ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 12128
ตอบกลับ: 27
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

28 พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Metha เมื่อ 2015-3-21 00:59


1. หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล (พระครูวิเวกพุทธกิจ) - วัดดอนธาตุ บ้านทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบล

พระปรมาจารย์กรรมฐาน

- มีความเพียรเป็นเลิศ, มีความสงบเสงี่ยม, อ่อนน้อม,สุขุม, พูดน้อย และพอใจแนะนำสั่งสอนผู้อื่นทางนั้นด้วย, เป็นผู้ใฝ่ใจในธุดงควัตร, หนักแน่นในพระธรรมวินัย, ชอบวิเวก, ไม่ติดถิ่นที่อยู่, ต้องเดินธุดงค์ไปหาวิเวกเจริญสมณธรรมตามชายป่าดงพงเขาในไทยและลาว

- ปี 2434-2436 หลวงปู่เสาร์ได้ธุดงค์ผ่านหมู่บ้านคำบง อ.ศรีเชียงใหม่ อุบล ได้เทศนาสั่งสอนท่านพระอ.มั่น สมัยยังเป็นฆราวาสจนเกิดศรัทธาเลื่อมใสติดตามออกบวช จุดนี้เป็นความยิ่งใหญ่ของวงศ์กรรมฐานตราบจนถึงปัจจุบัน

- ท่านพูดน้อย, ประพฤติองค์เป็นแบบอย่างแก่สานุศิษย์มากกว่ากล่าวอบรมสั่งสอน, อุปนิสัยโน้มน้าวไปทางพระปัจเจกเจ้า, ไม่มีนิสัยเทศนาธรรมสั่งสอนทั่วไป ปี2480 เจ้าจอมมารดาทับทิมนำผ้าป่าทอดถวายและนิมนต์ท่านขึ้นแสดงธรรม ท่านขึ้นธรรมาสน์ตั้งนโม 3 จบ กล่าวเทศนาสั้นๆว่า "ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค" จบด้วย "เอวังฯ" แล้วก้าวลงธรรมาสน์

- เกิดวันจันทร์ 2 พย.2404 - แรม 14 ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา อุบล

- วันหนึ่ง หลวงปู่เสาร์นั่งพิจารณาอริยสัจ ได้รู้ได้เห็นตามความเป็นจริงนั้น ท่านได้ตัดเสียซึ่งความสงสัยเด็ดขาด จวนจะถึงกาลออกพรรษา ท่านได้บอกกับพระอ.มั่นว่า "เราได้เลิกการปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว และเราก็ได้เห็นตามความเป็นจริงแล้ว!" ท่านพระอ.มั่นได้ยิน ก็กิดปีติอย่างมาก และได้ทราบทางวาระจิตว่า "หลวงปู่เสาร์พบวิมุตติธรรมแน่นแล้วในอัตภาพนี้"

- อนุปาทิเสสนิพพาน ด้วยอิริยาบถก้มกราบพระประธานในพระอุโบสถวัดมหาอำมาตยาราม นครจำปาศักดิ์ ลาว เมื่ออังคาร 3 กพ.2484 - 82 ปี 62 พรรษา


ที่มา http://baleethai.com/index.php/p ... 7%E0%B8%A3%E0%B9%8C

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

2. พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต - วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม สกลนคร

- พระอริยเจ้าผู้เป็นบิดาของพระกรรมฐาน

- สุดยอดพระอรหันต์แห่งยุค เป็นบิดาพระกรรมฐาน ตำนานชีวิตและปฏิปทาของท่านถูกกล่าวขานกันไม่รู้จบ

- 2478 ท่านบรรลุธรรมชั้นสูงสุดที่ถ้ำดอกคำ ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว เชียงใหม่ จากนั้นธุดงค์ไปยังดอยนะโม ท่านได้พูดกับหลวงปู่ขาวว่า "ผมหมดงานที่จะทำแล้ว ก็อยู่สานกระบุงตะกร้า พอช่วยเหลือพวกท่านและลูกศิษย์ลูกหาได้บ้างเท่านั้น"

- ท่านถือธุดงค์ ทรงผ้าบังสกุลตลอดชีวิต, ธุดงค์ภาคอีสานกลาง เหนือในไทย, ลาว,เขมร,พม่า ชอบอยู่ตามถ้ำ,ป่าลึก อาศัยบิณฑบาตกับชาวป่าชาวเขา

- ในประวัติศาสาสตร์ของชาติไทย ยังไม่มีพระมหาเถระรูปใดจะยิ่งใหญ่ด้วยวัตรปฏิบัติปฏิปทา ถึงพร้อมด้วยศีลธรรม มีอำนาจจิตยิ่งใหญ่ครอบโลกธาตุ เป็นที่เคารพบูชาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้มากมายถึงเพียงนี้ พระอรหันต์ในประเทศไทย ล้วนเป็นศิษย์ของท่านแทบทั้งนั้น เดิมท่านปรารถนาพุทธภูมิ แต่ด้วยเห็นว่าจะเป็นการเนิ่นช้า จึงถอนความปรารถนานั้น มุ่งมั่นเป็นพระอรหันต์ในปัจจุบันชาติ

