ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว ~

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
เรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่ง  เหตุเกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ทำมาหากินตามฤดูกาล
ใครใคร่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ใครใคร่ปลูกพืชปลูก ที่ราบเชิงเขาคุณลุง
อายุวัยทองมาปลูกกระท่อมและทำไร่ฟักทองอยู่หลายไร่ กำลัง
แตกดอกออกผลเป็นที่ชื่นใจแก่คุณผู้เป็นเจ้าของยิ่งนัก นับแต่คุณ
ป้าที่เป็นภรรยาคู่ชีวิตกันมานานได้จากไปหลายปี ลุงแกเหงาไม่น้อย
ตอนสายวันเสาร์ก็เข้าหาของป่ากลับมาตอนสายๆ กลับมาถึงไร่ลุงแกหน้า
ซีดและตกใจอย่างแรง ที่ไร่ฟักทองวัวกำลังเคี้ยวเถาฟักทองแกอย่างออกรส
เหลือบไปเห็นเด็กสาวคราวหลานวิ่งกระหืดกระหอบต้อนวัวออกจากไร่ของลุง
ปากก็กล่าวขอโทษคุณเป็นการใหญ่ คุณลุงอารมณ์เสียตอนแรกแต่เมื่อได้
คุยกับเด็กสาวเจ้าของฝูงวัวแล้วกลับอารมณ์ดีขึ้น แต่ยังไม่วายบอกกับเด็กสาว
ว่าเธอมีความผิดแล้วเรื่องนี้จะต้องถึงผู้ใหญ่บ้าน แต่ถ้าไม่ให้เกิดโทษเธอต้อง
ให้ลุงปี้หนึ่งที เด็กสาวกลัวความนี้จะถึงพ่อแม่กลัวความผิด ก็ต้องยอมคุณเค้า
เหตการณืผ่านไปด้วยดี ตอนบ่ายๆเด็กสาวต้อนวัวมาหาคุณลุงอีก วัน เดือนผ่านไป
แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำๆเรืองเดิมๆแต่ต่างเวลาตัวละครเดิม จนสุดท้ายคุณลุงก็ถึงแก่
อสัญญกรรมที่ทรวงอกของเด็กสาวคนนั้นนั่นเอง

22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
ต้องขอประทานอภัยด้วยครับช่วงนี้เดินไปประชุมบ่อย
แต่ไม่ใช่เหตุผลหลักอันใดดอกครับแค่โอกาสดีๆเท่านั้นเองครับ
เรื่องธงพลิกชะตามี่เรื่องเล่ามากมายก่อนที่ผมจะไปหาหลวงพ่อ
ปรกติเราจะพบเห็นกระทงสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาในบางท้องถิ่น
จะมีธงปักอยู่สี่มุมขนาดพอเหมาะกับกระทงซึ่งมีขนาดเล็กๆครับ
แต่ธงที่ใช้ต่อชะตาผืนจะยาวเท่ากับครึ่งหนึ่งของอายุผู้ต่อชะตาเช่น
มีอายุ 30ปีความยาวของธงก็เท่ากับ 15 เมตรครับซึงตัดเย็บเป็นธง
สามเหลี่ยม สีสันแล้วแต่ผู้ตัดเย็บส่วนรูปที่วาดบนผืนธงจะเป็นสัญลักษณ์
ปีนักบัตรที่เราจะย้ายดวงมาเช่นปีขาลไม่ดีอาจย้ายมาปีมะโรงก็จะวาดเป็น
รูปงูใหญ๋ มังกร หรือพญานาคแล้วความสามารถของคนวาดครับและอาจมี
รูปอื่นอีกแล้วแต่หลวงพ่อท่านพิจารณา ก่อนขึ้นธงต้องมาตรวจชะตากับ
หลวงพ่อก่อน ถ้าเราขาดอะไรท่านจะเสริมให้ แต่ต้องย้ายวันเดือนปีเกิด
ไปเกิดในวันที่ดีที่หลวงคำนวณให้เช่นเกิด ปีขาล เสาร์ เดือนอ้าย ดูแล้วขาด
อำนาจท่านก็ให้ย้ายมาเกิดเดือน ยี่ วันอังคาร ปีมะโรงเป็นต้น จากนั้นคำนวณ
อายุ ความยาวของธง ตลอดทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆค่าครูหนึ่งพันบาท ค่าผ้า ค่าสี
ค่าแรงรวมๆประมาณสามถึงสี่พันบาทครับถือว่าแรงเอาการเหมือนกันแต่ต้อง
ลองครับ  ธงผืนยาวเหยียดต้องมีเสาธงที่ดีครับหากคนอายุ 50-60 คงยาว
สุดๆหลวงพ่อท่านใช้เสาวิทยุทำเสาธงครับมีลูกศิษย์ที่ทำงานการไฟฟ้ามาทำ
ถวายเนื่องจากจะถูกย้ายยกทีมเลยมาขอให้หลวงพ่อช่วย ผลทุกคนไม่ถูกย้าย
จากการขึ้นธงต่อชะตานี่แหละครับ  ตอนหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่หากมองจาก
ถนนใหญ่จะเห็นธงหลากสีปลิวสะบัดอยู่ไกลๆครับ

