ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เปิดตำนานวิชาปรอท

[คัดลอกลิงก์]
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-10 21:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


AUD ตอบกลับเมื่อ 2014-9-10 20:43
ลองหาว่านพะตะบะ มาปลูกล่อไว้ดูสิ

...

รบกวนหาไว้ให้หน่อยคร๊าบบบ
13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-10 21:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2014-9-10 21:45

ประวัติและความเป็นมาของ"ปรอท"

          ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัยโบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผนโบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอดกันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อคงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา สรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมีพระปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ยิ่งนำมาสร้างเป็นพระหลวงปู่ทวดเหยีย่บน้ำทะเลจืด ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เพราะหลวงปู่ทวด เป็นสุดยอดพระนิรันตราย พระเนื้อปรอทหลวงปู่ทวดนี้ นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำเป็นน้ำพุทธมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อักษาโรคต่างๆ อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ

1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
4. ดูดพิษงู
5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี



ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-10 21:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่งที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิมนั้นชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจากชาวชมพูทวีปที่ได้รับความรู้นี้มาจากไอยคุปต์โบราณอีกทอดหนึ่ง เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี้เป็นเรื่องจริงที่มิใช่เพียงตำนานที่เล่าขานนอกจากการแปรธาตุให้เป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้นยังพบว่ามีการใช้ในการสรรสร้างวัตถุที่ประจุพลังจิตอีก เรื่องราวเหล่านี้พบในเอกสารโบราณหลายฉบับทั้งยังมีกล่าวในพระไตรปิฏกตอนที่กล่าวถึงโลกจินไตยว่าอันคติเรื่องโลกนั้นแบ่งได้สองสาขาคือ
๑. มนิกาวิชชาคือความรู้เรื่องจิตศาสตร์อันได้แก่ ความรู้ทางจิต การบำเพ็ญจิตในลักษณะต่างๆทั้งก่อนพุทธกาลและในขณะนั้นเช่นการสะกดจิต การฝึกปราณยามะ การเพ่งกสิณ
๒. ตัชชารีวิชชา อันนี้คือความรู้เรื่องเครื่องลางของขลัง ๔ ประการคือ
มูลตัชชารี ความรู้เรื่องต้นไม้ว่านยาที่มีอานุภาพต่างๆ
มันตาตัชชารีวิชชาได้แก่ความรู้เรื่องเวทมนต์ต่างๆที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี
อังกตัชชารีวิชชาได้แก่ความรู้เรื่องการทำเครื่องลางของขลังพวกพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุดพิสมรต่างๆ
ธาตุตัชชารีวิชชา คือความรู้เรื่องแร่ธาตุต่างที่มีอิทธิฤทธิ์รวมทั้งวิชาเคมียุคดึกดำบรรพ์เรียกว่ารสายนเวทที่เป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุต่างๆเช่นการแปรธาตุตะกั่วเป็นทองคำ(สีสัน-ลักษณะโครงสร้างภายนอก)การแปรธาตุปรอทเป็นของแข็งที่เรียกกันว่าปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์วิชาเรื่องการแปรธาตุนี้เกือบเหลือเป็นเพียงแค่ตำนานเพราะมีผู้รู้สืบทอดน้อยลงวิชาประการต่างๆก็พลอยสาบสูญไปกับผู้ที่รู้วิชาเหล่านั้น

