ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนานเหล็กไหล

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหลหยด

เหล็กไหลหยด


เหล็กไหลหยดหรือที่บางครั้งก็เรียกว่า "เหล็กหยด" ไม่ถือเป็น โคตรเหล็กไหล และไม่ใช่เหล็กไหลน้ำหนึ่งชั้นยอดเหมือนกลุ่มแรก อย่างเหล็กไหลโกฏิปีหรือเหล็กไหลเจ้าป่าเพราะมีคุณภาพต่ำลงมา จึงไม่สามารถดับพิษไฟได้ แต่จะมีอานุภาพเป็นยอดในทางป้องกันงู เงี้ยวเขี้ยวขอและของมีคม เหล็กไหลหยดจะเสพน้ำผึ้งทำให้กลิ่นและรสหวานของน้ำผึ้งหมดไปบางครั้งอาจทำให้น้ำผึ้งพร่องไปบ้าง





เหล็กไหลหยดมีทั้งที่เกิดจากการแตกตัวของรังเหล็กไหล ที่อาจถูกความร้อนตามธรรมชาติและที่ได้มาจากการตัดของผู้ที่มีอาคม ซึ่งหลังจากที่ใช้เทียนอาคมลนก็จะได้เหล็กไหลหยดตัวตามธรรมชาติลง มาในบาตรน้ำผึ้งคล้ายกับการตัดเหล็กไหลเจ้าป่า แต่เหล็กไหลหยดที่ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่ละชิ้นจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก

โดยมากจะ มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ยาวอย่างมากไม่เกินหนึ่งนิ้วชี้ลักษณะโดยทั่วไปมีรูปร่างแปลก ๆ หลายแบบ เช่น มีสัณฐานกลมโดยธรรมชาติก็มี ที่มี ลักษณะคล้ายพวงองุ่นก็มี หรือบางทีก็หยดตัวคล้ายลักษณะของน้ำตาเทียนและหยดเทียน สีสันของเหล็กไหลหยดมักออกดำด้าน ๆ มีรูพรุน โดยรอบ บางชิ้นออกสีน้ำตาลแดง เหล็กหยดที่มีคุณภาพดีจะมีสีออกดำ เหมือนตังเมข้นๆ บางชิ้นผิวออกสีเงินยวงก็มี ซึ่งนับว่าเป็นเหล็กไหล ที่มีความใกล้เคียงกับเหล็กไหลเจ้าป่ามากที่สุด เหล็กหยดบางท่านอาจ เรียกว่า "เหล็กหลบ" เนื่องจากว่าเหล็กไหลมีอยู่ด้วยกัแหลายชนิด บาง ชนิดอาจมีลักษณะใกล้เคียงกัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความหลากหลาย และสับสนจนเกินไปนักจึงอนุโลมให้จัดรวมอยู่ในประเภทเดียวกันได้

"เหล็กไหลหยด" หรือ เหล็กหยดนี้ดีทาง คงกระพันหนังเหนียว และกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอได้ดี เมื่อนำมาปลุกเสกจะมีอิทธิฤทธิ์ในตัวมาก เป็นพิเศษ นิยมพกทั้งที่เป็นเม็ด ๆ หรือเป็นชิ้นติดตัวเอาไว้เลย พวกภูตผีปีศาจต่างก็เกรงกลัวรัศมีของเหล็กหยดนี้ และยังดีทางแคล้วคลาด ล่องหนอีกด้วย

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โคตรเหล็กไหลทรหด

โคตรเหล็กไหลทรหดเป็นโคตรเหล็กไหลชั้นเลิศอีกชนิดหนึ่ง ที่มีความใกล้เคียงกับโคตรเหล็กไหลงอกมาก แต่ต่างกันตรงที่โคตร เหล็กไหลทรหดนั้นจะงอกขึ้นมาเป็นมัดๆ คล้ายกล้ามเนื้อ ส่วนโคตรเหล็กไหลงอกนั้นจะงอกเป็นเม็ดเล็ก ๆ คล้ายไข่ปลาเกาะติดกันเป็นกลุ่มก้อนบางครั้งจะพบว่ามีทั้งโคตรเหล็กไหลงอกและโคตรเหล็กไหลทรหดขึ้นรวมอยู่ด้วยกัน แต่โดยรวมแล้วโคตรเหล็กไหลทรหดมักขึ้นเป็นมัดๆ และมีมวลแน่นหนากว่าโคตรเหล็กไหลงอก