23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
เสาวิทยุที่ใช้ขึ้นธงมีอยู่ประมาณสองเสาแต่ละเสาจะขึ้นธงได้
จำกัดเวลาขึ้นธงแต่ละคนจะทิ้งนานมากน้อยขึ้นอยู่กับหลวงพ่อเป็นผู้
กำหนด เมื่อครบกำหนดเอาธงลงแล้วจะนัดรายต่อไปมาขึ้นธงครับต้อง
รอครับ สามารถขึ้นเป็นคู่ได้เช่นคู่สามีภรรยาหรือคู่รักก็มาขึ้นธงพร้อมกัน
ใช้ธงผืนเดียวกันได้ แต่ให้ใช้ความยาวของผู้มีอายุมากกว่าครับรูปนักษัตร
หรือราศรีปีเกิดก็วาดรวมผืนเดียวกันได้ครับ ใครมาไม่ได้ก็เอาเสื้อกับกางเกง
มาท่านจะใช้มะพร้าวแทนหัว กล้วยแทนมือและเท้าถือว่ามาแล้วใช้ได้ครับ
มาถึงหลวงพ่อท่านให้นอนลงคนเดียวหรือสองคนแล้วแต่เอาธงมาคลุมตลอด
หัวจดเท้าให้ภาวนา"มรณังทุกขังๆ"ไปเรื่อยๆส่วนท่านก็ว่าคาถาของท่านไป
จากนั้นนอนกลับทิศทางเดิมธงคลุมเหมือนเดิมหลวงพ่อให้ภาวนา"ชาติปิสุขังๆ"
หลวงพ่อก็ว่าคาถาของท่านเสร็จจากนั้นก็นำธงไปผูกกับเชือกเราเป็นผู้ดึงขึ้น
ตั้งจิตอธิษบานให้มั่นในสิ่งดีๆหลวงพ่อท่านให้พระลูกวัดสวดชยันโตขณะที่ชักธง
สู่ยอดเสาครับ จากนั้นพระลูกวัดเป็นผู้พาจุดธูปอธิษบานต่อป๊นักษัตรที่เราย้าย
มา จากนั้นปิดทองรูปปั้นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ปีนักษัตรต่าง ตามอวัยวะต่างๆ
พระท่านจะแนะนำ เป็นจุดๆจนครบทุกชนิดสัตว์และเทพเจ้าต่างๆที่ตั้งโดยรอบศาลา
ที่หลวงพ่อท่านใช้ตอนรับแขกสมัยนั้นถ้าเราไปวัดจะสังเกตุว่าศาลาหลังดังกล่าวตั้ง
อยู่มุมท้ายสุดของวัดครับ ถือว่าเสร็จพิธีธงของเราที่อยู่บนยอดเสาจะปลิวไสวอยู่
ประมาณสองสัปดาห์ตามแต่หลวงพ่อกำหนดครับ...มีผู้มาขึ้นธงกับหลวงพ่อมากมาย
ไม่เว้นแม้แต่พระเกจิที่มีชื่อบางองค์ท่านต้องมาพึ่งวิชาของหลวงพ่อด้วยเรียกว่าผงเข้า
ตาต้องอาศัยคนอื่นช่วยจะหายเร็วและตรงประเด็น..หลวงพ่อท่านนั้นปัจจุบันก็มีความสุขดี
เป็นที่พึ่งของญาติโยมมากมาย....เรื่องของโรคทางกายคนไข้ต้องกินยาให้ถูกโรคจึงจะหาย
แต่โรคทางใจต้องให้จิตแพทย์รักษาดังนั้นที่เหนือประตูหน้าห้องนอนหลวงพ่อท่านให้ผมเขียน
คำว่า"0ห้องพักจิตแพทย์0"เขียนเลข0ไว้หน้าหลัง คนเกิดมาก็ไม่มีอะไรมาตายไปก็ไม่มีอะไร
ไปเช่นกัน ต้องใช้ธรรมะรักษาโรคทางจิตจึงจะหายจากการยึดว่าเราว่าของเรา ไม่เว้นแม้แต่
นกเขายังร้อง"ของกูๆ"หลวงพ่อท่านสอนลูกศิษย์และญาติโยมผู้ไปหาท่านเสมอมีภาพประกอบ
การบรรยายโดยใช้วีดีโอบรรยายการอย่างไรในแง่วิทยาศาสตร์ วีดีโอการผ่าศพ ภาพประกวด
นางสาวไทยที่สวมชุดว่ายน้ำ แต่ใบหน้าติดรูปหัวกระโหลกให้พิจารณาเห็นความจริงเห็นแล้วปลง
ครับหลวงพ่อท่านเน้นให้พิจารณาร่างกาย ไม่หลงในกามรมณ์ต่างๆ ลูกศิษย์จะเข้าใจมากน้อย
ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละท่านแล้ว....ขอกราบหลวงพ่อด้วยวาจาใจ ขาดตกบกพร่องประการใด
ขอเชิญท่านผู้รู้หรือศิษย์ท่านอื่นเพิ่มเติมแก้ไขได้ตามเห็นสมควรครับ

