ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

28 พระอรหันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

11. หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ - วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว เชียงใหม่

วิสุทธิเทพแห่งดอยแม่ปั๋ง

- ท่านธุดงค์ตามป่าเขาภาคอีสาน ภาคเหนือ,พม่าและอินเดีย ด้วยเท้าเปล่า

- มีหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นสหายธรรม ยังไม่มีพระอริยคณาจารย์รูปใด ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเทียบเท่าหลวงปู่แหวน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ยังวัดดอยแม่ปั๋ง เพื่อนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่แหวนหลายครั้งหลายหน

- เกิดจันทร์ 16 มค.2430 - ขึ้น 14 ค่ำ เดือนยี่ ปีกุน  บ้านนาโป่ง อ.เมือง เลย

- 5 ขวบ ก่อนมารดาจะถึงแก่กรรม ได้เรียกท่านมาใกล้ๆ ได้จับแขนไว้แน่นๆ กล่าวว่า "ลูกเอ๋ย แม่ยินดีต่อลูก สมบัติใดๆ ในโลกนี้จะเป็นกี่ล้านกี่โกฏิ แม่ก็ไม่ยินดี แม่จะยินดีมาก ถ้าลูกจะบวชให้แม่ เมื่อลูกบวชแล้ว ให้ตายกับผ้าเหลือง ไม่ต้องสึกออกมามีลูกมีเมียนะลูกนะ"

- บรรพชา 9 ขวบ

- อายุ 31 ธุดงค์รอนแรมไปฝากตัวกับพระอ.มั่น ท่านได้กล่าวสอนสั้นๆ ว่า "ต่อไปนี้ให้ภาวนา ส่วนความรู้ที่เรียนมาให้เอาใส่ตู้ไว้ก่อน" หลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งได้หลุดพ้นผ่านพ้นทุกข์ไปได้แล้ว ชวนท่านกลับอีสานด้วยกัน หลวงปู่แหวนตอบว่า "ถ้ายังไม่บรรลุพระอรหัตตผลตามความมุ่งหวัง จะไม่ไปจากเมืองเชียงใหม่"

- วันหนึ่งในปี 2512 หลวงปู่ขาว ซึ่งอยู่ที่ถ้ำกลองเพล อุดรธานี ได้ปรารภเป็นเชิงรำพึงอนุโมทนากับสานุศิษย์ว่า "เมื่อคืนได้นิมิตเห็นท่านแหวนจิตใสเหมือนแก้ว สว่างไสวทั้งองค์ ท่านแหวนได้อรหัตตผลแล้วหนอ"

- อนุปาทิเสสนิพพาน 2 กค 2528 - วัดดอยแม่ปั๋ง- 98 ปี 58 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

12. หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ - วัดดอยธรรมเจดีย์ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ สกล

พระอริยเจ้าแห่งวัดดอยธรรมเจดีย์

- ท่านเรียบง่าย เจ้าระเบียบ มีอุบายละเอียด , การเทศนาธรรมใช้ภาษาง่ายๆ แต่กินใจความลึกซึ้ง ท่านมีหลวงปู่สาม และท่านพ่อลี เป็นสหธรรมิก ท่านได้นำสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ชื่น) ออกเที่ยวธุดงค์ตามป่าเขาภาคตะวันออก ถึงขนาดพระองค์ออกปากชมว่า "การธุดงค์ของพระปฏิบัติกรรมฐานนี้ได้ประโยชน์เหลือหลาย อย่างนี้พระต้องธุดงค์กันให้มากๆ ศาสนาจะได้รุ่งเรือง"

- เกิด 6 พย.2443 - ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีชวด บ้านโคก อ.โคกศรีสุพรรณ สกลนคร เคยเป็นหัวหน้านายฮ้อย พาคณะต้อนสัตว์มีวัวควายไปขายกรุงเทพ, แต่งงานอายุ 25 ปี ต่อมาภรรยาพร้อมบุตรในครรภ์ในเสียชีวิตลง ทำให้ท่านรู้สึกสูญสิ้น เป็นเหตุให้ท่านสลดสังเวชและนึกถึงร่มเงาพระพุทธศาสนา

-2482 สร้างวัดเขาน้อย ท่าแฉลบ ตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์

- 2485 จำพรรษากับพระอ.มั่นที่ป่าช้าบ้านโคก อ.โคกศรีสุพรรณ สกล ได้รับอุบายธรรมสำคัญและได้รับความเมตตาจากพระอ.มั่นเป็นพิเศษ ต่อมาที่แห่งนี้ ท่านได้สร้างเป็นวัดสุทธิธรรมาราม

- 2489 ท่านได้ธุดงค์ตามเทือกเขาภูพาน ได้ปักกลดพักภาวนาที่ในถ้ำ ซึ่งถ้ำนี้เป็นที่อยู่เสือ และต่อมากลายเป็น "วัดดอยธรรมเจดีย์"

- อนุปาทิเสสนิพพาน 17 ตค 2505 - 61 ปี 35 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

13. ท่านพ่อลี ธมฺมธโร (พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์) - วัดอโศกราม อ.เมือง สมุทรปราการ

พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตแก่กล้า

- ถึงพร้อมด้วยอำนาจแห่งบารมีและบุญที่สั่งสมไว้แต่ปางบรรพ์ มีภูมิธรรมและพลังจิตสูงยิ่ง, มีจริยวัตรงดงาม มีศรัทธาเต็มเปี่ยมในการเผยแผ่สัจธรรม

- ท่านเป็นศิษย์ที่ท่านพระอ.มั่น โปรดเป็นที่สุด ยามที่ท่านเดินทางไปคารวะพระอ.มั่นสำนักวัดบ้านหนองผือ สกลนคร ท่านได้รับการต้อนรับจากท่านพระอ.มั่นเป็นกรณีพิเศษ ท่านเป็นพระเจ้าอโศกมหาราชกลับชาติมาเกิดเพื่อบรรลุธรรม เป็นศิษย์ท่านพระอ.มั่นเพียงรูปเดียว ที่ไม่เคยถูกพระอ.มั่นต้องติ