โคตรเหล็กไหลทรหด

โคตรเหล็กไหลทรหดจัดเป็นโคตรเหล็กไหลที่มีอานุภาพ ไม่ด้อยไปกว่าโคตรเหล็กไหลงอก โดยโคตรเหล็กไหลทรหดจะเด่นใน เรื่องคงกระพันอีกทั้งยังสามารถเจริญเติบโตได้โดยมากจะไม่งอก เพิ่ม อย่างโคตรเหล็กไหลงอกแต่จะขยายขนาดทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมา และ หากได้รับการประจุพลังจิตก็จะสามารถเปลี่ยนสีสันของตัวเองได้เช่นกัน การจะนำโคตรเหล็กไหลทรหดมาได้นั้นสามารถทำได้โดย การสกัดจากหินที่โคตรเหล็กไหลทรหดงอกขึ้นมาได้เลยเช่นเดียวกับ โคตรเหล็กไหลงอก แต่ต้องอธิษฐานจิตขอต่อเจ้าป่าเจ้าเขาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะเกิดอาเพศต่อตัวผู้นั้นรวมไปถึงหมู่คณะที่เข้าไปด้วย ครูบาอาจารย์ที่ได้โคตรเหล็กไหลทรหดมามักจะตัดเป็นชิ้น ๆ สามารถใช้พกพาได้เลยเพราะเป็นของดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว หรืออาจนำมาแกะ เป็นองค์พระหรือทำเป็นจี้ห้อยคอก็ได้ เพราะเนื้อของโคตรเหล็กไหล ทรหดนั้นมักเป็นเนื้อตัน เมื่อนำมาเจียระไนแล้วจึงดูสวยงาม และไม่ขึ้นสนิม พวกพรานป่ามักนิยมเจียเป็นรูปเบี้ยหลังเต่าแล้วฝังไว้ที่ หัวไหล่หรือ เจีย เป็นทรงหนำเลี้ยบเรียวแหลมแล้ว ฝังไว้ที่ใต้ท้อง แขน เพราะเชื่อว่าทำให้คงกระพันหนังเหนียวหรือแม้จะต้องทำงานหนักก็ ไม่รู้สึกว่าเหนื่อย และยังทรหดอดทนต่อการเดินทางไกลได้อย่างน่า อัศจรรย์ หากอมไว้ในปากก็เชื่อว่าทำให้ไม่กระหายน้ำและสามารถ ป้องกันไข้ป่าได้ นอกจากนี้ฤทธิ์ขององค์เหล็กยังทำให้เป็นที่ครั่นคร้าม ต่อสัตว์ใหญ่อย่างงู เสือ และช้างอีกด้วย




ทั้งโคตรเหล็กไหลงอกและโคตรเหล็กไหลทรหดถือว่าเป็น ของเย็น ดังนั้นหากผู้ใดที่มีไว้บูชาประจำบ้านหรือพกติดตัวจะทำให้ เกิดความร่มเย็นในชีวิต มีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม เดินทางไปไหนก็ปลอดภัยทำสิ่งใดก็สำเร็จทุกประการ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โคตรเหล็กไหลงอก
โคตรเหล็กไหลงอก

โคตรเหล็กไหลงอกเป็นเหล็กไหลชั้นรองลงมา หรือที่เรียก กันว่าเหล็กไหลน้ำรอง ซึ่งต่างกับเหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลเจ้าป่า และ เหล็กไหลเพลิง อันเป็นเหล็กไหลชั้นหนึ่งหรือเหล็กไหลน้ำหนึ่งที่ มีอิทธิฤทธิ์มากและเป็นกายสิทธิ์ที่ต้องใช้วิชาอาคมในการเชิญหรือในการตัด และผู้ที่จะตัดได้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาเท่านั้น ส่วนเหล็กไหลงอก จัดเป็นพวกโคตรเหล็กไหลที่ไม่ต้องใช้วิชาในการตัด แต่ต้องทำการขอจากเจ้าป่าเจ้าเขา ไม่เช่นนั้นจะโดนอาถรรพณ์ทำร้ายจนทำ ให้ชีวิตวิบัติในทุกๆ ด้าน

เหล็กไหลงอกหรือโคตรเหล็กไหลงอกถือว่าเป็นโคตรเหล็กไหลชั้นเยี่ยม หรือเป็นโคตรเหล็กไหลชั้นหนึ่งในบรรดาโคตรเหล็กไหล หลายๆ ชนิด แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือโคตรเหล็กไหลงอกที่เขาอึมครึมและ เขากะอางค์ รวมทั้งตามถ้ำในเขตชายแดนไทยพม่าและในป่าลึกของพม่าอีกทั้งเหล็กไหลงอกที่เกาะล้านพัทยาและเหล็กไหลงอกที่เมืองลอง จังหวัดแพร่ที่เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า"ตับเหล็กเมืองลอง"

เหล็กไหลงอกนั้นเป็นโคตรเหล็กไหลที่มีลักษณะการงอก ไปมาเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำมนปนเขียว รูปร่างแปลกตา ดูสวยงาม บางชิ้นทอสีเป็นสีรุ้งอย่างน่าอัศจรรย์เหล็กไหลงอกมักพบตามเพดานถ้ำ บางครั้งฝังอยู่ในดินก็มี แม้ว่าเหล็กไหลงอกจะเป็นเหล็กไหลน้ำรอง แต่ก็มีอิทธิอานุภาพที่สูงส่งเช่นกัน เพราะเป็นของที่มีเทพยดารักษา โดยมากมักเป็นญาณของพระฤาษีที่ทรงตบะแก่กล้าและมีดวง วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขามากมายรักษาอยู่ ทั้งเทพ คนธรรพ์และพญานาคก็มี เพราะเหล็กไหลชนิดนี้ถือเป็นกายสิทธิ์สำคัญอย่างหนึ่งที่จะสามารถ ช่วยบรรเทาภัยพิบัติจากแม่ธาตุที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้ได้