      การแปรธาตุนั้นถือเป็นการร่ำเรียนพระเวทขั้นสูงเพราะต้องใช้ทั้งความรู้และสติปัญญาในการไขปริศนาแห่งวิชาให้เข้าใจทั้งต้องมีพลังจิตในระดับอัปมัญญาสมาธิ(ฌานสมาบัติ)จึงจะสามารถทำสำเร็จ เท่าที่พบในประวัติศาสตร์ของชาวสยามนั้นมีวิชาการที่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่มากทั้งปรากฏหลักฐานในพระเครื่องรางของขลังที่ผู้มีความรู้พระเวทสายนี้สรรสร้างบรรจุไว้ตามกรุเจดีย์ต่างๆแสดงถึงความรุ่งเรืองของรสายนเวทในสมัยนั้น หากท่านเป็นนักนิยมพระเครื่องคงรู้จักเครื่องลางเช่นลูกปรอทกรอก็เป็นประดิษฐกรรมอย่างหนึ่งและพระเครื่องที่ทรงฤทธานุภาพสูงที่บรรจุในกรุโบราณมาแต่สมัยศรีอโยธยารามเทพนครที่สรรสร้างด้วยพระเวทสายเล่นแร่แปรธาตุก็คือ พระกรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาทที่ปรากฏมีผู้เรืองวิทยาคมสูงส่งสืบทอดอย่างไม่ขาดสายจนปัจจุบันความเข้มขลังของพระกรุนี้นักนิยมพระรุ่นเก่าถึงขนาดดูแท้ปลอมด้วยการอาราธนากำพระเครื่องนี้แล้วนำเข็มฉีดยาแทงหากว่าเข็มทะลุผ่านชั้นเนื้อไปได้ก็ถือว่าพระเครื่องท้ายย่านองค์นั้นปลอม นี่คือกฤติยาคมที่ผ่านพ้นอดีตจนมาพิสูจน์ความจริงแท้ในโลกปัจจุบันนอกจากพระกรุวัดท้ายย่านจะมีอิทธิคุณเข้มขลังแล้วท่านทราบไหมว่าพระเครื่องชุดนี้สร้างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่ปรากฏในตำนานสยามคือวิชาปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์นั่นเองเมื่อผ่านกาลเวลานานนับร้อยปีประกอบกับความร้อนเย็นในกรุพระปรอทนั้นก็กินตัวกรอบไม่คงทนทำให้พระชุดนี้ตกแตก บรรดานักนิยมพระเครื่องที่ไม่เดียงสาก็คิดว่าพระท้ายย่านนั้นมีส่วนผสมสร้างจากแร่พลวง(วุลแฟรม)ชนิดหนึ่งเท่านั้นและท่านทราบอีกหรือไม่ว่าพระชุดนี้มิได้ใช้การหลอมเทด้วยความร้อน!!!!แต่เป็นการปั้นอัดพิมพ์โลหะกายสิทธิ์นั้นด้วยวิชาพระเวทขั้นสูงที่น่าตื่นตะหนกที่หลอมโลหะด้วยพระเวทแล้วชุบให้แข็งตัวหลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจบอกว่าเหลือเชื่อไม่น่าเป็นไปได้แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ

       ก่อนที่จะมาถึงการหลอมปรอทโดยไม่ใช้ไฟที่มีนักวิทยาคมหลายท่านสงสัยว่าจริงหรือ ? บางท่านถึงกับกล่าวปรามาสไปก็มีว่าเป็นเรื่องเล่นกลหลอกลวงหรือบางรายกล่าวแบบขอไปทีว่าถึงทำได้แล้วไงจะขลังจริงหรือ อันนี้เป็นเรื่องต่างความคิดต่างความเชื่อกันคงไปบังคับกะเกณฑ์กันไม่ได้แต่ที่นำมาเล่าให้ฟังนี่ก็เพื่อสืบตำนานเรื่องราวที่เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมประการหนึ่งของไทยเราจะขอปูพื้นความรู้เรื่องปรอทวิเศษหรือปรอทสำเร็จที่เป็นของวิเศษในความเชื่อของผู้ศึกษาวิทยาคมว่าใครหากทำได้เเล้วก็นับว่าบรรลุจุดสูงสุดในวิชาวิทยาคมประการหนึ่งเเบบเดียวกับที่เราศึกษาวิชาความรู้ภาคสามัญแล้วได้ปริญญาอย่างไรอย่างนั้นจึงขอคัดตำราการหุงปรอทสำเร็จแบบหนึ่งซึ่งจริงในเมืองไทยมีตำราแบบที่ว่าด้วยการหุงปรอทนี่เท่าที่พบไม่น้อยกว่ายี่สิบตำราครับการหุงปรอทตำรับนี้ที่ได้จากตำราเก่าอายุหลายร้อยปีเล่มหนึ่งกล่าวถึงการหุงปรอทและสรรพคุณไว้จึงขอคัดมาเป็นพื้นความรู้เพื่อกล่าวถึงเนื้อความต่อๆไปดังนี้ครับ
ปรอทเป็นของเหลวและไหลกลอกกลิ้งได้เช่นเดียวกับน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ปรอทนั้นจะมีอาการหดตัวเมื่อถูกความเย็นและพองตัวเมื่อถูกความร้อน ตามวิชาการแพทย์ก็ต้องใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดระดับความร้อนของคนไข้ หลักอุตุนิยมวิทยาก็ใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นต้น

