ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

28 พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

21. หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ - วัดราษฎรสงเคราะห์ (วัดป่าหนองแซง) อ.หนองวัวซอ อุดร

พระอริยเจ้าผู้บรรลุโสดาบันตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์

- เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในวัยชรา ท่านบวชเป็นตาปะขาวถือศีล8 เคร่งครัด, ติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ออกธุดงค์ จนบรรลุโสดาบันตั้งแต่เป็นคฤหัสถ์ ท่านมีวิถีจิตมุ่งสู่ความหลุดพ้น พระอ.มั่นได้กล่าวทำนายไว้ว่า "ในกาลข้างหน้า ถึงเวลาบารมีสุกงอมเต็มที่ จะมีคนมาโปรด"

- ต่อมา ท่านได้รับอุบายธรรมขั้นสูงจากหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ตามคำทำนายของพระอ.มั่น หลวงตามหาบัว แนะวิธีปฏิบัติให้ตอนเย็น- พอรุ่งเช้า ท่านก็จบกิจพรหมจรรย์ เป็นพระอรหันต์ - ท่านเล่าว่า "อวิชชาขาดมันรุนแรงถึงขั้นกายไหว ประหนึ่งว่าคานกุฏิที่อยู่ได้ขาดไปด้วย อัศจรรย์พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และอัศจรรย์อุบายธรรมที่หลวงตาแนะนำพร่ำสอน คืนนั้นทั้งคืน จิตตื่นอยู่ไม่หลับไม่นอน เสวยวิมุตติสุข หาสุขอื่นยิ่งกว่าไม่มี" หลวงปู่บัว เป็นผู้แก้จิต และแนะนำธรรมขั้นสุดท้ายให้แก่หลวงปู่ศรี มหาวีโร พระอริยเจ้าแห่งวัดป่ากุง ร้อยเอ็ด หลวงปู่ศรีจึงเคารพรักท่านเป็นอย่างมาก - ท่านสามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติ ท่านเล่าว่า เคยเกิดที่บริเวณวัดป่าหนองแซงนี้ นานถึง 4 ชาติ และชาตินี้เป็นชาติที่ 5 ชาติสุดท้าย ท่านเคยเกิดเป็นหมูป่า, ชาติต่อมาเป็นควายป่า ถูกพรานใจบาปยิงตาย ก่อนตายได้รับทุกข์ทรมานยิ่ง พรานใจบาปนี้เที่ยวล่าฆ่าสัตว์ตายจำนวนมาก ไม่เคยก่อสร้างบุญกุศล เมื่อเขาตายไปได้เป็นเปรต เสวยผลกรรมเผ็ดร้อน อยู่บริเวณวัดป่าหนองแซงแห่งนี้ - ท่านไม่ได้เรียนเขียนอ่าน แต่ธรรมภายในท่านลึกซึ้ง ท่านภาวนาพุทโธตั้งแต่เป็นฆราวาส, บวชผ้าขาวถือศีล8 เคร่งครัด 3 ปี ติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ ธุดงค์ตามป่าตามเขา ผจญสัตว์ป่าและอันตรายต่างๆ - ระหว่างเป็นผ้าขาว ได้ฟังธรรมครูบาอาจารย์หลายรูป เช่น พระอ.สุวรรณ สุจิณฺโณ, ลป.สิงห์, ลป.ขาว, ลป.จันทร์ เขมปตฺโต, หลวงปู่อ่อนสา, หลวงปู่คำดี, หลวงตามหาบัว แม้อยู่ในวัยชรา แต่ความเพียรพยายามเหมือนพระหนุ่มๆ ท่านพอใจต่อการรักษาสัจจะ หากศิษย์คนใดมีจิตใจแน่วแน่ที่จะรักษาสัจจะแล้ว จะเป็นที่นิยมและชอบใจของท่านยิ่งนัก

- เกิด 2431 ที่บ้านเขืองใหญ่ ต.หมูม่น อ.ธวัชบุรี(โป่งลิง) ร้อยเอ็ด เป็นช่างประจำหมู่บ้าน, เก่งวิชาอาคมไสยศาสตร์, อาชีพหมอผี ปราบผีสางนางไพร เป็นที่นับถือคนถิ่นนั้น - ท่านยึดมั่นคุณธรรม 2 ประการคือ การมีสัจจะ และการรักษาศีลอย่างเคร่งครัด

- อุปสมบทปี 2482 อายุ 52 ปี วัดบึงพระลานชัย จำพรรษาอยู่กับพระอ.เพ็ง พุทฺธธมฺโม พระลูกชาย ที่วัดป่าศรีไพรวัน ร้อยเอ็ด กลางพรรษาแรก ท่านเจ็บรูหูมาก ได้นั่งสมาธิพิจารณาทุกขเวทนาใต้ต้นลำดวนในวัดติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน จึงรู้แจ้งในอริยสัจจ์ จึงเอาชนะความเจ็บปวดได้  จากนั้นเข้าถวายตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น ที่วัดบ้านหนองผือ สกลนคร เมื่อไปถึง พระอ.มั่นถามทันทีว่า "นั่งอยู่ใต้ต้นลำดวนอยู่ 3 วัน 3 คืนนั้น ท่านได้พิจารณาอะไรบ้าง" - ท่านถึงกับตกใจที่พระอ.มั่นรู้ได้เช่นนั้น จึงกราบเรียนท่านว่า "กำหนดดูปฏิสนธิตั้งแต่เริ่มแรก พิจารณาการเกิดตั้งแต่เข้าไปอยู่ในครรภ์มารดาต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน" - 2495 หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ กับพระอ.ศรี มหาวีโร รับนิมนต์จากท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อุดร เพื่อสร้างวัดกรรมฐานที่บ้านหนองแซง อุดร

- เป็นที่เที่ยวผ่านไปมาของพระอ.กรรมฐานเสมอ เช่น พระอ.ชอบ ฐานสโม, พระอ.หลุย จนฺทสาโร, พระอ.คำดี ปภาโส

- อนุปาทิเสสนิพพาน 2518 - วัดป่าหนองแซง - 87ปี 36 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

22. หลวงปู่ชา สุภทฺโท (พระโพธิญาณเถร) - วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

