ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

สมเด็จพระสังฆราชของไทย

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(จวน อุฏฺฐายี มหาเถร)

สมเด็จพระสังฆราช (จวน อุฎฺฐายี) เป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 16 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์สถิต ณ วัดมกุฏกษัตริยารามวรวิหาร ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2508 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงดำรงตำแหน่งอยู่ 7 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ.2514 พระชนมายุ 74 พรรษา
พระองค์มีพระนามเดิมว่า จวน  ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2440 ที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี  เมื่อพระชนมายุได้10 พรรษา ได้เข้ามาศึกษาชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนวัดคฤหบดี จังหวัดธนบุรี พระชนมายุ 14 พรรษา ได้ไปศึกษาอยู่ กับพระมหาสมณวงศ์ (แท่น โสมทัดโต) เจ้าอาวาสวัดมหาสมณาราม(วัดเขาวัง)  ที่วัดเขาวัง จังหวัดเพชรบุรี  พระชนมายุ 16 พรรษา ได้มาศึกษาพระปริยัติธรรมกับพระอริยมุนี (แจ่ม จตฺคสลฺโล) ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม[size=-1]พ.ศ. 2457 ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ได้เป็นบรรณาธิการ หนังสือวารสารรายปักษ์สยามวัด ทำให้พระองค์มีความสามารถในการประพันธ์คำประพันธ์ต่าง ๆมีโคลง ฉันท์ เป็นต้นพ.ศ. 2460 ทรงอุปสมบทเป็นภิกษุ  ในปีเดียวกันนี้ทรงสอบได้นักธรรมชั้นตรี และเปรียญธรรม 3 ประโยคพ.ศ. 2461 สอบได้นักธรรมชั้นโทพ.ศ. 2462,2464 และ 2465  สอบได้เปรียญธรรม 4,5 และ 6 ประโยค ตามลำดับพ.ศ. 2466  สอบได้นักธรรมชั้นเอกพ.ศ. 2467,2470 และ 2472  สอบได้เปรียญธรรม 7,8 และ 9 ประโยค ตามลำดับพระองค์ได้ประกอบพระกรณียกิจด้านการพระศาสนาเป็นอันมาก พอประมวลได้ดังนี้
   พ.ศ. 2476  ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะที่  พระกิตติสารมุนี
พ.ศ. 2477  เป็นกรรมการคณะธรรมยุติ
  พ.ศ. 2478  เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่  พระราชเวที   เป็นประธานกรรมการบริหาร ในตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลราชบุรี
  พ.ศ. 2479   เป็นกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ลักษณะปกครองสงฆ์ ฉบับใหม่
   พ.ศ. 2482   เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่  พระเทพเวที
  พ.ศ. 2485   เป็นสมาชิกสังฆสภา และเป็นสังฆมนตรีว่าการองค์การเผยแผ่
พ.ศ. 2486   เป็นผู้รักษาการ ในตำแหน่งสังฆนายก แทนสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดบรมนิวาส
  พ.ศ. 2488   เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่  พระธรรมปาโมกข์
  พ.ศ. 2489   เป็นผู้สั่งการในตำแหน่งสังฆนายก แทนสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดเทพศิรินทร์ฯ
  พ.ศ. 2490   เป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองที่  พระศาสนโศภณ
  พ.ศ. 2494   เป็นสังฆนายก ครั้งที่ 1
พ.ศ. 2499   ได้รับโปรดเกล้า ฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่  สมเด็จพระมหาวีรวงศ์
  พ.ศ. 2503   เป็นสังฆนายก ครั้งที่ 2
  พ.ศ. 2505   เป็นผู้บัญชาการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระสังฆราช
พ.ศ. 2506   เป็นกรรมการเถรสมาคมโดยตำแหน่ง ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505

