ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
บรรจุกระดูกคุณทองแดง ที่ฐานอนุสาวรีย์ในศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน                                                               
                                
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000142709


                                                            เจ้าหน้าที่บรรจุกระดูกของ คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ไว้ที่ฐานอนุสาวรีย์คุณทองแดง ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน เช้าวันนี้(30 ธ.ค.58)
      
       วันนี้ (30 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. มีการบรรจุกระดูก สุนัขหลวงคุณทองแดง ที่ฐานอนุสาวรีย์ ที่บริเวณศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน อำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
      
       ทั้งนี้ อนุสาวรีย์คุณทองแดง ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าจุดชมวิว ภายในมูลนิธิศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินฯ นั้น สร้างขึ้นพร้อมกับมูลนิธิฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินรายได้จากการจำหน่ายเสื้อยืดพิมพ์ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ครอบครัวคุณทองแดงจำนวน 4 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในมูลนิธิฯ ตั้งอยู่บริเวณข้างวัดเขาอิติสุคโต ซอยหมู่บ้านเขาน้อย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้เสด็จฯไปทรงเปิดอนุสาวรีย์คุณทองแดง เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 เมื่อครั้งเสด็จฯไปทอดพระเนตรการทำงานของมูลนิธิฯด้วย
      
       สำหรับ คุณทองแดง เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาเลี้ยงหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดศูนย์การแพทย์พระราม 9 และนายแพทย์คนหนึ่งนำทองแดงมาทูลเกล้าฯ ถวายให้ทอดพระเนตร
      
       คุณทองแดงมีลักษณะพิเศษต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น มีถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา มีหางม้วนขดเป็นวง ปลายหางดอกสีขาว และมีจมูกแด่น ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายตัวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ขณะมีอายุได้ 5 สัปดาห์ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
      
       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงค้นในหนังสือว่า ทองแดงมีลักษณะคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์บาเซนจิ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โบราณ มีถิ่นกำเนิดทางแอฟริกาใต้ นิยมใช้งานในการล่าสัตว์ แต่ทองแดงมีขนาดตัวใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์บาเซนจิทั่วไป พระองค์จึงทรงเรียกทองแดงว่าเป็นสุนัขพันธุ์ไทยซูเปอร์บาเซนจิ
      
       ทองแดงมีลูกกับทองแท้ สุนัขพันธุ์บาเซนจิ จำนวน 9 ตัว ทุกตัวเกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2543 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานชื่อให้เป็นชื่อขนมที่มีคำว่า "ทอง" และพระราชทานนามสกุลว่า "สุวรรณชาด" ได้แก่ ทองชมพูนุท , ทองเอก , ทองม้วน , ทองทัต , ทองพลุ , ทองหยิบ , ทองหยอด , ทองอัฐ , ทองนพคุณ
      
       และเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ทองแดงตาย ณ วังไกลกังวล ร่างอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์หัวหิน รวมอายุได้ 17 ปี 1 เดือน 19 วัน

http://www.toptenthailand.com/news/detail/20151230152426475

                                                            

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2016-1-6 07:10

สองนักศึกษาม.รังสิต เล่นน้ำตกดังเมืองคอนพลัดลงในวังน้ำวนมรณะจมตายทั้งคู่ ขณะที่เพื่อนกลัวน้ำไม่ยอมเล่นเผย ปิดเทอมกลับบ้านเที่ยวปีใหม่ก่อนประสบเหตุสลด





เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 5 ม.ค.59 พ.ต.ท.เริงชัย ราชกิจจา พนักงานสอบสวน สภ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ได้รับเหตุเด็กวัยรุ่นจมน้ำตกเสียชีวิต 2 ราย ที่วังน้ำวนมรณะน้ำตกพรหมโลก ม.5 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี รับแจ้งแล้วจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นจึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมจีบรุดไปให้การช่วยเหลือยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบผู้คนจำนวนมากกำลังมุงดูเหตุการณ์

เจ้าหน้าที่จึงขึ้นไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่วังน้ำวนมรณะดังกล่าวอยู่บนชั้น 1 ของน้ำตกพรหมโลก พบว่าชาวบ้านได้นำศพผู้เสียชีวิตขึ้นมาแล้ว และได้นำส่ง รพ.พรหมคีรี เพื่อทำการชันสูตรศพแล้ว เจ้าหน้าที่จึงตามไปสอบสวนที่ รพ.ดังกล่าวพบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อ นายพีมร์ ฤทธิรุตม์ อายุ 22 ปี ชาว ต.ฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช และนายสุราษฎร์ กาญจนอุดม อายุ 22 ปี ชาวต.นาเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช

โดยเพื่อนที่มาด้วยกันอีกคนคือนายจักรวรรดิ อายุ 23 ปี ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้ตายทั้ง 2 เป็นนักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยรังสิต กรุงเทพฯ ส่วนตนเองเป็นนักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ หลังปิดเทอมได้กลับมาบ้าน และก่อนจะกลับกรุงเทพฯ ก็ชักชวนกันไปเที่ยวน้ำตกพรหมโลกในช่วงเทศกาลปีใหม่

ก่อนเกิดเหตุนายพีมร์ กับนายสุราษฎร์ พากันลงเล่นน้ำบริเวณวังน้ำวนซึ่งไม่รู้มาก่อนว่าเป็นจุดอันตราย โดยนายพีมร์ สไลด์ลงไปยังวังน้ำวนครั้งแรกสามารถขึ้นมาได้ แต่นายสุราษฎร์ สไลด์ตามหลัง ปรากฏว่าขึ้นมาได้ นายพีมร์ จึงลงไปช่วยทำให้ทั้ง 2 กอดรัดกันจนจมหายไปต่อหน้าต่อตาของ ตนจึงพยายามวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อกลับมาถึงเพื่อนทั้ง 2 จมน้ำหายไปและเสียชีวิตดังกล่าว นายจักรวรรดิ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายพีมร์ นั้นเป็นลูกชายของนายสุทธิพันธุ์ ฤทธิรุตม์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลฉวาง ซึ่งได้เดินทางมาที่ รพ.พรหมคีรี และระบุว่า นายพีมร์ ลูกชายบอกตนเองว่าช่วงเช้าของวันนี้ (5 ม.ค.59) ได้ไปขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ แล้ว โดยไม่ทราบว่าได้มาเที่ยวกับเพื่อนที่น้ำตกพรหมโลก ตอนแรกมีคนโทรไปบอกก็ไม่เชื่อ คิดว่าลูกไปกรุงเทพ แต่เมื่อมาถึงก็เจอลูกจริงๆ และเสียใจเป็นอย่างมากที่ลูกมาจบชีวิตอย่างนี้

สำหรับน้ำตกพรหมโลก เป็นน้ำตกที่สวยงามอันดับต้นๆ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยที่ชั้น 1 ของน้ำตกดังกล่าวมีวังน้ำวนอยู่ ถ้าดูเผินๆ คงไม่รู้ว่าเป็นวังน้ำวน และเจ้าหน้าที่ได้ปิดป้ายเตือนนักท่องเที่ยวเพื่อไม่ให้ลงไปเล่นน้ำบริเวณดังกล่าวเพราะเป็นอันตราย แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนไม่เชื่อฟัง ลงเล่นน้ำในวังน้ำวนจนจมน้ำตายรายแล้วรายเล่าปีละหลายศพ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวน้ำตกกันเป็นจำนวนมาก แม้จะมีเจ้าหน้าที่มาดูแลแต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวพลัดลงในวังน้ำวนแห่งนี้เสียชีวิตเป็นประจำ กระทั่งมาเกิดกับ 2 นักศึกษารายล่าสุดดังกล่าว


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1451998430

"เชาวรินธร์” พ้นคุก ขอคืนยศ “ร.ต.ท.”ทันที  ไม่ต้องรอสตช.ถอด  อนาคตยังไม่คิดการเมืองเชื่อรบ.คสช.อยู่ยาว  เตรียมออกหนังสือ “โชคดีที่ติดคุก” แฉเหตุการณ์ในคุก



เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่รัฐสภา นายเชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ  หรือ  ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อดีตส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย  ผู้ต้องโทษความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและถูกจำคุกเป็นเวลา 10 เดือน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ  แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ และพ้นโทษออกมาแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา  แถลงข่าวว่า  ขอถอดยศตำรวจ “ ร.ต.ท.” โดยอาศัยอำนาจตามในมาตรา 11(4)  มาตรา 28  แห่ง  พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 เพื่อเป็นการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย  และไม่ต้องรอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)ทำเรื่องถอดยศตัวเอง  ส่วนอนาคตทางการเมืองขณะนี้ยังไม่ได้คิดเพราะเชื่อว่ารัฐบาลคสช.จะอยู่อีกยาว   

