|
สั่งความได้ไม่นานก็ลาโลกนี้ไป บุตรชายก็ทำตามสั่งทุกประการ นำตำราไปมอบให้หลวงพ่อคำพัน เมื่อท่านเปิดอ่านก็ปรากฏว่าตัวอักษรในนั้น เป็น “ตัวธัมใหญ่” ทั้งหมดซึ่งถือว่าเป็นอักขระที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ใช้จารเฉพาะตำราชั้นสูงเท่านั้น
เมื่ออ่านไปเรื่อยจึงทราบว่าหนังสือนั้นเป็นตำราที่ว่าด้วยการ “อธิษฐานปฐวีธาต” สามารถทำธาตุธรรมชาติธรรมดาให้มีอานุภาพ มีพลังงานขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ท่านจึงศึกษาวิธีการจนแตกฉาน จดจำได้ทุกขั้นตอน ในเวลาต่อมาก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งมาขอตำรานั้นไป ท่านก็กรุณามอบให้ ทุกวันนี้ยังไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใคร
หลวงปู่คำพันได้เมตตาอธิบายถึงคุณลักษณะของปฐวีธาตุที่ถูกต้องตามตำราทุกประการว่า ต้องเป็นกรวดที่แช่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติเท่านั้น จะอยู่บนบกไม่ได้ ตัวกรวดเมื่อเก็บขึ้นมาต้องมีลักษณะเดิมตามธรรมชาติของเขา จะบิ่น จะแตกหักหรือร้าวไม่ได้เลย
ที่สำคัญสุดยอด คือต้อง “โปร่งแสง” เท่านั้น
คำว่าโปร่งแสงหมายถึง แสงสามารถลอดทะลุผ่านได้ ไม่ใช่โปร่งใส ถ้าโปร่งใสจะหมายถึงมองทะลุเห็นภาพอีกด้านได้ ซึ่งคงไม่มีกรวดชนิดใดเป็นเช่นนั้นแน่ หรือถ้ามีคงหายากสุดๆ
และด้วยคุณลักษณะเช่นนี้เองที่ทำให้ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันเป็นของหายากที่สุด แม้ว่าทางวัดจะพยายามแก้ไขด้วยการนำกรวดจากแม่น้ำโขงชนิดขุ่นมาถวายท่านอธิษฐานแทนก็ตาม มันก็หาถูกต้องตามตำราบังคับไม่ หากท่านก็อนุโลมให้เป็นปฐวีธาตุได้เช่นกัน
ผิดกับครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เช่นท่านเจ้าคุณนรฯ ด้วยท่านมีข้อแม้กับปฐวีธาตุว่า ต้องอยู่ในอำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น ส่วนจะใสหรือขุ่น จะใหญ่หรือเล็ก ท่านไม่เอามาเป็นประมาณ
ผมเองก็เพิ่งทราบว่า ไม่เพียงท่านเจ้าคุณนรฯ หรือหลวงปู่คำพันเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุได้ พระมหาเถระผู้ทรงคุณสูงสุดคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี ก็ทำปฐวีธาตุ แต่ง่ายดายมาก ด้วยการให้ศิษย์เก็บเอากรวดที่ข้างกุฏิท่านนั่นแหละมาอธิษฐาน
หาง่ายแต่หายาก
“หา” แรกง่าย เพราะเอากรวดข้างกุฏิไม่ต้องไปไกล “หา” หลังยาก เพราะของไม่มี คนอยากได้ก็ฝันไปก่อน รวมทั้งผม