24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ได้มานานแล้ว




















ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จากแผ่นพับปฏิณกะธรรมะจากหลวงพ่อครับ
























อ่านแล้วตาลายก็ขออภัยมา ณโอกาสนี้ด้วยครับ
ใจจริงอยากจะรอให้สถิติคนเข้าชมถึงสองพันครั้ง
ก่อนค่อยนำเสนออะไรเพิ่มเติม..แต่รอแล้วคงนาน




ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
"เมื่อฉันละโลกไป  จงกรวดน้ำให้ฉันบ้าง"
คำๆนี้...ประทับในใจผมตลอดครับ

27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Sarayut
มีอะไรจะจะบันทึกบอกกล่าวเล่าสิบอีกไหม หนอ

เช่นเรื่องพระเครื่องของท่านหนึ่งองค์คุ้มได้กี่คน?

sritoy
ได้ครับอาจารย์เรื่องอานุภาพของวัตถุมงคล
ของหลวงพ่อท่านภูมิใจนำเสนออยู่เสมอเกือบ
ทุกครั้งที่ไป เวลาท่านคุยกับญาติโยมแต่ละครั้ง
อุปกรณ์ประกอบการนำเสนอคือ แท่งแม่เหล็ก๑
กระดาษแผ่นพับข้างต้น๑ และวัตถุมงคลท่านที่
วางอยู่ใกล้ตัวหลวงพ่อ๑ บางครั้งท่านหักให้ดูว่า
เนื้อพระเป็นอย่างไร หักแล้วส่วนใหญ่เป็นสีดำครับ
และเป็นพระพิมพ์สี่เหลี่ยม ตอนนั้นมีเป็นปิ๊บๆครับมี
มากมายแต่กระผมไม่กล้าหยิบโดยพลาการต้องรับ
กับมือหลวงพ่อเท่านั้นจึงจะนำติดตัวออกจากวัดครับ....

