ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนานพระเกจิอาจารย์แห่งแดนสยาม
»
พระองค์ที่ ๓ : สมเด็จพระสังฆราช (มี)
1
2
3
/ 3 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: kit007
พระองค์ที่ ๓ : สมเด็จพระสังฆราช (มี)
[คัดลอกลิงก์]
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
11
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:32
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เกิดธรรมเนียมแห่สมเด็จพระสังฆราชมาสถิต ณ วัดมหาธาตุ
สมเด็จพระสังฆราช (มี)
ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรก
ที่ทรงตั้งในรัชกาลที่ ๒ และทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรก
ที่เมื่อทรงตั้งแล้วโปรดให้แห่จากพระอารามเดิมมาสถิต ณ วัดมหาธาตุ
อันเป็นการเริ่มต้นธรรมเนียมแห่สมเด็จพระสังฆราช
จากพระอารามเดิมมาสถิต ณ วัดมหาธาตุ ซึ่งเกิดขึ้นในรัชกาลที่ ๒
เมื่อคราวทรงตั้ง
สมเด็จพระสังฆราช (มี)
นี้เป็นครั้งแรก
และวัดมหาธาตุก็ได้เป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนตลอดรัชกาลที่ ๒
การที่สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาประทับ
วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์
นั้น
ถือเป็นสังฆประเพณีว่าสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนและหลังจากนี้
สมเด็จพระสังฆราชจะต้องเสด็จประทับ ณ วัดมหาธาตุฯ
เนื่องจากเป็นพระอารามหลวงใหญ่ของราชธานี
เพื่อจะได้เป็นประธานแก่คณะสงฆ์แห่งพุทธจักร
ก่อนจะเสด็จมาประทับจะต้องโปรดให้ตั้งขบวนแห่งมีฤกษ์ เครื่องพิธี และสังฆพิธี
อย่างพร้อมเพรียงนับว่าเป็นพระเพณีในทางพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่มาก
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงได้อรรถาธิบายไว้
ในหนังสือ
“ประวัติอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ”
ไว้อย่างละเอียดดังนี้ว่า
“ในรัชกาลที่ ๒ ต้องทรงตั้งสมเด็จพระสังฆราชถึง ๓ พระองค์
ตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราช (มี) เป็นต้นมา ล้วนอยู่พระอารามอื่นก่อน
แล้วจึงมาสถิตวัดมหาธาตุทั้งนั้น เมื่อจะเป็นสมเด็จพระสังฆราช
บางพระองค์แห่มาสถิตวัดมหาธาตุก่อนแล้ว จึงรับพระสุพรรณบัตร
บางพระองค์รับพระสุพรรณบัตรก่อนแล้วจึงแห่มาสถิตวัดมหาธาตุ
คงจะเกี่ยวด้วยฤกษ์ทรงสถาปนา
ถ้าฤกษ์อยู่ในเวลาพระศพสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนยังอยู่ที่ตำหนัก
ก็รับพระสุพรรณบัตรก่อน พระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อน
แล้วจึงแห่สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่มาสถิตวัดมหาธาตุ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
12
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ถ้าฤกษ์สถาปนา เป็นเวลาพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนแล้ว
ก็แห่มาสถิตวัดมหาธาตุก่อน แล้วจึงรับพระสุพรรณบัตร
คราวทรงตั้ง สมเด็จพระสังฆราช (มี) นี้ เห็นได้ชัดโดยวันในจดหมายเหตุว่า
เมี่อทรงตั้งนั้น สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) สิ้นพระชนม์ยังไม่ถึง ๓ เดือน
คงยังไม่ได้พระราชทานเพลิงพระศพ
ลักษณะการตั้งสมเด็จพระสังฆราช ข้าพเจ้าได้เห็นจดหมายเหตุของอาลักษณ์
จดรายการพิธีคราวตั้ง สมเด็จพระสังฆราช (นาค) เมื่อในรัชกาลที่ ๓
แต่เข้าใจว่า ตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนๆ การพิธีก็จะเป็นอย่างเดียวกัน...