- ท่านร่างเล็ก ผิวขาวบาง ,แข็งแรงว่องไว, สติปัญญาดีมาแต่กำเนิด,ฉลาด, ว่าง่ายสอนง่ายในทางที่ถูก, ไม่ยอมทำตามในทางที่ผิด

- เกิด 20 มค 2413 บ้านคำบง ต.โขงเจียม ศรีเชียงใหม่ อุบล

- อายุ 15 บรรพชาเป็นสามเณร อายุ 17 บิดาขอร้องให้ลาสิกขาเพื่อช่วยงานทางบ้าน เมื่อลาแล้วจิตยังหวนคิดถึงร่มผ้ากาสาวพัสต์เสมอ เพราะติดใจในคำสั่งของยายว่า "เจ้าต้องบวชให้ยาย เพราะยายก็ได้เลี้ยงเจ้ายาก"

- อายุ 22 เข้าศึกษาพระธรรมในสำนักหลวงปู่เสาร์ วัดเลียบ ได้อุปสมบท 2436 ใช้คำ "พุทโธ"

- วันหนึ่งท่านสุบินนิมิตว่า "ได้เดินออกจากหมู่บ้าน มีป่า ทุ่งเวิ้งว้าง เดินตามทุ่งไป เห็นต้นชาติต้นหนึ่งที่บุคคลตัดให้ล้มแล้ว ปราศจากใบ ท่านขึ้นสู่ขอนชาติ พิจารณาดูอยู่ว่าผุพังไปบ้าง และจักไม่งอกอีก มีม้ามาเทียมขอนชาติ ท่านจึงขี่ม้า ม้าพาวิ่งไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือเต็มฝีเท้า เห็นตู้พระไตรปิฎกตั้งข้างหน้า วิจิตรด้วยเงินสีขาววาววับเป็นประกายยิ่งนัก ม้าพาวิ่งเข้าสู่ตู้ ครั้นถึงม้าก็หยุดและหายไป ท่านมาตู้พระไตรปิฎก แต่มิได้เปิดตู้ แลดูไปข้างหน้าเป็นป่าชัฏเต็มด้วยขวากหนามต่างๆ

- การที่ท่านออกบวช ชื่อว่าออกจากบ้าน บ้านคือความผิดทั้งหลาย ป่าคือกิเลส ซึ่งเป็นความผิดเหมือนกัน ขอนชาติ คือชาติความเกิด ม้าคือตัวปัญญาวิปัสสนา จักมาแก้ความผิด การขึ้นสู่ม้าแล้วม้าพาวิ่งไปตู้พระไตรปิฎก คือเมื่อพิจารณาไปแล้วจักสำเร็จเป็นปฏิสัมภิทานุศาสน์ ฉลาด รู้อะไรๆในการเทศนาวิธีทรมานแนะสั่งสอนสานุศิษย์ให้ได้รับความเย็นใจในข้อปฏิบัติทางจิต แต่จะไม่ได้จตุปฏิสัมภิทาญาณ เพราะไม่ได้เปิดดูตู้นั้น

- 2478 บรรลุพระอรหัตผลที่ถ้ำดอกคำ ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว เชียงใหม่ จึงกลับอีสาน

- อนุปาทิเสสนิพพานที่วัดป่าสุทธาวาส สกล 11 พ.ย. 2492 เวลา 02.23 - 80 ปี 56 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

3. หลวงปู่สิงห์ ขนฺตฺยาคโม (พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์) - วัดป่าสาลวัน อ.เมือง นครราชสีมา

- พระอริยเจ้าผู้เป็นยอดขุนพลเอก แห่งกองทัพธรรมกรรมฐาน

- เคร่งครัดวินัยมาก เสมือนองค์แทนลป.เสาร์และพระอ.มั่น เป็น 1 ใน 3 พระบูรพาจารย์สายกรรมฐาน พระกรรมฐานทั้งมวลล้วนเคยผ่านการอบรมสั่งสอนจากท่านแทบทั้งนั้น

- 2458 ท่านเข้าไปหาพระอ.มั่นที่วัดบูรพาราม อุบล เห็นพระอ.มั่นเดินจงกรม ท่านจึงนั่งสมาธิรออยู่ที่โคนต้นมะม่วง เมื่อพระอ.มั่นเหลือบเห็น จึงเรียกขึ้นไปกุฎ แล้วพูดว่า "เราได้รอเธอมานานแล้ว อยากพบ และต้องการชักชวนให้มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน" พระอ.สิงห์ตอบทันทีว่า "กระผมอยากมาปฏิบัติธรรมกับท่านพระอาจารย์มานานแล้ว" พระอ.มั่นสอนให้ท่านพิจารณากายคตาสติข้อ "ปัปผาสัง" ให้เป็นบริกรรม เมื่อฝึกแล้ว ขณะที่ท่านกำลังสอนนักเรียน ท่านพิจารณากรรมฐานข้อนี้แล้วเพ่งไปที่นักเรียนในชั้น ทุกคนกลายเป็นโครงกระดูก ท่านสลดจิตอย่างมาก ลาออกจากการเป็นครูและติดตามพระอ.มั่นไปทุกแห่ง

