ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ หลวงพ่อผินะ ปิยธโร วัดสนมลาว ~

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วัตถุมงคลอีกอย่างของท่านก็คือ คุณพ่อปลัด จริงๆ แล้วท่านทำไว้หลายแบบมาก มีทั้งใหญ่และเล็ก แต่ที่เป็นที่นิยมได้แก่ปลัดที่แกะเป็นหัวคล้ายๆ สัตว์โดยให้คนที่แกะมีสี่คน ปลัดของท่านจึงมีสี่แบบ คือ หัวชะมด หัวสิงค์ หัวหนู หัวนาค บางครั้งหลวงพ่อท่านก็เรียกว่า พระอินทร์ โดยมีลิ้นแบบทองแดง ทองเหลือง เงิน ทองคำ ปลัดของท่านเป็นปลัดที่แพงที่สุดในโลกเพราะตอนที่ออกจากวัดในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ก็ให้เฉพาะผู้ที่ร่วมทำบุญ 15,000 บาท และที่สำคัญก็ยังต้องรอกันเป็นปีถึงจะได้ตอนนี้ที่ทราบก็คือ ที่เป็นองค์ครูยาวขนาดศอกที่ใช้บูชาที่บ้านมีคนตั้งราคาไว้ 300,000 (สามแสนบาท) ปลัดของท่านนั้นสามารถอธิษฐานส่งจิตให้เกอดความเมตตามหาเสน่ห์ไปเข้าฝันคนที่เราต้องการได้ สามารถบนบอกเรื่องราวต่างๆ ให้สัมฤทธิ์ผลได้จริงๆ ปลัดของท่านมีแบบรูเดียวและสองรู ถ้าแบบสองรูนั้นก็ให้ใส่ดวงปิดทองคำเปลว ก็จะสามารถใช้ได้ดังใจนึกปลัดของท่านมักจะมีขนาดใหญ่ค่อนข้างมากยาวร่วมคืบ บางทีใส่ในกระเป๋ากางเกงยังไม่ได้เลย ต้องใส่กระเป๋าเอกสารแทน ส่วนอีกแบบจะเป็นแบบหัวคนหรือหัวหอม ราคาจะถูกลงมามาก

เครื่องรางอีกอย่างที่มีคนต้องการมากเช่นกัน แล้วก็หายากกว่าดาวอีกได้แก่ กะลาตาเดียวและกะลาไม่มีตานำมาแกะเป็นรูปพระราหูด้านหน้าส่วนด้านหลังก็แกะเป็นองค์กำเนิดของมนุษย์ หลายคนจึงเรียกว่า พระราหูองค์กำเนิด ราหูของท่านนั้นดีทางเมตตา กันคุณไสย์ โชคลาภ พวกที่เดินทางไปทำมาหากินที่ต่างแดนนิยมมาก บางคนส่งเงินมาจากญี่ปุ่นเพื่อขอบูชาพระราหูโดยเฉพาะ หลายคนเดินทางไปคาสิโนก็ได้กลับมากันเยอะ เพราะพระราหูท่านอยู่ด้านมืด จริงๆ แล้วพระราหูนั้นจะมีน้อยกว่า คุณพ่อปลัด ด้วยซ้ำ ราคาตอนนี้ก็เริ่มขยับมาเรื่อยๆ อีกหน่อยราคาจะแซงของวัดศรีษะทอง เพราะของมีน้อยชิ้น และประสบการณ์ดีจริงๆ เห็นผลทันใจ พระราหูนั้น ครูบาอาจารย์ท่านเอาไว้กลับดวงจากร้ายกลายเป็นดี ราหูยุคแรกๆ ของท่านจะเคี่ยวในน้ำมันอาถรรพ์ ยุคหลังไม่ทันได้เคี่ยวด้วยน้ำมันก็มีเช่นกัน และมีทั้งแบบแกะเป็นรูปและไม่ได้แกะก็มี ต้องระวังของปลอมนะจะบอกให้ แต่ถ้าทำจากงาช้างและแกะเป็นราหู ตอนนี้ราคา 200,000 (สองแสนบาท) ราคาเหล่านี้เป็นราคาจริงที่มีคนกล้าเปลี่ยนมือกัน เพราะมีความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังของหลวงพ่อ

นอกจากนี้ก็ยังมี เครื่องรางที่ทำเป็นรูปดวงตา จริงๆ แล้วหลวงพ่อท่านสร้างมาในยุคต้นๆ พร้อมกับดาวอาถรรพ์ เนื่องจากเป็นสื่อความหมายของการมีดวงตาเห็นธรรม อันหมายถึงปัญญาสูงสุด แต่สิ่งซึ่งหลวงพ่อท่านได้นำมาผสมได้แก่ข้าวสารหินและข้าวสารดำ ท่านเคยกล่าวว่าท่านได้พบข้าววิเศษที่ผู้วิเศษแต่โบราณได้เสกไว้จนกลายเป็นหินหนักสามตันครึ่ง ท่านจึงนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างเป็นดวงตาและพระอื่นๆ ขึ้นมา สำหรับดวงตานี้ท่านได้บอกกับคนใกล้ชิดว่ามีตาทำให้เกิดเมตตาเอ็นดู และเม็ดตาทำให้เกิดปัญญาคล่องในการเรียนเขียนอ่าน ดวงตานี้หลวงพ่อท่านให้ใช้คู่กับพระหรือเครื่องรางแบบอื่นด้วยยิ่งดี ดวงตาจะมีสีออกดำหรือสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งสีดำจะแก่สมุนไพรว่านยาไม้มงคลและข้าวสารดำเป็นส่วนใหญ่ สีเหลืองจะเป็นข้าวสารหินแลไม้มงคล บางครั้งดวงตาก็จะติดเพชร หรืองบางทีไม่ติดก็มี แต่ที่แน่ๆ แม่เหล็กต้องดูดติด เพราะท่านได้สูตรการสร้างแบบเดียวกับที่น้ำพี้และได้เหล็กน้ำพี้ผสมเป็นเนื้อเอก บางคนลูกเรียนหนังสือไม่เก่งก็ลองให้แขวนดวงตาดูสักพัก เพราะท่านบอกเรื่องนี้ไว้ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เกิดปัญญาคล่องการเรียนเขียนอ่าน ดวงตานี้ดูเหมือนว่าหลวงพ่อท่านจะทำน้อยเช่นกัน จะมีสองขนาด แต่ถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่รู้ถ้าสังเกตก็จะเล็กใหญ่หว่ากันเล็กน้อยเท่านั้น ท่านมักจะพูดเสมอว่าสิ่งนี้ดีจริง หาสิ่งเปรียบปานได้ยากเพราะทำด้วยข้าวศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ข้าวคือตัวแทนของแม่พระโพสพ อันหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์อิ่มเอม ดังนั้นในพระอื่นหลวงพ่อจึงมีรูปแม่พระโพสพอยู่เสมอ

