤษีนาวันท่านก็มิได้เกรงกลัวแต่อย่างใด คงนั่งหลับตาภาวนาอยู่ในอาศรมเท่านั้น หากไม่จำเป็นก็จะไม่ออกไปไหน นอกจากจะออกไปหาน้ำและผลไม้เอามาเป็นเสบียงไว้ฉันท์เท่านั้น ท่านมองเห็นว่าอันชื่อดงพญาไฟนั้นไม่เหมาะท่านจึงปรึกษาหารือกันหลายฝ่ายได้ผลสรุปให้เปลี่ยนมาเป็น ภูเขาดงพญาเย็น มาจนถึงทุกวันนี้...

35#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


34.พระมหาเทพฤษีเทวราตมุนี
ในประวัติของเทพฤษีองค์นี้ก็มีอยู่ว่า ท่านเป็นต้นตระกูลของนครมิถิลา ด้วยเมื่อครั้งหนึ่งเหล่าเทวดาทั้งหลายต่างก็มีความสงสัยกันว่า ในระหว่างพระอิศวรและพระนารายณ์ใครจะเก่งกว่ากัน จึงขอร้องให้ทั้งสองพระองค์มาประลองฤทธิ์กัน พระอิศวรทรงแผลงศรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ออกไป แต่ก็ทำอะไรพระนารายณ์ไม่ได้ เพียงแต่พระนารายณ์ตวาดคำเดียวเท่านั้น ลูกศรนั้นก็อ่อนปวกเปียกลงไป เหล่าเทวดาจึงยกให้พระนารายณ์เป็นผู้ที่เก่งกล้า ในที่สุดพระอิศวรก็ทรงน้อยพระทัย และทรงกริ้วธนูและลูก
ศรอันนั้นจึงทรงประทานให้กับพระมหาเทพฤษีเทวราตมุนีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จึงตกทอดลงมาถึงท้าวชนกมาในสมัยพระรามโก่งศรจนกระทั่งศรหัก แล้วได้นางสีดาไปเป็นชายา ส่วนศรของพระนารายณ์นั้นได้ตกอยู่กับพระฤษีฤจิก แล้วมอบให้พระฤษีชมทัศนี จนกระทั่งตกมาเป็นสมบัติของปรศุราม..

36#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


35.พระฤษีคิชฌกูฎ
  ท่านผู้นี้ก็เป็นเทพฤษีที่มีบารมีมากมาย ได้บำเพ็ญตบะธรรมอยู่ในป่าลึกใกล้กับป่าหิมพานต์ อาศรมของท่านอยู่บนภูเขาที่เรียกว่า เขาคิชฌกูฎ ท่านมีนิสัยดุเสียงดัง ถ้าหากว่าไม่สบอารมณ์ หรือว่าโมโหมากๆ นัยตาท่านจะแดงก่ำราวกับเลือดทีเดียว แต่เดิมทีพระฤษีคิชฌกูฎนี้ มิใช่มนุษย์และมิใช่เทวดาเป็นแต่เพียงพวกแทตย์ หรือทานพ ผู้ซึ่งมีร่างกายเป็นเทวดา แต่หน้าตานั้นดุปานยักษ์ ซึ่งก็เป็นเชื้อสายของพระกัศยปะเทพบิดรเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะดุราวกับยักษ์มาร แต่ภายในจิตใจของท่านดีเอามากๆทีเดียวใครจะบนบานศาลกล่าวในด้านการเจ็บป่วย ท่านก็มักจะรับบนท่านจะช่วยเสมอไป เพราะว่าท่านเป็นหมอยาเก่งในทางสมุนไพรและคาถาอาคมมากมายยากที่จะหาผู้ใดมาเทียบได้หากท่านต้องการให้ท่านช่วยรักษาโรคก็จงตั้งจิตอฐิษฐานบนบานกับท่าน ขอให้ท่านช่วยรักษาโรคร้ายให้กับเรา แต่เมื่อรักษาหายแล้วก็อย่าลืมแก้บน เพราะมีอยู่ไม่น้อย ที่ตอนบนก็บนได้แต่ตอนจะแก้ก็ลืมเสียงั้นแหละ รู้จักคำว่าติดสินบนไหม ใครที่ติดสินบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์มักจะเกิดเรื่องไม่ดีเสมอและบางรายที่ไปเจอเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เฮี้ยนๆ ก็อาจถึงกับชีวิตได้ ไม่เชื่อก็จงอย่าลบหลู่

