ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
สาว 20 ขับกระบะชนเสาไฟฟ้าย่านติวานนท์ถูกไฟคลอกดับคารถ                                                            
                                                                                       
                            ที่มา : http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000097615


                                                            วันนี้( 28 ส.ค.)เมื่อเวลา 03.00 น.ร.ต.ท. ธนวัฒน์ ชีวิตโสภณ ร้อยเวร สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้รับเเจ้งมีเหตุรถชนเสาไฟฟ้า มีเพลิงลุกไหม้ บริเวณถนนติวานนท์มุ่งหน้าเเยกสวนสมเด็จ ขาออก ตรงข้ามร้านนิพนธ์การช่าง ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรีบรุดไปตรวจสอบ

สาว 20 ขับกระบะชนเสาไฟฟ้าย่านติวานนท์ถูกไฟคลอกดับคารถ

         
       ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กะบะ ยี่ห้อวีโก้ หมายเลขทะเบียน1ฒญ 411 กทม.ชนติดกับเสาไฟฟ้าสภาพรถพังยับทั้งคันมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในรถด้านคนขับ 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส. นพรัตน์ ขาวเหลือง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 117/278 ม.9 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สภาพศพถูกไฟเผาไหม้ทั้งตัว

สาว 20 ขับกระบะชนเสาไฟฟ้าย่านติวานนท์ถูกไฟคลอกดับคารถ

         
       จากการสอบถาม นายมนตรี บัวนอก ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าตนกับเพื่อน 2 คนได้นั่งทานข้าวอยู่หน้า ม.มิตรประชา ได้ยินเสียงดังบึ้มจึงได้รีบวิ่งมาดูพบรถกะบะไฟลุกไหม้ชนอัดอยู่กับเสาไฟฟ้ามีผู้ชาย 2 คน กำลังช่วยกันทุบกระจกรถเพื่อจะช่วยคนขับรถที่ติดอยู่ภายในแต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกตนจึงรีบเข้าไปช่วย ต่อมาได้เกิดไฟลุกขึ้นและมีเสียงระเบิดดังจากตัวรถตนจึงรีบวิ่งหนีตายออกมา เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบรถคันดังกล่าวทราบว่าเป็นรถที่ติดตั้งแก๊ส อย่างไรก็ตามจะประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป                                                                        
                                                            

อั้นไว้! พรุ่งนี้น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ลง 40 สต./ลิตร E85 ดีเซลคงเดิม                                            
                                                                                       
                            ที่มา : http://manager.co.th/iBizChannel ... ewsID=9580000097657


                                                            ตามคาด! ผู้ค้าเคาะลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 40 สตางค์ต่อลิตรยกเว้น E 85 และดีเซลคงเดิมมีผลตั้งแต่วันที่ 29ส.ค.เป็นต้นไป
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันนำโดยบมจ.ปตท.และบมจ.บางจากปิโตรเลียมได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลง 0.40 บาทต่อลิตร ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ E85 และดีเซลคงเดิมโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค.เป็นต้นไปหลังจากที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่อเนื่องและส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันเฉลี่ยเกิน 2 บาทต่อลิตร
       ทั้งนี้ผลจากการเปลี่ยนแปลงทำให้ราคาขายปลีกน้ำปั๊มน้ำมันในเขตกทม.และปริมณฑลเป็นดังนี้ เบนซิน 95เป็น 32.66 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 26.10 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 25.28 บาทต่อลิตร E 20 เป็น 23.88 บาทต่อลิตร E 85 คงเดิมที่ 21.78 บาทต่อลิตร ดีเซลคงเดิมที่ 22.49 บาทต่อลิตร                                                                        
                                                            

ออกหมายจับมือบึ้มท่าเรือสาทร ระบุเป็นชายเอเชียอายุ 25-30 ปี                                             
                                                                                       
                            ที่มา : http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000097533


                                                            ASTV ผู้จัดการ - ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับมือบึ้มท่าเรือสาทร ระบุผู้ต้องหาเป็นชายชาวเอเชีย อายุ 25 - 30 ปี สูงประมาณ 170 ซม. ผิวขาวเหลือง ผมดก ผิวเข้ม จมูกโด่ง ในข้อหา “มี, ใช้, ด้วยประการใด ๆ ซึ่งวัตถุระเบิด โดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
      
       วันนี้ (27 ส.ค.) รายงานข่าวจากทีมสืบสวนแจ้งว่าศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดที่สะพานสาทร ตามหมายจับเลขที่ 572/58 ลงวันที่ 27 ส.ค. โดยหมายจับระบุว่า ผู้ต้องหาเป็นชายชาวเอเชีย อายุประมาณ 25 - 30 ปี สูงประมาณ 170 ซม. ผิวขาวเหลือง ผมดก ผิวเข้ม จมูกโด่ง โดยหมายจับระบุข้อหา “มี, ใช้, ด้วยประการใด ๆ ซึ่งวัตถุระเบิด โดยไม่ได้รับอนุญาต กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน                                                                        
                                                            

ผีบังตา!! หมอผีเมืองแพร่วิ่งเข้าป่า คนนับร้อยหา 4 วัน ยังไร้วี่แวว

ผ่านไป 4 วัน ใช้คนนับร้อยค้นป่าหาตัวหมอผีเมืองแพร่ ที่ทำ ‘ผิดผี’ ดื่มเหล้าแก้วเดียวกับคนอื่นจนสติแตกวิ่งเข้าป่าหายไป ใช้ทั้งพารามอเตอร์ และโดรนของทีมข่าว ‘ไทยรัฐทีวี’ บินหาแต่ยังไร้วี่แวว เชื่อ ‘ผีบังตา’ เตรียมทำพิธีใหญ่...

