ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
สปช. นัด ปปง. ไขรหัสเส้นทางเงินบริจาควัดธรรมกาย 714 ล้าน                                                                                                
                    
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/116151
                                                            สปช. นัด ปปง. แจงรายละเอียดเงินบริจาควัดพระธรรมกาย วันที่ 23 ก.พ. นี้ ปมรับเงินยักยอกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 714 ล้านบาท ก่อนจะออกมาแถลงคืนเงิน

                เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยถึงกรณีการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อปี 2542 ที่มีพระวินิจฉัยให้พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ปาราชิก เนื่องจากมีพฤติกรรมตีความพระไตรปิฎก มีความบกพร่องจริง จึงต้องโทษอนันตริยกรรม ขั้นปาราชิกว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทางคณะกรรมการ สปช. ได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาชี้แจงเรื่องการเงินของวัดพระธรรมกาย ในวันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ ในเวลา 9.00 น. ที่ห้องรับรอง 1 ชั้น 2 อาคาร 1 รัฐสภา

                เนื่องจากก่อนหน้านี้ วัดพระธรรมกายถูกตรวจพบว่า ได้มีการรับเช็คจำนวน 15 ฉบับ รวมเป็นเงิน 714 ล้านบาท จากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ได้มาจากการทุจริตยักยอกเงินไป 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ถูกตรวจพบ ทางวัดพระธรรมกายได้ออกมาแถลงว่าทางวัดยินยอมจะคืนเงินดังกล่าวให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแต่โดยดี                                                                        
                                                            

ด่วน! มติมหาเถรสมาคม “พระธัมมชโย“รอด ชี้ไม่ขัดพระลิขิตสังฆบิดร ไม่ขาดจากความเป็นพระ
                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1751605/
                                                            (20 ก.พ.) ภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม พระพรหมเมธี กรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม (มส.) และนายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แถลงผลการประชุมเบื้องต้นว่า พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกายและประธานมูลนิธิธรรมกาย ไม่ขาดปาราชิกขาดจากความเป็นภิกษุ เนื่องจากได้มีการคืนทรัพย์สินทั้งหมด ให้กับวัดแล้ว ไม่ถือเป็นการขัดต่อพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 แต่อย่างใด โดยยืนตามคำตัดสินเดิมเมื่อ ปี 2549

"ขออย่านำเรื่องเดิมมาพูดกันอีกบ้านเมืองกำลังจะปรองดอง วินัยพระดูที่เจตนา" พระพรหมเมธี โฆษกมหาเถรสมาคมกล่าว                                                                        
                                                            

พิษไข้รถคันแรกไม่สร่าง ทำตลาดปี57 วูบต่อเนื่อง ค่ายรถคาดปี58โตขึ้นแค่ 10%



ตลาดรถยนต์ปี 2557 มีการคาดการณ์ล่าสุดว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 9 แสนคัน ต่ำกว่าปี 2556 ที่ทำได้ 1.33 ล้านคัน อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต่างเชื่อว่าปีหน้าตลาดจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่เป็นตัวเลขไม่มากนัก ปี 2557 นี้คงเป็นปีที่วงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ดูเหมือนยังจะซบเซาต่อเนื่อง เพราะตั้งแต่ปลายไตรมาสแรก จนงานมอเตอร์โชว์ผ่านไป สถิติยอดขายรถยนต์สะสม 3 เดือน 224,171 คัน ลดลง 45.8% เข้ามาช่วง 6 เดือน มียอดขายรวม 440,911 คัน ลดลง 40.5%  และล่าสุด ตัวเลข 8 เดือน ยอดขายยังร่วงระนาว ขณะที่ตลาดรถยนต์สะสม 8 เดือน มียอดขาย 579,273 คัน ลดลง 38.3% โดยเฉพาะยอดขาย ส.ค. ขายได้ไม่ถึง 70,000 คันด้วยซ้ำ ทำดีสุดได้เพียง 68,835 คัน ลดลง 31.4%