ความน่าอัศจรรย์ของเหล็กไหลงอกคือสามารถงอกหรือขยาย ขนาดตัวเองให้โตขึ้นได้ หาก เป็นองค์เหล็กที่อยู่ตามธรรมชาติแล้วมี การงอกที่เหมือนกับหินงอกหินย้อยทั่วไปก็ดูไม่น่าอัศจรรย์แต่อย่างใด แต่ถ้านำเหล็กไหลงอกหรือโคตรเหล็กไหลงอกนี้มาเลี่ยมใส่ไว้ใน กรอบพลาสติกอย่างมิดชิดแล้วปรากฏว่ายังสามารถขยายขนาด หรืองอกเพิ่มจนดันกรอบให้แตกออกมาได้ย่อมนับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่อง1จริง เพราะมีหลายท่านที่เลี่ยมองค์ เหล็กไหลงอก คล้องคอไว้ แล้วต้อง เอาไปเลี่ยมกรอบใหม่ เนื่องจาก องค์เหล็กขยายขนาดและงอกเพิ่มขึ้นจนดันกรอบเก่าแตก แต่ทั้งนี้ การที่องค์เหล็กไหลงอกจะงอกขยายขนาดได้มากเท่าไรนั้นก็ต้อง ขึ้นอยู่กับการปฏิบ้ติตัวของคนผู้นั้นด้วย หากผู้ที่รับเอาองค์เหล็กไป แล้วหมั่นบูชาสวดมนต์ปฏิบัติกรรมฐาน แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศล ให้แก่โคตรเหล็กไหลงอก องค์เหล็กไหลงอกก็จะงอกขยายขนาด จนเห็นได้ชัด นานวันเข้าก็จะดันจนกรอบแตกเป็นที่น่าอัศจรรย์





การงอกของโคตรเหล็กไหลนั้นจะงอกเพิ่มในจุดต่างๆที่ ไม่ซ้ำกัน โดยจุดที่งอกขึ้นมาใหม่จะมีสีสันที่ดูสดใสและสามารถขยาย ขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนจุดที่งอกนานแล้วจะมีสีเข้ม ยิ่งถ้านานวันไป ความเงามันอาจลดลงได้ และถ้าหากละเลยการสวดมนต์ทำสมาธิแล้ว การงอกอาจใช้เวลานานมาก ตรงกันข้ามกับการได้ปฏิบัติทำสมาธิแผ่เมตตาจิตซึ่งจะมีผลทำให้องค์เหล็กงอกและขยายตัวเร็วขึ้นกว่าหลายเท่าตัว การงอกของโคตรเหล็กไหลงอกนั้นถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะถือว่าหากผู้ใดมีเหล็กไหลงอกซึ่งงอกไปมาสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ แสดงว่าบุคคลผู้นั้นต้องโฉลกหรือกำลังจะมีโชคชีวิตย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นนิจศีล ทำการค้าขายย่อมมีความเจริญรุ่งเรือง นอกจากองค์เหล็กไหลงอกจะสามารถงอกเพิ่มขึ้นได้แล้วยังสามารถเปลี่ยนสี ได้อีกด้วย

เมื่อเอาไปให้ครูบาอาจารย์ที่มีสมาธิจิตส่งพลังจิตประจุลงไป ในองค์เหล็กไหลจะสังเกตได้ว่าองค์เหล็กจะมีการเปลี่ยนสีทันทีจากสีดำ กลายเป็นสีเขียวเข้ม หรือบาง ครั้งอาจทอสี เป็นสีเหลือบรุ้งขึ้นมา การเปลี่ยนสีนี้พบว่ามีขึ้นในเหล็กไหลเกือบทุกชนิดทั้งในเหล็กไหลน้ำหนึ่งและเหล็กไหลน้ำรอง อันแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาตอบรับ ระหว่างพลังจิตกับองค์เหล็กไหล

โคตรเหล็กไหลงอกมีพุทธคุณหลายอย่าง แต่ที่เด่นชัดคือ ในด้านป้องกันชีวิต ป้องกันภัยจากศาสตราวุธและอุบัติภัยได้ ดัง กรณีตัวอย่างของพรานป่าที่คล้ององค์เหล็กไหลงอกติดตัวไว้ขณะ ออกไปล่าสัตว์ ยังส่งผลให้ยิงปืนไม่ออกทำให้ไม่สามารถล่าลัตว์ได้ ต้องอาราธนาเอาองค์เหล็กออกจากตัวเสียก่อนจึงออกป่าล่าสัตว์ ยิงปืนโดยไม่ด้านไม่ขัด สามารถใข้ปืนยิงได้ตามปกติทุกประการ แสดงให้เห็นว่าเทพที่สถิตย์อยู่กับองค์เหล็กนั้นไม่ต้องการให้ผู้ใดทำ