พระอริยเจ้าผู้ก้าวล่วงความสงสัยในนิกาย

- ท่านไม่ได้ญัตติเป็นพระฝ่ายธรรมยุต, เป็นผู้ทรงธรรม, เก่งเทศนาโวหารและการเปรียบเปรย, ข้อธรรมของท่านชวนให้คนได้คิดเสมอ, สติปัญญาไว, ดัดนิสัยสานุศิษย์ได้ฉับพลัน, มีบุญบารมีมาก, มีหลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นสหธรรมิก - มีนิสัยโน้มเอียงในทางธรรมตั้งแต่วัยเด็ก, กลัวบาป, เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่โกหก, รักความยุติธรรม เกลียดความอยุติธรรม, ชอบเล่นแต่งตัวเป็นพระ, พอใจภูมิใจที่ได้แสดงเป็นพระ, ยินดีในผ้ากาสาวพัสตร์และเพศพรหมจรรย์ - ท่านมีความสามารถในการสอนธรรมให้ชาวต่างชาติ, มีศิษย์ต่างชาติจำนวนมาก, มีวัดสาขาทั้งในและต่างประเทศ, มีกฎระเบียบจากวัดหนองป่าพง เป็นต้นแบบทุกสาขาทั่วโลก - เกิดวันศุกร์ 17 มิย.2461- ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย- บ้านก่อ อ.วารินชำราบ อุบล

- บรรพชาเป็นสามเณ เมื่อ2474 ปฏิบัติครูอาจารย์ 3 ปี และได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา

- อุปสมบท 2482 -พรรษาที่ 1-2 สอบนักธรรมชั้นตรีได้ โยมพ่อมักจะบอกว่า "อย่าลาสิกขานะลูก อยู่เป็นพระอย่างนี้แหละดี สึกออกมามันยุ่งยากลำบาก หาความสบายไม่ได้"

- 2490 เดินทางไปกราบนมัสการพระอ.มั่น ที่สำนักหนองผือนาใน สกลนคร พระอ.มั่นเทศน์สั้นๆว่า "การประพฤติปฏิบัตินั้น ถ้าถือพระธรรมวินัยเป็นหลักแล้ว ก็ไม่ต้องสงสัยในนิกายทั้งสอง" และพระอ.มั่นอธิบายเรื่อง พละ 5,อิทธิบาท 4 คืนที่ 2 พระอ.มั่นได้แสดงปกิณกธรรมต่างๆ จนจึงท่านคลายความสงสัย มีความรู้ลึกซึ้ง จิตหยั่งสู่สมาธิ เกิดปีติ เหมือนตัวลอยอยู่บนอาสนะ นั่งฟังจนเที่ยงคืน - ท่านพักสำนักพระอ.มั่นได้ไม่นานนัก แต่ท่านพอใจในรสพระธรรมที่ได้ดื่มด่ำเป็นอย่างยิ่ง ท่านเทียบว่า"คนตาดีพบดวงไฟก็มองเห็นแสงสว่าง ส่วนคนตาบอดถึงจะนั่งเฝ้าดวงไฟ ก็ไม่เห็นอะไร หลังกราบนมัสการพระอ.มั่น และศรัทธาท่านแกร่งกล้าขึ้น พร้อมเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการทำความเพียร เพราะแนวปฏิบัติชัดเจนขึ้น จากนั้น ท่านธุดงค์รอนแรมภาวนาตามป่าเขา ไม่ว่าอยู่ที่ใด มีความรู้สึกว่าพระอ.มั่นคอยติดตามให้คำแนะนำอยู่เสมอ - ผจญภัยอันตรายต่างๆ เป็นไข้ป่า มาลาเรีย ไม่มียารักษาโรค ต้องอาศัยธรรมโอสถช่วยเหลือตนเอง ยอมเป็น ยอมตาย จนจิตใจของท่านกล้าแกร่ง จิตมีธรรมเป็นที่พึ่ง ท่านพาลูกศิษย์เดินธุดงค์ไปอ.บ้านแพง นครพนม ได้ขึ้นภูลังกาเพื่อกราบนมัสการ พระอ.วัง หลังสนทนาแล้ว ท่านเข้าใจในความละเอียดลึกซึ้งของธรรมปฏิบัติมากขึ้น พักอยู่ภูลังกา 3 วันจึงลงมาถึงวัดหนึ่งที่เชิงเขา  ฝนตก ได้หลบฝนเข้าไปนั่งใต้ถุนศาลา จิตกำลังพิจารณาธรรมอยู่ ทันใดนั้น จิตก็ตั้งมั่นขึ้นแล้วเปลี่ยนไปเหมือนอยู่คนละโลก ดูอะไรก็เปลี่ยนไปหมด เหมือนหน้ามือเป็นหลังมือ, เหมือนแดดจ้าที่มีก้อนเมฆเคลื่อนมาบดบัง แสงแดดก็วาบหายไป, เปลี่ยนนขณะจิตไปวาบๆ ตั้งขึ้นมาก็เปลี่ยนวาบ, เห็นขวด ก็ไม่ใช่ขวด ดูแล้วไม่เป็นอะไร เป็นธาตุ เป็นของสมมุติขึ้นทั้งนั้น ไม่ใช่ขวดแท้ ไม่ใช่กระโถนแท้ - น้อมเข้ามาหาตัวเอง ดูทุกสิ่งในร่างกายไม่ใช่ของเรา มันล้วนแต่ของสมมุติ

- มีค.2497 ท่านเดินธุดงค์มาที่ดงป่าพง เห็นเป็นที่สัปปายะ จึงสร้างเป็นวัดหนองป่าพง

- อนุปาทิเสสนิพพาน - พฤหัส 16 มค 2535 - วัดหนองป่าพง -74 ปี 52 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

23. หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ (พระโพธิธรรมาจารย์เถร) วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง บุรีรัมย์