จริงๆ แล้ววัตถุมงคลของท่านมีมากเหมือนกันแต่คนไม่ค่อยรู้ เท่าที่ผู้เขียนทราบก็มี ดาวอาถรรพ์และดาวมหามงคล คุณพ่อปลัด พระราหู ลูกประคำ มีดหมอ ตะกรุด พระสูตร พระวินัย พระปรมัต สมเด็จปรกโพธิ์ พระสมเด็จใหญ่หลังพระสังกัจจายน์ สมเด็จเล็กหลังเจ้าแม่กวนอิม พระปางโปรดดาวดึงส์ พระปางธรรมจักร ลูกอมปฐวีธาตุ ลูกอมเนื้อผงอาถรรพ์ พระปางเปิดโลก พระพิมพ์ขี่เต่า-วัว (พระปลดหนี้) พระพิมพ์ขี่ไก่-พญานาค (พระแคล้วคลาด) พระพิมพ์ขี่รางสีห์-วัว (พระค้าขาย) สีผึ้งมหาเสน่ห์ พระพิมพ์ท่านเจริญธรรมด้านหลังท่านอาจารย์มั่น (อาจารย์ของหลวงพ่อผินะ) รูปถ่ายเก่า รูปพระปางชมพูบดีใส่กรอบโบราณ นอกจากนี้ยังมีพิมพ์อื่นๆ อีก
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เรื่องราวของอภินิหารและจิตตานุภาพของหลวงพ่อผินะนั้น เป็นเรื่องที่ผู้คนกล่าวขานกันมาตลอด แต่ด้วยหลวงพ่อท่านเป็นผู้ที่ปฏิเสธสื่อต่างๆ คือไม่ยึดติดอยู่กับชื่อเสียงสรรเสริญเยินยอ ท่านจึงไม่ค่อยให้เผยแพร่แต่ก็มีบางคนที่ได้พบเห็นเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติมากมายจากหลวงพ่อท่าน เช่น ท่านเคยเสกทรายเพื่อนำไปสะกดและขับไล่อาถรรพ์ในที่ของลูกศิษย์คนหนึ่ง โดยให้นำทรายมาใส่ในถังน้ำที่มีน้ำอยู่ แล้วท่านก็ใช้มือเปล่าจุ่มน้ำ แล้วใช้จิตดูดทรายเข้ามาที่ฝ่ามือทีละกำมือ เมื่อยกมือขึ้นพ้นน้ำปรากฏว่ามือท่านแห้งสนิท หลวงพ่อผินะท่านเสกทรายแบบนี้ทีละกำมือจนทรายหมดในถังน้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2542ได้รับการบอกเล่าจากลูกศิษย์สายตรงที่รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อ บางคนบอกว่าหลวงพ่อผินะนั้นมีพลังจิตที่พิเศษเข้มแข็งเหมือนกับ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จังหวัด ชัยนาท หรือบางคนก็ว่าเหมือนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องต่างๆที่ท่านได้ปลุกเสกนั้นล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก สามารถจะดลบันดาลให้เรื่องราวต่างๆประสบแต่เรื่องดีๆในชีวิต หลวงพ่อท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าพระเครื่องและเครื่องรางของท่านต่อไปจะหายากพลิกแผ่นดิน ให้เก็บรักษาให้ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นถือว่าเป็นตัวช่วยที่เห็นผลจริงในนาทีนี้ หากไม่ฝืนกฏแห่งกรรมแล้วไซร้ ความเข้มขลังย่อมส่งผลแน่นอน

เมื่อปีพ.ศ. 2536 หลวงพ่อผินะได้บอกคนใกล้ชิดหลายๆคนว่า ปีพ.ศ. 2540 เงินจะต่อเงิน แต่ให้ระวังความวุ่นวาย มีลูกศิษย์ของท่านบางคนหัวไวเลยซื้อเงินดอลล่าร์เก็บไว้เป็นจำนวนมาก พอปีพ.ศ.2540 ก็ได้มีการประกาศค่าเงินบาทลอยตัว จากราคาหนึ่งดอลล่าร์ยี่สิบสี่บาทกลายเป็นหนึ่งดอลล่าร์ห้าสิบบาท ปรากฏว่าลูกศิษย์คนนี้ได้กำไรมากพอที่จะนำเงินไปถวายท่านหนึ่งล้านบาทสดๆ เรื่องนี้ก็เป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ลูกศิษย์ท่าน กล่าวขานกันว่าท่านมีอนาคตังสญาณคือการล่วงรู้อนาคตอย่างแม่นยำ มีหูทิพย์ตาทิพย์สามารถพูดคุยสื่อสารกับเทวดาและจิตวิญญาณต่างๆได้ เช่น ท่านสามารถสื่อสารกับเทพองค์หนึ่งในโลกทิพย์ได้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อ และคอยบอกกล่าวแนะนำการปฏิบัติของท่านให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก เทพองค์นี้มีชื่อว่า ท่านเจริญธรรม