สำหรับทิศทางการเติบโตของตลาดรถยนต์ในปี2558 คงยังไม่ดีขึ้นมากนักคาดว่าสูงสุดไม่เกิน 10% เนื่องจากยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีผลต่อตลาด เช่น ภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ภาคการเกษตรที่ถือว่าเป็นห่วงโซ่สำคัญของระบบเศรษฐกิจ และที่ผ่านมามีบทบาทโดยตรงต่อตลาดรถยนต์จำนวนมาก ค่ายรถคาดไตรมาสแรกปีหน้าตลาดปลดล็อก เชื่อปรับฐานหลังโตผิดปกติจากโครงการรถคันแรก ชี้แรงหนุนรถใหม่เริ่มส่งมอบ ผู้บริโภคมั่นใจรายได้-งานดันยอดขายพ้นภาวะติดลบ จับตาปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตร ฉุดตลาดโตช้า หวังไฟแนนซ์ผ่อนคลายสินเชื่อปล่อยกู้ คาดยอดขาย 9 แสนคัน ใกล้เคียงปีนี้ ด้านรถหรูมั่นใจขยายตัวต่อเนื่อง

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าตลาดรถยนต์ในปีนี้คาดว่าจะทำได้สูงสุดไม่เกิน 8.9 แสนคัน แม้ว่าช่วงปลายปี จะได้แรงกระตุ้นจากรถใหม่ และงานมหกรรมยานยนต์ (มอเตอร์ เอ็กซ์โป) ก็ตาม เนื่องจากตลาดได้รับผลกระทบตลอดครึ่งปีแรก ส่วนปี 2558 เชื่อว่าเมื่อผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ ตลาดจะเริ่มปรับฐานหลังจากถูกบิดเบือนมากในช่วงที่ผ่านมา และจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ หลังจากผู้บริโภคโดยเฉพาะคนระดับกลางที่จะรับรู้ทิศทางรายได้ชัดเจน ไม่ว่าจะความมั่นคงในงาน โบนัสปลายปี และการปรับอัตราเงินเดือน ทำให้เริ่มกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับมีรถใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมากและเริ่มส่งมอบได้ เชื่อว่าช่วงงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ เดือน มี.ค.ปีหน้า ตลาดจะปลดล็อก หยุดภาวะถดถอย และเห็นการเติบโตได้ตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นไป

ด้านนายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าตลาดรถยนต์ที่ลดลงในปีนี้เกิดจากการปรับฐาน หลังจากเติบโตผิดปกติในปี 2555-2556 เมื่อหมดแรงหนุนจากโครงการรถคันแรก ทำให้เกิดปัญหาสต็อกสินค้าล้นและแข่งขันจัดแคมเปญรุนแรงตามมา อย่างไรก็ตามแม้จะมีแคมเปญจำนวนมากและให้ข้อเสนอที่จูงใจเพียงใด ก็ไม่มีผลทำให้ตลาดปีนี้ฟื้นตัว เนื่องจากกำลังซื้อถูกดึงไปใช้ล่วงหน้าแคมเปญรถยนต์ปีนี้ถือว่ามีผลดีต่อตลาด เพราะแม้ไม่ทำให้ตลาดฟื้นตัว แต่หากไม่มีตลาดอาจลดลงไปมากกว่านี้

ส่วนปี 2558 เชื่อว่ายอดขายรถจะใกล้เคียงกับปีนี้ หรือเติบโตเล็กน้อยในระดับ 9 แสนคัน ต้องยอมรับว่าปีหน้า ยังไม่มีปัจจัยอะไรโดดเด่นในการผลักดันให้ตลาดรถยนต์เติบโตในอัตราสูง และเศรษฐกิจเช่นนี้จะส่งผลให้ผู้บริโภคพยายามยืดอายุการใช้งานรถออกไป นอกจากนี้จะต้องจับตามองเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก เนื่องจากหลายภูมิภาคมีสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก เช่น สหรัฐ ยุโรป นายประพัฒน์ กล่าวว่าอีกปัจจัยที่น่าเป็นห่วงคือเศรษฐกิจระดับรากหญ้า เนื่องจากเกษตรกรมีรายได้ลดลง ทั้งราคาข้าว ยางพารา กำลังซื้อในภาคเกษตรน่าห่วงมาก เพราะมีผลกระทบต่อเนื่อง หากฐานล่างไม่หมุนก็จะส่งผลในวงกว้าง แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการมีนโยบายช่วยเหลือระดับรากหญ้าหลายด้าน แต่เห็นว่าอาจไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากประชาชนเริ่มชินกับการให้ของภาครัฐ จากการใช้นโยบายประชานิยมอย่างมากก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นเรื่องดีของตลาดรถในขณะนี้ก็คือ สถานการณ์การเมืองนิ่งกว่าช่วงก่อนหน้า