22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
1.    ด้านการศึกษา    ทรงชำนาญในอักษรขอม อักษรพม่า อักษรมอญ และอักษรโรมัญจากการที่ได้  ตรวจชำระ พระไตรปิฎกบางปกรณ์ตามที่ได้รับมอบ ซึ่งจะต้องสอบทานอักษรไทยกับต้นฉบับอักษรขอม เกี่ยวกับอักษรพม่าและอักษรโรมัน
พ.ศ. 2470  เป็นกรรมการตรวจบาลีไวยากรณ์ในสนามหลวง
  พ.ศ. 2471  เป็นกรรมการตรวจนักธรรมชั้นโท-เอกในสนามหลวง  เป็นกรรมการตรวจบาลี ประโยค 4-5-6
  พ.ศ. 2476  เป็นปีที่เริ่มฟื้นฟูกิจการของมหามงกุฏราชวิทยาลัยในยุคใหม่  ทรงรับหน้าที่เป็นกรรมการและอนุกรรมการหลายคณะ คือ อนุกรรมการตรวจชำระแบบเรียน เช่น นวโกวาท  และ พุทธศาสนสุภาษิตกรรมการอำนวยการหนังสือธรรมจักษุ กรรมการ อุปนายกและนายกกรรมการมหามงกุฏราชวิทยาลัย ตลอดมาจนสิ้นพระชนม์
2.    ด้านการต่างประเทศ   เสด็จไปดูการพระศาสนาในประเทศลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย เนปาล ลังกา ฮ่องกงไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม ตามคำเชิญของพุทธบริษัทของประเทศนั้น ๆ ทรงไปร่วมงานฉลอง25 พุทธศตวรรษ ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้แทนสมเด็จพระสังฆราช (วัดเบญจมบพิตร)ไปร่วมประชุมสังคายนาพระไตรปิฎกที่ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2504
3.    งานเผยแผ่พระศาสนา   ได้ทรงดำเนินการมาโดยตลอดไปรูปแบบต่าง ๆ พอประมวลได้ดังนี้
  พ.ศ. 2476   ทรงร่วมกับคณะมิตรสหาย ตั้งสมาคมพุทธศาสนาขึ้นเป็นครั้งแรก คือ พุทธสมาคมเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา และส่งเสริมการศึกษา
พ.ศ. 2477   เป็นพระคณาจารย์เอกทางเทศนา (ธรรมกถึก)
พ.ศ. 2479   เป็นกรรมการควบคุมการแปลพระไตรปิฎก
  พ.ศ. 2497   เป็นประธานกรรมการจัดรายการแสดงธรรมทางวิทยุในวันธรรมสวนะ
4.   งานพระนิพนธ์
  พ.ศ. 2469   ทรงแปลตติยสมันตปาสาทิกา  อรรถกถาพระวินัย เพื่อใช้เป็นตำรา
พ.ศ. 2482   ทรงแต่ง รตนตฺตยปฺปภาวสิทฺธิคาถา แทน รตนตฺตยปฺปภาวาภิยาจนคาถา และได้ใช้สวดในพระราชพิธีต่อมา
   ยังมีพระนิพนธ์อีกมากกว่า 100 เรื่อง เช่น มงคลในพุทธศาสนา สาระในตัวคน วิธีต่ออายุให้ยืน การทำใจให้สดชื่นผ่องใสและฉันไม่โกรธเป็นต้น
  มีพระธรรมเทศนาอีกหลายร้อยเรื่อง ที่สำคัญคือ มงคลวิเศษคาถา ที่แสดงในพระราชพิธีเฉลิม  พระชนมพรรษา

23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(ปุ่น  ปุณฺณสิริมหาเถร)


  สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 17 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์สถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงดำรงงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2515 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงดำรงตำแหน่งอยู่ 1 พรรษาเศษ สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2517 พระชนมายุได้ 77 พรรษา

