อาถรรพ์เนินดินลี้ลับ ปริศนาศิลาแลง ในตำนานวัดโบราณ ตอนที่ ๑ : เรื่องเล่าโดยลุงเสียน บุญรอดรัมย์
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=318750 สภาพเนินดินรกร้างที่คุ้มบ้านโคกกระดี่ ห่างจากบ้านบัวไปทางทิศตะวันตกราว ๑ กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของคุ้มบ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า “โคกกระดี” ที่กลางคุ้มบ้านแห่งนี้ จะมีเนินดินใหญ่รกร้างซึ่งถูกปกคลุมด้วยแมกไม้จนหนาทึบ และบนเนินดินแห่งนั้นยังพบว่ามี “ทมอบายกรีม” หรือ “ศิลาแลง” จมลึกอยู่ในดินเป็นจำนวนมากมาย คนเฒ่าคนแก่แต่โบราณเชื่อกันว่ามันเป็นซากชิ้นส่วนของ “วัดโบราณ” ที่สร้างขึ้นมาในสมัยขอมเรืองอำนาจ นอกจากความเชื่อที่ว่าแล้ว ยังมีเรื่องราวที่เล่าขานต่อ ๆ กันมาอีกว่า ในช่วงฤดูน้ำหลาก พระสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ยังวัดโบราณแห่งนั้น จะต้องพายเรือออกมาบิณฑบาตและรับกิจนิมนต์ยังหมู่บ้านที่อยู่อีกฟาก เนื่องจากในช่วงฤดูดังกล่าว ทางเกวียนเล็ก ๆ ที่ใช้สัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้านกับวัด จะถูกน้ำหลากเข้าท่วมจนดูเหมือนกับว่าเป็นทะเลสาปขนาดใหญ่ ครั้นพอน้ำลดระดับลง ผู้ปกครองหมู่บ้านในเวลานั้น ได้ทำการเกณฑ์แรงงานคนให้มาช่วยกันขุดดินปั้นเป็นคันทำนบกั้นน้ำ ซึ่งนอกจากจะสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้แล้ว คันทำนบยังกลายเป็นเส้นทางสำคัญของคนสมัยนั้นที่ใช้เดินทางไปทำบุญสุนทานยังวัดโบราณที่ว่า แต่อย่างไรก็ตาม ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานชิ้นใดที่จะบอกได้ว่า วัดโบราณกับทำนบกั้นน้ำดังกล่าว สร้างขึ้นในยุคไหน และใครเป็นคนมาสร้าง เนื่องจากเรื่องเล่าที่ว่ามานี้ ก็เล่าต่อกันมาหลายต่อหลายรุ่น แม้แต่ผู้อาวุโสที่อายุ ๘๐ กว่าปี ท่านก็ยังบอกว่าฟังมาจากตายายของท่านอีกต่อหนึ่ง ถนนสายบ้านบัว - หนองทะลอก (ทำนบคันดินโบราณในตำนาน) นอกจากความเชื่อที่บอกเล่าต่อ ๆ กันมาแล้ว เรื่องเล่าจากความทรงจำของ “ลุงเสียน บุญรอดรัมย์” ซึ่งในช่วงวัยรุ่นเคยต้อน ฝูงควายเข้าไปเลี้ยงยังเนินดินรกร้างแห่งนั้นอยู่เป็นประจำ ก็นับเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ช่วยทำให้ภาพของวัดโบราณมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ลุงเสียน ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เล่าให้ฟังว่า “เมื่อก่อนจะเป็นเนินดินสูงมาก มีต้นไม้ขึ้นรกทึบ ตรงกลางเนินจะมีกองศิลาแลงรูปทรงคล้ายฐานเจดีย์กว้างประมาณ ๓ x ๓ เมตรอยู่ ๑ กอง รอบ ๆ เนินดินจะมีทะมอบายกรีม (ศิลาแลง) เรียงรายเป็นกำแพง สูงประมาณ ๑ เมตร ทางด้านทิศตะวันออกเป็นเหมือนซุ้มประตูทางเข้า ตรงซุ้มจะมีแผ่นหินสลักอักษรตกอยู่ ๑ แผ่น ตาของลุงบอกว่าเป็นภาษาเขมรต่ำ ถัดจากกำแพงก็จะเป็นคูน้ำล้อมรอบ ๑ ชั้น สมัยนั้นน้ำจะขังเต็ม