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้มีนักพัฒนาที่ดินที่ภูเก็ตท่านหนึ่งได้บูชาแม่เนื้อหอมและวัตถุมงคลอื่นๆไป เมื่อได้บูชาไปสามสัปดาห์ปรากฏว่านักธุรกิจท่านนี้ได้โทรมาเล่าขานประสบการณ์ให้ฟังว่า แม่เนื้อหอมนั้นดีมากรวมทั้งวัตถุมงคลอื่นๆก็เช่นกัน หลังจากได้ทำตามวิธีบูชาและสวดคาถาสมหวังแล้ว โครงการที่ติดขัดอยู่นั้นได้มีนายทุนอนุมัติเงินร่วมสามร้อยล้านบาททั้งๆที่ขอไปแค่สองร้อยล้านเท่านั้น ส่วนนายทุนอีกคนเสนอขอซื้อโครงการนี้เช่นกัน ส่วนนายทุนอีกคนก็มาขอร่วมลงทุนด้วย และยังมีคนอื่นๆเสนอเงื่อนไขดีๆมาให้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้จะพูดคุยกับใครก็ไม่มีคนสนใจหรือไปขอความช่วยเหลือกับใครก็มีแต่คนปฏิเสธ แต่เดี๋ยวนี้มีแต่คนดีๆเข้ามาช่วยเหลือทางธุรกิจสวนกระแสกับภาวะปัจจุบัน จริงๆแล้วยังมีตัวอย่างอื่นๆที่มีคนบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อผินะแล้วประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆมากมาย อย่างเรื่องการขายที่ดิน เมื่อเร็วๆนี้ก็มีคนขายที่ได้สิบกว่าล้านบาท หลังจากได้บูชาเครื่องรางและพระเครื่องของหลวงพ่อ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความรัก แคล้วคลาด คุ้มครองในทุกๆด้าน พระของหลวงพ่อล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ทั้งสิ้น จากนี้จะกล่าวถึงพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อตั้งชื่อตามหมวดของพระไตรปิฏก และเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา หลวงพ่อท่านได้นำมาใส่ในพระองค์เล็กๆได้อย่างเป็นปริศนาธรรมแฝงตัวไว้เช่นกัน

พระสูตร ลักษณะเป็นพระปางมหาจักรพรรดิ์ถือจักรแก้วที่พระอุระ พระปางนี้ก็คือปางเดียวกันกับปางปราบพระยาชมพูบดี โดยที่พระพุทธเจ้าเนรมิตตัวท่านเองเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ สื่อความหมายถึงความยิ่งใหญ่และความสำเร็จ ด้านล่างมีรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม อันหมายถึงการชนะอุปสรรคหมู่มารทั้งหลาย ส่วนอีกด้านเป็นรูปแม่พระโพสพ อันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกิน ส่วนด้านหลังเป็นรูปของพระสังกัจจายน์และมีหัวใจพระฉิมของพระสิวลี ด้านล่างเป็นเลขหนึ่งและสอง อันหมายถึงพระอาทิตย์และพระจันทร์ซึ่งเป็นตัวแทนของหยินกับหยางหรือกลางวันกลางคืน ส่วนเนื้อของพระจะมีสีดำเป็นเนื้อผงใบลานยุคแรกๆ ต่อมาจะเป็นเนื้อไม้มงคลผสมผงวิเศษผสมข้าวสารหินและที่สำคัญก็คือดินศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพี้ เนื้อพระจะออกเป็นสีน้ำตาลเป็นดินดิบ และที่สำคัญก็คือหลวงพ่อเคยพิสูจน์ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ทรายกรอกตาแล้วเม็ดทรายไม่เข้าตาเลยสักนิด การเอาทรายกรอกตานั้นท่านให้เอามือถ่างตาไว้เลยแล้วภาวนาคาถาของหลวงพ่อผินะเอง ส่วนทรายที่นำมากรอกตานั้นก็ใช้ระยะห่างไม่เกินคืบ พอปล่อยทรายมาปรากฏว่าฝุ่นทรายไม่เข้าตาแม้แต่เม็ดเดียว พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะท่านบอกว่าสามารถคุ้มครองคนใกล้ชิดได้เจ็ดคน โดยท่านลองให้คนนอนเรียงกันเจ็ดคน แต่มีเพียงคนเดียวที่มีพระพิมพ์พระสูตรนี้ แต่พอเอาทรายกรอกตาทั้งเจ็ดคนเม็ดทรายก็ไม่เข้าตาเลย หลวงพ่อยังเคยบอกว่าพระสูตรชื่อว่าราชาธิราช แคล้วคลาดจากภัยนาๆหากินคล่องเพราะมีหัวใจพระฉิม อยู่ในนั้นด้วย เป็นของที่คู่กับชายชาตรีโดยแท้ ไม่ควรยืมใช้กันเด็ดขาด พระพิมพ์นี้ยังคงไม่แพงนัก ยังคงพอหากันได้ไม่ยาก ที่วัดก็อาจพอมีอยู่เช่นกัน