ส่วนนายซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าปัจจัยลบหนึ่งของตลาดรถยนต์คือ ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ซึ่งยังไม่ดีขึ้นจากเดิมประเมินว่าอย่างน้อยไตรมาส 4 ปีนี้จะคลี่คลายเงื่อนไขการออกรถให้ผ่อนคลายลง คาดว่าจะเป็นผลมาจากปัญหาหนี้เสียในระบบที่มีอัตราเพิ่มขึ้น การเข้มงวดของไฟแนนซ์ในขณะนี้ทำให้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ซึ่งมีน้อยอยู่แล้วมีจำนวนลดลงไปอีก ทำให้ค่ายรถต้องแก้ไขปัญหาไฟแนนซ์เอง ทาทามองหาช่องทางในการส่งเสริมการเป็นเจ้าของรถใหม่ได้ง่ายขึ้น เช่น การมีไฟแนนซ์เอง เพื่อช่วยกระตุ้นรถใหม่ในช่วงนี้ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ต้นปีหน้า สำหรับตลาดรถยนต์ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 8-8.5 แสนคัน และปีหน้าตลาดจะเติบโต เป็น 1 ล้านคัน แม้ว่าเป็นตัวเลขอัตราการขยายตัวสูง แต่ก็เป็นไปได้หากสถาบันการเงินเปิดกว้างมากกว่านี้ และการที่รัฐบาลลงทุนทางด้านสาธารณูปโภค โดยวางเป้าหมายตัวเลขเศรษฐกิจประเทศเติบโต 4% ตามแผนเพราะว่าอุตสาหกรรมรถยนต์มีส่วนในการเพิ่มจีดีพี 10%

นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทฟอร์ด ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าภาวะตลาดรถยนต์ขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้น เห็นได้จากปริมาณลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมโชว์รูมไม่ลดลงมากนัก แต่การที่ยอดขายไม่ดี เป็นผลมาจากเงื่อนไขการซื้อรถเงินผ่อนที่ต้องผ่านไฟแนนซ์นั้นมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ลูกค้ามีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์การอนุมัติ ไฟแนนซ์ สกรีนลูกค้าในช่วงนี้อย่างเข้มข้น แต่เชื่อว่าอนาคตหากภาวะการเงินคลี่คลาย และเศรษฐกิจขยายตัวจะปล่อยรถง่ายขึ้น สำหรับภาวะตลาดในปีหน้าอาจยังไม่เติบโต แม้ว่าทุกคนจะมองว่าปีนี้เป็นปีที่ต่ำสุด ของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จากการวิเคราะห์ตลาดรถภายในสิ้นปีนี้ ยอดขายรวมคร่าวๆ อยู่ที่ 8.9 แสนคัน และปีหน้าก็จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันนี้

รถหรูเชื่อตลาดโต10% นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าตลาดรถระดับบนไม่มีปัจจัยน่ากังวล เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อที่ดี คาดว่าปีนี้จะเติบโต 10% หรือทำได้ 2 หมื่นคัน ขณะที่ปีก่อนทำได้ 1.8 หมื่นคัน อีกปัจจัยที่ทำให้ตลาดขยายตัว เนื่องจากมีสินค้าให้เลือกหลากหลายมากขึ้น เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปัจจุบัน แบ่งสินค้าได้เป็น 3 กลุ่มคือ คอมแพค คาร์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ต้องการขยายฐานคนรุ่นใหม่ และมีถึง 30 รุ่นย่อย ทั้ง ซี-คลาส เอ-คลาส ซีแอลเอ จีแอลเอ นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่ม ลักชัวรี่ ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว เช่น อี-คลาส เอส-คลาส และยังมีกลุ่มทางเลือกให้กับลูกค้า คือ ดรีมคาร์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น กลุ่มคูเป้ 2 ประตู ส่วนปี 2558 ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ที่เด่นชัดได้ แต่เชื่อว่ามีแนวโน้มที่ดี จากสถานการณ์การเมืองที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้

ช่วงที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ต่างอัดแคมเปญการตลาดอย่างรุนแรง เพราะตลาดซบหนัก เห็นได้จากค่ายรถยนต์บางแห่ง ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับรถยนต์บางรุ่นที่ขายไม่ออก โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ยังโดนพิษไข้รถคันแรก ยอดไม่ขยับ กลุ่มนี้ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท นอกจากนั้นยังมีแจก แถม ไม่ต้องดาวน์ ดอกเบี้ย 0% จัดครบทุกกระบวนยุทธ์ แต่ตลาดก็ยังไม่ตอบสนองยาแรงเหล่านี้ ไม่มีสัญญาณใดแสดงให้เห็นว่าจะผงกหัวขึ้นได้ในเวลาอันใกล้ ดังนั้นโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ คงต้องลุ้นกันว่าจะปั้นยอดขายถึงเป้าหมายหรือไม่