เป็ดไก่ของชาวบ้านก็จะปล่อยมาเล่นน้ำที่นี่ ควายของลุงก็มากินน้ำที่นี่” นอกจากบอกเล่าถึงภาพของวัดโบราณจากความทรงจำแล้ว ลุงเสียน ยังเล่าถึงความลี้ลับซึ่งลือกันในหมู่ชาวบ้านและที่เจอมากับตัวเองอีกว่า “จากที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังต่อ ๆ กันมาก็คือ ทุกคืนวันโกน วันพระ ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นจะได้ยินเสียงมโหรีปี่กลองสลับกับเสียงคนพูดคุยกันดังแว่วมาจากวัดโบราณเหมือนกับมีงานบุญ บางคนก็ฝันเห็นคนชุดขาวมาบอกให้ช่วยกันดูแลรักษา แต่ลุงไม่เคยได้ยิน แต่ที่เจอกับตัวเองและจำมาถึงทุกวันก็คือ วันนั้นประมาณ ๔ โมงเย็นลุงกำลังต้อนฝูงควายกลับบ้าน พอจะเข้าบ้านก็มีคนแก่ใส่ชุดสีขาวสะพายย่ามเดินมากับเด็กผมจุก อีกมุมหนึ่งของเนินดินรกร้าง พอเดินมาถึงแกก็ถามลุงว่า “ไอ้นายวัดเก่าอยู่ตรงไหน” ลุงก็ชี้ทางบอกแก ก็คิดในใจว่าตาคนนี้คงจะมาทำพิธีขอหวย ตอนนั้นก็รีบต้อนควายกลับบ้าน เอาควายเข้าคอกเสร็จก็รีบกลับมาหาตาแก่คนนั้นกะว่าจะมาขอหวย แต่เรียกหาอยู่หลายรอบก็ไม่เจอ เวลาพูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็ยังแปลกใจอยู่ว่าแกหายไปทางไหนเร็วจังทั้งที่บ้านลุงกับคูโบสถ์อยู่ใกล้กันนิดเดียว” นอกเหนือจากความลี้ลับที่ว่ามาแล้ว อาถรรพ์บนเนินดินรกร้างแห่งนั้น ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ทำให้หลายคนหวาดผวา โดยเฉพาะคนที่กระทำการลบหลู่ล่วงเกิน ในเรื่องนี้ลุงเสียนเล่าเพิ่มเติมว่า “ประมาณปี ๒๕๑๘ มีคนมาแอบขุดหาของเก่า ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นคนที่ไหน มารู้ตอนหลังว่าเป็นชาวบ้านอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งที่ไกลออกไป ที่รู้เพราะมีข่าวลือมาว่า คนในหมู่บ้านนั้นตายไปหลายคน ญาติพี่น้องเชื่อว่าที่ตายก็เพราะโดนอาถรรพ์จากการมาขุดหาของเก่าที่บ้านบัว หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป หลวงพ่อกับชาวบ้านบัวก็พากันขนทมอบายกกรีมกับวัตถุโบราณบางส่วนมาไว้ที่วัดเพื่อความปลอดภัย” หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าจากลุงเสียนแล้ว ผมกับพรรคพวกในหมู่บ้านกลุ่มหนึ่ง ได้พากันเข้าไปสำรวจซากวัดร้างที่ว่า และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็เข้าไปอีกครั้ง แต่เอาไว้คราวหน้าผมจะเอาเรื่องที่ไปสำรวจมาเล่าสู่กันฟังครับ หมายเหตุ : สำหรับเรื่องเล่าเรื่องนี้ ในนาม “ชาวบ้านบัว” ขอขอบพระคุณ “ลุงเสียน บุญรอดรัมย์” ที่กรุณาบอกเล่าเรื่องราวอันมีค่านี้ไว้ให้ลูกหลานชาวบ้านบัวได้รับฟัง นับเป็นวิทยาทาน เป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ในการบันทึกประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน ขอให้ดวงวิญญาณของท่านจงไปสู่สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ด้วยเทอญ |