เริ่มการพิธีด้วยฤกษ์จารึกพระสุพรรณบัฏ
จารึกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามจารึกแล้ว (ม้วนรัดด้วยไหมเบญจพรรณ)
บรรจุกล่องงาวางบนพานทอง มีถึงแพรเหลือระบายแดงผูกพานทองชั้น ๑
แล้วเอาพานทองนั้นวางบนพาน ๒ ชั้น ประดับมุก
มีถึงแพรเหลืองระบายแดงผูกพานขั้น ๒ อีกชั้น ๑
แล้วจึงปิดคลุมปักหักทองขวางนอกพระสุพรรณบัฏ
ยังมีตราพระมหามณฑปสำหรับตำแหน่งพระสังฆราชใส่ถึงตาด
ใส่ในหีบขาวกับตลับชาดงา
หีบนั้นใส่ถุงแพรต่วนเหลืองระบายแดงบนตะลุ่มประดับมุก
มีถุงแพรเหลือระบายแดงอีกชั้น ๑
แล้วเชิญพานพระสุพรรณบัฏและพานตราพระมหามณฑป
ตั้งบนเตียงพระมหามณฑปในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
วันก่อนพระฤกษ์สถาปนาเวลาบ่าย
พระราชาคณะเจริญพระพุทธมนต์ที่ในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเข้าเสด็จออกยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
พระอาลักษณ์นุ่งห่มปักลายทองเชิงกรวย สวมเสื้อครุย นั่งบนผ้าขาวพับ
อ่านประกาศพระนามครั้นประกาศแล้ว
ทรงประเคนพานพระสุพรรณบัฏและตะลุ่มพระมณฑป
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
13
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อทรงประเคนแล้วเชิญกลับไปตั้งไว้บนเตียงพระมณฑป
พระสงฆ์รับพระราชทานอาหารบิณฑบาตฉันเพลแล้ว
เป็นการเสร็จพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
มีในหนังสือพระราชพงศาวดารคราวทรงตั้ง สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน)
ในรัชกาลที่ ๒ นั้น ทำพิธีในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
เมื่อพระสงฆ์ฉันแล้ว มีเวียนเทียนสมโภชสมเด็จพระสังฆราชด้วย
ลักษณะการที่กล่าวมา ข้าพเจ้าสังสัยว่า
มีรายการอีกอย่างหนึ่งไม่ปรากฏในจดหมายเหตุอาลักษณ์
คือเรื่องทรงอภิเษกสมเด็จพระสังฆราช เพราะอาลักษณ์ไม่มีหน้าที่จึงไม่กล่าวถึง
ข้าพเจ้าเห็นเมื่อครั้งทรงสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช (สา) วัดราชประดิษฐ์
เมื่อในรัชกาลที่ ๕ ตั้งพระแท่นสรงอันมีไม้อุทุมพรเป็นที่ประทับที่ชาลในกำแพงแก้ว
ข้างพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้านใต้
พระครูธรรมวิธานจารย์ก็เล่าว่า เมื่อครั้งทรงสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช (นาค)
ในรัชกาลที่ ๓ ท่านสถิตอยู่วัดราชบูรณะ แต่มาสรงที่ตำหนักวัดมหาธาตุ
จึงสันนิษฐานว่า เมื่อแต่ก่อนเห็นจะทำพิธีที่ตำหนักสมเด็จพระสังฆราชด้วยอีกแห่งหนึ่ง
ตั้งพระแท่นสรงที่นั่นมีสวดมนต์เย็นเหมือนอย่างตั้งกรมเจ้านาย
สมเด็จพระสังฆราชสรงในตอนเช้าแล้ว
จึงเข้ามารับพระราชทานพระสุพรรณบัฏในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เป็นทำนองพิธีตั้งกรมเจ้านายแต่ก่อน
ได้ความตามจดหมายเหตุของอาลักษณ์ต่อมาว่า
ในวันตั้งสมเด็จพระสังฆราชนั้น ตอนบ่ายแห่พระสุพรรณบัฏและตรามหามณฑป
ไปส่งยังพระอาราม มีกระบวนแห่สวมเสื้อครัยและลอมพอกขาว
ถือดอกบัวสด ๔๐ กลองชนะ ๒๐ จ่าปี่ ๑ แตรฝรั่ง ๔ แตรงอน ๘ สังข์ ๒
รวม ๓๒ คน สวมเสื้อหมวกแดง แล้วถึงเครื่องสูงบังแทรกรวม ๑๘ คน
นุ่งกางเกงยก เสื้อมัสรูเกี้ยวผ้าลาย
แล้วถึงราชยานถุรับพระสุพรรณบัฏและตราพระมหามณฑป
มีขุนหมื่นอาลักษณ์นุ้งถมปักลาย สวมเสื้อครุยลอมพอกนั่งประคอง คน ๑
กระบวนหลังมีเครื่องสูงแล้วถึงเกณฑ์แห่มีคู่แห่ ๒๐ และถือธง ๒๐ เป็นอันหมดกระบวน
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
14
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:33
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในค่ำวันนั้นมีจุดดอกไม้เพลิง ดอกไม้พุ่มเจ็ดชั้น ๒๐ พุ่ม ระทาสูง ๔ สอก ๑๐
ระทาพะเนียง ๓๐ กระบอก จุดที่นอกระเบียงข้างหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม...”