พระองค์มีพระนามเดิมว่า ปุ่น  ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2439 ที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี  การศึกษาในเบื้องต้น เรียนกับบิดาของท่านจนอ่านออกเขียนได้ แล้วจึงไปเรียนภาษาบาลี อักษรขอม และมูลกัจจายน์ (กับพระอาจารย์หอม และอาจารย์จ่าง) ที่วัดสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อพระชนม์ได้ 10 พรรษา (พระอาจารย์หอมได้พามาฝากให้เป็นศิษย์พระอาจารย์ป่วน)ได้มาอยู่ที่วัดมหาธาตุ ฯ เมื่อพระชนม์ได้ 16 พรรษา ได้ย้ายมาอยู่กับพระอาจารย์สด(พระมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำภาษีเจริญ) ณ วัดพระเชตุพน แล้วกลับไปบรรพชาเป็นสามเณรณ วัดสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี และได้อุปสมบท เมื่อปี พ.ศ. 2460
  พ.ศ. 2456 สอบได้นักธรรมตรี
พ.ศ. 2458 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ขณะเป็นสามเณร
  พ.ศ. 2462 สอบได้นักธรรมโท
  พ.ศ. 2463, 2466, 2470  สอบได้เปรียนธรรม 4,5 และ 6 ประโยคตามลำดับ
  พ.ศ. 2483 เป็นกรรมการแปลพระไตรปิฎก แผนกพระวินัย เป็นภาษาไทย
พ.ศ. 2484 ได้รับพระราชทานสมศักดิ์ เป็นพระราชาคณะสามัญที่  พระอมรเวที  เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน เป็นคณาจารย์เอกทางเทศนา
  พ.ศ. 2486 เป็นเจ้าคณะตรวจการณ์ภาคบูรพา (8 จังหวัด ภาคตะวันออก)  เป็นเจ้าคณะตรวจการณ์ภาค 2 (10 จังหวัดภาคกลาง)และเป็นกรรมการสังคายนา พระธรรมวินัย
            พ.ศ. 2488 เป็นสมาชิกสังฆสภา
พ.ศ. 2489 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสุธี
พ.ศ. 2490 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพเวที   รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน และเป็นกรรมการสภามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. 2491 เป็นสังฆมนตรีสมัยที่ 1 เป็นเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน เป็นกรรมการและเลขาธิการคณะกรรมการสังมาณัติระเบียบพระคุณาธิการ และได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมดิลก
  พ.ศ. 2492 เป็นเจ้าคณะตรวจการภาค 2 (ภาคบูรพาเดิม)  และเป็นสภานายกสภาพระธรรมกถึก
พ.ศ. 2493 เป็นสังฆมนตรีสมัยที่ 2
พ.ศ. 2494 เป็นสังฆมนตรีสมัยที่ 3 และ 4  เป็นเจ้าคณะตรวจการภาค 7 (8 จังหวัดภาคกลาง) เป็นกรรมการเจ้าคณะตรวจการภาค และเป็นอนุกรรมการอบรมศีลธรรมและวัฒนธรรมแก่ข้าราชการ และประชาชน
  พ.ศ. 2499 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองที่ พระธรรมโรดม  และเป็นสังฆมนตรี (ว่าการองค์การสาธารณูปการ) สมัยที่ 5
            พ.ศ. 2503 เป็นสังฆมนตรี (ว่าการองค์การเผยแผ่) สมัยที่ 6
  พ.ศ. 2504 ได้โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระราชาคณะที่  สมเด็จพระวันรัต และเป็นกรรมการพิจารณาหลักสูตรการศึกษาปริยัติธรรมแผนกบาลี
พ.ศ. 2506 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม
พ.ศ. 2508 เป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง  และรักษาการเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก หนเหนือ และหนใต้
   พ.ศ. 2509 เป็นแม่กองงาน พระธรรมทูต
พ.ศ. 2410 เป็นผู้ปฎิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ระหว่างที่พระองค์เสด็จเยือนลังกา
พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าคณะนครหลวงกรุงเทพธนบุรี
  ผลงานของพระองค์ นอกจากที่ได้รับแต่งตั้งให้ปฎิบัติงานตามตำแหน่งหน้าที่ และงานพิเศษต่าง ๆ ที่ได้รับมอบอย่างครบถ้วนแล้ว ยังมีงานด้านพระศาสนาที่ทรงริเริ่มพัฒนาอีกเป็นจำนวนมากกล่าวคือ
งานด้านการก่อสร้างและปฎิสังขรณ์     ทรงก่อสร้างและปฎิสังขรณ์ทั้งปูชนียสถานเช่น พระอาราม  สาธารณสถาน เช่น พิพิธภัณท์  โรงเรียน โรงพยาบาล  ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเป็นจำนวนมาก
  งานด้านมูลนิธิ   ทรงก่อตั้งและสนับสนุนมูลนิธิ ที่ดำเนินงานด้านธรรม ด้านวิชาการ และการศึกษาและด้านสาธารณูปการ  เป็นจำนวนมาก
งานด้านพระนิพนธ์    มีพระธรรมเทศนาจำนวนมาก วันสำคัญทางศาสนา ประมวลอาณัติคณะสงฆ์สารคดี เช่น สู่เมืองอนัตตา  พุทธชยันตี  เดีย-ปาล (อินเดีย-เนปาล) สู่สำนักวาติกันและนิกสัน และบ่อเกิดแห่งกุศลคือ โรงพยาบาล เป็นต้น ธรรมนิกาย เช่น จดหมายสองพี่น้อง  สันติวัน พรสวรรค์ หนี้กรรมหนี้เวร ไอ้ตี๋  ดงอารยะ เกียรติกานดา คุณนายชั้นเอก ความจริงที่มองเห็น ความดีที่น่าสรรเสริญอภินิหารอาจารย์แก้ว กรรมสมกรรม
  งานด้านต่างประเทศ  ทรงไปร่วมประชุมฉัฎฐสังคายนาพระไตรปิฎกณ ประเทศพม่า เมื่อปี พ.ศ. 2497 ไปร่วมงานฉลองพุทธชยันตี (25 พุทธศตวรรษ) ณ ประเทศศรีลังกา เมื่อปี พ.ศ. 2499  นอกจากนี้ยังทรงไปและสังเกตุการณ์ พระศาสนาและเยือนวัดไทยในต่างประเทศ อีกเป็นจำนวนมาก