เรื่อง  ณัฐพล  เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย www.gpinews.com
ที่มา: http://www.gpinews.com

สิงห์อมควัน-นักดื่ม กระอัก เหล้า บุหรี่ จ่อขึ้นราคาอีก รับกฎหมายใหม่



บุหรี่ เหล้า เบียร์ จ่อขึ้นราคา รับกฎหมายใหม่ หลัง สนช. มีมติผ่าน พ.ร.บ.การกีฬา คลัง คาด ปรับขึ้น 3-5 บาท


วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ได้ผ่านกฎหมาย พ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ โดยกฎหมายดังกล่าวจะทำให้ผู้ผลิตและจำหน่ายยาสูบและสุราต้องจัดสรรเงินในอัตรา ร้อยละ 2 ของภาษีสรรพสามิตที่เสียในแต่ละปี ส่งเข้ากองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

ทั้งนี้รายงานข่าวจากแหล่งข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการรอประกาศผลบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นทางการ ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายมีแนวโน้มที่จะผลักภาระค่าสรรพสามิตเพิ่มในอัตรา ร้อยละ 2 ไปยังผู้บริโภค โดยคาดว่าราคาน่าจะขยับขึ้นไปประมาณ 3-5 บาท ซึ่งเงินในส่วนนี้จะนำเข้าสู่กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ประมาณปีละ 4 พันล้านบาท โดยเมื่อปีที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสามารถจัดเก็บภาษีจากยาสูบและสุราได้กว่า 2 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ยาสูบ 6.1 หมื่นล้านบาท สุรา 6.4 หมื่นล้านบาท และเบียร์ 7.6 หมื่นล้านบาท

ด้านแหล่งข่าวจากโรงงานยาสูบ แจ้งว่า โรงงานยาสูบกำลังพิจารณามาตรการเพิ่มต้นทุนของบุหรี่ทุกชนิดในอัตราร้อยละ 2 เพื่อให้เท่ากับเงินที่จะต้องนำเข้าสู่กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ และปีนี้ยาสูบต้องเตรียมงบประมาณเพื่อรองรับการย้ายโรงงานฐานผลิตแห่งใหม่ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินให้กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติได้ จึงจำเป็นต้องปรับราคาขึ้นดังกล่าว อีกทั้งยาสูบยังแบกรับภาระในการจ่ายเงินให้กับกองทุนอื่นอีก อาทิ กองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) เงินบำรุงให้องค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะประเทศไทย (สสท.) หรือ ไทยพีบีเอส รวมปีละ 1,600 ล้านบาท ถ้าต้องจ่ายเงินอีก 1,000 ล้าน เพื่อนำเข้าสู่กองทุนพัฒนากีฬาแห่งประเทศไทย จะรวมเป็นเงินที่ยาสูบต้องจ่ายต่อปีทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากเมื่อเทียบกับกำไรที่ยาสูบทำได้คือปีละ 6,000 ล้านบาท

สำหรับการปรับขึ้นของราคาบุหรี่เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการจ่ายให้กองทุนการกีฬาแห่งชาตินั้นคงไม่ใช่เพียงบุหรี่ของไทย แต่กำลังพิจารณาที่จะปรับราคาของบุหรี่นอกอีกด้วย

ที่มา: http://money.kapook.com/view113027.html

แบงก์ชาติออก แบงก์ร้อย รุ่นใหม่-เฉลิมพระเกียรติพระเจ้าตาก                         
                             



               ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกแบงก์ 100 ใหม่ แบบที่ 16 เฉลิมพระเกียรติพระเจ้าตาก เปิดให้แลกได้วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558

               วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 ทวิตเตอร์ @Nalinee_PLE  ได้โพสต์ภาพธนบัตรใบละ 100 บาท แบบใหม่ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะนำมาใช้แทนธนบัตรใบละ 100 บาทเดิม ที่ใช้มา 9 ปีแล้ว โดยธนบัตรใบละ 100 บาทแบบใหม่นั้น ออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด "เฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทย" ด้านหน้าเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้านหลังเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นธนบัตรรุ่นที่ 16 และเตรียมเปิดให้แลกได้ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558