- ท่านปรารถนาพุทธภูมิ จึงเข้าป่าปฏิบัติ ด้วยความวิริยะอุตสาหะพยายาม ท่านจึงรอบรู้เล่ห์กลอุบายกิเลสตัณหาแยบยล ตามฆ่าอาวะกิเลสต่าง จนสามารถรอบรู้นำหมู่คณะพระกรรมฐานเที่ยวอบรมสั่งสอนประชาชนให้ยึดไตรสรณคมและปฏิบัติธรรม

- ครั้งหนึ่งท่านกับพระอ.มหาปิ่นผู้เป็นพระน้องชาย และบรรดาพระอาจารย์ เดินธุดงค์ผ่านถึงปราจีนบุรี ได้เปิดสำนักปฏิบัติธรรมขึ้นซึ่งเป็นป่าช้า ชื่อเสียงการสั่งสอนและแสดงพระธรรมเทศนาของท่านลึกซึ้ง จับใจเป็นที่นิยม ได้สร้างความไม่พอใจแก่คนเลวบางคน ถึงขนาดจ้างมือปืนมาฆ่าท่าน แต่เกิดปาฏิหาริย์ ขณะมือปืนเล็งยิงท่าน ต้นไม้ทุกต้นในป่าช้าสั่นไหวแกว่งไกวด้วยแรงพายุโบกสะบัด ต้นไม้ล้มระเนระนาด มือปืนตกใจจะวิ่งหนี แต่ขาก้าวไม่ออก ปืนตก มือปืนจึงก้มกราบ พร้อมกล่าวคำสารภาพผิด ท่านได้อบรมจิตใจของมือปืนด้วยความเมตตาและปล่อยตัวไป

- ต่อมาผู้มีอิทธิพล ได้สำนึกและได้รับฟังธรรมะโอวาทจากท่าน เกิดปีติล้นพ้น เลื่อมใสฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และชักชวนกันสร้างสำนักสงฆ์ถวายท่านเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงคุณของท่านที่ได้เปิดตาเปิดใจพวกเขาให้ได้รับแสงสว่างธรรมะ "วัดป่าทรงคุณ"

- เกิดวันจันทร์ 27 มค 2432- ขึ้น 7 คำ เดือน 4 ปีฉลู บ้านหนองขอน อำนาจเจริญ

- สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(ติสฺโส อ้วน) นิมนต์พระอ.สิงห์ให้ไปช่วยสร้างวัดป่าสาลวัน ให้เป็นวัดป่าต้นแบบพระวิปัสสนาธุระ

- ตลอดชีวิตของท่าน ได้ทุ่มเทงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา และอบรมสั่งสอน

- ได้ตั้งกองทัพธรรที่วัดป่าสาลวัน แม้มีอุปสรรคมากมาย ท่านก็ฝ่าฟันเอาชนะมาได้ด้วยธรรม

- อนุปาทิเสสนิพพาน 8 กย. 2507 -10.20 น. โรคมะเร็งเรื้อรังในกระเพาะอาหาร ณ วัดป่าสาลวัน - 73 ปี 51 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

4. หลวงปู่ดูลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์) - วัดบูรพาราม อ.เมือง สุรินทร์

- พระอริยะเจ้าผู้มีความสามารถเป็นเลิศในการสอนธรรม

- มีโวหารอันแหลมคม เหมือนพี่ชายใหญ่สายพระอ.มั่น เป็นสหธรรมิกกับพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม นิสัยเยือกเย็น, พูดน้อย, รักสงบ, จิตใจใฝ่วิเวกมาก ชอบสวดมนต์บท "อรญฺเญ รุกฺขมูเล วา สุญฺญาคาเร วา ภิกฺขุโว..."

- เมื่อหลวงปู่ดูลย์นำข้อธรรมที่รู้เห็นไปกราบเรียนพระอ.มั่น ได้กล่าวยกย่องว่า "ถูกต้อง ดีแล้ว เอาตัวรอดได้ นับว่าไม่ถอยหลังอีกแล้ว ขอให้ดำเนินตามปฏิปทานี้ต่อไป"

- พระอ.มั่นได้สรรเสริญให้ปรากฎต่อศิษย์ทั้งหลายว่า "ท่านดูลย์นี้ เป็นผู้มีความสามารถอย่างยิ่ง สามารถมีสานุศิษย์และผู้ติดตามมาประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก"

- เกิดอังคาร 4 ตค 2431 แรม 2 ค่ำ เดือน 11 ปีชวด บ้านปราสาท สุรินทร์

- บวชอายุ 22 ปี มหานิกาย ได้ฝึกกรรมฐาน โดยจุดเทียนขึ้น 5 เล่ม แล้วนั่งบริกรรมว่า "ขอเชิญปีติทั้ง 5 จงมาหาเรา" ท่านเพียรอยู่ตลอด แต่ไม่ปรากฎผลอันใดเลย

- อายุ 30 ปี ญัตติเป็นธรรมยุต ออกพรรษาแรกท่านกับพระอ.สิงห์พากันไปฟังธรรมเทศนากับพระอ.มั่นที่วัดบูรพาราม อุบล เกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่ง ซาบซึ้งถึงใจ ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ออกพรรษาแล้วติดตามพระอ.มั่นธุดงค์

- ได้ปรารภความเพียรอย่างอุกฤษฎ์แรงกล้า จนแสงแห่งพระธรรมเกิดขึ้น

- อนุปาทิเสสนิพพาน 30 ตค 2526 ที่วัดบูรพาราม สุรินทร์ -95 ปี 65 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

5. หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ - วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ อุดร

พระอริยเจ้าผู้มีดวงตาเห็นธรรม

- ท่านเป็นศิษย์ที่พระอ.มั่นมอบคำบริกรรมให้โดยเฉพาะ เพราะท่านมีราคะจริต เบื้องต้นท่านให้คำว่า "กายเภทํ กายมรณํ มหาทุกฺขํ"

- ต่อมาท่านให้เปลี่ยนว่า "เยกุชฺโฌ ปฏิกุโล" - ท่านมีพระอ.ฝั้น, พระอ.กงมา เป็นสหธรรมิกออกธุดงค์

- เกิดอังคาร ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีขาล 2445 - บ้านดอนเงิน ต.แซแล กุมภวาปี อุดร

- อายุ 16-17ปี พ่อแม่พูดว่า "การบวชนี้ได้บุญมาก" ทำให้ท่านอยากบวชทันที จึงบอกพ่อแม่ว่า "ต้องการบวช ถ้าได้บวชแล้วจะไม่สึก" พ่อแม่จึงนำไปฝากเป็นศิษย์วัด

- 2461 บรรพชาเป็นสามเณร ได้พบหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงได้ติดตามลป.ดูลย์ ท่านได้ขอญัตติใหม่จากลป.เสาร์และพระอ.มั่น แต่ท่านทั้ง2 ยังไม่ยินยอม ได้ให้เงื่อนไข "3 ให้" ที่ต้องปฏิบัติคือ

1. ให้ฝึกภาวนาไปอีก 1 ปี

2. ให้ท่องหนังสือนวโกวาทให้จบ

3. ให้ท่องพระปาติโมกข์ให้จบ

- ท่านตั้งใจท่องนวโกวาท 4 วันจบ ท่องปาฏิโมกข์ 7 วันจบ จึงได้ญัตติ

- 2496 สร้างวัดป่านิโครธาราม ต.หมากหญ้า หนองวัวซอ อุดร

- อนุปาทิเสสนิพพาน ณ รพ.รามา - 27 พค 2524 เวลา 04.00 -80 ปี 58 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

6. หลวงปู่ชอบ ฐานสโม - วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง เลย

พระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญา

- 1. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้, 2.ทิพโสต หูทิพย์, 3. เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น, 4.บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้, 5.ทิพจักขุ ตาทิพย์, 6. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป

- นิสัยชอบโดดเดี่ยวเที่ยวไปอยู่ในป่ากว้าง, ทำในสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยาก, ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับหมู่ชนพระเณร, องอาจเด็ดเดี่ยว, อดทนเป็นเลิศ, ไม่กลัวความทุกข์ยากลำบาก, เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย, กล้าได้กล้าเสียในการปราบกิเลส

- ท่านพระอ.มั่นออกปากชมท่ามกลางสภาสงฆ์ว่า "ให้ทุกองค์ภาวนาให้ได้เหมือนท่านชอบสิ ท่านองค์นี้ภาวนาไปไกลลิบเลย" ท่านสามารถแสดงธรรมและสนทนาธรรมเป็นภาษาต่างๆ ได้หมดเพียงกำหนดจิตดูว่าภาษานั้น เขาใช้พูดกันว่าอย่างไร ท่านแสดงธรรมโปรดเทวดา พญานาค ตลอดจนภพภูมิต่างๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ การธุดงค์ของท่านโลดโผนมาก ชอบเดินทางกลางคืนหรือจวนสว่างในคืนเดือนหงาย เที่ยวไปอย่างอนาคาริกมุนี ผู้ไม่มีอาลัยในโลกทั้งปวง

- มีเสือตัวใหญ่ 2 ตัวกระโดดล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ ท่านเร่งสติสมาธิ แผ่เมตตากำหนดจิตเข้าข้างใน สมาธิลึกเข้าไปจนถึงฐานของจิต ปล่อยวางสิ่งทั้งปวง เมื่อถอนจิตออกมาปรากฎว่าเสือสองตัวได้หายไปแล้ว เดินทางไปหมู่บ้านกะเหรี่ยงกลางหุบเขา เพื่อโปรดพี่ชายท่านในอดีตชาติที่รักกันมาก ซึ่งได้เกิดมาเป็นกะเหรี่ยงชื่อเสาร์ ที่ต.ป่ายาง บ้านผาแด่น เชียงใหม่ - โปรดดึงเขาเข้าสู่สายทางธรรม - ต่อมานายเสาร์ได้บวชเป็นพระติดตามท่านตลอดชีวิต - ท่านเป็นที่เคารพรักของเหล่าเทพยดา บางคราวหลงกลางป่าหลายๆ วัน เดินทางจากพม่าจะเข้าไทย หลงป่าเจียนตายเพราะหิวกระหาย เทวดาได้นำอาหารทิพย์มาใส่บาตร ท่านเล่าวว่า อาหารนั้นมีรสอร่อยส่งกลิ่นหอมหวนชวนชื่นใจ ฉันแล้วหายเมื่อย หายหิวไปหลายวัน ท่านทำสมาธิทั้งกลางวันกลางคืน บางคราวพายุฝนกระหน่ำ น้ำป่าไหล ท่านต้องนั่งกอดบาตรจนสว่าง