อย่างไรก็ตาม วัดมหาธาตุก็ได้เป็นที่สถิตของ
สมเด็จพระสังฆราช ต่อเนื่องกันมาถึง ๔ พระองค์ คือ
๑. สมเด็จพระสังฆราช (ศุข) ซึ่งทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช
มาแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงตอนต้นรัชกาลที่ ๒
๒. สมเด็จพระสังฆราช (มี) พระองค์ที่ ๑ ในรัชกาลที่ ๒
๓. สมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) พระองค์ที่ ๒ ในรัชกาลที่ ๒
๔. สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) พระองค์ที่ ๓ ในรัชกาลที่ ๒
ซึ่งมีพระชนม์มาถึงปีที่ ๑๙ ในรัชกาลที่ ๓
จนมาในรัชกาลที่ ๓ เมื่อทรงตั้ง
สมเด็จพระสังฆราช (นาค)
วัดราชบุรณะ
เป็นสมเด็จพระสังฆราช สืบต่อจาก
สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน)
วัดมหาธาตุกำลังอยู่ในระหว่างบูรณปฏิสังขรณ์
สมเด็จพระสังฆราช (นาค)
จึงสถิต ณ วัดราชบุรณะ จนถึงสิ้นพระชนม์
ต่อแต่นั้นมา เมื่อทรงตั้งสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่
ก็มิได้มีการแห่มาสถิต ณ วัดมหาธาตุ อีก
ธรรมเนียมแห่สมเด็จพระสังฆราชมาสถิต ณ วัดมหาธาตุ
จึงเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นรัชสมัยรัชกาลที่ ๒
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
15
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:34
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
เกิดอธิกรณ์ครั้งสำคัญ
ในปีแรกที่ทรงตั้ง
สมเด็จพระสังฆราช (มี)
นั้นเอง
ก็ได้เกิดอธิกรณ์ซึ่งนับว่าเป็นครั้งสำคัญและครั้งแรกขึ้นในรัชกาล
เพราะมีพระเถระผู้ใหญ่ที่เป็นกำลังของคณะสงฆ์
ต้องอธิกรณ์เมถุนปาราชิกพร้อมกันถึง ๓ รูป
ดังมีรายละเอียดบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดาร ดังนี้
“ในเดือน ๑๒ ปีชวด อัฐศก (พ.ศ. ๒๓๕๙) นั้น มีโจทก์ฟ้องว่า
พระพุทธโฆษาจารย์ (บุญศรี) วัดมหาธาตุ รูป ๑
พระญาณสมโพธิ (เค็ม) วัดนาคกลาง รูป ๑
พระมงคลเทพมุนี (จีน) วัดหน้าพระเมรุกรุงเก่า รูป ๑ ทั้ง ๓ รูปนี้
ประพฤติผิดพระวินัยบัญญัติข้อสำคัญ ต้องเมถุนปาราชิกมาช้านาน
จนถึงมีบุตรหลายคน โปรดให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นรักษ์รณเรศ
กับพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
ทรงพิจารณาได้ความเป็นสัตย์สมดังฟ้อง จึงมีรับสั่งเอาตัวผู้ผิดไปจำไว้ ณ คุก”
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
16
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตำแหน่งที่
พระพุทธโฆษาจารย์
นั้น เป็นตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์
รองลงมาจากตำแหน่งที่
สมเด็จพระพนรัตน
หรือเป็นลำดับที่ ๓ ในสังฆมณฑล นับแต่
สมเด็จพระสังฆราช
ลงมา
และ
พระพุทธโฆษาจารย์ (บุญศรี)
รูปนี้
นับว่าเป็นกำลังสำคัญของคณะสงฆ์ในขณะนั้น
เพราะเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
โปรดเกล้าฯ ให้จัดสมณทูตไปลังกาเมื่อต้นรัชกาล
สมเด็จพระสังฆราช (มี)
ขณะยังเป็นที่
สมเด็จพระพนรัตน
กับ
พระพุทธโฆษาจารย์ (บุญศรี)
นี้เอง
ที่เป็นผู้จัดการเรื่องสมณทูตไปลังกา เป็นที่เรียบร้อยสมพระราชประสงค์