ชาวบ้านยังคงออกค้นหา นายประพันธ์ ติ๊บแก้ว อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/8 หมู่ 9 ต.ไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่ ‘คนเลี้ยงผี’ หรือหมอผีที่ทำพิธีเลี้ยงผีในช่วงสงกรานต์ทุกปี เกิดอาการประหลาดหลังเผลอดื่มเหล้าแก้วเดียวกับคนอื่น ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าทำ ‘ผิดผี’ ถูกผีเข้า จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ วิ่งเข้าป่าหายไป จนมีการระดมคนนับร้อยคนออกค้นหา แต่หาอย่างไรก็ยังหาไม่เจอ

จนกระทั่งวันที่ 28 ส.ค.58 วันที่ 4 แล้วที่นายประพันธ์หายตัวไป ตั้งแต่เช้า ชาวบ้าน และญาติๆ กว่าร้อยคนยังไม่ลดละความพยายามที่จะหาตัวนายประพันธ์ พากันเดินเข้าไปในป่า แต่แม้ว่าวันนี้จะมีการนำเอาเครื่องพารามอเตอร์มาช่วยบินค้นหา ก็ยังไม่พบเหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน ทางทีมข่าวไทยรัฐทีวี จังหวัดแพร่ ได้รับการร้องขอจากทางจังหวัดแพร่ให้นำ ‘โดรน’ ไปช่วยในการค้นหา โดนทำการบินเป็นวันที่ 2 แล้วก็ยังไม่พบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของอำเภอเด่นชัยได้นำภาพไปตรวจดูอย่างละเอียด พบเพียงหมูป่าสองตัววิ่งไปมาอยู่ในป่า

ด้าน นางสาวทิพย์วรรณ ลูกสาวนายประพันธ์ เผยว่า ตนและคนในครอบครัว ได้ไปหาหมอดูทั้งในจังหวัดแพร่ และต่างจังหวัด ทุกหมอก็บอกเหมือนกันว่าพ่อตนยังไม่ตาย และได้ทำพิธีทางไสยศาสตร์ให้ ทำทุกเรื่องทุกอย่างที่คนแนะนำ และเมื่อบ่ายวานนี้ก็นำเอาหมูป่า 2 ตัว ปล่อยเข้าป่าไป เพื่อแลกกับชีวิตพ่อ แต่ก็ยังไม่พบ

"ร่างทรงที่ไปหาทำพิธีมา ก็บอกว่า อยู่ไม่ไกลจากจุดที่หนีออกไป เพียงแต่ว่ามีบางอย่างมาปิดบังเอาไว้ ซึ่งก็มั่นใจว่าพ่อยังไม่ตาย ชาวบ้านก็เชื่อว่ายังไม่ตาย ดังนั้น วันพรุ่งนี้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจะทำพิธีครั้งใหญ่ เป็นครั้งสุดท้ายในจุดที่พ่อหายตัวไป เพราะเชื่อว่าตอนนี้ผียังคงบังตาเอาไว้ จึงจะค้นหาต่อไปจนกว่าจะเจอ" นางสาวทิพย์วรรณ กล่าว.

เครดิต เรื่องและภาพ จาก

ไทยรัฐออนไลน์

พาดหัวแม่นยำ



ชกไม่มีมุม

วงค์ ตาวัน

แฟนๆ หนังสือพิมพ์ข่าวสดแสดงความชื่นชมในการเสนอข่าวอย่างแม่นยำ จากการพาดหัวข่าวในฉบับเช้าวันรุ่งขึ้นหลังเหตุระเบิดศาลพระพรหม ราชประสงค์

โดยชี้ชัดๆ เพียงฉบับเดียวว่า วงจรปิดจับภาพคนร้ายได้เป็นแขกขาว และสาเหตุเชื่อมโยงถึงปัญหาอุยกูร์


วันนี้เมื่อตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ซึ่งมีพยานหลักฐานยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับระเบิดครั้งนี้แน่นอน


โดย นายอะเด็ม คาราแด็ก ที่ถือพาสปอร์ตตุรกี อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าของจริงหรือปลอม ที่จนมุมในห้องพักอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก พร้อมอุปกรณ์ประกอบไปป์บอมบ์จำนวนมากนั้น


สรุปได้แล้วว่า เป็นเครือข่ายตุรกี และร่วมในขบวนการอพยพชาวอุยกูรณ์นั่นเอง


ขณะที่บทสรุปของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หลังตำรวจทลายรังมือระเบิดแก๊งนี้ได้ก็คือ


เป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับขบวนการขนคนอุยกูร์ และมีความเจ็บแค้นส่วนตัวแทนญาติพี่น้องที่ถูกส่งกลับ


ทั้งหมดนี้ตรงเป๊ะกับที่ข่าวสดพาดหัวไปตั้งแต่วันแรก!