บาปและผิดศีลข้อปาณาติบาต เพราะองค์เหล็กย่อมคุ้มครองชีวิต ทุกชีวิตเสมือนกันหมดนอกจากท่านจะคุ้มครองเราแล้วท่านยังมีเมตตา จิตสั่งสอนเราไม่ให้ไปเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น นอกจากนี้โคตรเหล็กไหล งอกยังดีทั้งด้านเมตตา มหานิยม โชคลาภ สามารถป้องกันภูตผีปีศาจ และคุณไสยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอและสัตว์มีพิษ ต่าง ๆ และหากใครถูกแมงปอง ตะขาบ หรือแมลงสัตว์กัดต่อยก็ สามารถฝนด้านหลังของเหล็กไหลงอกแล้วนำผงที,ได้มาทาแผล เพราะ นอกจากจะช่วยดูดพิษจากบาดแผลแล้วยังทำให้หายปวดได้อีกด้วย

โคตรเหล็กไหลงอกจะเสพน้ำผึ้งเป็นอาหาร เมื่อหยดน้ำผึ้ง ลงไปบนโคตรเหล็กไหลที่ยังคงมีพลังชีวิตอยู่ ไม่นานนักนํ้าผึ้งที่ หยดลงไปจะเปลี่ยนเป็นสีขาวดุจน้ำนมและแห้งไปในที่สุดอย่าง น่าอัศจรรย์มาก องค์โคตรเหล็กอื่นๆ ก็เสพน้ำผึ้งเช่นกัน แม้จะไม่ได้ แสดงปาฏิหารย์ให้เห็น แต่น้ำผึ้งก็จะหมดรสหวานไป โคตรเหล็กไหล เป็นเหล็กไหลชั้นรอง ไม่กินฟอสฟอรัสและดินปืน แต่ก็สามารถกิน พลังงานไฟฟ้าได้เหมือนกัน ซึ่งหากว่า เป็นโคตรเหล็กไหลงอกก้อนใหญ่ หรือมีโคตรเหล็กรวมอยู่ที่เดียวกันมาก ๆ ก็จะเกิดปฏิกิริยากับไฟฟ้า ภายในบ้านได้

โคตรเหล็กไหลงอกจึงเป็นกายสิทธิ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งทื่พอ พบได้ในปัจจุบัน และมีครูบาอาจารย์หลายท่านนิยมเอามวลสารของ โคตรเหล็กไหลงอกมาผสมทำเป็นพระเครื่องทรงอิทธิฤทธิ์

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แร่เหล็กไหลเปียก[size=10.8000001907349px]

[size=13.1999998092651px]เหล็กไหลเปียกเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งที่หายากและไม่ค่อยพบเห็น เหล็กไหลเปียกจะมีความใกล้เคียงกับเหล็กไหลเงินยวงหรือเหล็กไหลชีปะขาว คือมีผิวพรรณวรรณะเป็นสีเงินยวง แต่สามารถกลับกลอกสีผิวตัวเองได้จากขาวเป็นดำและจากดำเป็นขาว คล้ายโลหะจำพวกเงินที่เมื่อโดนอากาศแล้วจะทำให้สีผิวเปลี่ยน แต่เหล็กไหล เปียกยิ่งอัศจรรย์กว่านั้นเพราะโลหะจำพวกเงินเมื่อเปลี่ยนสีผิวจาก ขาวเงินยวงเป็นสีออกดำแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นสีเดิม ได้เอง ต่างกับเหล็กไหลเปียกที่สามารถเปลี่ยนสีผิวตนเองให้กลับไป กลับมาได้ เหล็กไหลเปียกหรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า เหล็กเปียก นี้มีอิทธิฤทธิ์เป็นที่น่าอัศจรรย์คือสามารถเรียกหยดน้ำในอากาศมารวมตัวกันได้ ไม่ว่าเหล็กเปียกจะอยู่ที่ไหนก็จะมีความชุ่มชื้นที่นั่นดุจเดียว กับเหล็กไหลน้ำ เหล็กเปียกมักพบเป็นก้อน มีสัณฐานดั่งก้อนแร่ใต้ดิน

เท่าที่บันทึกไว้ ครูบาโพนสะเม็กซึ่งเป็นพระอริยเจ้าทางฝังลาวเป็น ผู้ที่ค้นพบเหล็กไหลเปียกจากการนั่งทางในแล้วนิมิตเห็นแร่กายสิทธิ์ ระเภทนี้ ท่านจึงได้นำเอาแร่ชนิดนี้มาหลอมแล้วนำมาเคี่ยวด้วยวิชา อาคมและได้นำเหล็กเปียกมารีดเป็นแผ่น หลังจากนั้นนำไปบรรจุไว้ ที่ยอดฉัตรของพระธาตุพนม ด้วยเชื่อว่ามีอานุภาพทางป้องกันฟ้าผ่า อัคคีภัยและบันดาลความร่มเย็นเป็นสุขได้ฤทธิ์อำนาจจากเหล็กไหลเปียกทำให้หัวไม้ขีดยุ่ย ดินปืนเปียก ไม่อาจจุดระเบิดหรือติดไฟขึ้นมาได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับฤทธิ์อำนาจของ เหล็กไหลน้ำ และเหล็กไหลชีปะขาว เพียง แต่มีลักษณะรูปพรรณสัณฐาน ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ฤทธิ์ของเหล็กเปียกจะก่อให้เกิดความชื้น ขึ้นทุกครั้ง จะเห็นได้จากการที่พระพุทธรูปบางองค์มีนาออกจาก พระเคืยรซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเกิดขึ้นจากการนำเอาแร่เหล็กเปียกชนิด นี้หล่อหลอมลงไปในเนื้อธาตุที่ใช้ในการสร้าง ทำให้สามารถเรียก ละอองนั้าในอากาศมารวมตัวกันจนกลายเป็นนาอยู่ภายในเคืยรของ พระพุทธรูป เช่น พระพุทธรูปที่วัดนาอู จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือ พระพุทธรูปที่วัดตูม จังหวัดอยุธยา เป็นต้น