ไม่เพียงหลวงปู่ขาวเท่านั้นที่ทำปฐวีธาตุ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็ทำ ทำจริงๆนะมีคนใกล้ชิดที่เชื่อถือได้ ได้รับจากมือหลวงปู่ดูลย์มาจริงๆ
ก็น่าแปลกที่ท่านเหล่านั้นสามารถทราบได้ว่ากรวดธรรมดาหากกำหนดจิตให้เป็นของมีพลังงานด้วยกระบวนการทางจิตที่ซับซ้อนเกินปุถุชนจะเข้าถึงได้ละก็ ย่อมมีอานุภาพสุดจะประมาณ
ขนาดกันนิวเคลียร์ได้ก็แล้วกัน
หลวงปู่คำพันบอกว่า ในตำราระบุไว้ว่าผู้จะอธิษฐานปฐวีธาตุได้นั้นต้องเป็นผู้เดินวิปัสสนาล้วน จะเป็นผู้เล่นทางสายวิชาคือคาถาอาคมไม่ได้เลย จึงหมดสงสัยว่าทำไมหลวงปู่ขาว หลวงปู่ดูลย์ก็ทำเป็น
ปฐวีธาตุของครูบาอาจารย์องค์อื่น ผมไม่ทราบว่าท่านอธิษฐานจิตในการป้องกันอย่างไร แต่ของหลวงปู่คำพันท่านอธิษฐานว่า
ให้ป้องกันภัยอันจะเกิดแต่ธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต
ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า “เสกครอบลงไป”
การเสกแบบนี้ไม่เหมือนกับการเสกพระเครื่องทั่วไปของท่าน ท่านจึงย้ำว่า “ปฐวีธาตุนี้เป็นของที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่”เหนือกว่าวัตถุมงคลทั้งปวงของท่าน
ครั้งหนึ่งท่านพระอาจารย์เวทย์ อาจารย์สัมปันโน ศิษย์ก้นกุฏิของหลวงปู่คำพัน คิดหาปฐวีธาตุ ชนิดถูกต้องตามตำราทุกประการมาถวายหลวงปู่คำพันเสก จึงหาอาสาสมัครได้พระ เณร และญาติโยมจำนวนหนึ่ง ออกค้นหาปฐวีธาตุในลำน้ำโขง
การตามล่าหาของดีในคราวนั้นเป็นความยุ่งยากลำบากเหลือแสน เพราะน้ำในแม่น้ำโขง เย็นยะเยียบ เมื่อลงแช่ไปนานๆ ก็เกิดหนาวสั่นจับไข้ไม่สบายกันถ้วนหน้า อีกทั้งกรวดที่ควานขึ้นมานับร้อยๆ ก้อนในแต่ละครั้ง จะมีใสตามตำราสักก้อนก็แสนยาก
บางก้อนใสแจ๋วแต่บิ่นก็ต้องทิ้งไป เวลาทิ้งก็ต้องเอาไปทิ้งไกล ไม่อย่างนั้นเวลางมลงไปก็เจอก้อนเก่าอีก บางทีลุยป่าหญ้าเข้าไปหาในที่ที่ว่างเปล่า งมๆ อยู่เจ้าของที่ก็มาไล่เพราะเขาไม่รู้ว่ามาทำอะไรกันก็มี จึงเป็นความทุกข์สาหัสของผู้ออกหาจริงๆ ทีมล่าปฐวีธาตุดำเนินการอยู่นานนับเดือน ปรากฏปฐวีธาตุชนิดถูกแบบ 100 % ได้เพียง 200 กว่าก้อนเท่านั้น
เป็นของยืนยันว่าหายากแท้ๆ
เมื่อนำปฐวีธาตุไปถวายหลวงปู่คำพันอธิษฐานจิตแล้ว คณะผู้ค้นหาก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ของดีขนาดนี้จะทำอย่างไรจึงสมควร ถ้าเพียงแต่เก็บงำเอาไว้กับคนบางคนก็จะตกอยู่แค่นั้น และต่อไปในกาลข้างหน้า ใครจะทราบไว้ว่ากรวดก้อนนี้คืออะไร ?