พระอริยเจ้าผู้หลุดพ้นด้วยอิริยาบถเดิน

- ท่านเป็นศิษย์ต้นของพระอ.ฝั้น และท่านได้รับโอวาทจากพระอ.มั่นว่า "คำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ของเล่น ถ้าทำเล่นจะไม่เห็นของจริง" ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ โดดเดี่ยว ปลีกวิเวก, มีจิตฝังลึกลงในธรรมของพระตถาคตด้วยศรัทธา, มีเหตุผลมั่นคง, ปรารถนาจะบวชตั้งแต่เยาว์วัย ชอบท่องเที่ยวจาริกธุดงค์ทั่วประเทศและต่างประเทศ, ไม่ยึดติดหมู่คณะ, ไม่ติดสถานที่, ไม่คลุกคลีกับใคร เหมือนนกตัวน้อยๆโผปีกทะยานสู่โลกกว้าง ไม่อาลัยสิ่งใดๆ ท่านเป็นพระ "เอเกโก ว" ชอบเที่ยวไปผู้เดียว, บางทีท่านเดินธุดงค์ถึง 2 รอบ จากสกลนครไปทางอุบล ลงไปนครราชสีมา แล้วย้อนกลับมาทางอุดรแล้วเข้าสกลตามเดิม คราวถวายเพลิงศพพระอ.มั่นเสร็จ ท่านเป็นผู้นำออกธุดงไปอ.น้ำโสม อุดร โดยมี พระอ.วัน, พระอ.จวน, พระอ.สิงห์ทอง, พระอ.คำพอง, พระอ.บุญเพ็ญ เขมาภิรโต, พระอ.ประยูร ติดตาม ท่านถึงที่สุดแห่งธรรมปี 2515-2524 ที่ถ้ำศรีแก้ว สกลนคร ด้วยอิริยาบถเดิน ขณะกลับกุฏิ ท่านเล่าว่า "คำเทศน์ของหลวงปู่ฝั้น และหลวงตามหาบัว เป็นหัวใจอันสำคัญที่นำท่านไปสู่อุดมธรรม" ท่านได้นำพระธรรมที่บรรลุรู้ไปประกาศกังวานไกลถึงต่างแดน เป็นที่เลื่อมใสของชาวต่างชาติ ท่านเป็นพระ "ปาสาณเลขูปโม" คือสลักความดีลงบนแผ่นหิน คือหัวใจอันแข็งแกร่ง ไม่มีใครสามารถลบทิ้งไปได้ ถูกจารึกตลอดอนันตกาล

- เกิดวันศุกร์ 29 สค.2462 บ้านตากูก สุรินทร์ ท่านเป็นช่างทอง วันหนึ่งท่านนั่งกลางทุ่งนาเห็นพระธุดงค์เดินผ่าน เมื่อได้สนทนาเกิดความเลื่อมใส จึงตั้งความปรารถนาไว้ว่า "กาลข้างหน้าจะต้องออกบวชเป็นพระธุดงค์" วันหนึ่ง มีผู้หญิงท้องแก่ คลอดก่อนกำหนด ไม่มีใครอยู่ในหมู่บ้าน เธอร้องขอความช่วยเหลือ น้ำคร่ำไหลออกเต็มไปหมด - ท่านไปเห็นจึงได้เข้าไปช่วยเหลือ ช่วยจับ ช่วยดึง ช่วยบอกให้เบ่งๆๆ สงสารก็สงสาร สังเวชก็สังเวช ทั้งเลือดทั้งคนปะปนออกมา ความเกิดเป็นทุกข์ประจักษ์ใจแบบไม่มีวันลืม เกิดความเบื่อหน่ายในกามขึ้นมาทันใด ได้กระทำไว้ในใจว่า"สักวันหนึ่งจะต้องออกบวชอย่างแน่นอน"

- 2481 อายุ 19 บรรพชาเป็นสามเณรมหานิกาย บวช 1 ปีลาสิกขามาช่วยบิดาทำงาน 2482 อายุ 20 บวชพระมหานิกาย และแสวงหาอาจารย์ ได้พบพระอ.ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าศรัทธาราม นครราชสีมา เกิดความเลื่อมใสท่านอ.ฝั้นยิ่งนัก จึงขอญัตติเป็นธรรมยุต 2484 - ได้ฉายา "สุวโจ" แปลว่า "ผู้ว่ากล่าวตักเตือนง่าย" ญัตติแล้วจำพรรษาและศึกษากับพระอ.ฝั้น และพระอ.มหาปิ่น จากนั้นติดตามพระอ.ผั่น ปาเรสโก ออกธุดงค์ไปทางพระธาตุพนม - ธุดงค์ไปกาฬสินธ์ ขึ้นเทือกเขาภูพาน เข้าพักวัดบ้านหนองผือ กราบนมัสการพระอ.มั่น ท่านให้โอวาทว่า "อาจารย์ของเธอคือพระอาจารย์ฝั้น ตอนนี้ก็แก่มากแล้ว สมควรที่เธอจะต้องทดแทนบุญคุณ เธอไม่ต้องมาอยู่กับเราที่นี่ ให้ไปปฏิบัติท่านอาจารย์ฝั้น ศึกษาและปฏิบัติกับท่านฝั้นก็เป็นที่เพียงพอแล้ว" - หลังจากนั้นท่านได้ติดตามอุปัฏฐากพระอ.ฝั้นจนนิพพาน 2525-2526 ท่านเดินทางไปเผยแผ่ธรรมที่สหรัฐตามคำนิมนต์  มีผู้ศรัทธาซื้อที่ดินถวายสร้างวัดวอชิงตันพุทธวนาราม 4401 south 360th street Aubrn WA 98001 - 7 เอเคอร์(17.5ไร่) -2528 สร้างวัดป่าธรรมชาติที่เมืองลาพวนเต้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐ - 5 เอเคอร์

- 2530-2535 สร้างวัดภูริทัตตวนาราม เมืองออนทาริโอ แคลิฟอร์เนีย มีชาวอเมริกันศรัทธาซื้อที่ดิน 60 เอเคอร์(150 ไร่) ราคา 17,500,000 บาท ถวายเพื่อสร้างเป็นวัดเมตตาวนาราม เมืองแวลเลย์เซ้นเตอร์ แคลิฟอร์เนีย

- 2541 เป็นต้นมา จำพรรษาที่วัดป่าเขาน้อย ต.เสม็ด อ.เมือง บุรีรัมย์

- อนุปาทิเสสนิพพาน 5 เมย.2545 -82 ปี 61 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

