ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ปฐวีธาตุ

[คัดลอกลิงก์]
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-8-7 10:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ของอาจารย์ได้มาแว้วววว
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-11-15 12:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
oustayutt ตอบกลับเมื่อ 2017-11-3 22:53
ของอาจารย์ได้มาแว้วววว

17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-12-4 05:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์
โดย...อำพล เจน
-----------------------------
ควรจะทำอย่างไรเมื่อถูกโจรปล้นหรือจี้ ?
คำถามนี้น่าสนใจ
คำตอบที่ดีที่สุด โดยมากมักจะตอบออกมาจากผู้ที่เกิดมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยถูกปล้นจี้เลยสักครั้ง
คุณหมอไพโรจน์ อำพนพิศลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวังหิน ศีรษะเกษบอกว่าได้สั่งไว้กับลูกเมีย
“ถ้าโจรมันขึ้นบ้านขอให้ทุกคนหนีออกจากบ้านให้ได้ เอาตัวเองรอด, อย่าหวงสมบัติ, ข้าวของหลายอย่างของเราเก่าแล้ว ถ้าโจรมันเอาไปหมดเลยก็ดี จะได้ซื้อใหม่ซะที”
นี่ตอบแบบหมอ คือรักษาชีวิตให้รอดไว้ก่อน
และก็ควรมีสุขภาพที่ดี ปลอดจากโรค
ซึ่งก็คือปลอดภัยจากการบาดเจ็บเพราะถูกโจรทุบตี
ยิ่งสมควรกระทำ
พูดแบบมีคนมีสตังค์อีกด้วย คือเสียเท่าไรไม่ว่า ..ขอให้ปลอดภัยไว้ก่อน
อีกคนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) เป็นเพื่อนก๊วนเดียวกับคุณหมอ เป็นคนมีฐานะร่ำรวย
สมัยเรียนแพทย์ด้วยกัน เป็นคนเดียวที่ขับรถสปอร์ตมาเรียนหนังสือ สาวๆล้อมหน้า ล้อมหลัง มีเงินแจกให้เพื่อนฝูงใช้ทุกวัน พกแต่แบงก์ใหม่ๆ แบงก์เก่าไม่เอา คุณหมอคอยรับอานิสงส์ ได้รับแบงก์เก่าๆไว้ใช้บ่อยๆ
แถมยังคุยอีกว่าในโลกนี้มี 2 สิ่งที่ตนเองซื้อไม่ได้ คือรถไฟกับเครื่องบิน
รวยขนาดไหนให้นึกดู
วันหนึ่งถูกโจรจี้จะเอานาฬิกาข้อมือ แกฮึดสู้ไม่ยอมให้จี้ จะเพราะเสียดายหรือจะเพราะอะไรมิทราบ โจรมันเลยจิ้มเอาด้วยมีด
ตายคาที่ซีครับ
นาฬิกาแค่เรือนเดียว ยกให้โจรมันไปซะก็หมดเรื่อง มีปัญญาซื้อเอาใหม่อีกกี่เรือนก็ย่อมได้อยู่แล้ว..รวยออกอย่างนั้น
เออ..ถ้าเป็นคนมีสมบัติชิ้นเดียวที่ต้องหวงแหน จนลืมห่วงชีวิตของตนเอง ก็ว่าไปอย่าง
ควรยอมเสียนาฬิกาเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้แบบคุณหมอไพโรจน์ว่า บางทียังจะมีโอกาสทาบทามซื้อรถไฟกับเครื่องบิน จะซื้อได้หรือไม่ ก็ยังจะมีชีวิตอยู่ต่อมาได้อีกตั้งหลายสิบปี
