พอสว่างฉันจังหันแล้ว ภริยานายคนนั้นได้ส่งขึ้นรถยนต์ไปท่าจงโต (ท่าเรือไฟ) แล้วได้ขึ้นเรือเดินทางไปเมืองมะละแหม่ง เดินทางทางเรือประมาณ ๔ ชั่วโมง ระหว่างอยู่ในเรือเมล์มีแขกและพม่ามาชวนสนทนาด้วย แต่เราไม่ค่อยรู้ภาษาเท่าไรนัก เวลาประมาณ ๔ โมงเย็นเรือเมล์ถึง จ.มะละแหม่ง จากจังหวัดนี้จะต้องข้ามเรือถึงฝั่งเมาะตะมะ ข้ามแม่น้ำไปอีกหลายนาทีจึงถึงเมาะตะมะ เมื่อมาถึงฝั่งนี้แล้วมองเห็นสถานีรถไฟอยู่ลิบๆ เวลาประมาณ ๑ ทุ่ม รถไฟจึงจะออกจากสถานีเมาะตะมะ ระหว่างที่รถไฟยังไม่ออก ได้ไปนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้คอยเวลารถออก ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณ ๓๐ ปี สังเกตดูเป็นคนมีอัธยาศัยดีงาม ได้เข้ามาหาแล้วพูดบอกว่า อนุญาตให้ท่านขึ้นไปนั่งพักบนรถไฟได้เป็นพิเศษก่อนรถจะออก เพราะท่านเป็นพระไทยมาจากแดนไกล เขาเรียกเราว่า โธยาคงยี เราก็ได้พูดแสดงความขอบใจกับเขาว่า Thank you very much เขาก็ยกมือไหว้อย่างยิ้มแย้มแล้วถามว่า Where do you come from ? เราตอบเขาว่า I come from Siam พูดกันเสร็จแล้ว เราก็ขึ้นไปนั่งพักบนรถไฟ เจ้าหน้าที่รถไฟก็มาติดต่อสนทนากันพอรู้เรื่อง พูดภาษาพม่าบ้าง ภาษาอังกฤษบ้างปนกันไป