จึงนับว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย
เมื่อมาเกิดอธิกรณ์ขึ้นเช่นนี้ คงเป็นที่ทรงโทมนัสเป็นอย่างมาก
และก็คงตกเป็นภาระของสมเด็จพระสังฆราชนั่นเอง
ที่จะต้องสะสางและปรับปรุงการคณะสงฆ์ให้ดีขึ้น
ดังปรากฏความในพระราชพงศาวดารว่า
“ที่เกิดเหตุปรากฏว่าพระราชาคณะเป็นปาราชิกหลายรูปคราวนั้น
เห็นจะทรงพระวิตกถึงการฝ่ายพระพุทธจักรมาก
ปรากฏว่าได้ทรงเผดียงสมเด็จพระสังฆราช (มี)
แลสมเด็จพระพนรัตน (อาจ) วัดสระเกษ ให้แต่งหนังสือโอวาทานุสาสนี
แสดงข้อวัตรปฏิบัติอันสมควรแก่สมณะมณฑล คัดแจกทั่วไปตามพระอาราม
เป็นทำนองสังฆาณัติแลการชำระความปาราชิกก็สืบสวนกวดขันขึ้นแต่ครั้งนั้นมา
จนสิ้นรัชกาลที่ ๒ แลต่อมาในรัชกาลที่ ๓ ด้วย”
หนังสือโอวาทานุสาสนีดังกล่าวนี้โปรดให้แต่งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๙ นี้
มีสาระสำคัญว่าด้วยเรื่องให้พระอุปัชฌาย์
อาจารย์พระราชาคณะถานานุกรมเอาใจใส่สั่งสอนพระภิกษุสามเณร
ให้อยู่ในจตุปาริสุทธิศีล ๔ ผู้ที่จะเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์
จะต้องมีความรู้เรื่องพระวินัยและสังฆกรรมเป็นอย่างดีและปฏิบัติให้ถูกต้อง
แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า ต่อมาอีก ๓ ปี
สมเด็จพระพนรัตน (อาจ)
ผู้แต่งหนังสือโอวาทานุสาสนีเอง ก็ต้องอธิกรณ์ ด้วยประพฤติต่อศิษย์ผิดสมณสารูป
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงโปรดเกล้าฯ ให้ถอดจากสมณศักดิ์
และไล่จากวัดมหาธาตุ จึงไปอยู่ที่วัดไทรทอง
(ซึ่งภายหลังต่อมาได้สร้างเป็นวัดเบญจมบพิตรดังปรากฏอยู่ในบัดนี้)
จนถึงมรณภาพในรัชกาลที่ ๓
สมเด็จพระพนรัตน (อาจ)
รูปนี้
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
17
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:35
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
จะทรงตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราชสืบต่อกันมาจาก
สมเด็จพระสังฆราช (มี)
ถึงกับโปรดเกล้าฯ ให้แห่มาอยู่วัดมหาธาตุแล้ว แต่มาเกิดอธิกรณ์เสียก่อนดังกล่าว
เหตุการณ์ครั้งนี้ คงเป็นเรื่องสะเทือนใจพุทธศาสนิกชน
ยิ่งกว่าเมื่อครั้งพระราชาราชคณะ ๓ รูปต้องอธิกรณ์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น
เพราะพระเถระที่ต้องอธิกรณ์ครั้งนี้ เป็นถึงว่าที่สมเด็จพระสังฆราช
และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะที่ไม่ห่างกันนัก
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
18
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การทำพิธีวิสาขบูชาครั้งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์
พ.ศ. ๒๓๖๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
มีพระราชประสงค์จะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลให้พิเศษยิ่งกว่าที่เคยทรงปฏิบัติมา
จึงทรงมีพระราชราชปุจฉาต่อสมเด็จพระสังฆราช
สมเด็จพระสังฆราชจึงได้ถวายพระพรให้ทรงกระทำการสักการะบูชาพระศรีรัตนตรัย
ในวันวิสาขบูชาเยี่ยงสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าแต่ปางก่อนเคยกระทำมา