- ท่านบรรลุธรรมขั้นสูงสุดปี 2487 พรรษาที่ 20 อายุ 43 ปี ที่ถ้ำบ้านหนองยวน พม่า ท่านเป็นพระทรงอภิญญา ล่วงรู้สิ่งลึกลับที่คนธรรมดามองไม่เห็น เช่น เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ พญานาค ภูตผีปีศาจมากมาย แม้แต่ความรู้สึกนึกคิดภายในใจของคน ท่านก็สามารถล่วงรู้ได้

- หลวงปู่มั่นได้ไว้วางใจมอบหมายให้ท่านช่วยดูแลพระเณรที่คิดอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่ถูกต้องตามครรลองของผู้ทรงศีลธรรม ท่านก็จะตักเตือน ท่านมีความรู้ภายในว่องไวไม่แพ้หลวงปู่มั่น พระเณรทั้งหลายจึงเกรงกลัวท่านมาก

- ท่านระลึกชาติรู้อดีตชาติของท่านเองว่าเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง เคยเกิดเป็นพระภิกษุรักษาศีลอยู่กับพระอนุรุทธะ เคยเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์พระมหากัสสปะ เคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหมในพรหมโลก และเป็นสัตว์หลายชนิด

- เกิดวันพุธ 12 กพ.2444 - ขึ้น 5 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู บ้านโคกมน วังสะพุง เลย ได้พบพระอ.มั่น ณ ป่าบ้านสามผง นครพนม

- หลวงปู่มั่นได้ให้โอวาทสั้นๆว่า "ท่านเคยภาวนามาอย่างไร ก็ให้ทำต่อไปเช่นนั้น อย่าได้หยุด ธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงไว้นั้น มันก็อยู่ที่ใจเรานี่แหละ ถ้าอยากรู้อยากเห็นธรรมเหล่านั้น ก็ให้ค้นหาเอาที่ใจของท่านเอง"

- 2501 ชาวบ้านถวายที่สร้างวัดร้อยกว่าไร่ ท่านจึงได้รับสร้างเป็นวัดป่าสัมมานุสรณ์

- 2514 ป่วยเป็นอัมพาต

- อนุปาทิเสสนิพพาน 8 มค.2538 - วัดป่าสัมมานุสรณ์ -93 ปี 70 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

7. หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร - วัดถ้ำผาบิ้ง บ้านนาแก ต.ผาบิ้ง อ.วังสะพุง เลย

พระอริยเจ้าผู้มีปฏิปทามักน้อยสันโดษ หาผู้เสมอได้ยาก

- เดิมท่านนับถือศาสนาคริสต์ แต่นิสัยน้อมทางธรรมตั้งแต่เด็ก

- 7 ขวบ มองดูสายน้ำที่ไหลไปไม่มีวันกลับ ท่านคิดพิจารณาเทียบชีวิตคนที่ล่วงตายไป ไม่มีวันกลับคืนได้เหมือนสายน้ำ จึงภาวนาโดยอาศัยสายน้ำเป็นอารมณ์

- 9 ขวบ จิตตกภวังค์ นิมิตเห็นแสงสว่างคล้ายสีรุ้ง ชอบพระกรรมฐานและการออกบวชอย่างมาก พระอ.มั่นยกย่องว่า "เป็นผู้ทรงธุดงค์ธรรม ว่าด้วยความเป็นผู้มักน้อยสันโดษ หาผู้ใดยุคปัจจุบันเสมอได้ยาก" เป็นผู้มีความเพียรกล้า อยู่ง่ายไปเร็ว ชอบท่องเที่ยวไปตามป่าเขา ไม่ติดสถานที่ ชอบอยู่ป่าและถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร เป็นศิษย์ที่เข้าใจในอัชฌาศัยของพระอ.มั่นเป็นอย่างดี สามารถนิมนต์ท่านพระอ.มั่น เข้ามาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านหนองผือได้ จนกลายเป็นสำนักกรรมฐานที่เลื่องชื่อ ผลิตพระอริยะเจ้าเข้าสู่ตลาดมรรคผลนิพพาน ท่านได้รับอุบายธรรมสำคัญจากสหธรรมิกเพชรน้ำหนึ่งคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย ด้วยอุบายธรรมแยบยลจากเพื่อนนี้เอง หลวงปู่หลุยจึงได้กล่าวว่า "การภาวนาจะเป็นไปได้ด้วยดีนั้น นอกจากจะต้องมีครูบาอาจารย์ที่ดีแล้ว ก็ควรจะต้องมีกัลยานมิตรที่ดีด้วย"

-2507 พรรษา 40 ท่านถึงที่สุดแห่งธรรมด้วยวิชาม้างกาย ที่ถ้ำกกกอก อ.วังสะพุง เลย

- เกิดอังคารที่ 3 ปีฉลู - ต.กุดป่อง เลย จำพรรษากับลป.เสาร์ที่วัดพระพุทธบาทบัวบก อุดร

- ในพรรษานี้ท่านจิตรวมแล้วสะดุ้ง พระอ.บุญสงสัยว่าการญัตติครั้งที่แล้วคงจะไม่ถูกต้อง จึงได้ให้ญัตติใหม่