กรณีนายอะเด็ม ผู้ต้องหาที่จนมุมรายแรกนั้น ทราบจากการสืบสวนของตำรวจพบว่า มีหลักฐานการไปปรากฏตัวในคืนวันระเบิดด้วยแน่นอน


โดยไปโผล่ที่บริเวณหัวลำโพง


ช่วงเวลาที่ปรากฏตัว ตรงกับที่คนร้ายผู้ใส่เสื้อเหลืองไปลงรถแท็กซี่ที่จุดนั้น


เป็นไปได้มากว่า นายอะเด็มจะเป็นผู้นำเป้บรรจุระเบิดไปรอส่งมอบให้เสื้อเหลือง


ก่อนเสื้อเหลืองจะหอบเป้ขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก มาลงที่ใกล้ศาลพระพรหม จากนั้นเดินเข้าไปนั่ง วางเป้ไว้ก่อนเดิน ออกมา


แล้วเกิดเหตุขึ้นจนนำมาสู่การสูญเสียชีวิตของ นักท่องเที่ยวจำนวนมาก!


ตามการสืบสวนของตำรวจยังพบข้อมูลน่าสนใจอีก


ในคืนระเบิดศาลพระพรหม มีคนในกลุ่มเครือข่ายตุรกี 3-4 คน ปรากฏตัวอยู่บริเวณนั้นร่วมกับชายเสื้อเหลือง ผู้วางเป้ระเบิด


ตอนนี้กำลังตามล่าอย่างกระชั้น และคงจะทยอยได้ตัวมาเรื่อยๆ


ถ้าไม่หลบหนีไปไกลเสียก่อน!?!


ส่วนนายอะเด็มที่ถูกจับคนแรก แน่นอนว่าไปโผล่ที่หัวลำโพง และเมื่อตรวจเครื่องโทรศัพท์ที่ติดตัวนั้นเปื้อนสารระเบิดด้วย


ต้องสัมผัสกับระเบิดลูกนี้ด้วย


ถึงขณะนี้ภาพของกลุ่มวางระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร เริ่มชัดเจนขึ้น


บินมาจากอิสตันบูล ลงเวียดนาม เข้าลาว แล้วมาไทย


รวมทั้งบางคนในกลุ่มนี้อยู่หน้าสถานกงสุลไทยในตุรกีวันประท้วงทำลายด้วย!



ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1441211914

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2015-9-3 05:10

ต้องทบทวน "รถไฟฟ้าไทย-จีน"



เมืองไทย 25 น.

ทวี มีเงิน


รถไฟความเร็วสูงขนาดรางมาตรฐาน 1.43 เมตร หนองคาย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 ก.ม. เชื่อม คุนหมิง ตอนใต้ของจีน และเส้น "แก่งคอย-บ้านภาชี" ระยะทาง 133 ก.ม. กำลังจะเป็นจริง

ข่าวว่าจะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนอย่างช้าไม่เกินตุลาคมนี้

แต่ไม่รู้ว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐมนตรีคมนาคม จาก "พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" มาเป็น "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" จะยังเดินหน้าตามแผนเดิมหรือไม่


ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรเส้นทางรถไฟฟ้าสายนี้เริ่มต้นเป็น "ลำไม้ไผ่พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" ซะอย่างงั้น แม้จะเริ่มมีคนทักท้วงแต่ยังอยู่ในแวดวงคนที่รู้เรื่องจริงๆ เท่านั้น

จะว่าไปแล้วหากยังเดินหน้าโครงการนี้ก็ไม่ได้ต่างจากโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่หลายคนพากันคัดค้านไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด

แต่วันนี้กลับไม่มีใครค้านสักแอะ


โชคดีที่ยังมี "ชมรมวิศวกรรม จุฬาฯ ร่วมปฏิรูปประเทศไทย" ที่ได้ทำหนังสือถึง "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี โดยอรรถาธิบายเหตุผลว่าโครงการนี้มีปัญหาตรงไหน ทำไมจีนได้ประโยชน์ ไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเทคนิค

อีกคนหนึ่งที่ "คุณอาคม" ต้องฟังและอาจปรึกษาเพิ่มเติม คือ ความคิดเห็นของ "ดร.โกร่ง" หรือ "ดร.วีรพงษ์ รามางกูร" ที่เคยเขียนในมติชนรายวัน ที่มองถึงความคุ้มค่าเชิงเศรษฐกิจไว้ดีมาก