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้กำหนดพิธีวิสาขบูชาขึ้นเป็นธรรมเนียม ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๓๖๐ นั้นเป็นต้นมา
นับเป็นการทำพิธีวิสาขบูชาครั้งแรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นเหตุให้มีการทำพิธีวิสาขบูชากันสืบมาจนปัจจุบัน เหตุการณ์สำคัญครั้งนี้นับว่า
เป็นสิ่งที่เกิดจากพระปรีชาสามารถของ
สมเด็จพระสังฆราช (มี)
โดยแท้
นับเป็นพระเกียรติประวัติที่สำคัญครั้งหนึ่งของสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้น
อนึ่ง พระราชกำหนดพิธีวิสาขบูชา
ที่ได้กำหนดเป็นพระราชพิธีหลวงเป็นครั้งแรก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ
ให้จัดขึ้นในครั้งนั้น พระราชพงศาวดารได้บันทึกไว้ดังนี้ คือ
“ศุภมัสดุ ๑๑๗๙ ศกอุศุภสังวัจฉร เจตมาสกาลปักษ์ ทุติยดฤถีครุวาร ปริเฉทกาลกำหนด
พระบาทสมเด็จพระธรรมิกราชรามาธิราช บรมนาถบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว
ผู้ทรงคุณธรรมอันประเสริฐ เสด็จออก ณ พระที่นั่งบุษบกมาลา
มหาจักรพรรดิพิมานพร้อมด้วยอัครมหาเสนามาตยาธิบดี
มุขมนตรีกระวีชาติราชปโรหิตจารย์ ผู้ทูลละอองพระบาทโดยลำดับ
ทรงพระราชศรัทธาถวายสังฆภัตทานแก่พระสงฆ์มีองค์สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
19
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้นเสด็จการภุตตกิจ พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชรำพึงถึงสรรพการกุศล เป็นต้นว่า บริจาคทานรักษาศีล เจริญภาวนา
ซึ่งได้ทรงบำเพ็ญมาเป็นนิจกาลนั้น ยังหาเต็มพระราชศรัทธาไม่
มีพระทัยปรารถนาจะใคร่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลให้มีผลวิเศษประเสริฐยิ่ง
ที่พระองค์ยังมิได้ทรงกระทำเพื่อจะให้แปลกประหลาด
จึงมีพระราชปุจฉาถามสมเด็จพระสังฆราช (มี)
และพระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อยถวายพระพรว่า
แต่ก่อนสมเด็จมหากษัตราธิราชเจ้ากระทำสักการบูชา
พระศรีรัตนตรัยในวันวิสาขบูรณมี คือ วันเดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ
เป็นวันวิสาขนักขัตฤกษ์มหายัญพิธีบูชาใหม่
มีผลผลานิสงส์มากยิ่งกว่าตรุษสงกรานต์
เหตุว่าเป็นวันสมเด็จพระสัพพัญญพุทธเจ้าประสูติ ได้ตรัสรู้ ปรินิพพาน
และสมเด็จพระเจ้าภาติกราชวสักราชดิศรมหาราชเคยกระทำสืบพระชนมายุ
เป็นเยี่ยงอย่างโบราณราชประเพณีมาแต่ก่อน
และพระราชพิธีวิสาขบูชาอันนี้เสื่อมสูญขาดมาช้านานแล้ว
หามีกษัตริย์องค์ใดกระทำไม่
ถ้าได้กระทำสักการบูชาพระศรีรัตนตรัยในวันนั้นแล้ว
ก็จะมีผลานิสงส์มากยิ่งนัก
อาจสามารถปิดประตูจตุราบายภูมิทั้ง ๔
และเป็นที่จะดำเนินไปในสุคติภพเบื่องหน้า
อาจให้เจริญทฤฆายุสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล
ระงับทุกข์โทษอุปัทวันตรายภัยต่างๆ ในปริเฉทกาลปัจจุบัน
เป็นอนันต์คุณานิสงส์วิเศษนักจะนับประมาณมิได้
ครั้นได้ทรงฟังเกิดพระราช ปิติโสมนัสตรัส
เห็นว่าวิสาขบูชานี้จะเป็นเนื้อนาบุญราศี
ประกอบพระราชกุศลเกิดขึ้นอีกแห่งหนึ่งเป็นแท้
จึงทรงพระราชศรัทธาจะยกรื้อวิสาขบูชามหาพิธีอันขาดประเพณีมานั้น