   

   

   

   

              วันเดียวกัน เว็บข่าวทีนิวส์รายงานว่า นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน รองผู้ว่าการ ด้านบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ธปท. จะนำธนบัตรชนิดราคา 100 บาท แบบใหม่ดังกล่าวออกใช้ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 โดยธนบัตรราคาชนิดนี้จะมุ่งเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จึงออกแบบให้แสดงถึงพระราชกรณียกิจที่สำคัญ ของพระองค์ รวมทั้งพัฒนารูปแบบให้สวยงามและมีเทคโนโลยีต่อต้านการปลอมแปลงที่ทันสมัยมากขึ้น

              นายไพบูลย์ ระบุว่า ธนบัตรชนิดราคา 100 บาทแบบใหม่ (แบบที่ 16) มีขนาดและสีเช่นเดียวกับแบบปัจจุบัน ธนบัตรแบบใหม่ดังกล่าวนี้ สามารถแลกได้ที่สาขาของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งทั่วประเทศและธนบัตรแบบที่ใช้ในปัจจุบันรวมทั้งแบบก่อนหน้านี้ยังคงชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
ทวิตเตอร์ @Nalinee_PLE


***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 14.08 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558  

ขอบคุณครับ
รถพ่วง 18 ล้อ คว่ำวินาศที่นนทบุรี เฉียดร้านข้าวมันไก่ ตาย 1                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1754741/
                                                            นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(26 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ที่ผ่านมา วิทยุ สวพ.91 ได้รายงานเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เสียหลักพลิกคว่ำ บนถนนกาญจนาภิเษก เฉี่ยวชนใกล้ร้านข้าวมันไก่ชื่อดังในท้องถิ่น เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 1 คน

จุดเกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เสียหลักปีนขึ้นไปบนทางเท้าริมถนนกาญจนาภิเษก จ.นนทบุรี ปากซอยบ้านกล้วย-ไทรน้อย สภาพพลิกคว่ำหงายท้องอยู่ใต้สะพานลอยคนข้าม ก่อนจะพุ่งชนแผงร้านขายที่ตั้งอยู่ข้างทาง ทราบว่าเป็นร้านขนมถ้วยนางฟ้า แต่โชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่ได้เปิดร้านขายของ

ขณะที่ใกล้กันเป็นร้านข้าวมันไก่ที่กำลังมีผู้นั่งรับประทานข้าวช่วงกลางวัน ทำให้ลูกค้าเกิดอาการตกใจแตกตื่นกับเหตุดังกล่าว

เบื้องต้นเหตุดังกล่าวมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นโชเฟอร์แท็กซี่ที่กำลังยืนซื้ออาหารอยู่ข้างทาง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3-4 คน เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว เพื่อจัดการเส้นทางจราจรและเร่งเคลียร์พื้นที่ต่อไป คาดว่าน่าจะเกิดจากเหตุล้อรถบรรทุกแตก                                                                        
                                                            

สังคมอนาถ! เด็ก ป.2 ติดยางอมแงม พี่ชาย ม.1 เป็นคนขาย                                                                                                                   
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1754801/
                                                            (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งให้ชุดปฏิบัติการพิเศษศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครศรีธรรมราช (ศอ.ปส.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษานครศรีธรรมราช เขต 3 ลงพื้นที่สุ่มตรวจปัสสาวะนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ตำบลเขาพระบาท อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช

ผลการตรวจสอบพบสารเสพติดในกระแสเลือด 9 คน มีการตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของนักเรียนชายชั้น ป.2 อายุ 8 ปี โดยเด็กชายรายนี้พี่ชายอายุ 13 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนเดียวกัน ลักลอบนำยาอัลปราโซแลม (Alprazolam) มาขายให้เด็กๆ ในโรงเรียน และเป็นผู้ชักชวนให้ทดลองเสพ โดยขณะเจ้าหน้าที่ขอตรวจปัสสาวะเด็กชาย อายุ 13 ปี กลับขัดขืน ก่อนวิ่งหลบหนีไป

ทั้งนี้ นายพีระศักดิ์ ได้กำชับผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครู อาจารย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งติดตามพฤติกรรมของนักเรียนที่ติดยาเสพติดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสองพี่น้องคู่นี้ ที่ต้องติดตามและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพื่อนำตัวส่งบำบัดโดยเร่งด่วน                                                                        
                                                            