- เมื่ออกจากสำนักไป ท่านเป็นผู้ที่ทำให้ชาวพระนครได้รู้จักพระกรรมฐาน และทำให้วงศ์กรรมฐานเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางจนถึงยุคปัจจุบัน

- ท่านบรรลุภูมิธรรมขั้นสูงที่ถ้ำเชียงดาว เชียงใหม่ บรรลุธรรมขั้นสูงสุดที่ถ้ำเขาฉกรรจ์ ปราจีนบุรี

- ท่านยังสามารถจัดงานฉลองกึ่งพุทธกาลได้อย่างยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีที่เมืองไทยเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา พระอ.มั่นเมตตา และให้การยกย่องท่านว่า "มีพลังจิตสูง เป็นผู้เด็ดเดี่ยว อาจหาญ เฉียบขาด ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยธรรม"

- สมศักดิ์ศรีที่ได้รับความไว้วางใจจากพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ให้เป็น "อัศวินแห่งกองทัพธรรมกรรมฐานสายท่านพระอ.มั่น ภูริทตฺโต" ที่มีธรรมะเป็นอาวุธ ปฏิปทาอันละมุนละไมของท่านพ่อลี ทำให้บรรดาสาธุชนเลื่อมใสทั้งกาย วาจา ใจ

- เกิดพฤหัสบดี 31 มค 2449 เวลา 21.00 แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย บ้านหนองสองห้อง อ.ม่วงสามสิบ อุบล

- เกิดได้ 9 วัน รบกวนพ่อแม่เป็นการใหญ่ ไม่มีใครสามารถเลี้ยงให้ถูกใจได้ เป็นเด็กที่เลี้ยงยากที่สุด มักร้องไห้เอาแต่ใจเสมอ

- อายุ 11 ปี จิตคิดขึ้นเองว่า "ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้ ในเรื่องที่จะตอบแทนบุญคูณข้าวป้อนของพ่อแม่" แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำไม่ได้ จึงพูดกับแม่ว่า "แม่ มีอยู่เรื่องเดียวที่ลูกจนใจที่สุด ก็แต่เลือดในอกที่ดื่มเข้าไปเท่านั้น ที่หามาตอบแทนพ่อแม่ไม่ได้"

- อายุ 15 ปี ท่านมีคติธรรมฝังแน่นในหัวใจ 3 อย่างคือ 1. ในจำนวนคน 80 หลังคาเรือน ในหมู่บ้านเดียวกันนี้ ท่านจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบหัวแม่ตีนเป็นอันขาด 2. ในบรรดาคนที่เกิดปีเดียวกัน ท่านจะไม่ยอมแพ้ใครในเชิงหาเงิน 3. ถ้าอายุไม่ถึง 30 ปี ท่านจะไม่ยอมมีเมีย จะต้องมีเงินในกระเป๋าตัวเองให้พอเสียก่อน จะไม่ยอมแบมือขอใครกิน ถ้าจะมีเมียต้องเป็นผู้เลือกเอง ใครจะมาข่มเหงคลุมถุงชนไม่ได้ และผู้ที่จะเป็นเมียจะต้องมีพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ และสกุลสมบัติ

- บวชได้ 2 พรรษา จึงตั้งใจอธิษฐานให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมว่า "เวลานี้ ข้าพเจ้ามุ่งหวังเอาดีทางพระศาสนา ขอจงให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ภายใน 3 เดือน" พบพระอ.มั่น ที่วัดบูรพาราม อุบล สมความตั้งใจ ท่านได้สอนให้บริกรรม "พุทโธ" เพียงคำเดียวเท่านั้น ขณะนั้นพระอ.มั่นกำลังอาพาธ ท่านจึงแนะนำให้ไปพักอยู่ป่าบ้านท่าวังหิน ซึ่งเงียบสงัดวิเวกดี มีพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม, พระมหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระพี่เลี้ยง

- 2474 จำพรรษากับพระอ.มั่นที่วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่ - พระอ.มั่นได้สั่งให้ท่านพ่อลี ไปปฏิบัติมงคลสถาน 3 แห่งคือ 1. ดอยขะม้อ ลำพูน, 2.ถ้ำบวบทอง เชียงใหม่, 3.ถ้ำเชียงดาว เชียงใหม่

- อนุปาทิเสสนิพพาน 26 เมย.2505 เวลา 02.00 - วัดอโศการาม 55 ปี 33 พรรษา

- หลังจากมรณภาพ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฏฺฐายี) มีพระบัญชาให้เก็บศพท่านไว้ยังไม่ถวายเพลิง เอาอย่างพระมหากัสสปะเถระ ที่ในวันหนึ่งในอนาคตกาลจะมีพระศรีอริยเมตไตรย มาเผาศพพระมหากัสสปะอย่างสมศักดิ์ศรี "ผู้มีบุญกรรมที่เกี่ยวข้องกับท่านในวันข้างหน้า จะได้มาถวายเพลิงสรีระร่างของท่านอย่างสมศักดิ์ศรี"

- ท่านมีบัญชาอีกว่า ให้บำเพ็ญกุศลและสวดมนต์อุทิศถวายท่านพ่อลีทุกคืน บรรดาบรรพชิตและคฤหัสถ์ซึ่งเป็นคณะศิษย์ท่านพ่อลีได้ปฏิบัติตามมาโดยตลอด


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

14. หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม - วัดป่าอรัญญวิเวก บ้านข่า อ.ศรีสงคราม นครพนม