24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(วาสนมหาเถร)


สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถร) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สถิต ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ.2517 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงอยู่ในตำแหน่ง 14 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2531 พระชนมายุ 91 พรรษา

             พระองค์มีพระนามเดิมว่า วาสน์  ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2440  ที่อำเภอนครหลวงจังหวัด พระนครศรีอยุธยา บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อปี พ.ศ. 2455 และอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2461 ณ วัดราชบพิธ  เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรมตามลำดับ สอบได้เปรียญ 4 ประโยค
             พ.ศ. 2465 และ 2466  เป็นพระครูโฆสิตสุทธสร พระครูธรรมธร และพระครูวิจิตรธรรมคุณ ตามลำดับและเป็นกรรมการตรวจธรรมและบาลีสนามหลวง
             พ.ศ. 2477 เป็นพระราชาคณะที่ พระจุลคณิศร ปลัดซ้ายของพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัตน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
             พ.ศ. 2481 เป็นกรรมการคณะธรรมยุต
             พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการมหามงกุฎราชวิทยาลัย เป็นคณาจารย์เอกทางรจนาพระคัมภีร์ และเป็นสมาชิกสภาสังฆสภา
พ.ศ. 2486 เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตรวจการภาคกลาง และภาค 2  เป็นเจ้าคณะอำเภอพระนคร และเป็นกรรมการการสังคายนาพระธรรมวินัย
  พ.ศ. 2489 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชกวี และรักษาการณ์ในหน้าที่เจ้าอาวาสวัดราชบพิธ
             พ.ศ. 2490 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพโมลี
             พ.ศ. 2491  เป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ และเป็นเจ้าคณะตรวจการณ์ภาค 1
             พ.ศ. 2492 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมปาโมกข์
              พ.ศ. 2494  เป็นเจ้าคณะธรรมยุต ผู้ช่วยภาค 1-2-6 และเป็นเจ้าคณะจังหวัด พระนคร-สมุทรปราการ กับนครสวรรค์
             พ.ศ. 2500  เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
             พ.ศ. 2504  เป็นผู้รักษาการณ์ในตำแหน่งเจ้าคณะธรรมยุต ภาค 1-2-6 และเป็นอุปนายกกรรมการมหามกุฎราชวิทยาลัยฯ
             พ.ศ. 2506  เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่  สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และเป็นกรรมการเถรสมาคม
พระองค์ได้บริหารงานพระศาสนา ในการคณะสงฆ์มาโดยตลอดเป็นอันมาก พอประมวลได้ดังนี้
               - นายกกรรมการและนายกสภาการศึกษามหามงกุฎราชวิทยาลัย
               - เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
- ประธานการศึกษาของคณะสงฆ์
               - ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
               - ประธารกรรมการมูลนิธิส่งเสริมกิจการศาสนา และมนุษยธรรม
               - เป็นองค์อุปถัมภ์ในกิจการด้านการพระศาสนา และการสงเคราะห์ในด้านต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก  เช่น มูลนิธิสังฆประชานุเคราะห์ สัมมาชีวศิลปมูลนิธิ ศูนย์และชมรมพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช(วาสนมหาเถร) สถานสงเคราะห์คนชราวาสนะเวศน์ และมูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช(วาสนมหาเถร) เป็นต้น