25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แร่เหล็กไหลน้ำ[size=10.8000001907349px]

[size=13.1999998092651px]เหล็กไหลน้ำ

เหล็กไหลน้ำ


เหล็กไหลน้ำเป็นเหล็กไหลที่มีลักษณะเป็นก้อนสีดำนิลอม เขียว บางก้อนอาจเป็นสีน้ำตาลแดง บางท่านเรียกว่า "เหล็กไหลตาน้ำ" เหล็กไหลชนิดนี้มักพบตามพื้นดินบริเวณลำธารที่มีหมอกปกคลุม มีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่ทั้งปี ซึ่งมีความชุ่มชื้นเสมอๆ เหล็กไหลน้ำเป็น เหล็กไหลที่พบได้ยากอีกชนิดหนึ่ง โดยมากไม่ค่อยมีใครรู้จักนัก ในสมัยก่อนชาวขอมมักแสวงหาเหล็กไหลน้ำและนำมาเคี่ยวด้วยอาคม เพื่อหล่อหลอมเป็นเทวรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

เหล็กไหลน้ำจะมีอำนาจในการดับพิษไฟทุกชนิด นำพาความ ร่มเย็นอุดมสมบูรณ์มาสู่ผู้บูชา สามารถบันดาลให้ละอองน้ำปกคลุม ทั่วบริเวณนั้นได้ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ในการล่องหนหายตัว เมื่อผู้ใดพบ แล้วก็ให้รีบเก็บไว้ แต่หากเป็นผู้ที่มีอาคมในการล้อมแร่ก็ให้บอกกล่าว แก่เจ้าป่าเจ้าเขาก่อน ต่อจากนั้นให้ผูกล้อมแร่เอาไว้ แล้วอธิษฐานให้ ตัวแร่ขยายขนาดโตขึ้นและงอกขึ้นให้ใหญ่กว่าเดิม เมื่อเวลาผ่านไป จะพบว่าแร่เหล็กไหลน้ำดังกล่าวจะขยายขนาดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

แร่เหล็กไหลน้ำสามารถพบได้ในหลายแห่ง แต่เหล็กไหลน้ำ ที่เคยพบบริเวณลำธารในแถบภูเขาควายนั้นเป็นเหล็กไหลนาที่มีวรรณะ เป็นสีดำ สัณฐานกลม ล่อแม่เหล็กติดเหล็กไหลน้ำที่ภูเขาควายนี้ มีอานุภาพในทางดับพิษไฟได้เป็นอย่างดี สามารถดับได้แม้กระทั่งพิษ จากน้ำกรดที่มีความเข้มข้นสูงถึง 98% ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรม หากกำ เหล็กไหลนั้นไว้ในมือแล้วจุ่มมือลงไปในน้ำกรดดังกล่าวจะมีความรู้สึก แต่เพียงอุ่นๆ ที่มือเท่านั้นหรือแม้กระทั่งจุ่มมือลงไปในน้ำเดือดๆ ก็ตาม ก็จะรู้สึกเพียงแค่อุ่น ๆ ที่มือ จะไม่รู้สึกร้อนหรือแสบพองแต่ประการใด และไม่ถูกกรดกัดมือหรือถูกน้ำร้อนลวกแต่อย่างใด เพราะรัศมีจากเหล็กไหลน้ำจะแผ่คุ้มครองเราเอาไว้เหล็กไหลน้ำจึงนับเป็นหนึ่งในเหล็กไหล ที่มีฤทธิ์อำนาจอันน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังเคย





พบแร่เหล็กไหลน้ำที่ถ้ำเพียงดินจังหวัดหนองคายซึ่งเป็นชนิดที่ล่อแม่เหล็กติด เช่นกันมีลักษณะสีดำปูดโปนไปมา และมีอานุภาพเช่นเดียวกันกับเหล็กไหลน้ำที่พบในลำธารบนภูเขาควายทุกอย่าง บางท่านจัดลำดับเหล็กไหลน้ำไว้ว่าเป็นเหล็กไหลชั้นยอดในอันดับต้นๆ โดยอยู่ในอันดับที่ 4 เหล็กไหลน้ำไม่นิยมเสพน้ำผึ้ง แต่จะชอบเสพน้ำมะพร้าว แต่หากไม่สะดวกจะใช้น้ำผึ้งแทนน้ำมะพร้าวก็ไม่เป็นไร ญาณที่พบใน เหล็กไหลน้ำโดยมากมักเป็นจำพวกพญานาค และคนธรรพเป็นหลัก


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหลชีปะขาวหรือเหล็กไหลเงินยวง  