หลังจากนี้จะออกหนังสือส่วนตัวชื่อ “โชคดีที่ติดคุก” ซึ่งขณะนี้ได้เขียนต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยนำเสนอเรื่องราวประวัติของตัวเองที่ผ่านมา  และเรื่องที่เกิดขึ้นในคุกตลอดเวลาที่ถูกคุมขัง  อาทิ เหตุการณ์เด็กอายุประมาณ 14-15 ปีชาวพม่า  กัมพูชา ที่ถูกผู้ประกอบการแรงงานของไทย ไม่จ่ายค่าจ้างเด็กต่างด้าวดังกล่าว  โดยสั่งให้ตำรวจจับตัวเข้าคุกไปเพื่อล้างหนี้  จึงเรียกร้องให้ทูตพม่าและกัมพูชา  เข้ามาดูแลพลเมืองของตัวเองด้วย ขณะที่รัฐบาลไทยก็ต้องดูแลเรื่องนี้ด้วยเพราะเข้าสู่เออีซีแล้ว  นอกจากนี้  ยังพบปัญหาเรื่องที่รัฐบาลบอกเรื่องคนล้นคุกแต่ปรากฎว่าเป็นการกล่าวอ้างที่สวนทางกับความเป็นจริง  เพราะไม่ยอมช่วยเหลือนักโทษที่อายุตั้งแต่ 65 ปี ที่รับโทษ 1 ใน 3  และเหลือโทษไม่ถึง 2 ปี และ  อายุต่ำกว่า 65 ปีรับโทษมาแล้ว 1 ใน 2  เหลือโทษไม่ถึง 2 ปี  โดยระเบียบจะต้องทำเรื่องพักโทษให้ออกไปอยู่ข้างนอกและปฏิบัติตัวตามเงื่อนไข  แต่ปี 2558 กระทรวงยุติธรรมกลับไม่ดำเนินการ

เมื่อถามว่าการถอดยศของตัวเองเพื่อต้องการประชดไปถึงนายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายเชาวรินธร์กล่าวว่า  ไม่เกี่ยวกัน  ส่วนเรื่องคดีของนายทักษิณช่วงที่ถูกดำเนินคดีที่ดินรัชดา ตนเคยให้คำปรึกษาทางกฎหมายไปแล้ว  แต่อดีตนายกฯก็ไม่เชื่อ หลังจากนั้นก็ไม่กล้าให้คำปรึกษาและติดต่อกันอีกเลย  ซึ่งตนมั่นใจว่าหากวันนั้นนายทักษิณเชื่อก็ไม่ต้องรับโทษและอยู่ต่างประเทศอย่างนี้  อย่างไรก็ตามหลังจากติดตามเรื่องการถอดยศของ นายทักษิณ ตนคิดว่า สตช. และคสช.ทำไม่ถูกต้อง  เพราะในมาตรา 28 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ระบุว่าสามารถกระทำได้โดยพระราชโองการเท่านั้น

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452069864
′ถาวร′ลั่น อย่ากลัวทหาร ปชช.จะอดตายหมดเเล้ว จี้ ′บิ๊กตู่′แก้ปัญหาราคายางตก
วันที่ 06 มกราคม  พ.ศ. 2559 เวลา 18:14:46 น.



  


เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตส.ส.สงขลา  พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำของรัฐบาลว่า  ขณะนี้ความโชคร้ายของเกษตรกรชาวสวนยางที่ฝันร้ายเมื่อ 20 ปีที่แล้วกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง  ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายกว่าเดิม และแตกต่างอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของค่าครองชีพที่ปรับขึ้นมาสูงมาก

วันนี้รายได้จากยางพาราซึ่งเป็นรายได้หลักเพียงอย่างเดียวของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง  เมื่อราคาตกต่ำลงมาก ขณะนี้ยางแผ่นดิบราคาเหลือเพียงประมาณ 30 บาท ต่อกิโลกรัม น้ำยางสด ประมาณ 25 บาท  ต่อกิโลกรัม และมีแนวโน้มจะปรับต่ำลงไปอีก แม้ว่ารัฐจะอ้างเหตุผล เศรษฐกิจโลกที่ยังซบเซา  ราคาน้ำมันที่ตกต่ำ อัตราการเจริญเติบโตของจีนมีปัญหา  ผลผลิตยางพารามากกว่าการใช้หรือสารพัดเหตุผลเพื่อพูดให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางรู้สึกร่วมคล้อยตามและจะได้ไม่โวยวายก็ตาม

นายถาวรกล่าวต่อว่า หน้าที่ของรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง จะต้องใช้ความรู้ความสามารถให้มากกว่าในช่วงปกติ ไม่ใช่ไปโทษเหตุการณ์ต่างๆ  โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่รัฐไม่เคยคิดจะนำมาใช้อย่างจริงจัง คือ  การอาศัยความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ 3 ประเทศ ซึ่งมีผลผลิตรวมกันมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์  ของผลผลิตยางทั้งโลก