- อนุปาทิเสสนิพพาน จันทร์ 25 ธค 2532 เวลา 00.43 - รพ.หัวหิน ประจวบ - 88 ปี 64 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

8. หลวงปู่ขาว อนาลโย - วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง หนองบัวลำภู

พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเพชรน้ำหนึ่ง

- มีหลวงปู่หลุย เป็นสหธรรมิกที่เกื้อกูลกันในทางธรรม

- ท่านมีใจเด็ดเดี่ยว, มุ่งมั่นในเป้าหมาย, มีเมตตาธรรมเป็นเลิศ, สง่างามประดุจช้างสาร ท่านมีอดีตชาติเกี่ยวพันกับสัตว์ป่า มีช้างเป็นต้น ไม่ว่าท่านจะไปเที่ยวที่ป่าเขาลึกเพียงไหน ช้างหัวหน้าฝูงมักจะเข้ามาหาคารวะท่าน ท่านรู้ภาษาสัตว์ และสัตว์ก็รู้ภาษาของท่านอย่างดี เหตุที่ท่านออกบวช เกิดจากภรรยามีชู้ เมื่อท่านพบภาพคาหนังคาเขาตามคำบอกเล่าชาวบ้าน ท่านจึงเงื้อดาบสุดแรงหมายจะฟันชายชู้และภรรยาชั่ว แต่เผอิญชายชู้เห็นก่อนและได้ร้องขอชีวิต ทำให้ท่านเกิดจิตเมตตา จึงเรียกชาวบ้านมาดูเหตุการณ์ พร้อมประชุมญาติและผู้ใหญ่บ้าน ได้ปรับสินไหมด้วยเงิน พร้อมประกาศยกภรรยาให้ชายชู้อย่างเปิดเผย ท่านสลดสังเวชจิตเป็นกำลัง จิตหมุนไปทางบวชเพื่อหนีโลกโสมม  ท่านสามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติ เคยเกิดป็นพระภิกษุ 1 ใน 500 รูปติดตามพระเทวทัต มิจฉาทิฐิ แต่หลังจากได้ฟังธรรมจากพระสารีบุตร จึงหันกลับเข้ามาสู่ทางแห่งสัมมาทิฐิ

- สถานที่ต่างๆ ที่ท่านอยู่จำพรรษา มักเป็นสถานที่เคยเกิดเป็นคนหรือสัตว์ต่างๆ ในอดีตชาติ

- ท่านบรรลุธรรมชั้นสุดยอดพรรษาที่ 16-17 ที่กลางทุ่งนา บ้านโหล่งขอด อ.พร้าว เชียงใหม่

- ท่านเล่าว่า "เย็นวันหนึ่ง เมื่อปัดกวาดเสร็จออกที่พักไปสรงน้ำ เห็นข้าวในไร่ชาวเขากำลังสุกเหลืองอร่าม เกิดปัญหาขึ้นมาว่า ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด ใจที่พาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายในเช่นเดียวกับเมล็ดข้าว เชื้อนั้นถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้สิ้นไปจะต้องพาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็แล้วอะไรเป็นเชื้อของใจเล่า ถ้าไม่ใช่กิเลสอวิชชา ตัณหาอุปาทาน ท่านก็คิดทบทวนไปมา โดยถืออวิชชาเป็นเป้าหมาย

- พิจารณาย้อนหน้าถอยหลัง อนุโลมปฏิโลมด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงแห่งอวิชชา นับแต่หัวค่ำจนดึกไม่ลดละการพิจารณาอวิชชากับใจ พอจวนสว่าง จึงตัดสินกันลงได้ด้วยปัญญา อวิชชาขาดกระเด็นออกจากใจไม่มีอะไรเหลือ ยุติที่ข้าวสุก หมดการงอกอีกต่อไป การพิจารณาจิต มาหยุดกันที่อวิชชาดับ กลายเป็นจิตสุก เช่นเดียวกับข้าวสุก  จิตหมดการก่อกำเนิด เกิดในภพต่างๆ อย่างประจักษ์ใจ สิ่งที่เหลือให้ชมอย่างสมใจคือความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วนๆในกระท่อมกลางเขา"

- เกิดอาทิตย์ 28 ธค 2431 - ปีชวด บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อำนาจเจริญ

- อุปสมบท 2 พค 2432 จำพรรษาวัดที่บวช 6 ปี สังเกตดูครูอาจารย์เพื่อนพระสามเณร ประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยลุ่มๆดอนๆ ไม่สมเจตนาที่ออกบวชเพื่อมรรคผลนิพพาน จึงกราบลา ตามหาพระอ.มั่น ได้จำพรรษากับพระอ.มั่นปีแรกที่เชียงใหม่ ท่านเร่งความเพียรแทบไม่ได้หลับนอน

- ญัตติเมื่อ 14 พค 2468 หลวงปู่ขาวเป็นนาคซ้าย, หลวงปู่หลุยเป็นนาคขวา หลวงปู่หลุยบวชก่อน 15 นาที

- อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดถ้ำกลองเพล หนองบัวลำภู - จันทร์ 16 พค 2526 - 94 ปี 57 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

9. พระอ.ฝั้น อาจาโร - วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม สกลนคร

พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตเหนือฟ้าดิน

- ท่านเป็นคนเรียบร้อย, อ่อนโยน, สุขุมเยือกเย็น, กว้างขวาง - ปรารภความเพียรแรงกล้าเด็ดเดี่ยว ไปตามภูผาป่าเขาเพียงลำพัง, แสวงหาความสงบวิเวก ยินดีต่อความสงบ - มักน้อยสันโดษ พอใจในปัจจัยสี่ที่ตนมีอยู่แล้วได้มาโดยชอบธรรม เป็นนักต่อสู้เพื่อเอาชนะกิเลส  มีสหธรรมิกคือ พระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม, พระอ.มหาปิ่น, พระอ.กู่, พระอ.อ่อน, พระอ.กว่า ท่านมีความเคารพเลื่อมใส ตั้งอยู่ในโอวาทของพระอ.มั่นอย่างถึงใจ ทำความเพียรทั้งกลางวันกลางคืน ไม่มีเวลาหลับนอน จนจิตใจของท่านมีกำลังกล้าเป็น "ธรรมดวงเดียว" ไม่เกาะเกี่ยวกับอะไรๆ ทั้งสิ้น

- ท่านมีพลังจิตสูง หาผู้เสมอเหมือนได้ยาก 1. สามารถเรียกฟ้าฝนได้เป็นที่อัศจรรย์

- ปี 2489 ชาวสกลนคร เกิดทุพภิกขภัยอย่างหนัก ฝนฟ้าไม่ตก จึงเข้าไปขอฝนกับท่าน ท่านนั่งสมาธิบนลานกลางแจ้งครึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าที่มีแดดจ้า พลันมีเสียงฟ้าร้องคำราม เกิดมีก้อนเมฆบดบังแสงอาทิตย์ มีฝนเทลงมาอย่างหนักถึง 3 ชม

- ปีนั้นฝนตกตามฤดูกาล ชาวบ้านได้ทำนาตามปกติทั่วถึง 2. ท่านสร้างวัด ต้องระเบิดหิน ท่านไม่ต้องการให้หินช่วงไหนแตกร้าว ท่านจะเอาปากกาไปเขียนยันต์ไว้ตรงจุดนั้น ระเบิดจะแรงขนาดไหน หินนั้นก็ไม่แตกร้าว 3. ท่านนั่งสมาธิใต้ต้นกระบก ลูกกระบกตกลงพื้นเสียงดังน่ารำคาญ ท่านกำหนดจิตไม่ให้ลูกกระบกตก ตั้งแต่นั้น ลูกกระบกต้นนั้นไม่หลุดลงพื้นอีกเลย

- พระอ.กงมา ได้เล่าเรื่องพลังจิตของลป.ฝั้นไว้ว่า "สมัยหนึ่งหลวงปู่ฝั้นได้ธุดงค์ไปจันทบุรี ท่านได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมในงานศพ มีผู้มาฟังธรรมเป็นจำนวนมาก ขณะที่ท่านแสดงธรรมอยู่ มีคนกลุ่มหนึ่งเล่นหมากรุก เมาสุรา ส่งเสียงเอะอะโวยวายรบกวน ท่านส่งกระแสจิตไปปราบพวกขี้เหล้าเหล่านั้น  เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ขี้เหล่าหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว บางคนยืนอ้าปาก, บางคนถือหมากรุก, บางคนคอพับ ไม่สามารถไหวติงได้

- จนท่านแสดงธรรมให้พรจบลง เดินทางกลับ ขี้เหล้าเหล่านั้นจึงกลับมาสู่ภาวะปกติได้" หลวงตามหาบัวเล่าว่า "ท่านพระอ.ฝั้นสามารถกำหนดจิตให้รถหยุด เครื่องยนต์ไม่ติดอย่างง่ายดาย" ฉะนั้นเวลานั่งรถ ท่านต้องพยายามทำจิตไม่ให้เพ่งไปที่เครื่องยนต์ ไม่งั้นเครื่องจะดับทันที ตอนสงครามโลกเครื่องบินญี่ปุ่นจะมาทิ้งระเบิด คนมาขอให้ท่านอย่าให้ญี่ปุ่นทำได้ ตอนแรกท่านคิดว่าจะเพ่งให้เครื่องยนต์ดับ แต่คิดได้ว่าหากทำแบบนั้น เครื่องบินต้องตก ทหารญี่ปุ่นต้องตาย ท่านจึงทำวิธีอื่นแทน อีกครั้งในงานศพพระอ.มั่น พระกำลังเตรียมงานกันอยู่ มีเด็กน้อยถีบจักรยานไปมารบกวน หลวงปู่ฝั้นท่านจึงพูดว่า "เดี๋ยวเราจะดัดนิสัยไอ้เด็กพวกนี้ จะทำให้รถมันล้ม แต่ไม่ให้มันเจ็บ" พอท่านพูดจบรถจักรยานเด็กล้มลงทันที

- ด้วยวัตรปฏิบัติและพลังจิตอันล้ำเลิศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงทรงให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

- เกิดอาทิตย์ 20 สค.2442 - ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 9 ปีกุน บ้านม่วงไข่ ต.พรรณา สกล

- 2461 บรรพชาเป็นสามเณร เอาใจใส่ ศึกษาเคร่งครัดพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง ถึงขนาดคุณยายท่านได้พยากรณ์ไว้ว่า "ในภายภาคหน้า ท่านจะเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าดวงขมิ้นตลอดชีวิต"