ทั้ง "ชมรมวิศวกรรม จุฬาฯ" และ "ดร.โกร่ง" ฟันธงงานนี้จีนได้ประโยชน์แบบเต็มๆ


เท่าที่ติดตามมาบ้างต้องบอกว่าโครงการนี้มา "บิดเบี้ยว" ตอนไหนไม่รู้ เพราะเดิมทีจะเป็นการยกระดับรางรถไฟที่มีอยู่เดิมให้เป็นรางคู่เพื่อให้การสับหลีกรวดเร็วขึ้น สามารถเพิ่มความเร็วจาก 120 ก.ม.ต่อชั่วโมง เป็น 160 ก.ม.ต่อชั่วโมง ซึ่งเหมาะสำหรับขนถ่ายสินค้าเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน


สุดท้ายกลายมาเป็นรางขนาด 1.43 เมตร ซึ่งไม่สอดคล้องกับรางรถไฟขนาดมาตรฐานประเทศเพื่อนบ้าน 1 เมตรเท่ากับของไทยตอนนี้ ฉะนั้นที่บอกว่าเชื่อมกับเพื่อนบ้านนั้นก็แค่มโนกันไปเอง

จึงอยากให้ "ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกฯ ทบทวนใหม่ว่าโครงการนี้ "ซ้ำซ้อน" กับของเดิมที่มีอยู่หรือไม่ หากซ้ำซ้อนถือว่า "สิ้นเปลือง" งบประมาณอย่างน่าเสียดาย


ที่สำคัญต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบว่า โครงการนี้คุ้มกับเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 7.4 แสนล้านบาทหรือไม่ และผลประโยชน์ระหว่างไทยกับจีนนั้นจะไปตกกับใครมากกว่ากัน


ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1441214616

อัยการสอบเพิ่มเติมคดี
กบฎ กปปส.
กรณีอ้างคำพิพากษาศาลรธน.
ว่าการชุมนุมถูกกฎหมาย



เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีอัยการสั่งฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นางทยา ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก น.ส.จิตภัสร์  กฤดากร  และแกนนำ กปปส.อื่นรวม 51 คน ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏและความผิดอื่นรวม 8 ข้อหาว่า ขณะนี้สำนวนยังอยู่ระหว่างที่อัยการสอบพยานและรวบรวมหลักฐานเพิ่ม เนื่องจากทางแกนนำ กปปส.ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยการชุมนุมของ กปปส.ว่า เป็นการชุมนุมโดยชอบด้วยกฎหมายได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นการชุมนุมโดยสงบ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้อัยการได้นำตัวแกนนำกปปส.ส่งฟ้องศาลไปแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม นายสกลธี ภัททิยกุล นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1442910528
คสช.หั่นโรดแมป กู้เชื่อมั่น การเมือง ลดแรงบีบจากโลก
ความจริงแล้วท่าทีการ หั่นโรดแมปŽ ให้ประเทศไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเร็วขึ้นมีมาก่อนหน้า

ตั้งแต่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.มีมติล้มร่างรัฐธรรมนูญ แล้ว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำเวลาที่คำนวณจากรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 แก้ไขเพิ่มเติมเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.

สรุปเปรี้ยงตามสูตร 6-4-6-4 คือใช้เวลาอีก 20 เดือน จึงจะมีรัฐบาลเลือกตั้ง



นับแต่นั้น คสช.ก็ได้สัมผัสที่ผิดแผกแตกต่างจากการประกาศโรดแมปเมื่อปี 2557

เพราะเสียงตอบรับการยืดโรดแมปครั้งนี้แผ่วลง ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสืบทอดอำนาจกลับดังขึ้น

จับกระแสได้ว่า มีความหวั่นไหวในความไม่แน่นอนของโรดแมป

ดังนั้น ภายหลังจากข่าวสารเกี่ยวกับโรดแมปแพร่ออกไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กลับส่งสัญญาณใหม่

ทุกอย่างอาจจะเสร็จเร็วกว่า 20 เดือน


สัปดาห์ต่อมา สัญญาณที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งออกมากลายเป็นรูปธรรม เมื่อมีการประชุมแม่น้ำ 3 สาย อันประกอบด้วย คสช. ครม. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.

การประชุมครั้งนี้เดิมคาดการณ์ว่าจะมีการคัดตัวกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ.ชุดใหม่ และสภาขับเคลื่อนเพื่อการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท.