พระปรมัตถ์หรือสมเด็จพระยาปารมัตถ์ พระพิมพ์นี้มีสองพิมพ์ พิมพ์ที่หนึ่งท่านทำเหมือนพิมพ์พระสูตร แต่ขนาดเล็กเท่าองคุลีสุดท้ายของข้อปลายนิ้วก้อย ด้านหน้าเหมือนพระสูตร แต่ด้านหลังเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑส่วนอีกแบบจะเป็นรูปพระสังกัจจายน์ มีสองเนื้อคือสีดำเนื้อผงใบลาน อีกเนื้อสีน้ำตาลเป็นเนื้อดิน ส่วนอีกพิมพ์เป็นพิมพ์ที่สององค์ใหญ่ เราเรียกว่า A – A ด้านหน้าเป็นรูปพระปางปราบท้าวชมพูบดีข้างๆเป็นตัวหนังสือ A – A ด้านหลังเป็นปางมารวิชัยข้างๆมีตัวหนังสือ A – A พระปรมัตนี้หลวงพ่อผินะท่านนำมาห่อกับผ้าเช็ดหน้าแล้วม้วน เอาไว้ตีไล่ไข้ไล่โรค ปัดโรคภัยต่างๆ รวมไปถึงไล่คุณไสยศาสตร์ ขับผีสิงกันผีพลายเสนียดจัญไรทั้งหลาย และยังมีทางเมตตาเป็นหลักอีกด้วย พระรุ่นนี้หลวงพ่อบอกว่าใช้ได้ทั้งชายและหญิง แต่ไม่ควรยืมกันใช้เช่นกัน
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระปางโปรดดาวดึงส์ เป็นช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เนื่องจากพอพระพุทธเจ้าประสูตรได้แค่เจ็ดวัน พระมารดาของท่านก็สวรรคต พระพุทธเจ้าเล็งเห็นว่าต้องตอบแทนบุญคุณของพระมารดา แต่ติดอยู่ที่ท่านขึ้นสวรรค์ไปแล้ว จึงต้องตามไปเทศน์โปรดบนสวรรค์อยู่สามเดือน ในระหว่างนั้นหมู่ชนทั้งหลายก็รู้สึกว่าขาดที่พึ่ง พระองค์จึงทรงอนุญาติให้ทำพระไม้แก่นจันทน์เป็นตัวแทนพระองค์ และได้อธิษฐานฉัพพรรณรังสีไว้เป็นพุทธนิมิตร หากใครมีข้อสงสัยเรื่องธรรมต่างๆก็สามารถถามจากพระไม้จันทน์นี้ได้ การไปโปรดพุทธมารดาคราวนั้นสามารถทำให้เหล่าเทวดาทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรมเป็นโกฏิ ได้สำเร็จพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์เป็นลำดับ ถือว่าเป็นการโปรดสัตว์และมีผู้สำเร็จมรรคผลมากที่สุดในพุทธกาล ส่วนครั้งที่สองที่มีผู้มีดวงตาเห็นธรรมสำเร็จมรรคผลเป็นจำนวนนับแสนคนก็คือตอนที่ปราบท้าวชมพูบดี ที่ท่านทรมานท้าวชมพูบดีโดยเนรมิตรพระองค์เองเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ พระพิมพ์นี้ด้านหน้าเป็นรูปพระสององค์ซ้อนกันอยู่ในท่านั่งสมาธิ แต่องค์เล็กทำเป็นรูปคล้ายพระสูตรคือเป็นทรงเครื่องถือจักรแก้วที่หน้าอก ส่วนด้านหลังเป็นพระยืนปางถวายเนตรอันหมายถึงพระประจำวันอาทิตย์ หรือหมายถึงแสงสว่าง ซึ่งก็คือ ปัญญาเป็นเปรียบดั่งแสงสว่างนั่นเอง ส่วนเนื้อพระก็เป็นพระเนื้อดินผสมว่าน บางทีก็มีสีทอง หรือเป็นสีดินเดิม หรือเป็นสีแดง พระพิมพ์นี้สามารถสำเร็จอธิษฐานในทุกๆด้าน เพราะเมื่อมีแสงสว่างก็หมายถึงเห็นช่องทางความจริงต่างๆรวมถึงทางที่ใช้แก้ปัญหา นอกจากนี้ยังดีในทางหนุนดวงชะตาวาสนาให้เจริญสูงส่ง ท่านใดที่ทำอะไรไม่ขึ้นก็ลองนิมนต์มาคล้องคอดูสักพัก รับรองว่าดวงท่านจะเปิดแน่นอน หยิบจับอะไรก็จะได้สำเร็จตามอธิษฐานที่ปรารถนาไว้

พระปางเปิดโลก การเปิดโลกนั้นมีในพุทธประวัติถึงตอนที่พระพุทธเจ้ากลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในระหว่างนั้นเวลาได้ครบพรรษาคือสามเดือนพอดี ซึ่งก็คือช่วงออกพรรษานั้นเอง ท่านได้เสด็จกลับจากสวรรค์ ในระว่างนั้นทั้งเทพพรหมยมยักษ์เทวดาทั้งหลาย พระอินทร์พร้อมท้าวจตุโลกบาลก็เสด็จตามมาส่ง โดยเนรมิตบันไดทองบันไดแก้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดสามโลกให้หมู่ชนทั้งหลายได้เห็นพร้อมกัน มนุษย์และสัตว์บนโลกสามารถเห็นเหล่าเทวดาทวยเทพทั้งหลายว่ามีรัศมีความงดงามเพียงใด รัศมีนั้นก็ไม่อาจเทียบรัศมีแห่งพระพุทธเจ้าได้ อีกทั้งเมืองบาดาลนาคพิภพทั้งหลายก็พากันขึ้นมาอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย มนุษย์ก็สามารถเห็นนาคพิภพเช่นกันว่ามีความวิจิตรสวยงามเช่นไร หลวงพ่อดู่แห่งวัดสะแกอยุธยาเคยกล่าวกับผู้เขียนเสมอถึงการเปิดโลกของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อดู่ท่านว่าวันนั้นขนาดมดดำมดแดงที่ได้เห็นแสงฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เกิดจิตปรารถนาพุทธภูมิอยากเป็นพระพุทธเจ้ากับเข้าบ้างอย่างนับไม่ถ้วน พระพิมพ์นี้ด้านหน้าเป็นปางลีลาบนดอกบัว อันเป็นคติธรรมว่าพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนจะมีดอกบัวรองรับเสมอทุกพระบาท และกำลังเสด็จกลับจากดาวดึงส์ ส่วนพระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นอธิษฐานเปิดสามโลกให้พระแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้านหลังเป็นรูปพระปางจักรพรรด์ถือจักแก้ว ด้านล่างเป็นพระแม่ธรณี สื่อความหมายถึงการขจัดอุปสรรคต่างๆ อีกด้านเป็นรูปแม่พระโพสพถือรวงข้าว อันหมายถึงการทำมาหากินอุดมสมบูรณ์ พระพิมพ์นี้เป็นเนื้อดินดิบผสมว่าน เนื้อดินผสมเกสา เนื้อดินผสมพระธาตุ มีทั้งแบบทาสีเงินสีทอง หลวงพ่อท่านชอบทาพระเป็นสองสี คือเงินกับทอง อันเป็นสื่อของการให้พรว่าขอให้มีเงินมีทองตลอดเวลา พระปางเปิดโลกนี้จะดีมากกับเรื่องบริวาร การปกครองคน ใครดวงบริวารเสียๆก็ลองหามาบูชาติดตัวดูก็แล้วกัน