เหล็กไหลชีปะขาวหรือเหล็กไหลเงินยวง



เหล็กไหลชนิดนี้มักพบในที่เย็นจัด เช่นในแถบประเทศเนปาล ธิเบต และในแถบที่มีหิมะปกคลุม จึงไม่ค่อยพบในประเทศไทย เหล็กไหลชนิดนี้มีสีสันที่แปลกไปกว่าเหล็กไหลโดยทั่วไปเพราะมีสีขาวเงินยวงเหมือนปรอท เหมือนโลหะแวววาว บางชิ้นผิวพรรณดูคล้าย เกล็ดงูจึงเรียกว่า "นางพญางูขาวหรือพญางูเผีอก" จะมีอิทธิฤทธิ์ ทางด้านมายาภาพเช่นกัน และสามารถปรับอุณหภูมิรอบตัวให้ เหมาะสมแก่ผู้พกพาได้ เด่นในทางล่องหนหายตัว เป็นแคล้วคลาด จากภยันตรายทั้งปวง เหล็กไหลประเภทนี้ไม่ค่อยชอบเสพน้ำผึ้ง แต่ชอบอาบแสงจันทร์

เหล็กไหลชีปะขาวหรือเหล็กไหลเงินยวงเป็นเหล็กไหลที่ นักบวชทางเหนือของประเทศไทยและพวกลามะธิเบตนิยมหามาพกติดตัวไว้เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่ใช้ในการปกป้องคุ้มครองและใช้ในการแสดง ฤทธิ์ เช่น ใช้ทำน้ำมนต์ หรือเป็นเครื่องเพิ่มกระแสจิตให้กับตัวเอง เหล็กไหลชีปะขาวนี้จะล่องหนหายตัวไปต่อเมื่อผู้ที่เป็นเจ้าของ ประพฤติตัวไม่เหมาะสม หรือผู้นั้นถึงคราวหมดอายุขัย




เนื่องจากเหล็กไหลชีปะขาวเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งที่หาดู ได้ยาก จึงมีน้อยคนที่จะรู้จักหรือได้เห็น อีกทั้งไม่ค่อยมีผู้ใดมีไว้ใน ครอบครอง คนทั่วไปจึงมักเข้าใจว่าเหล็กไหลต้องมีสีดำเท่านั้น รูปพรรณสัณฐานทั่วไปของเหล็กไหลชีปะขาวจะมีลักษณะยาวมนรื ทรงหนำเลี้ยบคล้ายเหล็กไหลที่ได้จากการตัด แต่เหล็กไหลชนิดนี้ สามารถเก็บมาเฉย ๆ ได้เลยโดยที่ไม่ต้องใช้วิธีการตัดเช่นเหล็กไหล ทั่วๆ ไป และบางครั้งยังพบที่มีลักษณะเป็นก้อนฝังอยู่ในใต้ดินด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องอาศัยการตรวจดูโดยทางในจึงจะสามารถรู้ได้ โดยมากเหล็กไหลชนิดนี้มักมีญาณของชีปะขาวหรือคนธรรพ์ดูแลรักษาอยู่

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหลเพลิง  

เหล็กไหลเพลิง


เหล็กไหลเพลิงเป็นเหล็กไหลที่มีอานุภาพใกล้เคียงกับ เหล็กไหลโกฏิปีเช่นกัน แต่มีรูปพรรณสัณฐานเป็นสีแดงเพลิง เนื่องจาก เหล็กไหลเพลิงถือว่าเป็นเหล็กไหลที่มีเตโชธาตุในตัวมากที่สุด ในบรรดาเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ โดยทั่วไป และหาก เป็นเหล็กไหลเพลิง ชั้นสุดยอดจะมีสีแดงคล้ายสีเลือด เนื้อใสคล้ายเนื้อแก้ว ส่วนเหล็กไหล เพลิงชั้นรองๆ ลงไปเนื้อจะมีสีแดงแบบอิฐมอญ ส่วนผิวจะคล้ายโลหะ

เหล็กไหลเพลิงมีอิทธิพลานุภาพแปลกไปกว่าเหล็กไหลเจ้าป่า คือเหล็กไหลเพลิงมีความสามารถในการสร้างมายาภาพเพื่อป้องกัน ตัวเอง ตามตำราได้กล่าวไว้ว่าเหล็กไหลเพลิงจะแสดงมายาให้แก่ผู้ ที่พกพาในยามเมื่อถูกศัตรูทำร้าย เช่นว่าทำให้ศัตรูเห็นว่ามีเลือดออก หรือมีเลือดสาดตามร่างกายอย่างน่ากลัว จนศัตรูเข้าใจว่าตายไปแล้ว เพื่อที่ศัตรูจะได้ไม่หวนกลับมาทำร้ายอีก แต่เหล็กไหลเพลิงเป็นเหล็ก ไหลที่ไม่ได้รับความนิยมในการนำมาฝังลงในร่างกาย เนื่องจากว่ามายา ของเหล็กไหลเพลิงยังทำให้มองเห็นว่าผู้ที่พกพาดูไม่มีเงาหัวบ้าง








ดูเหมือนเดินไม่ติดดินบ้าง หรือบางครั้งดูเหมือนล่องหนหายตัวได้ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นเข้าใจว่าผู้นั้นเป็นภูตผีปีศาจ ผู้ที่จะฝังเหล็กไหลเพลิงลงในร่างกายจึงมักเป็นฤาษีชีไพรที่ไม่คิดยุ่งเรื่องทางโลกแล้วเท่านัน