พระอริยเจ้าผู้มีปฏิปทาประดุจเสือโคร่ง

- รักความสงบสันโดษ, ใฝ่ใจการศึกษา, ตรงไปตรงมา, ข้อวัตรปฏิบัติเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว เอาจริงเอาจัง, นิสัยโผงผาง พูดจาขวานผ่าซาก, มีลีลาการแสดงธรรมแปลกกว่ารูปอื่น, มีคำคมขำขันแฝงเสมอในเทศนาธรรม, ติดตามพระอ.มั่นภาวนาตามถ้ำป่าลึกภาคเหนือ เช่นถ้ำเชียงดาว ปฏิปทาท่านอาจหาญสมเป็นนักรบธรรมของพระอ.มั่น, นิสัยประดุจเสือโคร่ง,ท่านมักปฏิบัติกรรมฐานอย่างอุกฤษฎ์ โดยถือเอาเสือโคร่งเป็นแบบอย่างในอิริยาบถ4

1. ต้องมีน้ำจิตน้ำใจแข็งแกร่งกล้าหาญในการเที่ยวธุดงค์ล่ากิเลส ประดุจเสือตัวเปรียวเที่ยวล่าเหยื่อไม่กลัวต่อภยันตรายใดๆ

2. ต้องกล้าเที่ยวไปในค่ำคืน ประดุจเสือไม่เคยกลัวต่อมรณภัยในความมืด

3. ต้องชอบอยู่ในท้องถ้ำที่สงัดจากผู้คน ประดุจเสือหลีกเร้นซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอันลึกลับที่ผู้คนเข้าไปไม่ถึง

4. คิดทำอะไรลงไปแล้วต้องมุ่งความสำเร็จเป็นจุดหมาย ประดุจแววตาเสือได้จ้องเขม็งไปที่เหยื่อรายใดแล้ว ต้องตามตะปปขย้ำจนสำเร็จ ท่านสำเร็จอภิญญาญาณ สามารถเรียกสัตว์ มีเสือเป็นต้น มาขี่เป็นพาหนะในการเดินทางได้, สามารถเที่ยวนรกสวรรค์ได้ตามใจปรารถนา มีหลวงปู่แหวน เป็นสหธรรมิกเดินธุดงค์ภาคอีสานและภาคเหนือ, เวียงจันทร์, หลวงพระบาง - เกิดวันจันทร์ 3 กพ. 2431 - ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ปีชวด - บ้านข่า อ.ศรีสงคราม นครพนม

- 2514 อาพาธด้วยโรคชรา ถึงกาลใกล้นิพพาน ท่านได้แสดงธรรมโปรดสานุศิษย์สั้นๆ ว่า "สังขารไม่เที่ยง เราเกิดมาก่อน ก็ต้องไปก่อนตามธรรมดา ลมวิปริตแล้ว ธาตุในตัวแปรปรวนแล้ว" พูดจบท่านให้พรว่า "พุทฺโธ สุโข ธมฺโม สุโข สงฺโฆ สุโข จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ"

- พร้อมยิ้มหัวเราะเยาะ ลาโลกสมมุติเป็นครั้งสุดท้ายอย่างอารมณ์ดี ไม่สะทกสะท้าน แล้วนอนตะแคงขวาท่าสีหไสยาสน์ ทิ้งขันธ์

- อนุปาทิเสสนิพพาน 19 กพ.2517 เวลา 19.00 วัดป่าอรัญญวิเวก นครพนม -86 ปี 46 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

15. หลวงปู่สาม อกิญฺจโน - วัดป่าไตรวิเวก อ.เมือง สุรินทร์

พระอริยเจ้าผู้เคร่งครัดในธุดงควัตร

- ท่านกตัญญูกตเวทีต่อพระบูรพาจารย์เป็นที่ตั้ง เมื่อพระอ.มั่น เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน ท่านนอนเฝ้ารักษาศพท่านอ.มั่นตลอด 3 เดือนจนถึงพิธีประชุมเพลิง ท่านได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ให้เข้าหาพระอ.มั่น ท่านไม่ติดสถานที่ ภาวนาตามป่าเขาทุกภาคของไทย ท่านจำพรรษามากแห่งแทบไมซ้ำกัน เป็นหนึ่งในกองทัพธรรมยุคแรกที่ธุดงค์เผยแผ่ธรรมจนได้รับคำชมจากพระอ.มั่นว่า "เป็นผู้เจริญด้วยธุดงควัตร จำพรรษาได้มากแห่ง และเป็นผู้เคร่งครัดในธุดงควัตร"

- ท่านมีสหธรรมิกคือ พระอ.กงมา และท่านพ่อลี - ท่านสามารถเข้าฌานสมาบัติได้เชี่ยวชาญ

- 2506 จำพรรษากับกะเหรี่ยงที่บ้านแม่หลอด อ.แม่แตง เชียงใหม่ ออกพรรษาแล้วเที่ยววิเวกไปแถวเชิงบ้านผาเด่ง อยู่กับแม้วกระเหรี่ยง ทำให้เขาเกิดศรัทธา จึงทำให้ท่านถูกคนอิจฉาริษยาและคิดปองร้ายหมายเอาชีวิต คืนวันหนึ่งท่านนั่งเข้าฌานสมาบัติพิจารณาธรรมขั้นสูง ดื่มด่ำรสพระธรรม ท่องเที่ยวไปทั้งเบื้องสูงเบื่องล่าง, โปรดจิตวิญญาณที่ยากไร้ นานพอสมควรท่านจึงถอนจิตออกจากฌานสมาบัติ พอถอนจิตออก ปรากฎว่าฝากระท่อมทับตัวท่านอยู่ เมื่อเอาออก จุดเทียนขึ้นดู มีเลือดเยิ้มท่วมกาย ,ข้างกายมีก้อนหินตก 1ก้อน, อีกข้างมี 2 ก้อน, มีเลือดเปรอะเกรอะกรังทั่วตัว - ท่านเล่าว่า พวกโจรผู้ร้ายคงเอาก้อนหินทุบศีรษะและใบหน้าท่านอย่างแรง และคิดว่าท่านคงตายแล้ว จึงตีฝากระท่อมให้ล้มทับตัวท่านไว้ ท่านรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์