ก่อนจะหมดตอนที่สามนี้ ผู้เขียนอยากให้ระวังของปลอมไว้บ้าง เพราะเท่าที่ทราบนั้นเริ่มมีออกมาบ้างแล้ว หรือไม่ก็มั่วนิ่มไปเรื่อยๆ ในการที่จะบูชาแบบใดก็แล้วแต่ควรเริ่มที่วัดพระสนมลาวก่อน ลองสอบถามที่วัดก่อนว่ามีหรือไม่ เพราะท่านจะได้ของแท้แน่นอน เท่าที่ทราบก็คือบล็อกต่างๆของเดิมของหลวงพ่อนั้นได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ทางวัดไม่สามารถทำเสริมขึ้นมาภายหลังได้ และที่สำคัญการบูชาวัตถุมงคลตรงจากที่วัดก็เท่ากับท่านทำบุญไปด้วยในตัว เพราะเงินที่ได้ก็เข้าวัดเช่นกัน วัตถุมงคลทุกอย่างทางวัดพระสนมลาวเป็นผู้รับรองว่าทันหลวงพ่อแน่นอน เพราะวัดยังต้องพัฒนาสร้างถาวรวัตถุและปรับปรุงวัดอีกมาก เมื่อเดือนก่อนทางวัดก็ได้ขุดเจอพระพุทธรูปหินทรายชำรุดจำนวนหนึ่ง เสมาโบราณ ลูกนิมิตโบราณ ของทั้งหมดนี้อยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ดังนั้นจึงเป็นหลักฐานทางโบราณคดีว่าวัดนี้สร้างมาพร้อม ๆ กับวัดพระศรีสรรเพ็ชรที่อยุธยา นับเวลาก็ร่วม 400 ปี จึงอยากให้ท่านที่เห็นความสำคัญและเกิดศรัทธา ได้เข้ามาร่วมบุญพลิกฟื้นวัดนี้ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนครั้งอดีต เพื่อเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดกาลนาน
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กำลังมหาจักรพรรดิ์

มีหลายคนสงสัยว่าหลวงพ่อท่านใช้วิชาอะไรหนอถึงได้สามารถทำให้เครื่องรางของขลังและวัตถุมงคลมีพลังมากจนกลายเป็นตัวช่วยเพื่อให้เกิดเรื่องดีๆกับผู้ที่ใช้และนับถือ เท่าที่ผู้เขียนสังเกตุดูก็ได้เคล็ดบางอย่างมาว่า ผู้ที่จะสร้างพระปางปราบพญาชมพูบดีได้นั้น โดยส่วนใหญ่ก็จะต้องสำเร็จวิชามหาจักรพรรดิ์ ซึ่งพลังของวิชามหาจักรพรรดิ์นี้ ผู้ที่สำเร็จได้จะต้องสามารถเชิญพลังของพระพุทธเจ้าตอนที่แปลงร่างเป็นมหาจักรพรรดิ์ลงมาสถิตย์ในวัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆได้จริงๆ เพราะพระพุทธเจ้าเองก็เคยเกิดเป็นมหาจักรพรรดิ์นับชาติไม่ถ้วน ก็รวบรวมบารมีตอนเป็นมหาจักรพรรดิ์ทุกๆชาติเข้ามารวมกัน อย่าลืมว่าในหมู่ปุถุชนด้วยกันนั้น พระราชาเป็นใหญ่กว่าชนทั้งปวง และพระมหาจักรพรรดิ์ก็เป็นใหญ่กว่าพระราชาอีกที ดังนั้นผู้ที่ได้พลังจักรพรรดิ์นั้นจะต้องมีจิตที่ประภัสสรทรงพลังในเรื่องกสินและเข้าใจแตกฉานถึงวิธีการวางอารมณ์จริงๆในขณะที่ทำการอธิษฐานจิต พลังของจักรพรรดิ์นั้นสามารถบังคับธาตุทั้งสี่ให้กำเนิดขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นสายวิชาของหลวงพ่อดู่วัดสะแกที่เป็นไตรสรณาคมณ์นั้นท่านเรียกว่าได้ภูติพระเจ้า คือการบังคับมหาภูติทั้งสี่ให้กลับมาชุมนุมรวมกันอีกก็ได้ เพราะพระพุทธเจ้านั้นเมื่อครบห้าพันปีแล้ว พระธาตุของพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็จะกลับมารวมกันเพื่อโปรดสัตว์ครั้งสุดท้ายและประกาศปิดพุทธันดรของพระองค์ พร้อมกับจะให้พุทธทำนายเรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรในภายภาคหน้าเช่นกัน ดังนั้นวิชาของหลวงพ่อผินะน่าจะเป็นกำลังมหาจักรพรรดิ์เดียวกันกับครูบาอาจารย์ในยุคก่อนๆถึงได้มีพลังมากมายอย่างนี้

เคยมีผู้ที่เป็นศิษย์ของท่านเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งที่ทางวัดต้องจำเป็นใช้ไม้ใหญ่ในพื้นที่วัดพระสนมลาวมาสร้างเสนาสนะ หลวงพ่อท่านได้เลือกต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งไว้ ท่านก็ได้ไปแผ่เมตตากับรุกขเทวดา และได้ไปยืนบอกด้วยวาจาว่า ขอเชิญท่านรุกขเทวดาที่สิงสถิตย์ที่ไม้ต้นนี้ ทางวัดมีความจำเป็นที่จะใช้ไม้ที่ท่านได้สถิตย์อยู่ ขอให้ท่านได้ย้ายออกไปอยู่อีกต้น พร้อมกับชี้มือไปที่ต้นไม้อีกต้น และยังบอกอีกว่า อาตมาได้คุยกับเขาแล้ว เขาอนุญาติให้ท่านไปอยู่ด้วยได้ เมื่อยืนแผ่เมตตาสักพักก็ใช้ฝ่ามือตบฟาดไปที่ต้นไม้ที่อยากจะตัดอย่างแรงๆทีเดียว หลังจากนั้นสามวันปรากฏว่าต้นไม้ใหญ่นี้ได้ลู่กิ่งทิ้งใบเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำยืนต้นตาย ทางวัดก็ได้ตัดไม้ต้นนี้ไปทำประโยชน์ตามที่ได้ขอไว้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาจิตต่อรุกขเทวดาของท่าน และยังแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อผินะท่านสามารถสื่อสารกับเทพเทวาวิญญาณทิพย์ต่างๆได้จริงๆ