อำนาจของเหล็กไหลเพลิงที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งคือ สามารถปรับอุณหภูมิของอากาศรอบตัวให้พอเหมาะพอดีกับผู้ที่พกพา ป้องกันไข้ป่า กันการกระทำยํ่ายีด้วยคุณไสยมนต์ดำได้ และดูเป็นสง่า ราศีแก่ผู้พบเห็น เหล็กไหลเพลิงชอบเสพน้ำผึ้ง และมีอิทธิฤทธิ์มายา หลายหลาก ถึงขั้นที่มีคำกล่าวว่าหากเอาค้อนทุบเหล็กไหลเพลิง จนละเอียดแล้วเอาผ้าห่อไว้ รุ่งเช้าเหล็กไหลเพลิงจะสามารถรวม ตัวกันเป็นก้อนขึ้นมาใหม่ตามเดิมได้ จึงเรียกเหล็กไหลเพลิงอีก อย่างหนึ่งว่า "เหล็กประสานกาย"

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แร่เหล็กไหลเจ้าป่า[size=10.8000001907349px]

[size=13.1999998092651px]
เหล็กไหลเจ้าป่า


เหล็กไหลเจ้าป่า เหล็กไหลเจ้าป่าเป็นเหล็กไหลที่มีอิทธิฤทธิ์ใกล้เคียงกับ เหล็กไหลโกฏิปี โดยทั่วไปจะพบเหล็กไหลเจ้าป่าในป่าลึกตามถ้ำที่มี ธารน้ำลอดตลอดสาย และเป็นถ้ำที่มีความเย็นมาก ๆ เหล็กไหล เจ้าป่าจะฝังตัวอยู่ในหินตามถ้ำ มีลักษณะเป็นดอกบัวตูมที่มีรูปพรรณ สัณฐาน'ทั่ว1ไปเป็นสีดำสนิทเหมือนกับนิลหรือยางตังเมที่ข้นจัด

ในการตัดเหล็กไหลเจ้าป่าหากเป็นเหล็กไหลเจ้าป่าชั้นยอดจะมี ลักษณะเฉพาะของการไหลตัวที่คล้ายกับเหล็กไหลโกฏิปี คือมีการยืดตัว คล้ายใยบัวเช่นกัน แต่หากเป็นเหล็กไหลเจ้าป่าชั้นรองลงมา เมื่อ เหล็กไหลเจ้าป่ายืดตัวการยืดตัวของเหล็กไหลเจ้าป่าจะมีลักษณะคล้าย ตังเมข้นๆไหลตัวออกมาจากซอกหิน

หลังจากที่ใช้เทียนอาคมลนแล้วปล่อยให้เหล็กไหลเจ้าป่า หยดตัวลงมาในบาตรบรรจุนํ้าผึ้งที่เตรียมไว้สำหรับรองรับก็จะได้ เหล็กไหลที่มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ สีดำสนิท ซึ่งนิยมเรียกเหล็กไหล ชนิดนี้ว่า "พญาสมิงเหล็ก" และเหล็กไหลชนิดนี้มักมีญาณของเจ้าปา เจ้าเขาดูแลรักษาอยู่จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า"เหล็กไหลเจ้าป่า"





ในการตัดเหล็กไหลเจ้าป่าต้องระวังอย่าให้องค์เหล็กไหลตกลงบนพื้นดินอย่างเด็ดขาด เพราะเหล็กไหลจะหายไปทันทีเนื่องจากถูกพวกกายทิพย์นิกายต่างๆ เช่น คนธรรพ์ ยักษ์พญานาคแย่งชิงเอา เหล็กไหลไปเหล็กไหลเจ้าป่ามีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าผู้ที่มีอภิญญา 5 เช่นกัน เข้าข่ายของกายสิทธิ์เเต่พลังอำนาจจะไม่สูงส่งเท่าเหล็กไหลโกฏิปีกล่าวคือ เหล็กไหลโกฏิปีจะมีความเข้มข้นสูงกว่า แต่ก็สามารถเทียบเคียงกันได้ เพราะในบรรดาสายพันธุ์เหล็กไหลนั้น เหล็กไหลเจ้าป่านับว่าเป็น สายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเหล็กไหลโกฏิปีมากที่สุด ในบรรดาสายพันธุ์ เหล็กไหลจึงจัดเหล็กไหลโกฏิปีเป็นอันดับหนึ่ง และรองลงมาก็คือ เหล็กไหลเจ้าป่านั่นเอง

อิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลเจ้าป่าจึงคล้ายคลึงกับเหล็กไหลโกฏิปี คือ สามารถกินดินปืน กินฟอสฟอรัส ระงับพิษร้อนจากไฟและน้ำกรด ทั้งปวงได้ ทำให้ใม้ขีดจุดไฟไม่ติดทั้ง ๆ ที่หัวไม้ขีดยังแห้ง ๆ ไม่ได้ชื้นแต่อย่างใด อีกทั้งตัวของเหล็กไหลเจ้าป่าเองยังสามารถล่องหนหายตัว จากไปได้ จึงนับได้ว่าเหล็กไหลเจ้าป่าเป็นอีกหนึ่งของศักดื้สิทธิ์ตาม ธรรมชาติที่เป็นรองแค่เหล็กไหลโกฏิปีเท่านั้น