- เกิดอาทิตย์ 12 กย. 2442 - บ้านนาสาม ต.นาบัว สุรินทร์

-2469 ศึกษาธรรมกับพระอ.มั่นที่ป่าบ้านสามผง นครพนม พระอ.มั่นแนะนำให้ติดตามพระอ.สิงห์และพระมหาปิ่นออกธุดงค์ -

นิพพานที่รพ.ศิริราช 1 กพ.2534 เวลา 19.30 น.-91 ปี 62 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

16. หลวงปู่คำดี ปภาโส (พระครูญาณทัสสี) - วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง เลย

พระอริยเจ้าผู้อ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อธรรม

- ท่านมีความสมบุกสมบันทั้งภายนอกและภายใน, สันโดษ, ไม่ชอบการก่อสร้าง - ท่านศึกษาธรรมจากพระอ.สิงห์ ณ วัดป่าสาลวัน จากนั้นท่องเที่ยวตามป่าเขา จนวาระสุดท้ายท่านกลับมาวัดถ้ำผาปู่และได้รับอุบายธรรมอันสำคัญจากหลวงตามหาบัว และถึงที่สุดแห่งทุกข์ - ท่านมักกล่าวกับคนใกล้ชิดเสมอว่า "มหาบัวเป็นอาจารย์ของอาตมา" ท่านไม่ถืออายุพรรษา ท่านถือพรหมจรรย์คือพระอรหัตตผลเป็นที่ตั้ง ถ้าหากได้ธรรม แม้จะเอาสามเณรเป็นอาจารย์ท่านก็ยอม - ท่านมีวิธีการและอุบายแปลกๆ เพื่อหัดทรมาน, ท่านชอบหาที่อยู่น่ากลัว และชอบหาวิธีแก้ความกลัวเฉพาะหน้า เช่น ท่านพักในถ้ำ เสือร้องคำรามหน้าถ้ำ ตัวสั่นแต่ใจสู้ไม่ถอย ภาวนาสอนตนเองว่า "พระกรรมฐานอะไรมากลัวเสือ เรากลัวเสือมันมากินเรา ก็เรากินสัตว์มาสักเท่าไหร่ กินมาจนเต็มพุง ถ้าเสือจะมากินเราเสียบ้าง ก็ไม่เห็นจะเป็นไร วันนี้เราต้องสู้" - คิดอย่างนั้นแล้ว ท่านก็รีบเดินออกจากถ้ำไปตามหาเสือ - พอเสือเห็นท่านเดินเข้าไปหาดุ่มๆ มันก็เผ่นแน่บเปิดหนีเข้าป่าหายเงียบไป ท่านเคยจิตเสื่อมและราคะกำเริบมาก ถึงกับจะเอามีดโกนมากรีดคอตนเองให้ตายถึง 3 ครั้ง 3 หน แต่เหมือนมีเทวดามาช่วยเสมอ

- ท่านเล่าว่า หากวันนั้นมีผู้หญิงเข้าสู่ป่าที่ท่านพักอาศัยอยู่ ท่านจะต้องข่มขืนเสพเมถุนแน่นอน เพราะเกิดความกำหนัดอย่างมาก - แต่เดชะบุญบันดาล วันนั้น ไม่มีผู้หญิงสักคนเลย ทั้งที่ทุกวันจะมีผู้หญิงมาหาของป่ากันเป็นจำนวนมาก ท่านพลิกจิตแก้ตัวท่านเองทันทีอย่างเด็ดขาด ด้วยการเปลียนความคิดที่ฆ่าตัวตายเสียใหม่ว่า "ถ้าจะตาย เราต้องตายพร้อมกับความเพียรภาวนาเท่านั้น" แต่ก่อนท่านผาดโผน แข็งกระด้าง ไม่ยอมใครง่ายๆ แต่ท่านมาแก้เสียใหม่ - ครั้งหนึ่งท่านใช้สามเณรตัดผ้าขาวทำสบง สามเณรเย็บผ้าผิด ท่านฉีกผ้าโยนทิ้ง สามเณรร้องไห้ใหญ่ ท่านสะเทือนใจมากที่ทำกิริยาอย่างนั้น ผ้าตัดผิด มันก็ตัดผิดไปแล้ว แล้วมาฉีกผ้าทิ้งนี้หาประโยชน์อะไรมิได้ ท่านเตือนตนเองว่า "เอาล่ะนะ เราจะเอาสามเณรเป็นอาจารย์ ต่อแต่นี้เป็นต้นไป เราจะเปลี่ยนนิสัยใหม่ เปลี่ยนมารยาทใหม่ กิริยาอย่างนี้จะไม่นำเอามาใช้จนกระทั่งวันตาย เปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยน ไม่ดุด่าว่ากล่าวใครโดยไร้ซึ่งเหตุและผล"

- เกิดวันพฤหัส 26 มีค. 2445 -แรม 14 ค่ำ ปีขาล เกิดบ้านหนองคู ต.บ้านหว้า ขอนแก่น

- อนุปาทิเสสนิพพาน - 17 พย 2527 เวลา 13.13 น. รพ.แพทย์ปัญญา กรุงเทพ - 82 ปี 56 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:19 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

17. หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร (พระญาณสิทธาจารย์) - วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว เชียงใหม่

พระอริยเจ้าผู้มีกลิ่นศีลธรรมกำจรกำจาย

- อุปนิสัยละมุนละไม มีเมตตาเป็นสาธารณะ ใจเด็ด มุ่งหวังเพียงความพ้นทุกข์ ได้รับคำชมจากพระอ.มั่นว่า "เป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ เบ่งบานเมื่อใด จะหอมกว่าหมู่" - เมื่อพระอ.มั่นธุดงค์ไปภาคเหนือ ท่านจะติดตามไปอาศัยในรัศมีธรรมของพระอ.มั่นเสมอมา - ท่านชอบอยู่ตามถ้ำ ภูเขาสูง, เก่งการพิจารณาอสุภะกรรมฐาน - ท่านสามารถอรรถาธิบายในกายคตาสติกรรมฐาน พิจารณากระดูก 300 ท่อนได้อย่างพิสดาร - ท่านถือเคร่งใน "โสสานิกังคธุดงค์" คือธุดงค์ข้อ 11 ว่าด้วยการเข้าไปเยี่ยม และอยู่ในป่าช้า พิจารณาซากศพเป็นวัตร - ท่านเป็นผู้มีใจหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลาย

- เกิดศุกร์ 26 พย.2452 - ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา เวลา 21.00 บ้านบัว ต.สว่าง อ.พรรณานิคม สกลนคร

- คืนที่ท่านมาปฏิสนธิ มารดานิมิตเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งเหาะมาจากท้องฟ้ามีรัศมีในกายเปล่งประกายแลดูเย็นตาเย็นใจ เหาะลงสู่กระต๊อบกลางทุ่งนา นายสานผู้เป็นบิดาจึงตั้งชื่อลูกชายว่า "สิม" (หมายถึงโบสถ์)

- อายุ 17 ปี ขอบิดามารดาบรรพาเป็นสามเณรมหานิกาย ต่อมาได้ฟังธรรมพระอ.มั่น, พระอ.สิงห์, พระอ.มหาปิ่น ณ วัดศรีสงคราม นครพนม ได้ปีติเลื่อมใสอย่างมาก จึงตัดสินใจขอถวายตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น ได้บรรพชาใหม่เป็นสามเณรธรรมยุต

- หลังอุปสมบท ธุดงค์ติดตามพระอ.สิงห์ ขนฺตฺยาคโม และ พระอ.สิงห์สอนอุบายการพิจารณาอสุภกรรมฐานจากซากศพ โดยพาไปขุดซากศพที่ป่าช้าขึ้นมาพิจารณา - ท่านได้อสุภะกรรมฐานจากซากศพว่า "นี่แหละร่างกาย สักแต่ว่ารูป ไม่ว่ารูปหญิงรูปชาย คืออันเดียวกัน ไม่มีใครสวยใครงามกว่ากัน อสุภํ มรณํ ทั้งนั้น -ไม่นานล่ะ เดี๋ยวมันก็ทยอยตาย ไปทีละคนสองคน หมดไปสิ้นไปไม่มีเหลือ ตายจนกระทั่งหมดโลก"

- 2503 ท่านธุดงค์มาพบถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว เชียงใหม่ และพัฒนาจนเป็นมงคลสถานที่อบรมภาวนา

- อนุปาทิเสสนิพพาน - ศุกร์ 14 สค. 2535 - วัดถ้ำผาปล่อง -82 ปี 63 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

18. หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน (พระธรรมวิสุทธิมงคล) - วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง อุดรธานี

พระอริยเจ้าผู้เป็นมหาบุรุษของแผ่นดิน

- ท่านยิ่งใหญ่ด้วยบุญบารมี เป็นมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค, ทำประโยชน์ใหญ่ให้แก่ชาติและพระพุทธศาสนา, เป็นพระของแผ่นดินไทยที่ประวัติศาสตร์ต้องจดจารึกเป็นศักดิ์ศรีและเกียรติยศประดับวงศ์พระพุทธศาสนาอย่างสง่างาม, ปฏิปทาและคำสอนของท่านหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก

- ท่านสามารถทำในเรื่องที่บุคคลอื่นทำได้ยาก เรื่องที่ยากแสนยาก เมื่อท่านดำริ กลับเป็นเรื่องง่ายประดุจพลิกแผ่นดินได้ ท่านคิดทำเรื่องใดไม่ว่าน้อยใหญ่ กิจนั้นสำเร็จราวปาฏิหาริย์ - ท่านเล่าว่า "เดิมจริงๆ ท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิ แต่มาพิจารณาเห็นว่าจะเป็นการเนิ่นช้า จึงถอนความปรารถนานั้นเสีย มุ่งตรงเข้าสู่แดนนิพพานโดยตรง" พระอ.มั่น ไว้วางใจและยกย่องท่านว่า "เป็นผู้ฉลาดทั้งภายนอกภายใน ต่อไปจะเป็นที่พึ่งแก่หมู่คณะได้มาก" ยามที่พระอ.มั่นนิพพานไป ท่านจึงเป็นแม่ทัพใหญ่ ทดแทนสืบทอดมรดกมรรคปฏิปทาเหมือนยามที่ท่านพระอ.มั่นยังปรากฎอยู่

- 2482 พระอ.มั่นได้กล่าวยกย่องและทำนายภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งซึ่งยังไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน ด้วยอนาคตังสญาณว่า "ในอนาคตอีกไม่นาน จักมีพระหนุ่มรูปหนึ่ง เข้ามาหาเราเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ เธอจะทำประโยชน์ใหญ่ให้แก่ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา" และต่อมาเป็นที่ทราบกัว่า ภิกษุหนุ่มรูปนั้นคือ "พระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน"

- เกิด 12 สค.2456 บ้านตาด อุดรธานี ก่อนเกิด โยมบิดาได้สุบินนิมิตว่า "ได้มีด มีดด้ามงาที่ฝักเคลือบด้วยเงิน" โยมมารดาสุบินนิมิตว่า "ได้ต่างหูทองคำ 1 ข้าง สวยงามมาก" โยมตาได้ทำนายสุบินนิมิตไว้ 2 อย่าง 1. ถ้าไปในทางชั่ว มหาโจรสู้ไม่ได้ ยังเป็นหัวหน้ามหาโจรอีก 2. ถ้าไปในทางที่ดีแล้ว จะดีจนถึงที่สุด

- ท่านศึกษาปริยัติ 7 ปี สอบได้นักธรรมเอกและเปรียญธรรม 3 ประโยค ได้รับความอนุเคราะห์จากสมเด็จมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เป็นอย่างยิ่ง