อีกเรื่องที่พึ่งเกิดไม่นานนี้ก็คือเรื่องเด็กๆที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ มีครอบครัวหนึ่งได้ให้ลูกห้อยดวงตาที่หลวงพ่อทำไว้เป็นปริศนาของการมีดวงตาเห็นธรรมอันหมายถึงการมีสติปัญญาดี ปรากฏว่าปรกติแล้วเด็กคนนี้เรียนปานกลางไม่โดดเด่นเท่าไหร่ซึ่งทางบ้านก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ตอนสอบเอ็นทรานซ์ก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง และได้คณะที่พอใช้ได้ ผลอันนำมาซึ่งความปลาบปลื้มกับพ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับเอ่ยปากกับผู้เขียนว่า ตัวเขาเองมั่นใจในบารมีของหลวงพ่อจริงๆ และคราวนี้ก็เชื่อว่าเป็นพลังของเครื่องรางที่เป็นรูปดวงตาแน่นอน หลวงพ่อผินะเคยบอกว่าดวงตานั้นมาจากปิตาและมาตา คือการเอาบารมีพ่อและแม่มารวมกัน ไปไหนมาไหนก็มีคนเมตตามีปัญญาเอาตัวรอดได้ไม่ต้องกลัวใคร

เรื่องราวของผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปแล้วมีประสบการณ์มากมาย ที่สำคัญเห็นผลไวมากๆถ้าเราได้เลื่อมใสปฏิบัติถูกต้อง แต่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนได้รู้เนื่องด้วยหลวงพ่อผินะท่านไม่ใช่พระที่ชอบทำประชาสัมพันธ์ และวัตถุมงคลของท่าน ท่านก็ทำเอง ไม่ได้ไปจ้างวานใครตามโรงงานที่ทำออกมารุ่นเดียวเป็นหมื่นๆชิ้น อย่างดาวยุคต้นๆก็เคยมีผู้บันทึกคร่าวๆว่ามีแค่สี่ร้อยดวงเท่านั้นเอง และเป็นพิมพ์ที่หลากลาย หากแยกพิมพ์กันจริงๆแล้วแต่ละพิมพ์ในยุคต้นๆตั้งแต่ท่านอยู่ทางใต้และที่เพชรบูรณ์กับช่วงแรกของวัดพระสนมลาว คาดกันว่าแต่ละพิมพ์นั้นไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยดวง ยิ่งถ้าเป็นคุณพ่อปลัดก็นับชิ้นกันได้เลย อาจมีแค่หลักร้อยเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซเลยก็ว่าได้ ดูแล้วเกือบเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกันสักกะชิ้น ทีนี้เรามาดูเรื่องประเภทของวัตถุมงคลกันต่อดังนี้

สมเด็จพิมพ์ใหญ่ด้านหลังเป็นรูปพระสังกัจจายน์ พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะมักจะทำเป็นสองสีหน้าหลัง โดยส่วนใหญ่ด้านหน้าจะเป็นสีทอง ด้านหลังจะเป็นสีเงิน หรือบางองค์ก็จะเป็นสีแดงหรือสีนาค พระพิมพ์นี้ดีมากในเรื่องโชคลาภ เคยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครั้งหนึ่งที่ลูกศิษย์หลวงพ่อที่ชอบไปเล่นไพ่มากราบหลวงพ่อ แล้วได้ถามถึงเรื่องของวัตถุมงคลว่าต้องบูชาพระอะไรขึ้นคอดี หลวงพ่อกลับไปหยิบพระสมเด็จพิมพ์นี้ให้ลูกศิษย์พร้อมกับบอกว่า “ เอาไปลองติดตัวดู เนี่ยนะสมเด็จไพ่ป๊อก ชอบไปเล่นไพ่นักไม่ใช่เหรอ ห้อยแล้วมีโชคนะ ” แต่หลวงพ่อผินะท่านก็อบรมเรื่องการเล่นการพนันว่ามันไม่ดีนะ เลิกเล่นได้ก็ดี ลูกศิษย์คนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะไปเล่นอีก แต่ก็มีโชคกลับมาทุกที แม้แต่ผู้ที่ผู้เขียนแนะนำให้ลองบูชาพระสมเด็จรุ่นนี้ ก็ถูกหวยติดกันมาเก้างวดแล้ว แต่ถูกแบบนิดหน่อยพอฟังเพราะไม่ได้ซื้อเยอะ พระสมเด็จรุ่นนี้มีส่วนผสมของดินจากเหล็กน้ำพี้ แม่เหล็กจึงดูดติด และท่านได้ผสมด้วยว่านและผงวิเศษต่างๆรวมทั้งข้าวสารหิน ดังนั้นพุทธคุณจึงหนักไปในทางดูดโชคลาภเงินทอง คุ้มครองแคล้วคลาด

15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระสมเด็จพิมพ์เล็กด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้องค์จะย่อมกว่า ด้านหน้ามีลักษณะเดียวกันแต่ด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้เป็นอิทธิพลมาจากลัทธิมหายานที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นหนึ่งในพระโพธิสัตว์ที่เป็นที่นับถือกันทั่วโลก จะสังเกตุเห็นการทำรูปปั้นต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องราวเทพยดาในวัด ท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก และยังคงแผ่พลังมาสู่ทุกผู้ทุกคนที่นับถือ พระพิมพ์นี้มีพุทธคุณดีมากในเรื่องความเมตตา การติดต่องานการต่างๆ และด้วยความที่เป็นขนาดเล็กพอดี จึงเหมาะกับสุภาพสตรีเป็นอย่างมาก