24. พระอ.จวน กุลเชฏฺโฐ - วัดเจติยาคีริวิหาร (ภูทอก) อ.ศรีวิไล หนองคาย

พระอริยเจ้าผู้มีกายและจิตสมควรแก่วิมุตติธรรม

- ท่านมีนิสัยโน้มน้อมมาทางพระธรรมตั้งแต่เยาว์วัย, เมื่อได้ฟังธรรมจากพระกรรมฐาน จิตสงบรวมเป็นหนึ่ง สามารถแยกกายและจิตได้ ท่านจึงได้สละทรัพย์และบ้านเรือนอกบวช ท่านมีความเพียรพยายามเป็นเลิศ, มีสติในการแก้ไขกิเลสเฉียบพลัน, อุบายธรรมและปฏิปทาเป็นปัจเจก แปลกจากครูบาอาจารย์รูปอื่น

-2493 ท่านจำพรรษาที่ถ้ำพวง อ.ส่องดาว สกลนคร ได้เกิดจิตปฏิพัทธ์หญิงสาวคนหนึ่ง  จึงคิดหาอุบายแก้ไข โดยยกภาษิต "เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังเอากระดูกมาแขวนคอ" ท่านจึงดัดนิสัยตนเองที่ไปหลงรักผู้หญิงเข้า โดยเอากระดูกช้างมาแขวนคอห้อยต่องแต่ง ท่านตั้งใจมั่นว่า "ตราบใดที่ใจยังตัดใจอาลัยรักในสตรีไม่ได้ ยืน เดิน นั่ง นอน ออกบิณฑบาตร ฉันข้าว ก็จะเอากระดูกช้างแขวนคอไว้ตราบนั้น" ไม่ว่าท่านจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ หรือรับกิจนิมนต์ไปในหมู่บ้านก็ตาม ท่านเอากระดูกช้างแขวนคอไว้ตลอด จนชาวบ้านเล่าลือกันว่า "ท่านเป็นบ้า"

- เมื่อท่านทำปฏิบัติอย่างนี้ เกิดความละอายใจ เห็นโทษภัยในความลุ่มหลง จิตก็คลายกำหนัดรักใคร่ในหญิงนั้น เมื่อหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้ถามถึงเหตุที่ท่านทำเช่นนั้น ท่านได้กราบเรียนดังที่กล่าว หลวงปู่ขาวชมว่า "อุบายนี้ดีนักแล" ท่านชอบท่องเที่ยวแสวงหาครูบาอาจารย์ที่อยู่ตามป่าเขาลึกๆ เช่น เข้าไปศึกษากับพระอ.หล้า ขนฺติโก พระอริยเจ้าผู้อยู่แต่เพียงโดดเดี่ยวบนสันเทือนเขาภูพาน ท่านมีสหธรรมิกคือ พระอ.สิงห์ทอง ธมฺมวโร ได้รับอบรมจากพระอ.มั่นและหลวงปู่ขาว พระอ.มั่นยกย่องท่านว่า "กาเยนะ วาจายะ วะเจตวิทธิยา ท่านจวน! เป็นผู้มีกายและจิตสมควรแก่ข้อปฏิบัติธรรม เป็นผู้สามารถรวมจิตทีเดียวถึงฐีติจิต"

- เกิดวันเสาร์ 10 กค.2463 - แรม 10 ค่ำ เดือน 8 ปีวอก บ้านเหล่ามันแกว ต.ดงมะยาง อำนาจเจริญ

- อายุ 14-15 ปี ได้พบพระธุดงค์มาปักกลดใกล้บ้าน ก็บังเกิดความเลื่อมใส ตั้งปณิธานว่าต่อไปจะบวชอย่างท่านบ้าง พระธุดงค์ได้มอบหนังสือ "ไตรสรณคมน์" ของพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ไว้ให้ ท่านได้อ่านจึงปฏิบัติตาม เริ่มสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ บริกรรมภาวนาจิตรวมเป็นหนึ่ง จิตอยู่เฉพาะจิต กายอยู่เฉพาะกาย เวทนาใดก็ไม่มีปรากฎเลย

- หลังจบป.6 อายุย่าง 18 ท่านได้เข้าทำราชการกรมทางหลวงแผ่นดินอยู่ 4 ปี ภายหลังได้รับหนังสือ "จตุราลักษณ์" ของพระอ.เสาร์ กนฺตสีโล เมื่อท่านอ่านถึงบทมรณานุสติ จิตก็สลดสังเวชว่า "เราก็ต้องตาย"

- อายุ 20 ปี ท่านสละเงินที่เก็บหอมรอมริบทั้งหมด เป็นเจ้าภาพสร้างมหากฐินคนเดียว, สร้างพระประธาน, สร้างห้องน้ำถวายสงฆ์จนเงินหมด

- อายุ 21ปี อุปสมบทเป็นพระภิกษุมหานิกาย สอบได้นักธรรมตรีพรรษานั้น และต่อมาลาสิกขา หลังสึกเป็นฆราวาส ท่านเดินทางไปแสวงหาอาจารย์กรรมฐานธรรมยุต และได้อุปสมบทเป็นพระธรรมยุต 24 มีค.2486

- อุปสมบทแล้ว ท่านได้ท่องปาฏิโมกข์และ 7 ตำนานจบภายใน 1 เดือน

- 2488 พรรษาที่ 3 ท่านอธิษฐานทำความเพียรจะไม่นอนและไม่ฉันตลอดพรรษา ท่านอธิษฐานว่า "ถ้ายังมีบุญวาสนาอยู่พรหมจรรย์แล้ว ขอให้ได้นิมิตเห็นพระอ.มั่น ภูริทตฺโต" หลังจากนั้น 3 วัน ท่านได้นิมิตว่า ได้เดินทางไปสำนักพระอ.มั่น เห็นท่านกวานลานวัดอยู่ พอเห็นก็รู้ว่านี่คือท่านพระอ.มั่น ท่านเหลือบมาเห็นเข้าก็ทักพระอ.จวนอย่างดีใจว่า "อ้อ ท่านจวนมาแล้ว ท่านจวนมาแล้ว" มีความรู้สึกคล้ายพ่อเห็นลูก ลูกเห็นพ่อ พอท่านตรงเข้าไปจะกราบนมัสการ พระอ.มั่นก็โก่งหลัง บอกให้ท่านขึ้นขี่หลังเหมือนขี่ม้า แล้วท่านจึงพาเหาะขึ้นบนอากาศจนลิบเมฆ แล้วมาลงที่กลางภูเขาลูกหนึ่ง แล้วบอกว่า "เอาละ ลงนี่แหละ พอดีพอควรแล้ว" ท่านพิจารณาเกิดปีติยินดีว่า คงจะมีวาสนาบารมีอยู่ในเพศพรหมจรรย์ จึงเร่งทำความเพียรต่อไป