แต่ที่ประชุมเพียงกำหนดคุณสมบัติและสัดส่วนของ สปท. 200 คน ประกอบด้วยอดีต สปช. 60 คน ทหาร 50 คน ข้าราชการ 20 คน อดีตข้าราชการ 20 คน นักธุรกิจ 10 คน นักกฎหมาย 10 คน นักวิชาการ 10 คน และอื่นๆ 20 คน

ส่วนตัวบุคคลต้องรอการเสนอและคัดเลือกอีกครั้ง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์อยากให้ได้ตัวภายในวันที่ 22 กันยายน ก่อนเดินทางไปประชุมที่สหประชาชาติ

ส่วนโรดแมปที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งสัญญาณมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน นายวิษณุออกมาขยายความให้ฟังว่า สามารถ หั่นŽ ลงมาได้อีก

จากเดิม ระยะเวลา 6 เดือนแรกใช้สำหรับร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุชี้่ว่าอาจลดลง 1 เดือน เหลือ 5 เดือน

จากเดิม ระยะเวลา 4 เดือนต่อมาใช้ทำประชามติ อาจลดลงได้ครึ่งเดือน

จากเดิม ระยะเวลา 6 เดือนที่ต้องร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อาจลดได้ 1 เดือน เหลือ 5 เดือน

ส่วนระยะเวลา 4 เดือน เพื่อเลือกตั้งนั้นนายวิษณุยังคงเอาไว้

ดังนั้น ข่าวสารที่ปรากฏหลังแม่น้ำ 3 สาย คือ ลดระยะเวลาโรดแมป 2 เดือน เหลือ 18 เดือน

หลังจากนั้น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นำเสนอโรดแมปสูตร 5-3-5-2 รวมเวลา 11 เดือน สามารถมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งได้

5 หมายถึงเวลาการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

3 หมายถึงเวลาการทำประชามติ

5 หมายถึงเวลาการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

และ 2 หมายถึงเวลาการจัดการการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ หากทำได้ เท่ากับว่าอีกไม่ถึง 1 ปีประเทศไทยจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง


เหตุที่ คสช.ต้องปรับตัว เพราะสัมผัสได้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่

นั่นคือ ความเชื่อมั่น

ทั้งนี้แต่เดิมหลังจากการยึดอำนาจ ประเทศไทยถูกนานาชาติกดดันนานาวิธีการ เพื่อให้ คสช.รีบคืนอำนาจประชาชน

ปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจากนานาชาติกดดันคือปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งผูกโยงกับการส่งออก

ปัญหาเศรษฐกิจที่เดิมมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้หาวิธีแก้ไข โดยมุ่งเน้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และอื่นๆ

แต่ดูเหมือนการขยับตัวของไทยจะเชื่องช้ากว่าโลก ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจเริ่มรุกมากระทบกับการเมือง

ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรับคณะรัฐมนตรี และดึง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรี

นายสมคิดเข้ามารับตำแหน่งและเดินหน้าประกาศแนวทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการลงทุนในประเทศ

อุ้มรากหญ้า ฟื้นธุรกิจท้องถิ่น ทุ่มเม็ดเงินลงไปเพื่อให้เกิดการขยายตัว

การดำเนินการของนายสมคิดกำลังเริ่มต้น

ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจกำลังได้รับการแก้ไข จะสำเร็จหรือล้มเหลวต้องรอดูอีกระยะ

แต่ขณะที่รอพิสูจน์ความเป็นไปทางเศรษฐกิจ เมื่อมีเหตุคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และขยายโรดแมปคืนประชาธิปไตยออกไปถึงปี 2560

ปัญหาความเชื่อมั่นใหม่ที่เกิดขึ้น

นั่นคือ ความเชื่อมั่นทางการเมือง



หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์เข้ายึดอำนาจ และได้ประกาศโรดแมปคืนประเทศไทยสู่ประชาธิปไตยทันที

โรดแมปดังกล่าวกำหนดเวลาคร่าวๆ ไว้ว่า หลังยึดอำนาจจะตั้ง สนช. จากนั้น สนช.เลือกนายกฯ นายกฯไปจัดตั้งรัฐบาล

ต่อมาตั้ง สปช. และเลือกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

ใช้เวลา 1 ปี ดำเนินการปฏิรูป และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กระทั่งจัดการเลือกตั้ง

ดูเหมือนว่าในช่วงต้นของโรดแมป ทั้งการตั้ง สนช. จัดตั้งรัฐบาล ตั้ง สปช. และร่างรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด

แต่เมื่อลงไปในรายละเอียดการร่างรัฐธรรมนูญ โรดแมปก็เริ่มสะดุด

สะดุดเพราะมีเสียงเรียกร้องให้ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ จึงมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว 2557 เพื่อให้มีการจัดทำประชามติ

การจัดทำประชามติทำให้ต้องยืดโรดแมปออกไป

ต่อมา เมื่อร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของ สปช. และปรากฏว่าร่างรัฐธรรมนูญโดนคว่ำ

ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่

โรดแมปทางการเมืองของ คสช.จึงต้องขยับออกไปอีกครั้ง

การขยับโรดแมปครั้งนี้สะกิดให้ต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจในความแน่นอนการมีรัฐบาลเลือกตั้ง

เหตุการณ์ที่ปรากฏ ทำให้ความเชื่อมั่นในโรดแมปลดลง

ขณะที่คำถามเรื่องยืดเวลาเพื่ออยู่ในอำนาจต่อไปเรื่อยๆ หนาหูมากขึ้น

เพียงแค่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สอดใส่เนื้อหาที่ประชาชนไม่ยอมรับ