พระพิมพ์สามเหลี่ยม บางคนก็เรียกว่า เป็นพระนางพญาพิมพ์ขี่สัตว์ต่างๆ ถ้าใครเคยเข้าไปที่วัดพระสนม ลาว ก็คงจะเคยเห็นที่หน้าจั่วของหอพระสูงๆ ทำเป็นรูปปูนปั้นของพระพุทธรูปและด้านล่างเป็นรูปของสัตว์ต่างๆ รูปที่จั่วปูนปั้นนี้ทำทั้งสี่ทิศแต่ละทิศมีรูปที่แตกต่างกัน ความจริงแล้วก็คือรูปของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในกัปป์นี้ อันได้แก่พระกุกุสันโท สัญลักษณ์เป็นรูปไก่ พระโกนาคมสัญลักษณ์เป็นรูปพญานาค พระกัสสโปสัญลักษณ์เป็นรูปเต่า พระสมณโคดมสัญลักษณ์เป็นรูปวัว พระศรีอาริยเมตไตรสัญลักษณ์เป็นรูปสิงห์ หลวงพ่อผินะได้นำบารมีแห่งพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มารวมเป็นคู่ๆ เพื่อให้เกิดผลบารมีที่แตกต่างและอำนาจพุทธคุณก็จะต่างกันไปด้วย โดยหลวงพ่อผินะท่านได้ทำไว้สามพิมพ์ดังนี้ พระปลดหนี้ ว่าคาถา “ พุทธา” ด้านหน้าจะเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนเต่า ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระเต่า-วัว พระแคล้วคลาด ว่าคาถา “ นะโม” ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนสิงห์หรือราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระราชสีห์-วัว พระค้าขาย ว่าคาถา “ยะธา” ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว พระพิมพ์สามเหลี่ยมทั้งสามพิมพ์นี้เป็นพระพิมพ์มาตรฐานของหลวงพ่อผินะ และโดยรวมแล้วมีแบบทั้งที่ปิดทองและไม่ปิดทอง แบบด้านหน้าเป็นสีเงินด้านหลังเป็นสีทองก็มี เนื้อขององค์พระจะเป็นเนื้อดินน้ำพี้ผสมผงมงคลเช่นข้าวสารหินและไม้ว่านมงคลที่หลวงพ่อเก็บรวบรวมตอนที่ธุดงค์อยู่ในป่า ดังนั้นพระของท่านจึงใช้แม่เหล็กดูดติด พุทธคุณก็อยู่ที่เราเลือกใช้เอา เพราะวัตถุมงคลของท่านไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

ตะกรุดโทนเนื้ออลูมีเนียม ตะกรุดของท่านแปลกกว่าคนอื่นๆแน่นอน หนึ่งเดียวจริงๆ เกจิอาจารย์ท่านอื่นใช้ทองแดงบ้าง ตะกั่วบ้าง หรือเนื้อเงินเนื้อทอง แต่ของท่านใช้โละอัลลอยด์ที่เราเรียกว่าอลูมีเนียมมาทำเป็นตะกรุด เหตุที่ใช้ก็คงเป็นเพราะเป็นสิ่งที่เหลือจากการรองซากของอสุภะกรรมฐานของท่าน และไม่น่าเชื่อว่าท่านเสกจนตะกรุดม้วนและแข็งมาก แต่มีน้ำหนักเบาเป็นที่สุด เคยมีคนลองเอามาคลี่ดู กว่าจะคลี่ออกได้เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกันเพราะหลวงพ่อเสกจนแข็ง ยันต์ที่ท่านลงก็เป็นนะอกแตกหรือบางที่ก็เป็นพุทธหน้าทอง ซึ่งแสดงว่าตะกรุดของหลวงพ่อผินะดีทางคุ้มครองแคล้วคลาดและเมตตาเป็นหลัก ตะกรุดโทนของท่านเป็นเครื่องรางอีกชิ้นหนึ่งที่ถือได้ว่ามีประสบการณ์มากจริงๆ เป็นที่แสวงหากันมากในขณะนี้ ถ้าเจ้าของหวงๆละก็บุกกันเป็นหมื่นเหมือนกัน

ลูกอม ท่านมีอยู่สองลักษณะที่ได้พบเห็นมาก็คือ อย่างแรกเป็นเนื้อผงแบบเข้มข้น เนื้อแบบนี้เป็นเนื้อเดียวกับแม่เนื้อหอม ซึ่งจะห่อกระดาษแก้วสีทองบ้างหรือไม่ห่อกระดาษก็ได้ ในบรรดาลูกศิษย์หวงกันมากจริงๆ เพราะหลวงพ่อได้ใส่ผงอาถรรพ์เยอะมาก มักมีประสบการณ์ในเรื่องความมีเสน่ห์เมตตาแก่ผู้พบเห็น ที่สำคัญก็คือมีจำนวนน้อย ลูกอมแบบนี้ตอนนี้มีคนเล่นหาเปลี่ยนมือกันในราคาร่วมหนึ่งหมื่นห้าพันบาทเมื่อต้นปี ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะขยับราคากันไปอีกเท่าใด ลูกอมแบบที่สองเท่าที่เห็นมาต้องเรียกว่าเป็นเม็ดปฐวีธาตุ เพราะเป็นเม็ดหินกลึงเป็นสีน้ำตาลอ่อน เท่าที่ดูน่าจะทำมาจากหินตระกูลหินพระธาตุ เม็ดปฐวีธาตุนี้มีน้อยมากๆเช่นกัน พุทธคุณน่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มครองและเมตตาเป็นหลัก ลูกอมปฐวีธาตุนี้ได้ยินครั้งแรกก็จากท่านเจ้าคุณนรรัตน์วัดเทพศิรินทร์ ท่านให้คนไปเก็บที่บางบ่อ แล้วนำมาอธิษฐานจิตอีกที ต่อมาก็เป็นหลวงปู่คำพันนครพนม ท่านก็ให้คนเก็บหินจากแม่น้ำโขงแล้วนำมาเสกเช่นกัน