- 2489 พรรษาที่ 4 ท่านได้ติดตาม พระอริยคุณาธาร (มหาเส็ง ปุสฺโส) ไปอยู่กับพระอ.มั่น วัดป่าบ้านหนองผือ สกล

-  ขณะที่ท่านอยู่ที่วัดป่าบ้านหนองผือใหม่ๆ ใจก็อดคิดตามประสาปุถุชนไม่ได้ว่า "เขาเล่าลือกันว่า ท่านพระอาจารย์ใหญ่เป็นพระอรหันต์ เราก็ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ถ้าเป็นอรหันต์จริง คืนนี้ก็ให้มีปาฏิหาริย์ให้เห็นปรากฎด้วย"

- คืนวันนั้น พอท่านภาวนา ก็ปรากฎนิมิตเห็นท่านพระอ.มั่นเดินจงกรมอยู่บนอากาศ และเหาะขึ้นลงตลอดเวลา และเวลานอนหลับก็ยังฝันเห็นนท่านเดินอยู่บนอากาศเช่นเดียวกัน - ท่านจึงยกมือไหว้ และกล่าวขอขมาว่าเชื่อแล้ว - หลังจากนั้น ท่านก็เกิดคิดขึ้นมาอีกว่า "เอ เขาว่าท่านอาจารย์ใหญ่รู้วาระจิตของลูกศิษย์ทุกคน จริงไหมหนอ เราน่าจะทดลองดู ถ้าท่านอาจารย์ใหญ่รู้วาระจิตของเรา ขอให้ท่านอาจารย์ใหญ่มาหาเรา ที่กุฏิคืนวันนี้เถอะ" - พอท่านคิดได้ประเดี๋ยวเดียว ก็ได้ยินเสียงไม้เท้าเคาะใกล้เข้ามา และกระแทกเปรี้ยงเข้าที่ฝากุฏิของท่าน พร้อมกับเสียงพระอ.มั่นเอ็ดลั่นว่า "ท่านจวน ทำไมจึงไปคิดอย่างนั้น นั่นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ รำคาญเรานี่"

- พรรษาที่ 5-6 ปี2490-2491 จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ คืนหนึ่ง ขณะนั่งภาวนาในโบสถ์มีนิมิตว่า มีพระเถระรูปหนึ่งได้มาให้โอวาทตักเตือนว่า "ท่านจวน ท่านอย่าวางแผ่นดิน เพราะความประพฤติของท่านยังไม่สม่ำเสมอ" - ท่านได้มาพิจารณาดู - แผ่นดินแปลว่า ให้มีความหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน - เมื่อถูกกระทบกระเทือนจากอารมณ์ ก็อย่าวอกแวกตั้งใจให้เป็นสมาธิ ไม่หวั่นไหวฟุ้งซ่าน - ท่านจึงได้เขียนจดหมายกราบเรียนถามพระอ.มั่นถึงนิมิตนี้ - พระอ.มั่นได้ตอบจดหมายว่า "ถึงท่านจวนที่อาลัยยิ่ง ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมได้แนะนำให้ท่านนั้น ขอให้ท่านจงตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติดำเนินไปตามคำที่ผมแนะนำ อย่าได้ประมาท เพื่อจะได้เป็นเกียรติยศแก่พระพุทธศาสนาต่อไป"

- หลังจากนั้นท่านออกวิเวกอยู่บนดอยกับชาวเขาทางเหนือติดพม่า เข้าเชียงตุง พม่า แล้วกลับอีสาน- เมื่อกราบนมัสการพระอ.มั่นที่วัดบ้านหนองผือ พระอ.มั่นได้ถามว่าการภาวนาเป็นอย่างไรบ้าง ท่านกราบเรียนว่า "ไม่ดีเหมือนอยู่กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์" พระอ.มั่นจึงบอกว่า "ต่อไปนี้ให้ภาวนาอยู่ทางภาคอีสานนี้แหละ อย่าไปที่อื่นอีกเลย" - จากนั้นท่านธุดงค์อยู่ป่าเขาถ้ำอีสานมาตลอด

- พรรษา 27-38 พ.ศ.2512-2523 ท่านสร้างวัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) อ.ศรีวิไล หนองคาย ให้เป็นศาสนสถานที่สำคัญสำหรับผู้มุ่งปฏิบัติธรรม เมื่อใครไปแล้วต่างเกิดซาบซึ้งศรัทธาถ้วนหน้า

- อนุปาทิเสสนิพพานวันอาทิตย์ที่ 27 เมย.2523

- ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ณ ท้องนาทุ่งรังสิต อ.คลองหลวง ปทุมธานี พร้อมกับพระอ.บุญมา ฐิตเปโม, พระอ.วัน อุตฺตโม, พระอ.สิงห์ทอง ธมฺมวโร, พระอ.สุพัฒน์ สุขกาโม 59 ปี 38 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

25. พระอ.สิงห์ทอง ธมฺมวโร - วัดป่าแก้วชุมพล บ้านชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

พระอริยเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ประเภทสุขวิปัสสโก

- เป็นผู้เคร่งครัดปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ, มีปฏิปทาเที่ยงตรงต่ออริยมรรคอริยผล, มีนิสัยเด็ดเดี่ยวเอาจริงเอาจัง, มีความเพียรเป็นเลิศ, โปรดการเดินจงกรมเป็นพิเศษ, การใช้ปัจจัยสี่ก็ใช้อย่างประหยัดมัธยัสถ์ ไม่สุรุ่ยสุร่าย แม้ของนั้นจะมีมากก็ตาม, ท่านไม่นิยมการก่อสร้างทุกชนิด, แม้งานในวัดก็ไม่ให้มี, ชอบให้พระเณรสร้างจิตใจเพื่อมรรคผลนิพพาน - ท่านเป็นพระผู้มีอารมณ์ขัน, แสดงออกตรงไปตรงมา, อารมณ์ดีเสมอ, เทศนาและโอวาทท่านน่าฟังมาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับศิษย์ใกล้ชิด ท่านจะมีเรื่องราวขำขันชวนหัวเราะอยู่เสมอ แต่เป็นหลักธรรมชวนพิจารณา  ท่านเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงตามหาบัว และได้รับความไว้วางใจจากหลวงตามหาบัวเป็นพิเศษ