เมื่อร่างไม่ผ่านประชามติก็อาจกระทบต่อโรดแมปอีกครั้ง


ณวันนี้ คสช.จึงต้องเผชิญหน้ากับความไม่เชื่อมั่นในโรดแมป

การเดินทางไปสหประชาชาติในวันที่ 23 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องพบกับกลุ่มคนไทยต่างแดนออกมาแสดงเจตจำนงเรียกร้องประชาธิปไตย

พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องพบกับคำถามเรื่องการเมืองไทย และการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่

แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์จะตอกย้ำอยู่เสมอว่า ไม่ต้องการยืดอำนาจ

แค่วันเดียวก็ไม่อยากอยู่ต่อ

แต่เมื่อกลไกทุกอย่างกลับปรากฏสิ่งตรงกันข้ามกับความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์

การเผชิญหน้ากับข้อสงสัยในแนวทางคืนอำนาจให้ประชาชนย่อมเกิดขึ้น

ความเชื่อมั่นในโรดแมปสู่ประชาธิปไตยไทยย่อมโดนเขย่า

และมีผลต่อแรงกดดันที่โลกกำลังดำเนินการกับไทย

มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 20 กันยายน 2558


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442750643

คดีระเบิดกรุง 20 ศพ มีนายอ๊อดลี้ลับ ตำรวจตกม้าตายตอนจบ ตัวใครตัวมัน

ข่าวข้นคนเข้ม

ข้าวตอกแตก


หนังสือพิมพ์ข่าวสด ครบทุกรส สดทุกเรื่อง ฉบับนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 5 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2558 แรม 8 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม เป็นวันพระ...

ตุลาคมเดือนแห่งการรำลึกถึง 2 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์การเมือง การประเทศ 6 ตุลา 2519 กับ 14 ตุลา 2516 แต่ในท่ามกลางการบริหารปกครองบ้านเมืองไม่ปกติ งานคงไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน อย่างมากแค่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วีรชน กิจกรรมทางการเมืองอาจสุ่มเสี่ยงได้...

ล่วงเลยมากว่า 40 ปี ความจริงหลายอย่างของ 2 เหตุการณ์ ยังมืดมน คลุมเครือ ยิ่ง 6 ตุลา ล้อมปราบกันกลางสนามหลวง ในสนามบอลธรรมศาสตร์ ผ่านการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนจากพวก ชนชั้นนำ กระทำต่อฝ่าย นักศึกษา ประชาชน ไม่น่าเชื่อ ณ ปัจจุบัน กลุ่มพลังล้าหลัง ยังมีอิทธิพลกดขี่ กลุ่มพลังก้าวหน้า...

วันนี้คงได้รู้ มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานวุฒิสภา มือกฎหมายหลายรัฐประหาร ตอบรับนั่ง ประธาน กรธ. หลังหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาล-คสช. พร้อมโฉมหน้าอีก 20 กรธ. ผู้ที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญ กฎกติกาการเข้าสู่อำนาจ บริหารปกครองประเทศ...

โจทย์ใหญ่กติกาฉบับใหม่ คงวนๆ อยู่กับทำอย่างไรให้มี อำนาจพิเศษ กำกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งประเทศ คงคล้ายๆ กับ คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ ฉบับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ...

รวมถึงกำหนดวิธีการเข้าสู่อำนาจ โดยไม่ผ่านกระบวนการเข้าคูหา กาบัตร เนื้อหาก็คงป้วนเปี้ยน ไปๆ มาๆ อยู่แถวนี้แหละ หรือจะต้องทำให้ประชาชนพลเมืองอยู่ดีกินดีเสียก่อน แล้วค่อยมีประชาธิปไตย ล้วนสวนทางกับเหตุผลของชาวบ้านส่วนใหญ่ ประชาธิปไตยต่างหาก ที่จะช่วยยกระดับ ฐานะทางเศรษฐกิจ เพราะให้สิทธิให้เสียงต่อรอง กับขั้วอำนาจบน...

ไม่ง่ายอย่างคิด แนวคิดเรื่อง ซิงเกิล เกตเวย์ รวบรวมช่องทางเข้า-ออกอินเตอร์เน็ต ให้ผ่านประตูเดียว เสียงคัดค้านกระหึ่มไปทั่ว แต่ที่หนักแน่นสุดต้อง ศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย...

บิ๊กบอสค่ายทรู ยืนยันชัดเจนไม่เห็นด้วย เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้เน็ต เสนอหากทำเพื่อความมั่นคงของประเทศ ควรหาวิธีอื่นที่ไม่ใช่ซิงเกิล เกตเวย์ ผู้เกี่ยวข้องตัวจริงเสียงจริงออกโรงเอง รัฐบาลคิดหนัก...