เพราะความคุมตัวกันไม่ติดของปรอท และเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอาการประหลาดนี้เอง ในโบราณกาลจึงถือว่าปรอทนั้นหากผู้ใดมีวิชาสามารถทำคุมตัวกันได้ และประกอบพิธีโดยหลักไสยศาสตร์อันถูกต้องครบถ้วนแล้วฤทธิอันเกิดจากวิทยาคมซึ่งรวมอยู่ในปรอทนั้นอาจจะสามารถนำผู้ที่เป็นเจ้าของให้เกิดอิทธิฤทธิและกระทำปาฏิหาริย์ต่างๆได้

ต่อไปนี้เป็นการสร้างปรอทวิเศษ
เตรียมการ ทำเบ้ายา ชั้นที่ ๑ สำหรับใส่ปรอท (สิ่งละเท่าๆกัน)
๑. หนังกระบือเผือก บดให้แหลกละเอียด
๒. สังข์
๓. หัสคุณ
๔. เจตมูลแดงเพลิง
๕. ยางสลัดใด
๖. ใบส้มป่อย
๗. ใบพลูแก่
๘. เปลือกตะแบก
๙. เปลือกหมาก
๑๐. เปลือกรากมะไฟ

       เครื่องยาทั้งหมดนี้ บดละเอียดใส่ลงเคี่ยวจนเหลวเละดัง ขี้วัว แล้วนำมา ปั้นเป็นเบ้าหุงปรอท......



ที่มา http://www.ounamilit.com/

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-13 14:27 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปรอทเพชร เป็นปรอทที่ถูกซัดด้วยว่านยาผสมเข้ากับเหล็กจนกลายเป็นก้อนแข็ง ดีทางคงกระพันครับ


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ถ้าจะชอบ ไวเหมือนปรอท^^

สุดยอดไปเลย
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-24 22:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ภาพปรอทหุงจากพม่า ปรอทประเภทนี้จะใช้กรรมวิธีเอาปรอทกินสารแร่ธาตุ่างๆให้ปรอทสำรอกพิษตัวเองออกมาแล้วนำมาหุงโดยเข้าเบ้าหลอม โดยมีแร่ธาตุต่างๆเป็นตัวเชื่อมธาตุ จนออกมาเป็นแบบนี้

ปรอทพวกนี้เขาจะใช้ในทางรักษาโรคภัยต่างๆและใช้ในทางคุ้มครอง พวกรัสเซียที่ชอบวิชาทางจิตนำปรอทหุงมาใช้ในการเปิดจักระและกระตุ้นจักระในร่างกายเพื่อบำบัดโรคและเสริมสร้างพลังงานทางจิตและเพื่อให้จิตสงบขึ้น



ปรอทชิ้นนี้หุงจากฝั่งไทยเช่นกันโดยอาจารย์โยธิน คล้ายดีครับ



ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-24 22:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ปรอทจากพม่าอีกแบบนึง ปรอทพวกนี้จะใช้ทองคำล่อให้ปรอทกิน ปรอทพวกนี้ใช้ผลทางโชคลาภ เรียกเงินเรียกทอง และใช้ในทางคุ้มครองก็ได้ สมัยก่อนหลวงพ่อศรีอ่อง วัดบรรพตคีรีทำปรอทชนิดนี้ได้เรียกว่าปรอทกินเงินกินทอ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-9-24 22:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ปรอทชิ้นนี้จากฝั่งไทย คนสร้างชื่ออาจารย์โยธิน คล้ายดี ใช้สูตรคล้ายพม่าคือเอาปรอทกวนเข้ากับผงเหล็ก โดยใช้น้ำว่านเป็นตัวผผสาน การกวนใช้การกวนในครกหินจนปรอทกินผลเหล็กเบื้องต้นปรอทที่ปั้นขึ้นมาจากการกวนจะถูกดูดโดยแม่เหล็กได้ แต่เมื่อนำปรอทไปหุงกับน้ำว่านซ้ำอีกครั้งคราวนี้ปรอทจะไม่ดูดกับแม่เหล็กอีก เหมือนกับเหล็กที่ใช้ผสมแปรธาตุไปหมด อันนี้ก็น่าแปลกดีเหมือนกัน

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้