โดยผลักดันให้ปัญหาราคายางตกต่ำเป็นปัญหาระดับภูมิภาคถือเป็นความเดือดร้อนร่วมกันของเกษตรกรชาวสวนยางทั้ง3ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหาผ่านบริษัทร่วมทุนไทย  มาเลเซียและอินโดนีเซีย (IRCo) ที่ดูแลโดยคณะกรรมการอำนวยการ (BoDs:Boards of Directors ) และคณะกรรมการกำหนดกลยุทธ์ (CSMO) ที่มีตัวแทนทั้งสามประเทศเป็นกรรมการโดยการควบคุมด้านนโยบายจากคณะกรรมการร่วมสภาไตรภาคียางพารา (ITRC)

นอกจากนี้ รัฐมนตรีร่วมของ 3ประเทศ ได้ตกลงร่วมกันที่บาหลีเรียกว่าข้อตกลงบาหลี(Bali  Declaration 2001) ที่ได้รับการรับรองถูกต้องตามกฎหมายผ่านทางรัฐสภาของทั้ง 3 ประเทศเรียบร้อยแล้ว  ในสัดส่วนการร่วมทุน IRCo 4:3:2 (ไทย:อินโดนีเซีย:มาเลเซีย) มีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ  และทราบกันอยู่แล้วว่าการตั้งบริษัทร่วมทุนนี้ขึ้นมา  เพื่อเป็นองค์กรบริหารจัดการราคายางพาราในตลาดโลกให้อยู่ในระดับที่เกษตรกรผู้ผลิตได้รับผลตอบแทนคุ้มการลงทุนราคามีเสถียรภาพ

นายถาวร กล่าวว่า หากมีปัญหาราคายางตกต่ำ ทางบริษัทร่วมทุนฯ  จะเข้าไปป้องกันแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำทันทีและไม่ผิดกฎ WTO โดยใช้ 3 มาตรการสำคัญ คือ 1.มาตรการการบริหารจัดการการผลิต 2.มาตรการการบริหารจัดการการส่งออก และ 3.กลยุทธ์ด้านการตลาด  ดังนั้นไทยในฐานะเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลกควรจะเป็นผู้เริ่มต้นหาความร่วมมือโดยทันทีเพื่อเรียกประชุมฉุกเฉินและเสนอให้มีการระดมทุนนำเงินเข้ามาซื้อยางดูดซับออกจากระบบตามมาตรการกลยุทธ์ด้านการตลาดโดยทันที ซึ่งช่วงนี้กำลังเข้าสู่ปลายฤดูการกรีดยางและกำลังจะปิดกรีดอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้น  โอกาสที่จะผลักดันให้ราคาขยับขึ้นได้แน่นอน หากใช้มาตรการนี้  ราคายางจะปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลดีต่อชาวสวนยาง เป็นการรับผิดชอบร่วมกันของ 3 ประเทศ  เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการ ประหยัดงบประมาณ  และการดำเนินการภายใต้บริษัทร่วมทุนฯ

“ผมขอร้องรัฐบาลอีกครั้งว่าจะมัวแต่โทษสถานการณ์ไม่ได้อีกแล้วนั่งอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของคนจนที่มีจำนวน 20 ล้านคน รัฐบาลกลับวางเฉย  แต่ได้ช่วยคนรวยและคนชั้นกลางในโครงการช้อปช่วยชาติไปหยกๆ ทั้งที่โครงการนี้คนจนไม่ได้รับประโยชน์อะไร

ผมขอกราบวิงวอนท่านนายกฯ อีกครั้งหนึ่งอย่าปล่อยให้ชาวสวนยางทั่วประเทศทนไม่ได้  เพราะถ้าประชาชนทนไม่ไหว ก็จะถูกบังคับให้มาเคลื่อนไหว เช่น นัดประชุม ยื่นหนังสือเรียกร้อง  ขึ้นมาประชุมกับรัฐบาล หรือ ปิดการกรีดยาง เอาน้ำยางมาราดถนน ซึ่งผมไม่กลัวจะโดนคดีอีกสัก 2-3 คดีก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเรื่องของปากท้อง อย่าไปกลัวทหาร เพราะพี่น้องจะอดตายอยู่แล้ว”นายถาวร กล่าว