น่าเสียดาย คดีระเบิดกรุง 20 ศพ ตำรวจไทยโชว์สืบสวน จนจับกุมได้ พร้อมหลักฐานมากมาย ออกหมายจับอีกเป็นพรวน ทั้งรู้ลึกไปถึงขบวนการเบื้องหน้า เบื้องหลัง เกี่ยวข้องกับ อุยกูร์ ยังไง แต่พอแถลงปิดคดีกลับมี นายอ๊อดลี้ลับ สังคมหัวร่อยกใหญ่ ตกม้าตายตอนจบ ตัวใครตัวมัน...

ข่าวข้น คนเข้ม วันนี้, 08.00 น. นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมช.ศึกษาธิการ เปิดโครงการทบทวนความรู้สู่มหาวิทยาลัยกับสหพัฒน์ ครั้งที่ 18 หอประชุมใหญ่ ม.หอการค้าไทย... 09.00 น. หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ จัดงานสัมมนา "โอกาสและความท้าทายในการค้าและการลงทุนในเมียนมา...จากกูรู" ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ... 10.00 น. ณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการป.ป.ส. แถลงนโยบายปี 59 มุ่งมั่นแก้ปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ห้องประชุมอาคาร 2 สำนักงานป.ป.ส. ดินแดง... 13.30 น. สุวณา สุวรรณจูฑะ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นำคณะเยี่ยมคารวะและแสดงความยินดี วีระพล ตั้งสุวรรณ์ ประธานศาลฎีกาคนใหม่ ห้องรับรองประธานศาลฎีกา อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์...

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1443973766
มาแล้ว 200 สปท.! เซอร์ไพรส์ “ชิดชัย” แจม “สุชน-นิกร-วิทยา-กษิต” อดีตบิ๊ก ขรก.-สปช.-กมธ.ยกร่างฯ

                                                                                       
                            ที่มา : http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000111824


                                                            รวดเร็วทันใจ! ราชกิจจานุเบกษาประกาศรายชื่อ 200 สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พบอดีตตำรวจ ทหาร ผู้ว่าฯ ปลัดฯ เพียบ สปช.-กมธ.ยกร่างฯ ก็มา “กษิต-ชิดชัย-นิกร-สุชน-วิทยา-โค้ชหรั่ง-หมอพรทิพย์” ร่วมแจม ตระกูล “เครืองาม” เบิ้ล
      
       วันนี้ (5 ต.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยระบุว่า ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2558 มาตรา 39/2 วรรคสอง บัญญัติให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ประกอบด้วยสมาชิกจํานวนไม่เกินสองร้อยคนซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง นายกรัฐมนตรีจึงแต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ดังต่อไปนี้
      
       พล.ท.กมล สุวภาพ, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ, พล.ท.กฤษณะ บวรรัตนารักษ์, นายกลินท์ สารสิน, นายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด, นายกษิดิศ อาชวคุณ, นายกษิต ภิรมย์, นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล, นายกิตติ กิตติโชควัฒนา, นายกิตติ พิทักษ์นิตินันท์, นายเกรียงยศ สุดลาภา
      
       พล.ร.อ.ไกรวุธ วัฒนธรรม, นายขวัญชัย ดวงสถาพร, พล.อ.อ.ขวัญชัย เอี่ยมรักษา, นายเข็มชัย ชุติวงศ์, พล.ท.คณิต แจ่มจันทรา, พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร, พล.อ.คณิต อุทิตสาร, นายคณิสสร นาวานุเคราะห์, พล.อ.อ.คธาทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา, นายคํานูณ สิทธิสมาน, นายคุรุจิต นาครทรรพ, ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์, พล.อ.จารุเกียรติ ชัยวงษ์, นายจินดา วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์, พล.ร.อ.จีรพัฒน์ ปานสกุณ, นายจุมพล สุขมั่น, นางจุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์, พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม, นายเฉลิมพล ประทีปะวณิช, นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ, พล.ร.อ.ชนินทร์ ชุณหรัชพันธุ์, นายชัย ชิดชอบ, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล, นายชาญวิทย์ ผลชีวิน, นายชาลี เอียดสกุล
      
       พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์, นายชูชัย ศุภวงศ์, นายชูชาติ อินสว่าง, นายชูศักดิ์ เกวี, พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์, พล.อ.ชูศักดิ์ สันติวรวุฒิ, พล.อ.ชูศิลป์ คุณาไทย, นายฐาปบุตร ชมเสวี, พล.อ.ฐิติวัจน์ กําลังเอก, นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์, พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง, พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์, นายณัฏฐ์ ชพานนท์, นายดํารงค์ พิเดช, นายดุ
       สิต เครืองาม, นายดุสิต ลีลาภัทรพันธุ์, พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา, นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา, นายตระกูล วินิจนัยภาค, พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย, นายต่อพงศ์ เสลานนท์, พล.ต.อ.ไตรรัตน์ อมาตยกุล, นางถวิลวดี บุรีกุล, พล.อ.อ.ทวิเดนศ อังศุสิงห์, นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล, ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ, นายธงชัย ลืออดุลย์
      