- 2485-2492 ท่านได้ไปศึกษาและปฏิบัติธรรมกับพระอ.มั่น 8 ปี ยอมสยบในภูมิจิตภูมิธรรมอันละเอียดอ่อนแยบยลที่ท่านพระอ.มั่นอบรมสั่งสอนถึง 3 วาระ - วาระที่ 1 ท่านนั่งสมาธิตลอดรุ่งติดต่อกันหลายวัน จนก้นพุพองแตกน้ำเหลืองไหลเยิ้ม  พระอ.มั่นให้อุบายว่า "กิเลสไม่ได้อยู่ที่กายนะ มันอยู่ที่ใจ เหมือนสารถีฝึกม้า ถ้าม้าหายพยศ การฝึกหนักควรลดลง"

- วาระที่ 2 - ท่านติดสมาธิอยู่ถึง 5 ปี ่จิตสงบแน่วไม่หวั่นไหวดั่งภูผาหิน พระอ.มั่นให้อุบายว่า "สุขในสมาธิเท่ากับเนื้อติดฟัน -สมาธิทั้งแท่ง เป็นสมุยทัยทั้งแท่ง - ให้ออกเดินทางด้านปัญญา"

- วาระที่ 3 ท่านเพลินในการพิจารณาด้านปัญญาทั้งวันทั้งคืนเกินตัว ไม่หลับไม่นอน คิดตำหนิสมาธิว่านอนตายอยู่เฉยๆ ปัญญาต่างหากสามารถแก้กิเลสได้ พระอ.มั่นให้อุบายว่า "บ้าหลงสังขาร" คือการพิจารณาเพลินเกินตัว ไม่รู้จักประมาณ สมุทัยแทรกเข้าในจุดนี้ ให้พักจิตเข้าสมาธิ เหมือนถอนเสี้ยนหนาม -จากนั้นก็เข้าสู้มหาสติมหาปัญญา กิเลสที่ใดตามต้อนจนหมด ท่านอยู่อุปัฏฐากรับใช้พระอ.มั่นจนนิพพานในวันที่ 11 พย.2492

- ท่านได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดวันที่ 15 พค.2493 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 เวลา 5 ทุ่มตรง บนหลังเขา วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร

- มกราคม 2553 หลวงตาพระมหาบัวญาณสัมปันโน อายุ 97 ปี พรรษา 76 ได้ยอมสละชีวิตเลือดเนื้อ รบกับความจนในชาติอย่างเด็ดเดี่ยว เมตตามอบทองคำและดอลลาร์เข้าสู่คลังหลวง รวม 15 ครั้ง ทองคำ 967 แท่ง น้ำหนักรวม 12,087.5 กก. ดอลลาร์ 10,214,600$ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนสินทรัพย์ค้ำชูประเทศไทยให้อยู่ยั่งยืนมั่นคง

-(ข้อมูล 2553) - ด้วยความเมตตาไม่มีประมาณต่อสัตวโลก หลวงตายังสงเคราะห์ต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ - แม้ชีวิตล้มมลายลงไป ปัจจัยทั้งหมดที่มหาชนศรัทธานำมาถวายในงานศพในอนาคต ท่านมีพินัยกรรมให้นำมอบเข้าสู่พระคลังหลวง ให้เป็นสมบัติของชาติเป็นทุนของลูกหลานสืบไป

- นี่คือชีวิตพระอรหันต์ที่ยังทรงธาตุขันธ์ให้ชาวโลกได้ชื่นชมบุญบารมี - บาทวิถีที่ท่านก้าวย่างผ่านไป นำความสงบสุขและแสงสว่างมาให้แก่สัตวโลกทั้งปวง


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:35 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

19. หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล (พระอริยเวที) - วัดรังสีปาลิวัน ต.โพน อ.คำม่วง กาฬสินธุ์

พระอริยเจ้าผู้แตกฉานในอรรถและธรรม

- ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ชำนาญทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ท่านละทิ้งเกียรติยศตำแหน่งในการบริหารคณะสงฆ์ มุ่งเพียงเกียรติอันยิ่งใหญ่คือพระนิพพาน - ละจากความเป็นพระบ้านเข้าสู่ความเป็นพระป่าได้อย่างสนิทใจ - อุปนิสัยพูดจริงทำจริง, เรียนจริงปฏิบัติจริง บากบั่นมุมานะ ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคที่มาถึง, รักสงบ, สำรวมระวัง, ปฏิบัติตนเคร่งครัดในธรรมวินัย, ไม่ชอบคลุกคลี, ซื่อตรงต่อธรรมวินัย, หนักแน่นด้วยหิริโอตตัปปะธรรม, มักน้อย, สันโดษ, เรียบง่าย มีระเบียบบริบูรณ์ด้วยข้อปฏิบัติไตรศึกษา ถวายตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น ณ วัดหนองผือนาใน สกล -ท่านได้บำเพ็ญคุณประโยชน์ไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ทั้งด้านการศึกษา ด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่ ตั้งแต่บรรพชาอุปสมบทจนตลอดอายุขัย

- เกิดวันพุธ 29 ตค 2456 - เดือน12 ปีฉลู หมู่บ้านโพน อ.คำม่วง กาฬสินธุ์

- 2484 สอบไล่ได้เปรียญธรรม 9 ประโยคที่วัดบวรนิเวศวิหาร พร้อมกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน) - ครั้งได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระอ.มั่น กัณฑ์แรกเรื่อง "โทษของการเกิด" และกัณฑ์ที่2 เรื่อง "มุตโตทัย" - ท่านถึงกับลุกจากที่นั่งไปกราบพระอ.มั่น พร้อมกล่าวคำปฏิญาณว่า "สาสเน อุรํ ทตฺวา ขอมอบกายถวายชีวิตนี้แก่พระพุทธศาสนา ชีวิตทั้งชีวิตนี้ขอมอบไว้ในพระศาสนา ขอให้ท่านพระอาจารย์เป็นสักขีพยานด้วย" - จากนั้นตราบจนสิ้นอายุขัย ท่านได้ทำสัจวาจานั้นให้เป็นที่ปรากฎแก่ชนทั้งหลาย - ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาลำดับที่ 3 - ท่านมีแนวคิดกว้างไกล บริหารภายในวัด ตั้งเป้าไว้สูงให้พระเณรศิษย์วัดปฏิบัติตามเคร่งครัดและคัดเลือกหมู่คณะเข้ารับการอบรมที่วัดบวร ให้กลับมาเป็นบุคคลากรบริหารวัดช่วยเจ้าอาวาส - ท่านริเริ่มก่อตั้งมูลนิธิ "สุทธจินดาราชสีมามูลนิธิ" - ได้ผลงานตามวัตถุประสงค์ ทุนทรัพย์เติบใหญ่ - เมื่อวางรากฐานการปกครองและการศึกษา เข้าสู่ความเจริญตามเป้าหมาย - ท่านได้ประกาศท่ามกลางคณะสงฆ์อย่างอาจหาญว่า "จะออกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในป่า"