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
29#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แร่เหล็กไหลโกฏิปี


เหล็กไหลโกฏิปีถือว่าเป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากที่สุดและทรงอิทธิฤทธิ์มากที่สุด ซึ่งนอกจากจะเป็นเหล็กไหลที่ตัดเอามาได้ยากแล้ว ยังเก็บรักษาได้ยากที่สุดในบรรดาเหล็กไหลทั้งปวง เหล็กไหลโกฏิปีจะฝังตัวอยู่ในฝักหินตามหน้าเพดานถ้ำ มีลักษณะเป็นดอกบัวตูมมีผิวพรรณวรรณะสีเขียวเข้มอมดำ เมื่อต้องแสงไฟจะเลื่อมพรายประกายรุ้งดูคล้ายว่าสามารถเปลี่ยนสีในตัวเองไปได้เรื่อยๆ อย่างน่า อัศจรรย์ จากสีเขียวเข้มสามารถกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มหรือทอสีออกเป็นเขียวอมเหลืองทอง หรือสีแสดแดงอม เหลือง เหลือบ เขียว เช่นเดียว กับสีของปีกแมลงทับ ครูบาอาจารย์ท่านจึงเรืยกเหล็กไหลชนิดนี้ว่าเหล็กไหลปีกแมลงทับตามลักษณะสีของเหล็กไหลที่เหมือนกันกับสีของปีกแมลงทับนั่นเอง

เหล็กไหลปีกแมลงทับ

เหล็กไหลปีกแมลงทับเป็นเหล็กไหลที่มีอิทธิฤทธิ์สมบูรณ์พร้อม ถือเป็นสุดยอดของตำนานเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์อันทรงฤทธิ์ สามารถล่องหนหายตัวจากไปได้สามารถทะลุทะลวงวัตถุธาตุทุกชนิด สามารถเสด็จขึ้นไปบนนภากาศได้ สามารถดับพิษไฟ กินฟอสฟอรัส และดินปีนให้เสื่อมอานุภาพโดยไม่ทำให้เกิดความชื้นแต่อย่างใด เป็นมหาอุดคงกระพัน กันเขี้ยวงา ภูตผีปีศาจทุกชนิด กินพลังงานไฟฟ้าได้ ผู้ที่พกเหล็กไหลโกฏิปีหรือมีเหล็กไหลชนิดนี้เท่ากับว่ามีมหาโยคี รักษาอยู่กับตัว เพราะเหล็กไหลชนิดนี้เทียบได้กับผู้ที่มีอิทธิวิธีอภิญญา 5 นั่นเอง การตัดเหล็กไหลโกฏิปีนั้นทำได้ยากมาก ยามที่เหล็กไหลโกฏิปี ไหลออกมานั้นจะมีลักษณะเฉพาะคือตัวเหล็กไหลที่ยืดออกมานั้นจะมี ลักษณะบางเรียวเล็กคล้ายใยบัวมีความแววเป็นประกาย แต่กลับไม่ สามารถตัดให้ขาดได้ด้วยของมีคมตามธรรมดาทั่วไป ต้องใช้ของ อาถรรพณ์เท่านั้นและหากไม่สามารถตัดได้สำเร็จแล้วผู้ตัดก็อาจจะถูก เส้นใยของเหล็กไหลโกฏิปีตัดร่างกายให้ขาดออก การตัดเหล็กไหล ชนิดนี้จึงนับว่าเป็นการเสี่ยงอันตรายมากที่สุด



ที่มา [size=13.1999998092651px]http://thaimetalamulet.blogspot.com/search/label/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A5

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-15 21:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหล็กไหล.. อัศจรรย์หินมีจิตวิญญาณครอง[size=10.8000001907349px]

[size=13.1999998092651px]
เหล็กไหลคืออะไร ในความเป็นจริงแล้วเหล็กไหลก็คือธาตุชนิดหนึ่งในโลก ตัวของเหล็กไหลจริงๆนั้นไม่อาจสามารถระบุได้ว่ามันเป็นธาตุอะไรกันแน่ ทั้งนี้เพราะเหล็กไหลนั้นมีหลายเผ่าพันธุ์ บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นโลหะธาตุแต่ก็ไม่ใช่เหล็ก บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อหินไม่ใช่โลหะ ชาวบ้านจะเรียกกันว่า หินไหน บางชนิดนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อแก้ว มีทั้งสีเขียว สีดำ บางชิ้นสีออกเหลือง ผู้รู้จะเรียกกันว่า มณีนพรัตน์ แต่เป็นความหมายของเหล็กไหล ไม่ใช่เพชรพลอยอย่างที่เข้าใจกัน
เราสามารถสรุปเหล็กไหลว่าคืออะไรได้ดังนี้ เหล็กไหลคือสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งที่มีจิตวิญญาณ มีชีวิตขั้นพื้นฐานของตนเอง และเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสังขารร่างกายอยู่ในรูปร่างของ วัตถุธาตุบางอย่าง มีอยู่หลายชนิดหลายเผ่าพันธุ์ในธรรมชาติ


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้