- อมตมหานฤพาน 4 มค 2520 - วัดป่าอุดมสมพร สกล - 77 ปี 52 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

10. หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ - วัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อ.บ้านดุง อุดรธานี

พระอริยเจ้าผู้มีอุปนิสัยแก่กล้าในทางธรรม

- พระอริยสงฆ์ประเภทขิปปาภิญญา (บรรลุธรรมเร็ว) เป็นผู้มีอินทรีย์แก่กล้าหาได้ยาก สละทรัพย์สมบัติ ออกบวช ไม่มีความอาลัยเสียดาย ประดุจบ้วนน้ำลายทิ้งลงบนแผ่นดิน ตั้งมั่นในธุดงควัตร ชอบเที่ยวธุดงค์ในลาวและพม่า มีนิสัยวาสนาแก่กล้า พยายามฟันฝ่ากับอุปสรรคทั้งปวง เพื่อจะขอเอาดวงจิตพ้นทุกข์ให้ได้

- เกิดอังคาร 2431 ปีขาล บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน สกลนคร สมัยเป็นฆราวาส แต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรก ภรรยาคลอดลูกตายทั้งกลม ท่านเศร้าเสียใจอย่างมาก ทำให้ครุ่นคิดได้ว่า "ทำอย่างไรหนอ ชีวิตของเรานี้ถึงจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง" ครั้งที่สอง อยู่กินกับภรรยาใหม่ราบรื่น จนออกบวช  ท่านเป็นคนหมั่นขยันฉลาด เป็นพ่อค้ากองเกวียน (นายฮ้อย) จนมีฐานะร่ำรวย ด้วยความประพฤติดี เป็นที่พึ่งของลูกน้องได้ ท่านจึงได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน

- ต่อมาได้ฟังธรรมจากพระอ.สาร ศิษย์พระอ.มั่น เกิดความดื่มดำซาบซึ้งในรสพระธรรม จึงขอให้ภรรยาบวชชีก่อน แล้วตัวท่านได้สละทรัพย์สมบัติออกบวชตาม โดยแจกทรัพย์สินทั้งหมดเป็นทาน ไม่ยินดีอาลัยในทรัพย์เหล่านั้น ผู้คนที่มาเข้าแถวเพื่อรอรับแจกทานจากท่านเป็นแถวยาวเหยียด ท่านใช้เวลาแจกทานถึง 3 วัน 3 คืนจึงหมด

- 2469 อายุ 37 อุปสมบท ณ วัดโพธิสมภรณ์ ส่วนน้องชาย น้องสาว น้องเขยได้ฟังคำสอนจากท่านก็ออกบวชตามด้วย หลังบวชแล้ว ท่านเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น ขณะที่ท่านเห็นพระอ.มั่นครั้งแรก ท่านได้นึกประมาทอยู่ในใจว่า "พระองค์เล็กๆ อย่างนี้นะหรือ ที่ผู้คนร่ำลือกันว่าเก่งนักเก่งหนา ดูแล้วไม่น่าจะเก่งกาจอะไรเลย" ครั้นเข้าไปนมัสการพระอ.มั่น ท่านกล่าวขึ้นเสียงดังว่า "การด่วนวินิจฉัยความสามารถของคน โดยมองดูแต่เพียงร่างกายเท่านั้น ใช้ไม่ได้ จะเป็นการตั้งสติอยู่ในความประมาท" เมื่อท่านได้ยินถึงกับสะดุ้ง เกิดความอัศจรรย์ในการรู้วาระจิตของท่านพระอ.มั่น บังเกิดศรัทธาแรงกล้า ตั้งสัจวาจาถวายชีวิต

- สมัยท่านธุดงค์ในพม่า ท่านเล่าว่า ขณะที่ท่านนั่งบำเพ็ญเพียงอยู่นั้น ได้ปรากฎมีภาพพระภิกษุมีรัศมีในกายสีฟ้าบอกว่า "เราคือพระอุปคุต เธอเคยเป็นศิษย์ของเรา เธอมีนิสัยแก่กล้า เอาให้พ้นทุกข์นะ "

- พระอ.มั่นชมเชยท่านต่อหน้าพระเถระหลายองค์ว่า "ท่านพรหม เป็นผู้มีความพากเพียรสูงยิ่ง เป็นผู้มีสติ มีความตั้งใจแน่วแน่ ได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดที่สุด เป็นตัวอย่างที่ดี ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง"

- บางคราวพระอ.มั่นถามท่านต่อหน้าพระเถระทั้งหลายว่า "ท่านพรหม ท่านเดินทางมาแต่ไกลเป็นอย่างไรบ้าง การพิจารณากาย การภาวนาเป็นอย่างไร" ท่านตอบอย่างอาจหาญว่า "เกล้าฯ ไม่มีอกถังกถีแล้ว" (ไม่มีความลังเล สิ้นสงสัย)

- พระอ.มั่นได้กล่าวยกย่องว่า "ท่านพรหม สำเร็จเป็นพระอรหันต์ หลังจากบวชได้เพียงพรรษา 5"

- อนุปาทิเสสนิพพาน 13 พค 2512 เวลา 17.70 ด้วยโรคชรา - 81 ปี 43 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้