พระขนาดเล็กจะคุ้มครองได้ ๗ คนโดยเอา
แผ่นพับหรือกระดาษ ๗ ชั้นคั่นระหว่างพระกับแท่ง
แม่เหล็ก พระจะโดนแรงดูดจากแม่เหล็กและหนีบ
เอาแผ่นกระดาษทั้ง ๗ แผ่นขึ้นมาด้วยพระขนาดกลาง
จะคุ้มครองคนที่ในบริเวณใกล้เคียงได้ ๑๔ คน ท่านจะ
ทดลองให้ดูเหมือนเดิม และพระขนาดใหญ่จะคุ้มครอง
ผู้คนในบริเวณนั้นๆได้ ๒๑ คน แม่เหล็กก็จะดูดพระ
โดยมีกระดาษคั่นกลาง ๒๑ แผ่นครับ หลวงพ่อท่าน
จะรับแขกประจำที่ศาลาหลังเก่าที่มีรูปปั้นสัตว์ประจำปี
นักษัตรล้อมรอบ ท่านนั่งได้นานไม่ค่อยเห็นหลวงพ่อจะลุก
ไปไหนเลยท่านคงเพลิน แต่เมื่อศาลารับแขกหลังปัจจุบัน
ที่สร้างพ่ออยู่ได้หลวงพ่อท่านก็มาอยู่ที่ศาลาหลังนี้การรับนั่ง
รับแขกที่เคยปฏิบัติเหมือนเก่าลดลง  ท่านมาเร่งก่อสร้างมากขึ้น
ท่านคุมการก่อสร้างเอง ตกเย็นจ่ายค่ากับพระ เณร และโยมที่มา
ช่วยงานทุกวัน ผมยังได้กับหมู่คณะด้วย ครั้นจะส่งคืนท่าน ท่าน
บอกว่าถ้าไม่รับ คราวหน้าไม่ต้องมาวัดอีกนะต้องยอมครับ ...
    ความเมตตาหลวงพ่อผมสัมผัสได้แบบนี้แหล่ะครับ แต่หากใคร
ไม่เชื่อฟังหลวงพ่อยังรั้นแบบไม่มีเหตุผล ก็มีโดนให้ออกจากวัดทั้งๆที่อยู่
ในช่วงกลางเข้าพรรษานั้นแหล่ะครับ...อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ต้องเรียบร้อย
มีสติ หูไว ตาไว ช่วยการงานให้เต็มความสามารถ เชื่อฟังโดยใจเคารพ  
อย่าอวดฉลาดแบบโง่ๆ  ก็ถือว่าเป็นศิษย์ที่ดีแล้วครับ..ตอนนี้ถึงเวลายุติแล้วครับ

28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:34 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
ไปพบที่สกลนครช่วงสงกรานต์








ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
29#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Orisis
คิดถึงหลวงพ่อจังครับ ตอนนี้เหลือดาวกับพระสูตรองค์เล็ก ไว้ติดตัว ที่เคยมีแจกให้กับคนมีวาสนาต่อหลวงพ่อเกลี้ยงเลย
ทุกวันนี้ฝันถึงหลวงพ่อ ก่อนถึงวันครบรอบวันมรณภาพของท่าน เหมือนท่านมาเตือนทุกปีเลย  เหมือนท่านคอยดูแลคุ้มครองเราตลอด ก็เลยทำบุญถวายท่านตลอด แฮะๆ