จึงตกลงใจสร้างรูปเหมือนหลวงปู่คำพัน ขนาด 3 นิ้วเศษๆ ด้วยเนื้อว่าน แล้วบรรจุของสำคัญสุดยอดนี้ลงไปเพื่อให้อยู่เป็นที่เป็นทาง และเพื่อเพิ่มความเป็นมหามงคลให้กับรูปเหมือน
พระรุ่นนี้สร้างในปี พ.ศ. 2538 มีจำนวนเพียง 227 องค์ เท่ากับจำนวนศีลของพระ รูปเหมือนทั้งหมดดำเนินการปลุกเสกแบบ “บินเดี่ยว” โดยหลวงปู่คำพันในอุโบสถโบราณของวัดแก่งตอย เป็นการเสกแบบเฉพาะเจาะจงลงไปสำหรับพระบูชา 3 นิ้ว, รูปเหมือนลอยองค์เนื้อว่าน ชนิดแขวนคอ รุ่น 2 และพระอุปคุตพันฤทธิ์ มีเรื่องแปลกอยู่ว่าขณะดำเนินการสร้างรูปเหมือนแบบบูชานี้อยู่ หลวงปู่คำพันก็ให้คนมาเอารูปเหมือนที่เสร็จก่อนเพื่อนไป 2 องค์ บอกว่าเพื่อเอาไปเสกก่อน แล้วมอบให้กับศิษย์คนสำคัญในวงการ 2 คน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระรูปเหมือนรุ่นนี้ยิ่งนัก
เมื่อผู้เสกถูกใจ คงไม่ต้องคิดให้มากว่าจะดีวิเศษอย่างไร ผมเห็นปฐวีธาตุเป็นของที่ดีที่สุดอยู่แล้ว จะหาชนิดถูกแบบอย่างนี้ก็หายาก ในเมื่อมีบรรจุอยู่ในรูปเหมือนนี้ ก็ต้องคว้าไว้ก่อน
ปัจจุบันรูปเหมือนแบบบูชารุ่นแรกยังพอมีเหลืออยู่ที่ท่านพระอาจารย์เวทย์เจ้าอาวาสวัดแก่งตอย จำนวนที่เหลืออยู่เข้าใจว่าราว 30 องค์ ทราบว่าทางวัดยังคงอัตราค่าบูชาไว้เท่าเดิม คือ 1,500 บาท ถ้าจะว่าแพงก็จงดูความละเอียดประณีตของงานก่อนเถิด ทั้งผง ทั้งเส้นเกศา ทั้งปฐวีธาตุชนิดถูกแบบล้วนมีอยู่ในพระรุ่นนี้อย่างสมบูรณ์ (บทความนี้เขียนไว้หลายปีแล้ว) ที่สำคัญ ราคานี้หลวงปู่คำพันเป็นผู้ตั้งเอง
ปัจจัยทั้งหมดหาได้ตกอยู่กับใครไม่ แม้แต่หลวงปู่คำพันผู้เป็นองค์เสก แต่จะเป็นทุนในการบูรณะวัดแก่งตอย ซึ่งเป็นวัดร้างมาเนิ่นนานในอดีตให้กลับเจริญรุ่งเรืองใช้ประโยชน์ได้สมเป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา
ได้ทั้งของดี ได้ทั้งบุญ จะเอาอย่างไรอีก
ใครคิดว่าจะบูชามาเพื่อแกะปฐวีธาตุออกแขวนผมก็ไม่ว่ากัน
สมัยก่อนที่ คุณอำพล เจน อนุญาตให้บริเวณบ้านเป็นสนามลองพระอยู่นั้น ได้มีการหยิบยกเอาปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันชนิดไม่ถูกแบบมาทดสอบให้เห็นจริง โดยระบบ “ยิง” ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์ให้เห็นจริงกันได้จะจะตา
คุณอำพลไม่ได้เป็นคนยิง ผู้ยิงเป็นตำรวจแม่นปืน แต่แม่นปืนก็ยังไม่ชัวร์ จึงต้องเอาปืนจ่อปฐวีธาตุในระยะ “เผาขน”ปากกระบอกปืน ห่างจากปฐวีธาตุไม่เกิน 1 นิ้ว เรียกว่าใครดีใครอยู่
ก่อนจะกดเปรี้ยงลงไป
ผลคือลูกปืนแฉลบผ่านองค์ธาตุไปได้อย่างน่าประหลาด ซึ่งในระยะจ่อยิงขนาดนั้น อย่าว่าแต่ปฐวีธาตุเลย ให้ยิงเด็ดหนวดยุงตัวผู้ก็คงไม่พลาด เป็นที่ประจักษ์ว่าคงอานุภาพด้านแคล้วคลาดกันภัยได้จริง
แม้ว่าปฐวีธาตุก้อนนั้นจะเป็นชนิดไม่ต้องตามตำราก็ตาม |
|