       พล.ท.ธงชัย สาระสุข, พ.อ.ธนศักดิ์มิตรภานนท์, นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์, นายธรรมศักดิ์ พงศ์พิชญามาตย์, พล.อ.ธวัช จารุกลัส, นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย, นายธวัชชัย ฟักอังกูร, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร, นายธานินทร์ ผะเอม, พล.ต.ท.ธีรจิตร์ อุตมะ, พล.อ.อ.ธีระภาพ เสนะวงษ์, พล.อ.นคร สุขประเสริฐ, นางนรรัตน์ พิมเสน, นายนิกร จํานง, นางนินนาท ชลิตานนท์, พล.อ.อ.นิรันดร์ ยิ้มสรวล, นายบวรเวท รุ่งรุจี, นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์, พล.ท.บัญชา สิทธิวรยศ, นางเบญจวรรณ สร่างนิทร, พล.ร.อ.ประดิษฐ์ ศิริคุปต์, นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด, นายประภาศ คงเอียด, นายประมนต์ สุธีวงศ์, ร.อ.ประยุทธ เสาวคนธ์, นายประยูร เชี่ยววัฒนา, นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์
      
       พล.อ.ปราการ ชลยุทธ, นายปรีชา บุตรศรี, พล.อ.อ.ปรีชา ประดับมุข, นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล, นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ, น.ส.ปิยะธิดา ประดิษฐบาทุกา, นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา, พล.อ.อ.เผด็จ วงษ์ปิ่นแก้ว, นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์, นายพนม ศรศิลป์, นายพรชัย ตระกูลวรานนท์, พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์, นางพรพันธุ์
       บุณยรัตพันธุ์, พล.อ.พหล สง่าเนตร, พล.อ.พอพล มณีรินทร์, พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป, พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์, นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต, นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา, พล.อ.ภิญโญ แก้วปลั่ง, พล.อ.ภูดิศ ทัตติยโชติ, พล.อ.อ.มนัส รูปขจร, นายมนู เลียวไพโรจน์, นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์, นางเมธินี เทพมณี, พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ
      
       พล.ร.อ.ยุทธนา เกิดด้วยบุญ, พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา, นางรวีวรรณ ภูริเดช, นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์, พล.อ.รัชกฤต กาญจนวัฒน์, พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก, นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต, พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช, นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ, พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา, นายวรรณธรรม กาญจนสุวรรณ, พล.อ.วรวิทย์ พรรณสมัย, นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา, พล.ท.วราห์ บุญญะสิทธิ์, น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ, พล.อ.วัฒนา สรรพานิช, พล.อ.อ.วัธน มณีนัย, นายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย, นายวันชัย สอนศิริ, นายวัลลภ พริ้งพงษ์, พล.อ.วิชิต ยาทิพย์, นายวิเชียร ชวลิต, พล.อ.วิเชียร ศิริสุนทร, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายวินัย ดะห์ลัน, นายวิบูลย์ สงวนพงศ์, นายวิรัช ชินวินิจกุล
      
       นายวิวัฒน์ ศัลยกําธร, นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร, พล.อ.วุฒินันท์ ลีลายุทธ, นายไวกูณฑ์ ทองอร่าม, พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล, นายศานิตย์ นาคสุขศรี, นายศิริชัย ไม้งาม, นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์, พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสมชัย เจริญชัยฤทธิ์, นายสมชัย ฤชุพันธุ์, นายสมชาย พฤฒิกัลป์, พล.ท.สมชาย ลิ้นประเสริฐ, นายสมเดช นิลพันธุ์, นายสมพงษ์ สระกวี, นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์, พล.อ.สราวุฒิ ชลออยู่, พล.ท.สสิน ทองภักดี, นายสังศิต พิริยะรังสรรค์, นายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์, พ.อ.สิรวิชญ์ นาคทอง, นายสุชน ชาลีเครือ, พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล, นายสุนชัย คํานูณเศรษฐ์, นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล, พล.ท.สุรเดช เฟื่องเจริญ, นายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์
      
       พล.ร.อ.สุรินทร์ เริงอารมณ์, นายสุวัฒน์ จิราพันธุ์, พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา, นายเสรี สุวรรณภานนท์, นายเสรี อติภัทธะ, นายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์, พล.อ.อ.อนาวิล ภิรมย์รัตน์, พล.ร.อ.อนุทัย รัตตะรังสี, นายอนุสรณ์ จิรพงศ์, นายอนุสิษฐ คุณากร, นายอภิชาต จงสกุล, พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ, นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์, พล.ร.อ.อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ, นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม, นายอรุณ จิรชวาลา, นายอลงกรณ์ พลบุตร, นายอิศรา ศานติศาสน์, นายอัครินทร์ เลิศกิจชัยศิริ, นายอับดุลฮาลิม มินซาร์, พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง, พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์, พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย, พล.ต.ท.อํานวย นิ่มมะโน, นายอําพล จินดาวัฒนะ, นายอุทัย เลาหวิเชียร, พล.อ.เอกชัย จันทร์ศรี                                                                        
                                                            

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้