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452078449


ยางวิกฤตหนัก ป้ายพรึบ ประกาศขายสวน ไร้เงินเลี้ยงครอบครัว-ให้ลูกหยุดเรียน
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสงขลารายงานว่า  ป้ายประกาศขายสวนยางพาราถูกนำเอามาติดเอาไว้บริเวณเสาไฟฟ้าริมถนนในพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดสงขลา  ภายหลังราคายางพาราตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องจนขณะนี้เหลือเพียง 4 กิโลกรัม 100 บาท  หลังชาวสวนยางมองไม่เห็นอนาคตจากยางพาราในขณะที่บางรายมีหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องตัดใจประกาศขาย  แต่ก็หาคนซื้อได้ยาก เพราะราคาที่ตกต่ำ อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี  ทำให้แม้จะขายสวนยางพาราก็ยังขายไม่ได้ ส่งผลกระทบอย่างมาก อย่างไรก็ตาม  ชาวสวนยางก็ยังคงต้องก้มหน้ากรีดยางกันทุกเช้า เพื่อที่จะหารายได้ใช้จ่ายในครัวเรือน  ในขณะที่สวนยางรายใหม่ที่เพิ่งครบเปิดกรีด 7 ปี  ก็งดกรีดยางเพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้ราคายางตกต่ำมากขึ้นและไม่คุ้มกับการเปิดกรีดหน้ายาง

โดยนายชัยวุฒิผ่องแผ้ว ประธานสมาพันธ์เกษตรกรจังหวัดสงขลา ระบุว่า  ชาวสวนยางอยู่ระหว่างการรอดูท่าทีจากรัฐบาลว่าจะมีแนวทางในการช่วยเหลือชัดเจนอย่างไรหรือไม่  ภายหลังได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีไปเมื่อ 28 ธันวาคมที่ผ่านมาก่อนที่จะเคลื่อนไหวอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า  ปัญหาราคายางพาราในขณะนี้ถือว่าเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ดังนั้น  รัฐจึงควรออกมาเร่งรัดมาตรการช่วยเหลือด้วยการระดมสมองจาก 4 ฝ่าย ทั้งเกษตรกร พ่อค้า ข้าราชการ  และรัฐบาล เพื่อให้ทั้งหมดได้นำเสนอปัญหา ข้อจำกัด รวมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหา  โดยอาจจะมีการเปิดห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นที่ประชุมหารือกัน  เพื่อให้รัฐบาลได้รับทราบปัญหาที่แท้จริงรวมถึงหาแนวทางในการช่วยเหลือเร่งด่วน  เพราะขณะนี้นอกจากเรื่องปากท้องแล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องการศึกษาของเยาวชน  ผู้ปกครองหลายรายที่จำเป็นต้องให้บุตรหลานหยุดการเรียนกลางคันเนื่องจากไม่สามารถส่งเสียได้  เพราะประกอบอาชีพกรีดยางพาราอย่างเดียว เหล่านี้หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาจะยิ่งวิกฤตและลุกลามมากขึ้น





http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1452051810




ใครอยากเลือกตั้ง



วันที่ 21 มกราคม  พ.ศ. 2559 เวลา 08:15 น.

ทิ้งหมัดเข้ามุม

มันฯ มือเสือ

หลังจากกรธ.ยกโขยงไปยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราที่ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อสรุปเนื้อหาสาระใส่ไว้ในร่างแรก

หลายคนบอกถ้าเอากันอย่างนี้ รัฐบาลคสช.ควรคิดหาทางเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านแล้วจะทำอย่างไรต่อ

ไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้ แต่จากการประมวลคำให้สัมภาษณ์ของ 2 พรรคใหญ่ ก็จะเห็นสัญญาณรางๆ ว่า

โอกาสที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าผ่าน

นั่นเป็นเพราะเนื้อหาหลายประเด็น โดยเฉพาะการเพิ่มอำนาจให้องค์กรอิสระไม่ว่า ป.ป.ช. สตง. กกต. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญอยู่เหนืออำนาจรัฐบาล

หลักการอำนาจอธิปไตยบิดๆ เบี้ยวๆ นี้เอง ที่บีบให้พรรคเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากประกาศว่าจะจับมือกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ

ถึงตอนนี้ดูเหมือนคสช.จะคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้หมด

แต่ในความเป็นจริงต้องไม่ลืมว่า 2 พรรคใหญ่ที่ตอนนี้ทำหงิมๆ ติ๋มๆ แท้ที่จริงมีเสียงสนับสนุนรวมกันมากกว่า 20 ล้านเสียง ที่หมอบรอดูสัญญาณธงในที่ตั้ง

ด้วยจำนวนเสียงรวมกันเกินครึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ โอกาสที่รัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำในชั้นทำประชามติจึงมีสูง

ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลคสช.ต้องคิดว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะทำอย่างไร

หยิบรัฐธรรมนูญในอดีตฉบับใดมาใช้ เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว หรือว่าจะกลับไปยกร่างใหม่รอบที่ 3