ปล.ดาวของพี่จ๊อ ก็สวยดีนะครับ ฮิๆ  พี่ต้อย มาเล่านะอีกครับ รออ่านอยู่นะ

sritoy
ของที่ระลึกที่ได้รับจากมือหลวงพ่อเกือบ
ทุกชิ้นจะต้องเลี่ยมไมครอนให้สวยงามก่อนเสมอ

30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 10:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
จ๊อ
หมอต้อย ค่ะไม่เล่าเรื่อง"ลูกอมเรามาเป็นแฟนกัน" หน่อยเหรอ ค่ะ อิอิ

sritoy
กราบขออนุญาตหลวงพ่อครับ เรื่องนี้อาจจะเคยเล่าไปแล้วครับแต่ไม่เป็นไรเล่าแล้วก็อีกครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฟังต่อมาอีกทีหนึ่ง จากปากของหลวงพ่อที่ทำหน้าที่มาดูแลวัดช่วงระยะเวลาหนึ่ง  เกียวกับลูกอมน้ำตาเทียนของหลวงพ่อที่จัดทำขึ้นตามห้วงแห่งเวลาเรื่องมีอยู่ว่าญาติของหลวงพ่อผินะเดินทางมาเยี่ยมหลวงพ่อที่วัดก่อนกลับหลวงพ่อท่านให้ของที่ระลึกเป็นลูกอมน้ำตาเทียนปรกติท่านต้องแสดงอะไรบางอย่างให้เสริมศรัทธาสักเล็กน้อยครั้งนั้นก็เหมือนกัน ท่านก็แก้วที่น้ำเกือบเต็มแก้วหย่อนลูกอมลงไปนอนแน่นิ่งที่ก้นแก้วของที่ผ่านการอธิษฐานจิตจากหลวงพ่อจะพลังบางอย่างสามารถใช้แม่เหล็กดูดติดได้ไม่เว้นแม้แต่ลูกอมน้ำตาเทียนที่ประกอบด้วยขี้ผึ้งไม่น่าจะใช้แม่เหล็กดูดติดได้ หลวงพ่อก็หยิบแม่เหล็กที่ท่านห้อยติดตัวมาวางที่ผิวน้ำแล้วลูกอมน้ำตาเทียนก็ลอยตัวขึ้นมาติดกับแผ่นแม่เหล็กอย่างอัศจรรย์ ส่งมอบลูกอมแก่ญาติของท่านกลับบ้านด้วยความภูมิใจ มาถึงบ้านก็เล่าถึงความมหัศจรรย์ของลูกอมน้ำตาเทียนที่พึ่งรับมาจากหลวงพ่อ บางคนก็พลอยยินดีด้วย แต่บางท่านก็มีความเห็นคัดค้านไม่เชื่อมีญาติคนหนึ่งที่เป็นหญิงผู้ผ่านโลกมาพอควรจึงกล่าวปรามาสว่าหากของหลวงแน่จริงเอ็งลองขอให้ฉันเป็นเมียแกได้ไหมถ้าย้อนภาพไปแกอาจจะยืนเท้าสะเอวพูดด้วย ชายคนนั้นไม่รอช้าลองดูไม่เสียหลายคว้าลูกอมมาอาราธนาอธิษฐานว่าขอให้ผู้หญิงที่ชื่อ...มาเป็นเมียลูกด้วยเถิด เหตุการณ์ล่วงไปไม่กี่วัน คู่กรณีทั้งสองคนก็กลายมาเป็นแฟนกันแบบค้านสายตาประชาชีเป็นที่สุด ไม่เชื่ออย่าลบหลู่มิฉะนั้นอาจเป็นเช่นดังการณ์ข้างต้นนะครับ
    เรื่องราวของลูกอมน้ำตาเทียนนี่แหละนำพาให้ผมติดตามหาลูกอมน้ำตาเทียนนางมัทรีของหลวงปู่ชืนครับ ทำให้รู้จักหลวงปู่ชื่น อาจารย์สรายุทธ คุณจ๊อนางฟ้าใจดี และคณะศิษย์ของหลวงปู่จนถึงปัจจุบันครับ

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้