1. ให้เป็นประธานฝ่ายบรรพชิตในการดำเนินงานศพของหลวงปู่บัว พระอริยเจ้าแห่งวัดป่าหนองแซง อุดร

2. ให้เป็นประธานดำเนินงานศพของหลวงตามหาบัว หากหลวงตาละสังขารไปก่อนท่าน

- เกิดวันเสาร์ 12 กค. 2467- ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 ปีชวด บ้านศรีฐาน ต.กระจาย ยโสธร ท่านมีเพื่อนสหธรรมิกและเพื่อนตาย คือ พระอ.จวน กุลเชฏฺโฐ, พระอ.วัน อุตฺตโม ท่านทั้งสามมักจะไปไหนไปด้วยกัน, รับกิจนิมนต์มักจะไปพร้อมกัน, แม้สุดท้ายนิพพาน ท่านก็นิพพานพร้อมกัน - ระหว่างจำพรรษาที่วัดป่าศรีฐานใน ท่านได้เกิดสุบินนิมิตว่า "มีพาหนะ 3 ชนิดคือ ช้างเผือก, ม้าขาว และวัวอุสุภราช ท่านได้ขี่พาหนะทั้ง 3 ตัวในขณะเดียวกัน และได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงออกมาจากหมู่บ้าน ดังมายังศาลาวัด คล้ายชาวบ้านจะมาทอดผ้าป่าหรือทำการกุศลชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่พอมาถึง ปรากฎว่าไม่มีคน มีแต่ดอกไม้นานชนิดลอยมาสูงระดับหน้าอกแล้วเวียนรอบศาลา ตื่นจากความฝัน ทำให้ท่านมั่นใจว่า การบวชของท่านนั้นจะบรรลุผลอันพึงพอใจ"

- พรรษาที่ 5 จำพรรษากับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่าบ้านนาหัวช้าง อ.พรรณานิคม ปัจจุบันคือวัดป่าอุดมสมพร

- พรรษาที่ 6 จำพรรษากับหลวงปู่หลุย จนฺทสาโร วัดป่าบ้านโคกมะนาว อ.พรรณานิคม ท่านเล่าว่า "การภาวนาเริ่มจะยาก ภาวนาผ่านทุกขเวทนาไม่ได้" ต่อสู้หลายหนแต่เอาชนะไม่ได้ จึงนำอุบายที่หลวงตามหาบัวแนะนำ โดยให้ใช้สติปัญญาพิจารณาแยกแยะธาตุขันธ์ด้วยการตั้งสัจจะว่า "จะสู้กับทุกขเวทนี้แบบสละชีวิต เพื่อให้รู้เห็นความจริงของทุกข์ ถึงแม้จะปวดหนักปวดเบาขนาดไหน จะไม่ยอมลุกหนี จะปล่อยให้มันออกมาเลย ถ้าผ่านทุกขเวทนี้ไม่ได้แล้ว จะไม่ยอมลุกจากที่นั่งเด็ดขาด" ท่านต่อสู้อยู่นานหลายชั่วโมง ปรากฎว่าท่านผ่านไปได้ จิตสงบรวมลงน่าอัศจรรย์ ทำให้ท่านมีกำลังใจในการปฏิบัติอย่างมาก - วิเวกไปอ.สว่างแดนดิน, อ.ส่องดาว,อ.วาริชภูมิ ได้ไปพักกับหลวงปู่ขาว อนาลโย ขณะพักที่บ้านหวายสะนอย (ภูเหล็ก) อ.ส่องดาวกับหลวงปู่ขาวนั้น ท่านว่าการภาวนาดีมาก นอนนิดเดียวก็อิ่ม จิตสงบละอียดดีมาก

- 2495-2497 พรรษาที่ 9-11 จำพรรษากับหลวงตามหาบัว ที่บ้านห้วยทราย อ.คำชะอี มุกดาหาร

-2499-2502 พรรษาที่ 13-16 จำพรรษากับหลวงตามหาบัวที่วัดป่าบ้านตาด อุดร

- 2508 หลวงปู่ขาวได้แนะนำให้ชาวบ้านชุมพล ไปนิมนต์ท่านมาอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าแก้วชุมพล

- อนุปาทิเสสนิพพานวันอาทิตย์ 27 เม.ย. 2523

- ด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก ณ ท้องนาทุ่งรังสิต คลองหลวง ปทุมธานี - พร้อมกับพระอ.บุญมา ฐิตเปโม, พระอ.จวน กุลเชฏฺโฐ, พระอ.วัน อุตฺตโม, พระอ.สุพัฒน์ สุขกาโม - 55 ปี 35 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

26. หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต- วัดภูจ้อก้อ ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร

พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งผ้าเช็ดเท้าท่านพระอ.มั่น

- ท่านบากบั่น อุตสาหะ, พยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อหาทางพ้นทุกข์ ,บารมีธรรมคำสั่งสอนเป็นที่ซาบซึ้งถึงใจ และหยั่งรากฝังลึกลงในหัวใจของมหาชน, สั่งสอนศิษย์ด้วยเมตตาธรรม ดุจพ่อแม่อบรมสั่งสอนลูก เป็นศิษย์รุ่นสุดท้ายของพระอ.มั่นที่สำคัญยิ่งรูปหนึ่ง,หลังท่านละสังขารไม่นาน อัฐเป็นพระธาตุ  หลวงตามหาบัวชมและยกย่องท่านว่า "เป็นพระที่ซื่อสัตย์ต่อครูอาจารย์ เอาใจใส่ในอาจาริยวัตรเสมอ, แม้ถูกดุด่าก็อดทนต่อคำสั่งสอน ไม่เหนื่อยหน่ายต่อโอวาทธรรมที่ครูอาจารย์พร่ำสอน และเป็นดั่งผ้าเช็ดเท้าของท่านอาจารย์มั่น" ท่านถวายอุปัฏฐากแด่ท่านพระอ.มั่นอย่างใกล้ชิด, มีภาระหลายหน้าที่ เช่น สรงน้ำ, ซักย้อมสงบจีวร, ตามไฟถวายเมื่อองค์ท่านจงกรมในยามค่ำคืน่, ดูแลไฟให้ความอบอุ่นยามหนาวเย็น, ชำระอุจจาระปัสสาวะเมื่อองค์ท่านอาพาธ - ท่านได้สังเกตศึกษา ปฏิปทา และจริยาวัตรพระอ.มั่นอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องตลอดเวลา 4 ปีสุดท้ายของพระอ.มั่น