แต่ไม่ว่าอย่างไร คำขู่ในเชิงต่อรองที่ผู้มีอำนาจเคยใช้ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็ยังไม่มีเลือกตั้งนั้น

ในยุครัฐบาลคมช.เคยใช้ได้ แต่เมื่อมาถึงยุครัฐบาลคสช.ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พรรคเพื่อไทยและนปช.เห็นพ้องกันว่า ถ้าต้องเลือกตั้งภายใต้กติกาเพี้ยนๆ ก็อย่าเลือกซะดีกว่า

อดทนรอไปจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

ที่สำคัญก็คือไม่แน่ว่าจากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าอยู่ตอนนี้

ระหว่างคสช.กับพรรคเพื่อไทย

ใครอยากให้มีการเลือกตั้งเร็วมากกว่ากัน

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1453270935





รธน.ฉบับมีชัย3ช่า
ส่อเค้าครรภ์เป็นพิษ ตายทั้งกลม ไม่ต้องพึ่งโหรหรือนั่งทางใน
รู้อนาคต ไม่ผ่านประชามติแน่

วันที่ 21 มกราคม  พ.ศ. 2559 เวลา 08:45 น.

ข่าวข้นคนเข้ม

สันตะวา



หนังสือพิมพ์ข่าวสด สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทยทุกคน ฉบับนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พุทธศักราช 2559 ขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม...

การเสียชีวิตของ ปอ-ทฤษฎี สหวงษ์ เป็นเครื่องยืนยันถึงคำโบราณที่ว่า “คนรักคนชังให้ดูกันตอนตาย” จำนวนคนที่รักพระเอกหนุ่มวัย 35 คนนี้มากมายมหาศาลแค่ไหน วัดจากจำนวนไลก์-คอมเมนต์ความคิดเห็น ใน ข่าวสดออนไลน์ สื่อออนไลน์อันดับ 1 ก็จะได้ความจริง ได้เห็นปรากฏการณ์ความพิเศษ...

ตลอด 71 วันที่ ร.พ.รามาฯ อาการป่วยของพระเอกปอ ช่วยผู้คนสังคมรู้จัก ไข้เลือดออก ดีขึ้น มากขึ้น หมอโสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปี 2558 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 142,925 คน เสียชีวิต 141 ราย...

ปี 2559 ตั้งแต่ 1-11 ม.ค. พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ 583 คน จังหวัดที่มีรายงาน ผู้ป่วยต่อแสนประชากร สูง 5 อันดับแรก ได้แก่ นครปฐม, ภูเก็ต, พิจิตร, ศรีสะเกษ และสงขลา ทั้งที่ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวไม่ใช่ฤดูฝนฤดูการระบาด...

ส่อเค้าครรภ์เป็นพิษ ตายทั้งกลม ตั้งแต่ยังไม่ทันคลอด สำหรับ รัฐธรรมนูญ ฉบับมีชัย 3 ช่า คนยี้ คนวิจารณ์ ยิ่งกว่าฉบับบวรศักดิ์ ณ ปื๊ดปรื้อปื๊ด ไม่ต้องเป็นโหร ไม่ต้องนั่งทางในก็รู้ได้ถึงอนาคต ขณะที่วงการได้-เสีย ต่อทุกราคา ไม่ผ่านประชามติ...

ตลอดการทำรัฐธรรมนูญ คนร่าง ได้สื่อสารทางเดียว ทุ่มทุนโฆษณา อวดอ้างขายของตามใจต้องการ เมื่อสินค้าไม่ถูกใจผู้บริโภค อย่างนี้จะโทษคนทำ ? หรือคนใช้ ?? ถ้าอยากให้สินค้าถูกใจคนใช้ ต้องกล้าเปิดพื้นที่ ตั้งเวทีสาธารณะ ให้ผู้คนสังคมได้นำเสนออย่างหลากหลาย แลกเปลี่ยนอย่างรอบด้าน แล้วนำ ความต้องการ ของคนใช้ไปจัดทำ ก็จะได้ รัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ปูนนี้กันแล้ว ไม่น่าจะเข้าใจยาก...

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1453274809


‘ศาลยุติธรรม’แถลงขออภัย คลิปผู้พิพากษาหญิงอาละวาด เผยเป็นคนอารมณ์แปรปรวน


วันที่: 21 ม.ค. 59 เวลา: 13:24 น.



โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม เผย ตั้งคณะกรรมการสอบ ผู้พิพากษา อาละวาด ที่กรมการขนส่งทางบก ยอมรับมีประวัติป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เรียกกลับมาประจำสำนักงานศาลยุติธรรม
นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ยอมรับว่าผู้หญิงที่ปรากฎในคลิปวิดีโออ้างเป็นผู้พิพากษา เข้าไปติดต่อราชการ ที่กรมการขนส่งทางบก และด่าทอเจ้าหน้าที่ หลังพบว่ารถยนต์ของตัวเองที่จอดไว้หน้าอาคารถูกใบสั่ง พร้อมแสดงบัตรประชาชนแล้วตะโกนลั่นว่า “มึงสังวรไว้นะว่ากูหนะเป็นนายของมึง” ก่อนที่จะขับรถออกไป ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกส่งต่ออย่างแพร่หลาย และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม นั้น คือ นางสาวชิดชนก แผ่นสุวรรณ ผู้พิพากษาประจำสำนักงานศาลยุติธรรม ช่วยทำงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งมีประวัติป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ และต้องทานยารักษาตลอดเวลา โดยมีอาการดังกล่าวมาประมาณ 2 ปี แล้ว และทราบว่าก่อนเกิดเหตุนางสาวชิดชนกไม่ได้ทานยา อาการป่วยจึงกำเริบ ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ได้
ซึ่งประธานศาลฎีกา ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมมีคำสั่งให้กลับมาปฎิบัติหน้าที่ที่สำนักงานศาลยุติธรรม ระหว่างรอผลการสอบสวน หากพบว่าบกพร่องต่อหน้าที่ จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ หรือหย่อนความสามารถในการทำงาน มีโทษสูงสุด คือให้ออกจากราชการ แต่มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญ
โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ยังยอมรับว่านางสาวชิดชนก ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษามากว่า 10 ปีแล้ว และเคยถูกดำเนินคดี ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน กรณีจอดรถกีดขวางการจราจร บริเวณถนนพหลโยธิน หน้าศาลอาญา เมื่อ ปี 2555 ถูกศาลพิพากษาปรับ 1 พันบาท และยังถูกดำเนินคดีฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานและทำให้เสียทรัพย์ กรณีปาข้าวกล่องใส่รถ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อปี 2556 และศาลพิพากษา จำคุก 2 เดือน ปรับ 2 พันบาท แต่รับสารภาพมีเหตุลดโทษ โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และจากกรณีดังกล่าว สำนักงานศาลยุติธรรม ได้มีคำสั่งให้นางสาวชิดชนก ไปช่วยทำงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยทำงานด้านเอกสาร ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาคดี
โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีผู้พิพากษา เข้าข่ายหย่อนความสามารถในการทำงาน อาทิ เจ็บป่วย เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบตัน มะเร็ง รวมถึงอาการทางจิต เช่นเดียวกับนางสาวชิดชนก หลายคน ซึ่งถูกย้ายให้ไปทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความ และให้ออกจากราชการ ซึ่งถูกลงโทษแตกต่างกันออกไป

http://www.matichon.co.th/news/8399






ตร.ทางหลวง ซิ่งเก๋งพุ่งชนกำแพงศาลพระกาฬดับสยอง!!
พบรอยเบรกเป็นทางยาว


เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 27 ม.ค. 59 ร.ต.ท.ภิญโญ มีเปี่ยม ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ลพบุรีว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนวงเวียนศาลพระกาฬ มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงได้เดินทางไปเพื่อตรวจสอบ พร้อมด้วยอาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้งจุดลพบุรี พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กค-2714 เพชรบูรณ์ ชนกับกำแพงปูนหลังศาลพระกาฬอย่างรุนแรง ด้านหน้ารถยนต์เก๋งพังยับ มีผู้ที่เสียชีวิตติดคาซากรถ 1 ราย



จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุของร้อยเวรสอบสวน พบร่องรอยเบรกของรถคันที่เกิดเหตุยาวกว่า 10 เมตร ก่อนที่จะพุ่งชนกำแพงรั้วศาลพระกาฬ ซึ่งจากการตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เสียชีวิต ทราบชื่อ คือ ดาบตำรวจสามารถ จันชมภู อายุ 46 ปี อยู่ ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง ลพบุรี เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง อยู่ในสภาพหน้าอกมีร่องรอยถูกกระแทกจากพวงมาลัยรถอย่างรุนแรง เลือดไหลทะลักออกจากปากและจมูกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ



เบื้องต้นคาดว่าดาบตำรวจสามารถ ขับรถมาคนเดียว เพื่อที่จะกลับบ้านที่ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งถนนในเส้นทางตรงติดกับกำแพงศาลพระกาฬ ประกอบกับขับรถมาด้วยความเร็วสูง จากการที่มีร่องรอยการเบรกกว่า 10 เมตร ก่อนพุ่งชนกำแพงศาลพระกาฬอย่างจัง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตดังกล่าว โดยผู้ที่เสียชีวิตไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย ส่งผลให้เกิดการกระแทกรุนแรงจนเสียชีวิตดังกล่าว



http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1453865745






ข่าวข้นคนเข้ม

สันตะวา

โผล่มาพร้อม "ลูกเทพ" นั่นคือ "สุเทพ" คนจมูกไว




หนังสือพิมพ์ ข่าวสด สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย เป็นของปวงชนชาวไทยทุกคน ฉบับนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พุทธศักราช 2559 แรม 5 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะแม...