25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


งานเผยแผ่ศาสนธรรม  นับว่าเป็นงานหลักที่ทรงกระทำเป็นพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบต่าง ๆ กล่าวคือ การสังคายนาพระธรรมวินัย ตรวจชำระพระไตรปิฎก ในการสมัยสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์200 ปี นับเป็นครั้งที่ 3 ของประเทศไทย
  การบรรยายธรรม  ได้จัดให้มีพระธรรมเทศนาประจำวันธรรมสวนะในพระอุโบสถ เป็นประจำ  การบรรยายสวดมนต์มีคำนำแปล  ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ประจำวันพระแรม 8 ค่ำ  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 ถึง พ.ศ. 2517
             การตรวจเยี่ยมพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศทั้ง 73 จังหวัด เพื่อรับทราบปัญหาต่าง ๆ  ที่จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นต่อไป
             การแต่งหนังสือและบทความต่าง ๆ เพื่อสอนพระพุทธศาสนาในระดับต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก
             การตั้งมูลนิธิต่างๆ  เพื่อบำรุงพระอาราม
             งานสาธารนูปการ  ทรงสร้างและให้ความอุปถัมภ์ในการสร้างวัด โรงเรียน โรงพยาบาล และสาธารณสถานต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เช่น  วัดแสงธรรมสุทธาราม   จังหวัดนครสวรรค์ วัดโพธิทอง  จังหวัดอยุธยา  อาคารเรียนโรงเรียนประชาบาลวัดสระกะเทียม นครปฐม โรงเรียนประชาบาลวัดโพธิทอง จังหวัดอยุธยา โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช(วาสนมหาเถระ) จังหวัดอยุธยา  ศาลาบำเพ็ญบุญ วัดเสนาวนาราม  หอนาฬิกา จังหวัดอยุธยา  ศาลาที่พักริมทางหลวง 8 แห่ง  ศาลาทรงไทยหน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร 2 หลัง และสถานสงเคราะห์คนชราวาสนเวศน์จังหวัดอยุธยา สิ่งก่อสร้างสุดท้ายคือ โรงเรียนวัดราชบพิธแห่งใหม่ ในที่ดินที่กองทัพบกยกให้ เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 90 พรรษางานสร้างพุทธมณฑล ให้สำเร็จเสร็จทันในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ ในปี พ.ศ. 2530 เป็นผลงานสำคัญของพระองค์ที่เริ่มตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521  