37#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

36.พระฤษีไพรวัน
  ตามประวัติของพระฤษีไพรวันนี้ ท่านใจดีมาก มีเมตตาสูง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ หากเดือดร้อนหรือได้รับความทุกข์ ท่าจะต้องช่วยเหลือทั้งหมดอย่างเสมอภาค โดยมิได้คิดรังเกียจหรือเดียดฉันท์แต่ประการใด ปกติท่านจะจำศีลภาวนาบำเพ็ญตบะ สร้างบารมีอยู่ที่ป่าหิมพานต์โดยตลอดไป ด้วยจิตมุ่งมั่นเคร่งต่อการปฏิบัติ ไม่ตึงไม่หย่อน ชอบสันโดษอยู่แต่ในอาศรมเพียงองค์เดียว..

38#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 02:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

37.พระฤษีบรมครูพระพิลาภ(พระฤษีวิราธ)
                           
               ณ.ภูเขายอดทองที่มีนามว่า เหมกฏบรรพต ยังมีองค์เทพผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครๆในไตรโลกพระองค์ท่านมีพระบารมีมาก และยังเป็นผู้ที่ทรงศีลที่มั่นคงในการบำเพ็ญท่านมีนิสัยรักและห่วงใยมวลมนุษย์เป็นอย่างมาก ชอบช่วยเหลือทุกผู้ทุกนามที่เฝ้าขอพรท่าน แล้วก็จะต้องสำเร็จผลเกือบจะทุกรายแต่ขอให้ผู้ขอนั้นเป็นคนดีที่มีศีลธรรมอยู่ประจำสันดาน มีสัจวาจา มั่นคงท่านก็จะช่วยเหลือเสมอ ตรงข้ามกับคนที่ชอบกระทำความผิดคิดชั่วไม่มีศีลธรรมไม่มีสัจจะ ไม่ละอบายมุข ท่านก็จะ ลงโทษให้ถึงกับย่ำแย่สำหรับรูปกายของท่านผิวเนื้อสีขาว นุ่งห่มผ้าโขมพัสตร์มีลูกประคำสร้อยนวมคอ ถือไม้เท้าคดๆงอๆ เกล้าผมมวยแบบพรามณ์ที่เราท่านทั้งหลายได้เคยเห็นมีหนวดและเคราสีขาวยาวเฟื้อยรุงรังราวกับรังนกกระจาบแต่ว่ามีนิสัยจิตใจดีมากยาก ที่จะหาองค์ใดมาเปรียบเทียบ ในกาลครั้งหนึ่งพระองค์ก็ได้มองเห็นว่าได้มียักษ์อันธพาลเกิดขึ้นมาเที่ยวเบียดเบียนทั้งสามโลกให้ได้รับความเดื่อด ร้อนวุ่นวายและในไม่ช้าองค์พระนารายณ์ก็จะต้องอวตารลงไปปราบจึงคิดหาทางช่วยพระนารายณ์จึงทรงอวตาลลงไป ก่อนแต่พักอยู่เพียงแค่สวรรค์ชั้นที่หนึ่งเท่านั้น(ชั้นจาตุมหาราชิกา)ในเขตของท้าวกุเวรหรือท้าวเวสสุวัน ใช้ชื่อว่า พระฤษีวิราธ ได้บำเพ็ญตบะด้วยความมุ่งมั่นสร้างบารมีให้สูงขึ้น
               จนกระทั่งในที่สุดก็มีความสามารถแก่กล้า องค์พระพรหมาจึงเสด็จลงมาประทานพระพรให้อยู่ยงคงกระพันมิให้ต้องตายด้วยอาวุธทั้งหลายทั้งปวงแล้วต่อจากนั้นท่านก็ได้มุ่งมั่นบำเพ็ญติดต่อกันไปอย่างไม่มีสิ้นสุด ในขณะนั้นก็ยังมีนางรัมภาผูเป็นบาทบริจาริกาของท่านท้าวเวสสุวันได้เข้ามาเก็บดอกไม้ผลไม้และเที่ยวไปในป่า ก็ บังเอิญมาพบกับพระฤษีวิราธด้วยไฟราคะอันร้อนเร่าจึงเกิดเป็น ความรักและความต้องการขึ้นมาทั้งสองฝ่ายในทันทีทันใดนั้นเอง(พระฤษีสมัยก่อนนั้นยังสามารถมีภรรยาได้)ทั้งพระฤษีวิราธและนางรัมภาได้ประพฤติผิดในกาม จึงได้ร่วมรักร่วมสังวาสกันด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่ายและยังได้เป็นชู้กันเรื่อยมาอีกเป็นเวลานานแ่ต่ว่าช้างตายทั้งตัวจะเอาใบบัวไปปิดมัน