ประเทศไทยค่อยๆ กลับคืนสู่ สภาวะอากาศปกติ หลังจากได้สัมผัส อุณหภูมิยุโรป อยู่ 3-4 วัน วันชัย ศักดิ์อุดมชัย อธิบดีกรมอุตุฯ พยากรณ์ให้ตื่นเต้น ต้นก.พ.นี้ มวลอากาศเย็น จะแผ่ปกคลุมประเทศไทยอีกระลอก เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งเก็บชุดกันหนาว...

ปรากฏการณ์ ลูกเทพ ปอกเปลือกสังคมไทยอีกวาระ หมอเจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต ช่วยอธิบายเข้าใจง่ายๆ ขาด-ต้องการที่พึ่งทางใจ หากอีกไม่ช้าไม่นาน ลูกเทพ คลายความฮิต สิ้นมนต์ขลัง ก็จะตอกย้ำอีกเรื่อง คนไทยเบื่อง่ายหน่ายเร็ว เหมือนกับที่ ทามาก็อตจิ-ตุ๊กตาบาร์บี้-เจ้าเฟอร์บี้ เคยชอกช้ำระกำใจมาแล้ว...

โผล่มาพร้อมๆ ลูกเทพ นั่นคือ สุเทพ ระยะนี้ขยับขับเคลื่อนถี่ๆ มีอีเวนต์ไม่เว้นวัน ท่ามกลางบรรยากาศการบ้าน-การเมือง รธน.ร่างแรกใกล้เสร็จ-ประชาธิปัตย์ใกล้แตก คนจมูกไวมักได้กลิ่นก่อนใครๆ เหมือนก่อน ปฏิวัติ 22 พ.ค.2557 คนจำนวนหนึ่งตีรวน โห่ฮา ปาแฟ้ม ทุ่มเก้าอี้ในสภา สร้างสถานการณ์เพื่อออกมาป่วนนอกสภา หลังจาก ลูกพี่ ได้กลิ่นอำนาจพิเศษ สุดท้าย อำนาจพิเศษ ก็ออกมาจริงๆ...

สถานการณ์ยามนี้ เด็กอุ้มลูกเทพยังรู้ สุเทพ อยู่ข้างไหน? ใกล้ชิดใคร?? การขยับขับเคลื่อนถี่ๆ มีอีเวนต์ไม่เว้นวัน มันบ่งบอกถึงความไวของจมูก ได้กลิ่นอะไรมา กลิ่นมีชัย 3 ช่า ถ้ารธน.ไม่ผ่านประชามติ จะใช้รธน.ชั่วคราวปี 2557 หรือ กลิ่นพรรคใหม่ ถ้าเปลี่ยน หัวปชป.ไม่ได้ พรรคใหม่สาขานกหวีดจำเป็นต้องเกิด หรือ กลิ่นเลือกตั้ง ตามคำ บิ๊กตู่ ยืนยันรอบที่ร้อยได้เลือกตั้งแน่กลางปี 2560 ระดับ สุเทพ ไม่ได้กลิ่น ไม่ขยับให้เสียแรง...

แค่ สุเทพ ขยับ อดีตส.ส.ปชป.หางเครื่องนกหวีด รีบกระโดดเชียร์รธน.ใหม่อย่างไม่ขวยเขิน ทั้งๆ ที่แกนนำปชป.ยังรุมถล่ม ปู่มีชัย กับกรธ. ต่อเนื่อง ก่อนจะถึงวันทำประชามติ กรธ. ได้พีอาร์ประชาสัมพันธ์มาช่วยฟรีๆ อีกทีม ขณะเดียวกันเหลียวมองไปยัง พรรคเก่าแก่ หนักใจแทน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะยึดเก้าอี้หัวหน้าได้นานแค่ไหน ตุ๊กตามาร์ค ตัวนี้ เทพทิ้งไม่อุ้มสมซะแล้ว แต่ก็อีกแหละ ตราบใดที่ นายหัวชวน ยังเป็นหลักในปชป.ก็ยังรักษาพรรคไม่ให้รวนเรแตกแถวได้...

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1453917013
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้