น่าเสียดายที่ไม่ไปฟังคุณหมอไพโรจน์ก่อนถูกจี้เอานาฬิกา
คุณเป้าเป็นอีกคนที่ไม่เคยฟังคุณหมอ เคยถูกจี้และแถมฮึดสู้โจร แล้วรอดชีวิตมาได้อีกด้วย
คุณเป้า (ขอสงวนนามจริง) เป็นหลานชายเพื่อนของผมเอง คุณชยันต์ รักเกียรติ หรือเสี่ยสันต์ เมืองอุบลฯ เป็นคนที่ฐานะครอบครัวค่อนข้างดี จึงมีทุนรอนส่งคุณเป้าไปเรียนเมืองนอกได้
แต่ว่าอยู่เมืองไทยจะมั่งมีอย่างไรก็ตามไปถึงเมืองนอกแล้ว เป็นอันว่าต้องกลายเป็นคนจนพอๆกับคนอื่นทั้งนั้น
จะคอยใช้แต่เงินส่งเสียจากพ่อแม่ ไม่มีหวังจะพอ ต้องเรียนไปทำงานไปด้วยแทบทุกคน
เบื้องหลังนักเรียนนอกคนโก้ ก็คือคนล้างจาน หรือเด็กเสิร์ฟอาหารในร้านอาหารเกือบทั้งหมด
ไม่ได้พูดเหน็บให้เกิดปมด้อย
มันเป็นความจริงที่นักเรียนนอกมักภูมิใจในสภาวะที่เกิดขึ้นกับตน เมื่อเรียนอยู่ต่างประเทศ เพราะมันทำให้บรรลุภาวะของชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว
คุณเป้าเรียนอยู่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย หลังเลิกเรียนก็ไปทำงานในร้านอาหาร บางทีเข้างานกะดึก กลับบ้านเกือบสว่างก็มี
วันหนึ่งเลิกงานราวๆตี 4 ขึ้นรถไฟใต้ดินกลับที่พัก พอลงรถไฟต้องเดินอีกหน่อยจึงจะถึงบ้าน ระหว่างนั้นมีโจรฝรั่งชายและหญิง 2 คน เข้ามาจี้ จะเอาเป้ที่คุณเป้าสะพายหลัง คุณเป้าซึ่งจะต้องถือว่าตอนนั้นเป็นคนจนไปแล้วจึงหวงเป้เต็มที่ ฮึดฮัดไม่ยอมให้ โจรผู้ชายเลยชักปืนกดเปรี้ยงแบบเผาขน
แค่ยิงนัดแรกโจรมันก็ตกใจแล้วครับ
พอยิงจนหมดโม่ มันก็ขวัญบิน
เพราะลูกปืนด้านหมดทุกนัด
โจรผู้หญิงคงอยากได้เป้ของคุณเป้ามากเลยโดดเข้ามาแย่ง คุณเป้าก็ยื้อเป้เอาไว้ไม่ยอมปล่อย ยักแย่ยักยัน กลายเป็นเกมส์ชักคะเย่อ
โจรผู้ชายเห็นไม่ได้การเอาด้ามปืนตีหัวคุณเป้า แล้วลากโจรผู้หญิงวิ่งหนีหายไปในความมืด
คุณเป้าทรุดลงนั่ง
เอามือกุมหัวป้อยๆ
เป้ก็ไม่เสียให้โจร
ครับใช่แล้ว...ไม่ต้องสงสัยเลย
คุณเป้าแขวนปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย นครพนม
(ทราบภายหลังว่าแขวน ๒๕ พุทธศตวรรษอีกองค์ด้วย)
นี่คือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่คนไทยชาวพุทธมีวาสนามากกว่าคนชาติอื่น
แม้เป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผลพ้นคำอธิบาย แต่คนต่างชาติมากมายมาเริ่มคล้อยใจเชื่อเรื่องแบบนี้กันมาก ทั้งๆที่นับถือศาสนาอื่น ดูอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือฮ่องกง ที่เป็นตลาดใหญ่เมืองไทยส่งวัตถุมงคล ไปเป็นสินค้าออกมาตั้งนานแล้ว