- ตั้งแต่ 2500 เป็นต้น ท่านได้สร้างวัด รังสีปาลิวัน บ้านโพน อ.คำม่วง กาฬสินธุ์ และได้ออกบำเพ็ญตามถ้ำ ผาหลายแห่ง - ท่านปรารภถึงชีวิตท่านขณะเป็นพระอยู่ในเมืองว่า "ชีวิตวันหนึ่งคืนหนึ่ง รู้สึกว่าจะน้อยมาก สำหรับที่จะทำความเพียร ไม่เพียงพอเลย - วันหนึ่งๆ มีแต่ต้อนรับผู้คน พูดคุยเรื่องต่างๆ เสียเวลาทำความเพียร เป็นการทำชีวิตให้เป็นหมัน เพราะเรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องข้างนอกทั้งนั้นเป็นการคลุกคลีด้วยหมู่คณะจนเกินไป อันเป็นทางให้เกิดความประมาท- เป็นปปัญจธรรม คือธรรมอันเป็นเหตุให้เนิ่นช้าในคุณธรรมอันยิ่งขึ้นไป - หลงตัวลืมตัวมัวเมามืดมน อนธการ - คิดๆดูแล้ว ก็สงสารหมู่คณะที่อยู่ในเมือง ถ้าจะให้เรากลับมาอยู่ในเมืองอีก ให้ตายเสียยังจะดีกว่า - เพราะรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจมาก - ฟัง คิด พิจารณา เกิดมากี่ภพกี่ชาติ จึงจะมีโอกาสงามสำหรับบำเพ็ญสมณธรรมเช่นชาตินี้ - "ทุลฺลภขณสมฺปตฺติ" สมณศักดิ์ ตำแหน่ง ห้ามอบายภูมิไม่ได้ - แต่คุณความดี และศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้น ที่ห้ามอบายภูมิได้"

- 4 มิย. 2527 อายุ 71 ปี ท่านป่วยอัมพาต เพราะเส้นโลหิตในสมองแตก ทำให้พูดออกมาไม่เป็นคำพูด ฟังยาก แขนขาซีกขวาไม่ทำงาน ช่วยตัวเองได้ 10% - ท่านป่วยนานถึง 19 ปี ลูกศิษ์ใกล้ชิดช่วยสับเปลี่ยนดูแลพยาบาลมาโดยสม่ำเสมอ

- อนุปาทิเสสนิพพานอย่างสงบ 5 กพ 2546 - เวลา 20.25 - 90 ปี 68 พรรษา ถวายเพลิงศพวันเสาร์ 15 มีค. 2546


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-3-21 01:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

20. หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท - วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง

- เด็ดเดี่ยวอาจหาญ พระอ.มั่นได้ยกย่องท่านว่า "เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง" อุปนิสัยตรงไปตรงมา มีปฏิปทา ยอมหักไม่ยอมงอ , ท่านสละอวัยวะ ทรัพย์ และชีวิตเพื่อธรรม, เป็นผู้มีความกตัญญูกตเวที, จงรักภักดีต่อท่านพระอ.มั่นยิ่งกว่าชีวิต ท่านได้รับความไว้วางใจจากพระอ.มั่น ให้เดินทางไปเฝ้าอุปัฏฐากหลวงปู่เสาร์ ซึ่งอาพาธหนักถึงเมืองนครจำปาศักดิ์ ลาว จนกระทั่งหลวงปู่เสาร์มรณภาพ ท่านไม่กว้างขวางเรื่องปริยัติธรรมภายนอก, รอบรู้เฉพาะเรื่องจิตตภาวนา ท่านปฏิบัติลำบาก แต่รู้เร็ว คำสอนของท่านเป็นปัจเจกะ มุ่งเน้นด้านจิตใจ ท่านมีบารมีธรรมที่บ่มบำเพ็ญมาแต่ชาติปางก่อน เป็นสิ่งที่ช่วยเกื้อหนุนอยู่อย่างลึกลับ การปฏิบัติของท่านจึงนับว่ารู้ธรรมเร็วในยุคปัจจุบัน - ท่านสอนให้พวกเรามองอะไร ไม่ควรมองแต่เพียงด้านเดียว การมองอะไร ไม่เพียงใช้สายตาเป็นเครื่องตัดสินเท่านั้น แต่ต้องใช้แววตาคือปัญญา เหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างแก่โลก ย่อมไม่ละเลยทั้งกอไผ่และภูผา การปฏิบัติของท่านมุ่งเน้นที่ผลการปฏิบัติ มากกว่ารูปแบบการปฏิบัติ เพราะนี่เป็นนิสัยสะท้านโลกาและปฏิปทาที่เป็นปัจจัตตัง ยากที่ใครๆ จะเลียนแบบได้ - หลวงตามหาบัว ได้ยกย่องชมเชยท่านว่า "พระอาจารย์เจี๊ยะเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง เป็นเพชรน้ำหนึ่งที่หาได้โดยยากยิ่ง"