- เกิดวันจันทร์ 19 กพ.2454 - ขึ้น 3 ค่ำ ปีกุน - บ้านกุดสระ อ.เมือง อุดร

- อายุ 18 ปี บวชเณร, อุปสมบท 2473 ไม่นานลาสิกขา

- ได้แต่งงาน 2 ครั้ง มีบุตร 1 คนกับภรรยาคนแรก, มีบุตร 3 คนกับภรรยาคนต่อมา

- อายุ 32 ปี บวชอีกครั้ง 2486 , ญัตติเป็นธรรมยุต 2488 - 2489 ฝากตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น และตั้งสัจวาจาว่า "ขอมอบกายถวายชีวิตต่อท่านพระอ.มั่น ผูกขาดทุกลมปราณ ตลอดทั้งคณะสงฆ์ในที่นี้ทุกๆ องค์ด้วย" พระอ.มั่น สอนสั้นๆว่า "กรรมฐาน 40 ห้อง เป็นน้องอาปานสติ อานาปานสติเป็นยอดมงกุฎของกรรมฐานทั้งหลาย" หลวงตามหาบัว ซึ่งเป็นพระเถระที่ดูแลหมู่คณะได้กล่าวเตือนว่า "เอาให้ดีนะ เมื่อคุณได้มอบกายถวายตัวกับองค์ท่านแบบแจบจมอย่างนี้แล้ว ต้องเข่นหนักนะ"

- 2493 จำพรรษากับหลวงปู่เทสก์ เทสฺรงฺสี- วัดโคกลอย พังงา

- 2494-95 จำพรรษากับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ - วัดป่าตะโหนด อ.ตะกั่วทุ่ง พังงา

- 2496-2499 จำพรรษากับหลวงตามหาบัว - ป่าบ้านห้วยทราย อ.คำชะอี มุกดาหาร

- 2500 เป็นต้นมา จำพรรษาที่วัดภูจ้อก้อ

- 19 มค.2539 หลวงตามหาบัว ได้มาเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงปู่หล้า ซึ่งแพทย์กราบเรียนว่าไม่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นอีกได้

- หลวงตามหาบัวได้เมตตาแนะนำว่า เมื่อการรักษาไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว ก็ควรหยุดการรักษา ปล่อยให้ท่านอยู่กับธรรมชาติของท่าน"

- ละสังขาร 19 มค.2539 เวลา 13.59

- ถวายเพลิงศพ 28 มค.2539 โดยหลวงตามหาบัวเป็นประธาน  84 ปี 52 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

27. หลวงปู่ผาง ปริปุณฺโณ- วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดุง อุดรธานี

พระอริยเจ้าผู้ปรารภความเพียร

- ท่านท่องเที่ยวธุดงค์ไปทั่วไทย, ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์, นอบน้อมถ่อมตนเข้าหาสำนึกครูบาอาจารย์เสมอ, มีความเป็นอยู่เรียบง่าย แต่ทุกท่วงท่ากิริยาแฝงไปด้วยความหมายแห่งธรรม ท่านเป็นศิษย์ต้นและเป็นทายาทธรรมของหลวงปู่พรหม จิรปุญโญ ท่านได้ปฏิบัติธรรมติดตามพระอรหันต์องค์สำคัญๆทั้งนั้น เช่น พระอ.มั่น, หลวงปู่พรหม , หลวงปู่แหวน, หลวงปู่ฝั้น, หลวงปู่ชอบ, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่ตื้อ, หลวงปู่เทสก์ เป็นต้น

- เกิด 5 เมย.2469 - แรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีขาล บ้านดงเย็น อุดร

- อุปสมบทอายุ 20 ปี- 2490 จำพรรษากับหลวงปู่พรหมที่วัดประสิทธิธรรมกับหลวงปู่พรหม, ออกพรรษาแล้วได้ติดตามพระอ.มั่น ที่วัดบ้านหนองผือ สกล

- 2491 ตั้งใจจะไปจำพรรษากับพระอ.มั่น แต่กุฏิไม่เพียงพอ พระอ.มั่นจึงเมตตาให้ท่านไปจำพรรษาที่วัดม่วงไข่ สกล

- 2492 จำพรรษาภูเก้า อ.โนนสัง อุดร

- ออกพรรษา วิเวกไปอ.ศรีเชียงใหม่ หนองคาย พักศึกษากับหลวงปู่เทสก์

- 2493 ติดตามหลวงปู่พรหม ซึ่งเตรียมงานประชุมเพลิงองค์หลวงปู่มั่น และได้กราบนมัสการหลวงปู่ขาว ติดตามหลวงปู่ขาวไปธุดงค์ตามเทือกเขาภูพาน ,ไปศึกษากับหลวงปู่คำดี ปภาโสที่วัดถ้ำผาปู่ เลย ติดตามหลวงปู่คำดีไปยังภูเขาควาย ประเทศลาว - 2494 จำพรรษาวัดบ้านนาเชือก จ.เลย, ออกพรรษาไปอุปัฏฐากหลวงปู่พรหม- ได้ปฏิบัติธรรมกับหลวงตามหาบัว ,หลวงปู่บัวคำ ,อ.บัว ที่บ้านสามผง

- 2496 จำพรรษากับพระอ.ทองสุก,พระอ.เมฆที่อ.วังสะพุง - ออกพรรษาแล้ววิเวกไปถ้ำผาบิ้ง เพื่อศึกษาธรรมกับหลวงปู่ชอบ

- 2497 ศึกษาธรรมกับหลวงปู่แหวน ที่วัดป่าบ้านปง อ.แม่แตง เชียงใหม่ - หลวงปู่ชอบพาท่านธุดงค์ไปวัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว เชียงใหม่ ได้พบหลวงปู่สิม,หลวงปู่ตื้อ, หลวงปู่หลุย