ใครจะหาว่าผมพูดเป็นเล่นๆ
ถ้าจะพูดเล่นต้องพูดแบบนี้ว่า วัตถุมงคลเดี๋ยวนี้ถือเป็นสินค้าส่งออกที่รัฐบาลกำลังพิจารณาสนับสนุนให้เพิ่มกำลังผลิตเพื่อรับภาระเศรษฐกิจฟื้นตัวในปีหน้า
แต่วัตถุมงคลไม่ใช่สินค้า
พูดเล่นได้
พูดจริงไม่ได้
วัตถุมงคลยังคงเป็นของหายาก เป็นของลี้ลับ ที่บางทีทั้งชีวิตคุณจะมีได้แค่ชิ้นเดียวหรือองค์เดียวเท่านั้น
ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ก็เช่นเดียวกันถือเป็นของหายาก ถึงแม้องค์หลวงปู่ผู้เสกปฐวีธาตุยังคงดำรงสังขารอยู่ ไปขอปฐวีธาตุกับท่านก็ยังยาก
ใครไม่เชื่อให้ไปลองขอกับท่านดู
ถ้าขอได้ง่ายๆ ปฐวีธาตุจะถือเป็นของหายากได้อย่างไร
ปฐวีธาตุที่มีชื่อเสียงขึ้นสุดขอบฟ้าไกลเห็นจะเป็นของท่านเจ้าคุณนรฯ ที่ตลอดทั้งชาตินี้หรือชาติหน้าคนมากมายไม่มีวาสนาได้เป็นเจ้าของ
ถึงจะมีคนใจดีเอามามอบให้ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นของจริง
ปฐวีธาตุคือก้อนกรวดดี ๆ นี่เอง
เขาให้มาแล้วเอามาขึ้นใส่สร้อยแขวนไปคงครั่นเนื้อครั่นตัวพิกล
ถ้าไม่ได้มาเมื่อท่านเจ้าคุณนรฯ ยังคงชีพอยู่เป็นอันว่าเมินเสียเถอะ
เขาลือกันว่าท่านเจ้าคุณนรฯ ทำนายไว้ล่วงหน้าว่าต่อไปจะมีผู้เสกปฐวีธาตุได้ ซึ่งจะเป็นพระอยู่ริมแม่น้ำโขง
กลุ่มลูกศิษย์ท่านเจ้าคุณนรฯกลุ่มหนึ่งจึงดั้นด้นไปกราบหลวงปู่คำพันธ์ถึงวัดธาตุ มหาชัย ซึ่งหลวงปู่เองก็ได้เล่าให้ฟังภายหลังว่าว่าเขามากันจริง
เขาคิดว่าพระรูปนั้นเป็นหลวงปู่
แต่หลวงปู่คิดอย่างไรไม่มีใครกล้าถาม
เวลานี้องค์หลวงปู่ก็ยังอยู่ถ้าไม่เอาปฐวีธาตุตอนนี้แล้วจะรอไว้ตอนไหน แม้ต่อไปในภายหน้า ใครจะหาอะไรมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเป็นปฐวีธาตุของท่านจริงหรือไม่จริงอย่างไร
นี่คือปัญหา
ปัญหาเมื่อมีทางแก้ก็ไม่ต้องกังวล
แต่หากว่าปัญหานั้นไม่มีทางแก้ แม้กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์
ทางแก้คือต้องเอาปฐวีธาตุบรรจุไว้ในองค์พระ เพราะเมื่อเป็นองค์พระแล้วเหล่าชาวยุทธจักรสามารถดูออกว่าแท้หรือเทียม
ถ้าเป็นก้อนกรวดลุ่นๆชาวยุทธ์ยังไม่มีวิธีพิสูจน์
เหลือแค่วิธีนั่งดูทางใน
จริงไม่จริง..จะเชื่อได้แค่ไหน
ผลที่สุดจะกลุ้มใจกันต่อไป
(ข้อเขียนนี้ตีพิมพ์ในหนังสือศักดิ์สิทธิ์ คอลัมน์สืบหาพระเครื่องดี นานหลายปีแล้ว ตั้งแต่หลวงปู่คำพันยังมีชีวิตอยู่)


20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-11 06:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้