จะมิดได้อย่างไรกันจึงได้ล่วงรู้ไปถึงท้าวเวสสุวันเข้าจนได้เนื่องจากในขบวนการพวกนางที่ได้เป็นข้าบาทบริจารืกาด้วยกันนำเอาเรื่องนี้ไปกราบทูลให้ท่านท้าวเวสสุวันไดทรงทราบจึงทรงพิโรธอย่างสุดที่ยับยั้งเอาไว้ได้ จึงเรียกตัวนางรัมภาเข้ามาสอบสวนทวนพยานค้นหาหลักฐานจนต้อง  สารภาพอย่างสิ้นเชิงตามความเป็นจริงทุกอย่างและลงโทษนางในสถานหนักแล้วยังสาปให้พระวิราธต้องกลายเป็นรากษส(ยักษ์)ที่มีความดุร้ายอยู่ภายในป่าทัณฑก เที่ยวอาละวาดจับ สัตว์กินเป็นอาหารจนกว่าจะพบกับองค์นารายณ์อวตาลลงมาเป็นพระรามแล้วให้พระรามฆ่าตายด้วยน้ำมือจึงจะหมดสิ้น เคราะห์กรรมและคำสาปจึงจะได้กลับขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เหมือนเดิมอีก พระฤษีวิราธจึงต้องลงมาอยู่ในชั้นดิน มีชื่อว่า ยักษ์พิลาภสำหรับพ่อครูพิลาภหรือพระฤษีพิลาภ(วิราธ)ผู้นี้ ยังได้เป็นพ่อครูใหญ่ที่สุดในวงการศิลปินของไทย ทุกๆประเภท เช่น ครูโขน ครูละครครูลิเก ครูเพลงทรงเรื่อง ครูปี่พาทย์มโหรี ครูแตร ครูอังกะลุงครูหุ่นกระบอก ครูละครเล็กแม้แต่กระทั่งครูตะตั้ว ครูกลองยาวก็จะต้องเป็นศิษย์ของพ่อครูพิลาภทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นงานอะไรของสายศิลปินไทย
               จริงๆแล้วไม่มีใครกล้าที่จะลืมอัญเชิญท่านให้มาเป็นประธานทุกครั้งไปหลังจากที่ท้าวเวสสุวันได้สาปให้เป็นยักษ์ที่ดุร้ายท่านก็รอคอยอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาแสนนาน จนกระทั่งองค์พระนารายณ์อวตารมาเป็นพระรามเดินทางเข้ามาในป่าทัณฑกนั้นพญายักษ์พิลาภก็หมายที่จะจับกินเป็นอาหาร จึงได้เกิดการต่อ สู้กันขึ้นแต่ทำอย่างไรพระรามก็ไม่สามารถที่จะฆ่าให้ตายได้ในที่สุดก็ได้หยุดพักไถ่ถาประวัติกันขึ้น แต่ยักษ์พิลาภก็ยังปิดบังไม่ยอมเล่าความจริงให้พระรามฟัง ก็เพราะรู้ว่าเป็นพระรามแต่ก็ยังแอบซ่อนความดีใจเอาไว้อีกด้วย บอกเพียงแต่ว่าท้าวเวสสุวันท่านได้สาปไว้และที่ฆ่าไม่ตายก็เพราะพระพรหมท่านทรงประทานพรไว้จนกว่าจะพบกับพระรามแล้วยอมให้ พระรามฆ่าให้ตายด้วยน้ำมือนั่นแหละจึงจะตายได้สมใจ แล้วได้กลับไปอยู่บนสวรรค์เหมือนเดิมว่าแล้วก็ชี้ทางให้พระรามที่จะเดินทางไปยังกรุงลงกาเพื่อที่จะตามหานางสีดาให้พบแล้วต่อจากนั้นก็ให้พระรามและพระลักษณ์ช่วยกันขุดหลุมให้ลึกแล้วให้ตนเองลงไปในหลุมและให้ฝังตนให้ตายทั้งเป็นจึงได้ตายสมความปรารถนา ในยุคของพระรามนั่นเอง ก็เป็นอันว่าพ่อครูพิลาภได้กลับขึ้นไปเสวยสุขอยู่บนวิมานสวรรค์ตามเดิมแต่ทว่าท่านก็มิได้ทอดทิ้งลูกศิษย์ของท่านที่อยู่ในเมืองมนุษย์กันอีกจำนวนมาก ท่านคอยสอดส่องดูแลช่วยเหลือคุ้มกันปกปักรักษา ได้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่อดไม่อยากก็เพราะบารมีของท่าน พ่อครูพิลาภ หรือ พระฤษีพิลาภนั่นเองโดยเฉพาะในการจัดงานไหว้ครูของศิลปินก็จะต้องอัญเชิญเศียรพ่อ    ครูพิลาภองค์นี้ขึ้นตั้งปูด้วยผ้าขาวเป็นอันดับแรกของบรรดากระบวนเศียรพระฤษีทุกๆพระองค์(ทั้งภาคยักษ์และภาคพระฤษี)...