(ขอบคุณบทความของคุณบัวเกตุ)
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:56 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
ได้เวลาเล่าเรื่องอีกแล้วครับ
          ช่วงนี้เน้นธรรมะคำสอนนะครับ ส่วนเรื่องปาฏิหาริย์อิทธิคุณนั้นเราๆท่านๆก็พอทราบกันเกือบทุกซอกทุกมุมแล้วครับ
กระผมไปหาหลวงพ่อแต่ละครั้งท่านไม่ค่อยชอบคุยเรื่องวัตถุมงคลเท่าไรนักจะเป็นการสนทนาแบบถามคำตอบคำ  แต่เรื่องที่
หลวงพ่อท่านพูดขึ้นมาเองคือข้อธรรม คำสอนต่างๆที่เป็นข้อเตือนใจเป็นคำพูดบ้างหรือคำกลอนบ้าง แล้วแต่โอกาส วันนี้คิดถึง
บันทึกเล่มเก่าๆเลยกลับไปค้นดูเจอพอดี จึงขอนำเสนอให้พิจารณาดู อาจจะไม่เรียงลำดับก่อนหลังนะครับ
วันที่ 5 ก.ค.2545
   "ผีซกม๊กนั่งขวางทาง
ผีตาฟางไปมาไม่ได้
ผีเจ็บไข้ไม่ได้กินยา
รีบมากินเสียจะได้กลับบ้าน"
      ยาหมายถึง ธรรมะครับ /ผ๊ หมายถึง ผู้มีกิเลสครับ
วันที่ 3 พ.ค. 2545
   "อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด
อยู่ร่วมมิตรให้ระวังวาจา
อยู่ร่วมเพื่อนต่างเพศให้ระวังกามราคะ"
     "ยังไม่มีเมียก็เหมือนยังไม่ติดคุก"
วันนี้พอประมาณแค่นะครับ

17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
กลับไปอ่านเจออีกหน้า..น่าสนใจขยายความของวันที่ 5 ก.ค. 2545ขออนุญาตเพิ่มเติมนะครับ
   "มีวัว 10 ตัวให้ใช้แหลก หมายถึง
นิ้วมือสิบนิ้วใช้ให้เป็น
    แขกมาให้ลงเรือนหนี หมายถึง
โลภ โกรธ หลงอย่าให้เกิดขึ้น
    สู้ไพรีให้มีอาวุธ หมายถึง
ศีล สมาธิ ปัญญา
    ไอ้ผีซกม๊กมานั่งขวางทาง หมายถึง
มานะทิฏฐิ(ไอ้ตัวอวดดี)
    ไอ้ผีตาฟางไปมาไม่ได้ หมายถึง
อวิชชา(ตัวหลงพาเกิดพาตายอยู่ร่ำไป..)
     ผีเจ็บไข้ไม่ได้กินยา หมายถึง
ไม่มีปัญญา
รีบมากินเสียจะได้กลับบ้าน หมายถึง
ให้พิจารณามรณานุสติ(ตายก่อนตาย)"
     หวังว่าคงก่อประโยชน์สำหรับผู้ใฝ่ในธรรม
ไม่มากก็น้อยตามแต่วาสนา บารมีครับขอเชิญ
น้อมพิจารณา  ขอให้เจริญในธรรมครับสาธุ
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
หลวงปู่ครับขอกราบหลวงปู่ครับ
บุญใดที่ยังประโยชน์สุขแก่กระผม
เพียงใดขอหลวงปู่โปรดอนุโมทนาด้วยนะครับ


ตอนที่ไปกราบหลวงพ่อเจอรูปหลวงพ่อ
ตอนหนุ่มๆที่มือขวาถือสามง่ามและสวมสร้อย
ประคำสีขาว ได้ถามหลวงพ่อว่าตอนนี้ประคำ
เส้นนั้นยังอยู่กับหลวงพ่อหรือเปล่า ท่านตอบว่า
ให้คนอื่นไปแล้วและนานมากแล้ว..ในใจอยากจะขอ
ถ้ายังอยู่กับท่านนะครับ...แต่เวลาอยู่ใกล้หลวงพ่อความ
เกรงกลัวและเกรงใจมาอยุ๋ในใจตลอดแม้แต่ตอนท่าน
ตัดเล็บทิ้งยังไม่กล้าปริปากขอมาบูชาเป็นที่ระลึกเลย
เพราะท่านให้มองเป็นของสกปรกทั้งหมดในร่างกาย
ของมนุษย์เราต้องพิจารณาตามหลวงพ่อแนะนำตลอด
มาถึงเวลานี้เลยนึกเสียดายย้อนหลังครับ...แต่สามง่าม
ที่หลวงท่านถือในภาพนั้นผมไม่ได้ถามถึงครับ...ในใจ
ตอนนนี้อยากจะได้มาร่วมสร้างตำนานหนุมานกับชาว
คศช.จริงๆครับ

19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
Sarayut
ขอให้เล่าเรื่อง"ผู้หญิงเหมือนสิบล้อ"

เป็นข้อสติเตือนใจชายใจเกินร้อย หน่อยครับ


20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-5-24 09:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
sritoy
เรื่อง"ผู้หญิงสิบล้อผู้ชายมอเตอร์ไซค์"
เป็นเรื่องที่ได้ฟังตอนที่ไปกราบหลงพ่อที่กุฏิหลังใหม่
ปีนั้นท่านสร้างกุฏิขึ้นหลายหลังเพื่อฉลองศรัทธาญาติโยม
สร้างเสร็จยังไม่เรียบร้อยท่านก็จะเข้าไปพักพื้นยังไม่เทแต่ใช้
แคร่เป็นที่พำนักชั่วคราว  ทุกครั้งไปหาพระเถระควรมีของถวาย
ติดไม้ติดมือทุกครั้ง ครานั้นเพื่อนฝากของไปเยอะเหมือนกัน มียา
บำรุงถวายด้วยท่านแกะมาฉันให้เห็น คนถวายก็ยินดียิ่งครับ   
ถวายเงินทำบุญกับท่าน 500บาท ท่านดวงตามาให้ 1กำมือ
เอ้าเอาไปแจกกัน ท่านอธิบายความหมายของดวงตาให้เข้าใจ
ก่อนนำไปใช้ ท่านถามว่าเคยปี้ใครมาหรือยัง ตอบแบบกั๊กๆว่า
ไม่เคยครับ ท่านสวนมาเลยว่าโกหก  เสียววาบในใจท่านรู้ได้ไง
ยอมครับหลวงพ่ออันนี้คิดในใจ ท่านก็สอนไม่หลงในกามรมณ์
ท่านบอกว่า"ถ้ายังไม่มีเมียก็ยังไม่ติดคุก" เรามันผู้ชายเปรียบ
เหมือนรถมอเตอร์ไซค์ ผู้หญิงนั้นเปรียบเหมือนรถสิบล้อ ถ้าชนกัน
ทีไรผู้บัญไรย่อมเป็นผู้ชายเสมอ แล้วท่านก็เล่านิทานให้ฟัง...

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้