เวรกรรม เด็กสมัยนี้
หนุ่มวิศวกรหาปลากลางดึกพบลูกแก้ว เชื่อเป็นของพญานาค-กรมศิลป์ ยังไม่สรุป



(27 ก.พ.) ชาวบ้านในหมู่บ้านสันบุญเรือง ม.4 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง รวมถึงหมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ปงยางคก ได้แห่พากันไปดูลูกแก้วประหลาด ที่มีผู้นำเข้ามาที่บ้านเลขที่ 53/1 บ้านสันบุญเรือง ม.4 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ซึ่งเป็นบ้านของ นางอามร โภยะโล อายุ 60 ปี
ทั้งนี้ ชาวบ้านมีความเชื่อว่า เป็นลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ของพญานาคราชในแม่น้ำวัง มีน้ำหนักมาถึง 10.2 กิโลกรัม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 16 เซนติเมตร จะเป็นลูกแก้วที่เป็นลักษณะใสขุ่น เมื่อมีการส่องไฟกระทบจะเป็นแสงวนอยู่ข้างในลูกแก้ว
สำหรับลูกแก้วลูกนี้ นายพีระพันธ์ โภยะโล อายุ 34 ปี เป็นวิศวกรอยู่ที่โรงงานเซรามิกแห่งหนึ่งใน จ.ลำปาง โดยเป็นบุตรชายของ นางอามร เล่าว่า เมื่อคืนของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยหลานชาย ได้ไปหาปลาที่แม่น้ำวัง หาปลาได้สักพักก็พบปลาช่อนตัวใหญ่ และยาวประมาณครึ่งเมตรว่ายดิ้นอยู่ แต่ปรากฏว่าปลาตัวดังกล่าวได้ว่ายดิ้นหนีไปอย่างรวดเร็วในจุดที่น้ำลึก แต่สิ่งที่ตนพบคือแสงกระทบลูกแก้วที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นทรายก้นแม่น้ำวัง
จากนั้นตนจึงได้เรียกหลานชายมาช่วยกันเขี่ยทรายที่ถมลูกแก้วดังกล่าวแต่ไม่สามารถยกขึ้นมาได้ จึงได้ยกมือไหว้ขอว่าอยากที่จะเอาขึ้นมาไว้ที่บ้านเพื่อกราบไหว้บูชา เมื่อไหว้เสร็จ ก็ทำการเขี่ยทรายที่ล้อมถมลูกแก้ว ก่อนที่จะยกขึ้นได้สำเร็จ จึงรีบนำกลับมาบ้าน เพื่อใส่พานไว้บูชาจนโดยตนก็มาทราบว่า ชาวบ้านได้ไปถามทรงเจ้า ทราบว่า เป็นลูกแก้วของพญานาคราช หรือพญานาค ในแม่น้ำวัง ที่จะให้ลูกแก้วขึ้นมาให้ชาวบ้านได้เห็น และกราบไหว้บูชา และจะให้โชคลาภ 2 งวด
ทั้งนี้ หลังจากที่ข่าวพบลูกแก้วประหลาดที่บ้านหลังดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักศิลปากรที่ 7 น่าน กรมศิลปากร เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าว มาดูว่า เป็นลูกแก้วใด และสอบถามข้อมูลการพบลูกแก้วดังกล่าว ในเบื้องต้นที่เดินทางมาดูยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นลูกแก้วที่มีอายุเก่าแก่ จากเมืองเก่าในอดีตของ จ.ลำปาง หรือไม่ ซึ่งจะต้องนำไปตรวจพิสูจน์อีกครั้ง
โดยที่ชาวบ้านก็ได้สอบถามว่า หากเป็นของเก่าแก่ในอดีตจริง จะต้องทำอย่างไร และใครเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ จากสำนักศิลปากรที่ 7 น่าน กรมศิลปากร ได้บอกให้ชาวบ้านได้เกิดความเข้าใจ ว่า จะต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน และจะมีการประเมินมูลค่า รวมถึงจะต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี จะเก็บไว้เป็นของสาธารณะประโยชน์ เช่น เก็บไว้ที่วัด หรือผู้ที่พบเก็บไว้ แต่หากลูกแก้วหาย ผู้ที่พบ และดูแลจะต้องเสียค่าใช้จ่ายตามมูลค่าที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ ก็จะต้องขึ้นอยู่กับการตรวจสอบก่อน


ที่มา: http://news.sanook.com/1755257/

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้