39#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 03:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


38.พระฤษีโกมุท
   พระฤษีองค์นี้ท่านมีกำเนิดมาจากเกสรของดอกบัว ที่ผุดขึ้นจากแม่น้ำคงคามหานที ท่านมีบุญญาธิ การอันสูงส่ง ทั้งอิทธิฤทธิ์และบารมีก็ไม่ต้องห่วง ท่านเก่งกาจสามารถมากทั้งคาถาอาคมและเวทมนตร์อันขลังที่มีความศักดิ์สิทธิ์ก็มีมาก ใครๆก็มักจะเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนกับพระฤษีองค์นี้กันทั้งนั้นท่านอยู่ที่ในป่าหิมพานต์ นั่งหลับตาภาวนาอยู่ในอาศรมทั้งวัน ท่านผู้อ่านอยากไปพบกับท่านไหมคะ..
    การเดินทางไปหาพระฤษีทุกๆพระองค์ที่ในป่าหิมพานต์ ก็จะต้องอาศัยพาหนะพิเศษเพียง 2 ขบวนเท่านั้น คือขาไปหนึ่งขบวน ขากลับอีกหนึ่งขบวน เวลาที่เหมาะแก่การเดินทางคือกลางคืนดึกสงัดเงียบสนิท เมื่อตั้งจิตดีแล้วก็กำหนดลมหายใจเข้าออกช้าๆและลึกๆ พาหนะ 2 ขบวน นั้นก็คือ พุท
โธ นั่นเอง   ลมหายใจเข้า พุท ลมหายใจออก โธ ฝึกบ่อยๆเป็นประจำแล้วท่ายจะพบว่าการไปเที่ยวป่าหิมพานต์เพื่อพบกับพระฤษีนั้นไม่ยากอย่างที่คิด.....

40#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-13 03:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

39.พระฤษีสัตบงกฎ
   นี่ก็เป็นพระฤษีอีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นผู้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่ในอาศรมชายป่าหิมพานต์ ด้านเชิงเขาสัตบงกฏ ท่านผู้นี้ได้สำเร็จและเป็นผู้วิเศษที่สามารถเข้าฌานและอดอาหารได้ครั้งละเป็นสิบๆปี คงหลับตาภาวนาอยู่อย่างนั้นตลอดไป จนกระทั่งหนวดถึงเข่า เคราถึงนม ผมถึงตีน มองดูแล้วทั้งผมและหนวดเครารกรุงรังราวกับคนบ้า หากใครพบกับท่านก็ต้องเข้าใจอย่างนั้น แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นใคร และภายในของท่านเป็นอย่างไรบ้าง ท่านมีบารมีมากคาถาอาคมเวทมนตร์ขลัง ทั้งความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ก็เป็นหนึ่งในขบวนการพระฤษีอิทธิฤทธิ์และปาฏิหารย์ตลอดจนกระทั่งการกระทำ และคำสาปที่เป็นมหาอำนาจอันลึกลับและก็บังเกิดผลที่เกินคาดและคุ้มค่ามากมาย    ในบรรดาผู้ที่ได้รู้จักกับพระฤษีองค์นี้ก็มักจะเรียกกันติดปากว่า พระฤษีสัตบงกฏก็เนื่องจากท่านบำเพ็ญตบะอยู่ที่ภูเขาสัตบงกฏ ก็เลยนำเอาชื่อภูเขามาตั้งให้เป็นชื่อของท่าน...

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้