- เกิดวันอังคาร 6 มิย.2459 - ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 7 ปีมะโรง บ้านคลองน้ำเค็ม อ.แหลมสิงห์ จันทบุรี ค้าขายผลไม้, นิสัยนักเลง, ตรงไปตรงมา, จริงจังในหน้าที่การงาน, ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ, พูดจาโฮกฮาก ไม่กลัวคน

- อุปสมบท 11 กค 2480 วัดจันทนาราม - จำพรรษากับพระอ.กงมา ที่ป่าช้าผีดิบบ้านหนองบัว ปัจจุบันคือวัดทรายงาม จันทบุรี ท่านปฏิบัติกรรมฐานด้วยอิริยาบถ 3 คือ ยืนภาวนา, เดินจงกรม, นั่งสมาธิ แบบสละตาย ด้วยการตั้งสัจจะอธิษฐานว่า "ข้าพเจ้าจะถือเนสัชชิก คือ ในเวลาค่ำคืน ไม่นอนตลอดไตรมาส - ด้วยพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ถ้าหากแม้นว่าข้าพเจ้าไม่ทำตามสัจจะนี้ ขอให้ข้าพเจ้าถูกฟ้าผ่าตาย, แผ่นดินสูบตาย, ไฟไหม้ตาย, น้ำท่วมตาย - แต่ถ้าหากว่าข้าพเจ้า ปฏิบัติตามสัจจะที่ตั้งไว้ได้ ขอจงเป็นผู้เจริญงอกงามในธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเทอญ" - พรรษาที่ 3 จิตท่านเกิดรวมครั้งใหญ่ใต้ต้นกระบก ด้วยการหยั่งสติปัญญาลงในกายานุปัสสนา หยั่งลงสู่ความจริงประจักษ์ใจ -โลกสมมุติทั้งหลายไม่มีปรากฎขึ้นกับใจ ประหนึ่งว่าแผ่นดินแผ่นฟ้าละลายหมด เหลือแต่จิตดวงบริสุทธิ์เท่านั้น

- ปลายปี 2482 ท่านกราบลาพระอ.กงมา และท่านพ่อลี เดินทางไปยังเชียงใหม่ พร้อมสหธรรมิกคือ พระอ.เฟื่อง โชติโก เพื่อนำธรรมที่รู้เห็นไปเล่าถวายพระอ.มั่น - พระอ.มั่นทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าโดยตลอด จึงปูอาสนะนั่งรอท่า อยู่บนแคร่น้อยๆ - เมื่อได้โอกาสอันสมควรจึงเล่าเรื่องภาวนาให้พระอ.มั่นฟังว่า "ได้พิจารณากาย จนกระทั่งใจนี้มันขาดไปเลย" พระอ.มั่นนั่งฟังนิ่ง ยอมรับแบบอริยมุนี ไม่คัดค้านในสิ่งที่เล่าถวายแม้แต่น้อย - อีกไม่นาน ฟันของท่านพระอ.มั่นหลุด แล้วท่านก็ยื่นให้ - ลป.เจี๊ยะเล่าว่า "ท่านคงรู้ได้ด้วยอนาคตังสญาณ ว่าเราจะมีวาสนาสร้างภูริทัตตเจดีย์บรรจุทันตธาตุถวายท่านเป็นแน่แท้"

- 2483-2485 หลวงปู่เจี๊ยะเป็นพระคลิานุปัฏฐาก และเป็นปัจฉาสมณะ เป็นประดุจเงาตามตัวพระอ.มั่นมาโดยตลอด - พระอ.มั่นได้กล่าวชมเชยหลวงปู่เจี๊ยะท่ามกลางหมู่สงฆ์ว่า "ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ท่านรูปนี้ปฏิบัติลำบากแต่รู้เร็ว - ปฏิบัติเพียง 3 ปี เท่ากับเราปฏิบัติภาวนามาเป็นเวลา 22 ปี อันนี้อยู่ที่นิสัยวาสนา เพราะนิสัยวาสนาของคนมันต่างกัน"

-2492 ท่านภาวนาในป่าดงลึก เชิงเขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จันทบุรี เกิดป่วยเป็นไข้มาลาเรียอย่างหนัก ขณะป่วยหนักนั้น ท่านเล่าว่า "จิตเป็นธรรมชาติที่อัศจรรย์ตลอดเวลา พิจารณาจนกระทั่งจิตดับหมด หยุดความคิดค้น จิตปล่อยวางสิ่งทั้งปวง คว่ำวัฏจักร วัฏจิต แหวกอวิชชาและโมหะอันเป็นประดุจตาข่าย กิเลสขาดสะบั้นออกจากใจ จิตมีอิสระอย่างสูงสุดเกินที่จะประมาณได้"

- 2493 หลังถวายเพลิงศพพระอ.มั่น - ท่านกลับไปจันทบุรี เพื่อโปรดโยมมารดาซึ่งป่วยหนัก หวังจะทดแทนบุญคุณข้าวป้อนด้วยอรรถด้วยธรรม- ท่านจึงสร้างวัดเขาแก้ว ต.ท่าช้าง , และสร้างวัดบ้านสถานีกสิกรรม อ.พลิ้ว ถวายหลวงตามหาบัว

- 2520 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้นิมนต์ท่านเป็นเจ้าอาวาส และรวมสร้างวัดญาณสังวราราม ชลบุรี

- 2526 คณะศรัทธาถวายที่ดินบ้านคลองสระ อ.สามโคก ปทุมแก่หลวงตามหาบัว หลวงตาได้นิมนต์ท่านมาอยู่เป็นเจ้าอาส และท่านได้สร้างวัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม - แม้ท่านจะเป็นเถระผู้ใหญ่ และสร้างวัดใหญ่โตแล้ว ท่านก็ยังเที่ยวภาวนาตามป่าตามเขาท้องถ้ำเงื้อมผา จนร่างกายเดินไม่ไหว

- อนุปาทิเสสนิพพานด้วยความสงบและอาจหาญในธรรม 23 สค 2547 เวลา 23.55 น  รพ.ศิริราช - 88 ปี 68 พรรษา


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้