- 2506 วิเวกทางดงหม้อทอง, ภูวัว ภูทอก -ไปพักกับพระอ.จวน แล้ววิเวกต่อยังภูลังกา

- 2507 จำพรรษากับหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด, วิเวกทางหนองคาย, ลุ่มน.โขง

- 2508 จำพรรษาที่น้ำหนาว เพชรบูรณ์

- 2509 จำพรรษาที่วัดป่าแก้วชุมพล กับพระอ.สิงห์ทอง ธมฺมวโร จ.สกลนคร

- 2512-2516 จำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม ประชุมเพลิงหลวงปู่พรหมเรียบร้อย ท่านได้นำคณะศรัทธาก่อสร้างเจดีย์บรรจุอัฐธาตุและอัฐบริขารของหลวงปู่พรหม

- 2539 จำพรรษาที่วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดุง อุดร

- อนุปาทิเสสนิพพานด้วยโรคมะเร็งในตับ  ศุกร์ 15 กพ. 2545 - 23.35 น.  76 ปี 54 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

28. หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต - วัดอุดมคงคาคีรีเขต (ดูน) ต.นางาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

พระอริยเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของเหล่าพวกกายทิพย์ มีภูตผี พญานาค เทวบุตร เทวดา เป็นต้น เหล่าเทวดามักเรียกชื่อท่านว่า "หลวงพ่อน้อยสัตย์ซื่อ" เพราะเทวดาเอาเหล็กไหลของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาวางไว้ในถ้ำน้ำหนาวที่ท่านพักภาวนาอยู่ ท่านไม่เคยจะสนใจจะหยิบฉวยเอาเลย - หลวงตามหาบัวกล่าวยกย่องท่านว่า "ท่านเป็นพระประเภทเพชรน้ำหนึ่ง"

- ท่านอุปสมบทถึง 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายได้ถวายตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น ที่วัดบ้านหนองผือ พระอ.มั่นได้ให้โอวาทว่า "ให้เที่ยวไปองค์เดียว อยู่คนเดียว และตายคนเดียว" ท่านรู้ภาษาสัตว์ ไม่ว่าสัตว์บกหรือสัตว์น้ำ ท่านสามารถสั่งสอนให้อยู่ในโอวาทได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะจระเข้กับงู ผูกพันใกล้ชิดกับท่านเป็นพิเศษ - ท่านสามารถเรียกให้ไปมาได้ - วันที่ท่านนิพพาน จระเข้ที่ท่านเลี้ยง ร้องไห้เสียงดังถึง 3 วัน

- ท่านจึงมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องลึกลับที่ปุถุชนสัมผัสและเข้าใจได้ยาก ท่านเป็นพระพูดน้อยแต่ปฏิบัติมาก ธรรมะที่ท่านแสดงใจความสั้นๆ แต่แหลมคมว่า "ชีวิตของเรามีเพียงบาตรใบเดียวก็อยู่ได้ และเพียงพอแล้ว" ท่านทรงจำภาษิตอีสานเก่าๆ ที่เป็นคติธรรมเตือนใจ เช่น "มีซือบ่ให้ปรากฎ มียศบ่ให้ลือชา มีตำราบ่ให้เฮียนยาก"

- สิ่งใดๆ ถ้าท่านได้ตั้งสัจจะว่าจะทำอะไรแล้ว ท่านจะต้องทำได้จริงๆ แม้นจะยากลำบากสักเพียงใด ท่านจะพยายามทำให้สำเร็จจนได้ สัจจะบารมี คือคุณธรรมอันเลิศที่หลวงปู่ผางถือปฏิบัติ และเป็นปฏิปทาที่ควรถือเอาเป็นแบบอย่าง - หลวงปู่คำดี ปภาโส พระอริยเจ้าแห่งวัดถ้ำผาปู่ จ.เลย ได้กล่าวยกย่องหลวงปู่ผางว่า "หลวงพ่อผาง ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติจริงจังมาก ปฏิบัติแบบสละชีวิต ในคราวที่ท่านบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ในปี 2513 ได้พบโมกขธรรม(หลุดพ้น) จิตของท่านสว่างไสวทั้งกลางวันและกลางคืน"

- เกิดอังคาร 5 สค.2445 - ขึ้น 2 ค่ำเดือน 9 ปีขาล - บ้านกุดกะเสียน อ.เขืองใน อุบล

- 2465 อายุ 20 อุปสมบทพระมหานิกาย และลาสิกขา ได้มีครอบครัวอยู่หลายปี แต่ไม่มีลูก

- อายุ 43 ปี ได้ชวนภรรยาออกบวช ภรรยาได้บวชเป็นแม่ชี ท่านบวชในสงฆ์มหานิกาย แต่ไปศึกษากับพระอ.สิงห์ และพระอ.มหาปิ่น จึงเกิดความเลื่อมใส

- อายุ 47 ปี ขอญัตติ 2491 อบรมในสำนักพระอ.สิงห์พอสมควร จึงธุดงค์วิเวกลำพัง และเข้าอบรมกับพระอ.มั่น พอสมควร จากนั้นท่องเที่ยววิเวกผู้เดียวในป่าเขาจ.เพชรบูรณ์ ถิ่นทุรกันดารหลายปี

-2492 จำพรรษาวัดป่าบังลังก์ศิลาทิพย์ บ้านแท่น ,แล้วธุดงค์ต่อยังภูผาแดง อ.มัญจาคีรี ชาวบ้านเรียนที่นั่นว่า "ดูน" มีน้ำไหลออกมาจากภูเขาตลอดปี และชาวบ้านถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่มีพระรูปใดเข้าไปอยู่ได้ ท่านอยู่จำพรรษาที่นั่นหลายปี และได้ตั้งชื่อวัดว่า "วัดอุดมคงคาคีรีเขต"

- วันเสาร์ที่ 30 เม.ย.2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษ์ เสด็จพระราชดำเนินปิดทองฝังลูกนิมิต และนมัสการหลวงปู่ผาง

- อนุปาทิเสสนิพพาน 24 มีค.2525 เวลา 16.45- วัดอุดมคงคาคีรีเขต - 80 ปี 34 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้