|
การสร้างเหล็กไหล (การหุงเหล็กไหล)
นอกจากเหล็กไหลที่มีอยู่ตามธรรมชาติแล้วครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิความรู้ท่านยังสามารถสร้างเหล็กไหลจำลองขึ้นมาโดยเลียนแบบมาจากธาตุตามธรรมชาติบนโลก ซึ่งเราเรียกการสร้างเหล็กไหลจำลองนี้ว่า "การหุงเหล็กไหลหรีอการเล่นแร่แปรธาตุ"(การที่ทำให้ธาตุอย่างหนึ่งแปรสภาพกลายเป็นธาตุชนิดใหม่ขึ้นมา)
ตามตำรากล่าวว่าหากการหุงเหล็กไหลทำสำเร็จในช่วงฟ้าสางจะได้เหล็กไหลที่มีสีเขียวปีกแมลงทับ แต่หากหุงสำเร็จในช่วงเช้าตรู่ ขณะพระอาทิตย์กำลังขึ้นเป็นดวงสืแดงก็จะได้เหล็กไหลที่มีสีแดงเพลิง หรือหากหุงสำเร็จในช่วงสายที่พระอาทิตย์ส่องแสงกล้าแล้วเหล็กไหล ที่ได้ก็จะมีสีขาวเงินยวง เป็นต้น เรื่องอิทธิพลจากแสงอาทิตย์ที่มี ต่อการหุงเหล็กไหลจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกันความลึกลับตาม ธรรมชาติของเหล็กไหลและความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพระอาทิตย์ และพระจันทรนั้นยังคงเป็นสิงที่น่าค้นคว้าต่อไปแต่เรื่องการหุงเหล็กไหลนี้เข้าใจว่าน่าจะมาจากการที่ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อนได้เคยเห็น เหล็กไหลตามธรรมชาติมาแล้ว จากนั้นจึงทำการหุงผสมธาตุต่างๆ
ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบเหล็กไหลในธรรมชาติ เท่ากับว่าเหล็กไหลที่ ปรากฏในโลกเรานี้ย่อมมีทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติและที่เกิดขึ้น จากการเล่นแร่แปรธาตุของมหาโยคีในยุคก่อนๆนั่นเอง
หลากหลายตำนานเกี่ยวกับธาตุกายสิทธิ์ในโลกได้กล่าวไว้ว่า ผู้ใดก็ตามที่ได้ครอบครองวัตถุธาตุกายสิทธิ์ ผู้นั้นย่อมสามารถบรรลุ ความปรารถนาทั้งปวงบนโลกธาตุนี้ได้ วัตถุธาตุบางอย่างที่มีพลัง อำนาจในตัวเองนั้นจะสามารถปกป้องคุ้มครองและเป็นเสน่ห์เมตตา แก่ผู้ครอบครองได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่ง,ในธรรมชาติก็มีวัตถุธาตุที่มี พลังอำนาจในตัวเองอยู่หลายชนิดด้วยกัน เช่นพวกคดจากพืชและลัตว์ เพชรหน้าทั่ง อัญมณีนพเก้า แก้วโป่งข่าม แต่ในบรรดาธาตุกายสิทธิ์ เหล่านั้นไม่มีสิงใดที่จะยิ่งใหญ่ทรงอานุภาพและเป็นตำนานที,เล่าขาน ไม่รู้จบเทียบได้กับธาตุกายสิทธิ์ที่มีชื่อว่า"เหล็กไหล"
บางตำนานกล่าวถึงการกำเนิดของเหล็กไหลว่าเกิดจาก อำนาจและวิชาของพระฤาษีที่ทรงฌานสูงสุดและเป็นผู้มีญาณหยั่งรู้ว่า ใต้พิภพนั้นมีแร่เหล็กที่ทรงอานุภาพมหัศจรรย์อยู่ และท่านฤาษีได้ใช้ กำลังฌานเรียกแร่เหล็กที่อยู่ใต้โลกเหล่านั้นมารวมตัวกันอยู่ตามถ้ำต่างๆ จนเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปคนในยุคต่อๆมาจึงได้ค้นพบแร่ มหัศจรรย์นี้ ซึ่งแร่ชนิดนี้สามารถทำตัวเองให้อ่อนนิ่มและยืดตัวเอง ไหลไปตามที่ต่างๆได้ และยังสามารถเคลื่อนทีผ่านทะลุแท่งหินตัน ๆ ได้คนโบราณจึงได้ขนานนามแร่พิเศษชนิดนี้ว่า"เหล็กไหล"อันหมายถึงธาตุเหล็กที่มีความมหัศจรรย์ในตัว สามารถทำตัวเอง ให้อ่อนนุ่ม และลื่นไหลไปมาได้