ให้กลับเจียรฐิติกาลกำหนดปรากฏสำหรับแผ่นดินสืบต่อไป
จะให้เป็นวัตตถประโยชน์และปรมัตถประโยชน์
ทรงพระราชศรัทธาจะให้สัตว์โลกข้าขอบขัณฑสีมาทั้งปวงเจริญอายุ
และอยู่เป็นสุขปราศจากทุกข์ภัยในชั่วนี้และชั่วหน้า
จึงมีพระราชโองการมานบัณฑูรสุรสิงหนาท
ดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
kit007
kit007
ออฟไลน์
เครดิต
32163
20
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2014-6-2 23:36
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แต่นี้สืบไป เถิง ณ วันเดือน ๖ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ แรม ๑ ค่ำ
เป็นวันวิสาขบูชานักขัตฤกษ์ใหญ่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงรักษาอุโบสถศิลปรนิบัติพระสงฆ์ ๓ วัน ปล่อยสัตว์ ๓ วัน
ห้ามมิให้ผู้ใดฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เสพสุราเมรัย ๓ วัน
ถวายประทีปตั้งโคมแขวนเครื่องสักการบูชาดอกไม้เพลิง ๓ วัน
ให้มีพระธรรมเทศนาในพระอารามหลวงถวายไทยทาน ๓ วัน
ส่วนพระบรมราชวงศานุวงศ์และข้าทูลละอองธุลีพระบาท
ไพร่ฟ้าอาณาประชาราษฎร์ลูกค้าวาณิช สมรชีพราหมณ์ทั้งปวง
จงมีศรัทธาปลงใจในการกุศล
อุตส่าห์กระทำวิสาขบูชาให้เป็นประเพณียั่งยืนไปทุกปีไปอย่าให้ขาด
ฝ่ายฆราวาสนั้นจงรักษาอุโบสถศีลถวายบิณฑบาต
ปล่อยสัตว์ตามศรัทธา ๓ วัน ดุจวันตรัษสงกรานต์
เวลาเพลแล้วมีพระธรรมเทศนาในพระอาราม
ครั้นเวลาบ่ายให้ตกแต่งเครื่องสักการบูชาพวงดอกไม้มาลากระทำให้วิจิตรต่างๆ
ธูปเทียนชวาลาธงผ้า ธงกระดาษออกไปยังอารามบูชาพระรัตนตรัย
ตั้งพานดอกไม้แขวนพวงไม้ธูปเทียนธงใหญ่ธงน้อยในพระอุโบสถ
พระวิหารที่ลานพระเจดีย์ พระศรีมหาโพธิ์
และผู้ใดจะมีเครื่องดุริยางค์ดนตรีมโหรีพิณพาทย์
เครื่องผสมสมโภชประการใดๆ ก็ตามแต่ใจศรัทธา
ครั้นเวลาค่ำให้บูชาพระรัตนตรัยด้วยเครื่องบูชาประทีป โคมตั้ง โคมแขวน
จงทุกหน้าบ้าน และ ณ วันเดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำนั้นเป็นวันเพ็ญบุรณมี
ให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทในพระราชวังหลวง ในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
ประชุมกันถวายสลากภัตแก่พระสงฆ์ และให้มรรคนายกทั้งปวงชักชวนสัปบุรุษทายก
บรรดาที่อยู่ใกล้เคียงอารามใดๆ ให้นำสลากภัตถวายพระสงฆ์ในอารามนั้น
เวลาบ่ายให้เอาหม้อใหญ่ใส่น้ำลอยด้วยดอกอุบลบัวหลวง
ด้วยสายสิญจน์สำหรับเป็นน้ำปริตรไปตั้งที่พระอุโบสถ
พระสงฆ์ลงอุโบสถแล้วจะได้สวดพระพุทธมนต์จำเริญพระปริตรธรรม
ครั้นจบแล้วหม้อน้ำของผู้ใดก็เอาไปกินอาบปะพรมรดเย้าเรือนเคหา
บำบัดโรคอุปัทวภัยต่างๆ ฝ่ายพระสงฆ์สมณนั้นให้พระราชาคณะฐานานุกรม
ประกาศให้ลงพระอุโบสถแต่เพลาเพลแล้วให้พร้อมกัน
ครั้นเสร็จอุโบสถกรรมแล้วเจริญพระปริตรธรรม
แผ่พระพุทธอาญาในพระราชอาณาเขต ระงับอุปัทวภัยทั้งปวง
ครั้นเวลาค่ำเป็นวันโอกาสแห่งพระสงฆ์สามเณรกระทำสักการบูชา
พระศรีรัตนตรัยที่พระอุโบสถและพระวิหาร
ด้วยธูปเทียน โคมตั้ง โคมแขวน ดอกไม้และประทีป
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
หน้าถัดไป »
1
2
3
/ 3 หน้า
ถัดไป
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...