แต่นอกจากความเชื่อที่ว่าแร่เหล็กไหลนี้มาจากธาตุลี้ลับที่อยู่ ใต้พื้นพิภพแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความเชื่อที่เกี่ยวกับกำเนิดเหล็กไหล บนโลกนั้นคือความเชื่อที่ว่าเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์เป็นธาตุชนิดพิเศษที่มาจากมิติอื่นเชื่อกันว่ามหาฤาษีในยุคก่อนๆ ได้เข้าฌานเพื่อทำการ ขอธาตุกายสิทธิ์โว้สำหรับปกป้องโลกให้พ้นจากภัยพิบัติ เมื่อพระเจ้าผู้สร้างโลก คือ พระศิวะ พระพรหมธาดา และพระนารายณ์ได้รับรู้ถึง แรงอธิษฐานจากกำลังฌานของพระฤาษี พระองค์จึงทรงประทานธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งมาให้ในลักษณะของก้อนอุกกาบาต แต่การมาของก้อนอุกกาบาตในครั้งนี้มิได้พุ่งเข้าชนโลกเหมือนอุกกาบาตโดยทั่วไป หากแต่เป็นการเดินทางโดยผ่านประตูแห่งมิติเวลาเข้ามายังโลก
เมื่อครั้งแรกที่ธาตุนี้มาถึงโลกมันยังคงเป็นของเหลวที่มี ลักษณะสีดำข้นสามารถลื่นไหลไปตามที่ต่างๆได้ ต่อมาธาตุเหล่านี้ ได้แยกย้ายตัวเองไปตามล่วนต่างๆของโลก ทั้งใต้ดิน ในถ้ำ และ ในน้ำที่ห่างไกลจากผู้คน เพื่อรอคอยเวลาจนกว่าจะมีผู้ที่มีพลังจิต มาค้นพบและนำเอาไปใช้ประโยชน์ในการช่วยโลกให้พ้นจากภัยพิบัติ ต่างๆเหล็กไหลในยุคแรกนั้นได้เคลื่อนตัวไปตามสถานที่ต่างๆ และ ได้สร้างรังสร้างอาณาจักรของตนเองจนเกิดเป็นสายแร่และเป็นแร่ เหล็กไหลตระกูลต่างๆ ขึ้นบนโลก ในที่สุดก็ได้กลายเป็นตำนานของ ธาตุกายสิทธิชนิดต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีบางตำราได้กล่าวถึงต้นกำเนิดของเหล็กไหล ไว้ว่าเกิดขึ้นจากการเล่นแร่แปรธาตุของมหาฤาษีในยุคก่อนๆ ซึ่งพอ จะสรุปได้ว่าเหล็กไหลนั้นน่าจะมีในธรรมชาติมาแต่เดิม โดยเหล็กไหลอาจเป็นวัตถุธาตุชนิดพิเศษที่เดินทางมาจากนอกโลก หรือเดินทาง มาจากต่างมิติภพภูมิแล้วได้หลบซ่อนตัวอยู่ตามธรรมชาติ จวบจน เมื่อธาตุชนิดนี้ได้ถูกค้นพบและศึกษาค้นคว้าโดยมนุษย์ผู้มีภูมิปัญญา ต่อมาเหล่าพระมหาฤาษีที่ทรงฌานอันแก่กล้าจึงได้คิดสูตรรวมธาตุ เพื่อสร้างธาตุใหม่ที่มีความใกล้เคียงกับเหล็กไหลตามธรรมชาติขึ้น
เซึ่อได้ว่าพระฤาษีในยุคโบราณท่านคงสำเร็จวิชาการรวมธาตุและ การเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงสุดจนสามารถรวมธาตุที่ทรงฤทธิ์เหมือน เหล็กไหลชั้นยอด รวมถึงวิชาขั้นรองๆลงมาในการรวมธาตุ จึงเกิดเป็น เนื้อเมฆสิทธิ์และเมฆพัตร ซึ่งเนื้อธาตุเหล่านี้ก็มาจากตำนานของการ เล่นแร่แปรธาตุเหล็กไหลนี่เอง การที่โบราณจารย์ท่านพยายามผสม ธาตุเพื่อให้เกิดฤทธิ์อำนาจในตัวเองดุจเดียวกับเหล็กไหลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จึงทำให้บังเกิดเนื้อธาตุเหล่านื้ขึ้นมาและเป็นที่รู้จักกันดี ในวงการพระเครื่องปัจจุปัน
ตำนานเรื่องราวของเหล็กไหลนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจหาข้อสรุป ที่มีความแน่ชัดตายตัวลงได้เพราะในช่วงเวลาที่ล่วงเลยมานานกว่า แสนปีนั้น เหล็กไหลได้มีการพัฒนาตัวเองและปรับตัวเองไปตาม ธรรมชาติในแต่ละยุคที่เปลี่ยนไป อีกทั้งครูบาอาจารย์ผู้มีภูมิความรู้ เกี่ยว เนื่องกับ เหล็กไหลก็มีการพัฒนาวิชาการเล่นแร่แปรธาตุรวมทั้งสูตรวิชาบางอย่างที่เคยหายสาบสูญไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแปรและเป็น ปัจจัยให้เรื่องราวของเหล็กไหลซับซ้อนยิ่งขึ้นจนยากที่จะหาข้อสรุปลงได้ ในแต่ละตำนานต่างก็มีจุดยืนและเอกลักษณ์ของตนมีทั้งข้อดี และข้อเสียซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่มีตำนานใดที่กล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ผิดหรือถูกต้องทั้งหมด
|
ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง
คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน
x
|