              งานพระนิพนธ์    ทรงนิพนธ์หนังสือและบทความต่าง ๆ ทั้ง ร้อยแก้ว และร้อยกรองไว้เป็นจำนวนมาก  เช่น ทิศ 6 สังคหวัตถุ 4 สัมปรายิกัตถประโยชน์ วัดของบ้าน พุทธศาสนคุณ พัฒนาใจ บุคคลหาได้ยากมรดกชีวิต ความเติบโต วาสนาสอนน้อง จดหมายถึงพ่อ วาทแห่งวาสน์ คำกลอนสอนใจวาสนคติ นิราศ 2 ปี สวนดอกสร้อย สักวาปฏิทิน กลอนปฏิทิน อาจารย์ดี สมพรปาก คน-ระฆัง เรือ-สมาคม วัยที่เขาหมดสงสาร และบทความเรื่องบันทึกศุภาสินีเป็นต้น
26#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช  (เจริญ สุวัฑฒโน)

สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวัฑฒโน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร  ทรงดำรงตำแหน่งเมื่อปี พ.ศ. 2532   ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิถลอดุลยเดชพระองค์มีพระนามเดิมว่า  เจริญ คชวัตร  ประสูติที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2456  ทรงศึกษาที่โรงเรียนวัดเทวสังฆาราม เมื่อพระชนมายุได้ 8 พรรษา และบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเทวสังฆาราม เมื่อพระชนมายุ14 พรรษา ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2470  ได้ไปเรียนภาษาบาลีที่วัดเสน่หา จังหวัดนครปฐมปี พ.ศ. 2472 ได้มาอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
ศึกษาพระปริยัติธรรม ได้ตามลำดับดังนี้ พ.ศ. 2472  สอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ. 2473  สอบได้นักธรรมชั้นโท และเปรียญธรรม 3 ประโยค พ.ศ. 2475  สอบได้นักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม 4 ประโยค พ.ศ. 2476  อุปสมบทที่วัดเทวสังฆาราม  จำพรรษาที่วัดนี้ 1 พรรษา แล้วกลับมาวัดบวรนิเวศวิหารอุปสมบทซ้ำเป็นธรรมยุติ  และสอบไล่เปรียญธรรม 5 ประโยค พ.ศ. 2477,2478,2481 และ 2484  สอบได้เปรียญธรรม 6,7,8 และ 9 ประโยคตามลำดับ พ.ศ. 2484  เป็นสมาชิกสังฆสภาโดยตำแหน่ง  เป็นกรรมการสังคายนาพระธรรมวินัย และเป็นผู้อำนวยการศึกษาสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ. 2489  เป็นพระวินัยธรชั้นอุทธรณ์  และเป็นกรรมการสภาการศึกษามหามงกุฎราชวิทยาลัยพ.ศ. 2490  ได้รับพระทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระโศภณคณาภรณ์  และเป็นกรรมมหามงกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. 2493  เป็นกรรมการเถรสมาคม คณะธรรมยุต ประเภทชั่วคราวพ.ศ. 2494  เป็นกรรมการอำนวยการมหามงกุฎราชวิทยาลัย และเป็นกรรมการแผนกตำราของมหามงกุฏราชวิทยาลัยพ.ศ. 2495  เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในพระราชทินนามเดิม พ.ศ. 2496  เป็นกรรมการตรวจชำระ คัมภีร์ฎีกาพ.ศ. 2497  เป็นกรรมการเถรสมาคมคณะธรรมยุตประเภทถาวรพ.ศ. 2498  เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในพระราชทินนามเดิม พ.ศ. 2499  เป็นพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ และเสด็จประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมวราภรณ์ และรักษาการวินัยธรชั้นฎีกา พ.ศ. 2501  เป็นกรรมการคณะธรรมยุติ  และเป็นกรรมการมูลนิธิส่งเสริมกิจการพระศาสนา และมนุษยธรรม(ก.ศ.ม.) พ.ศ. 2503  เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การปกครองสั่งการองค์การปกครองฝ่ายธรรมยุติ พ.ศ. 2504  เป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร  เป็นผู้อำนวยการมหามงกุฎราชวิทยาลัย เป็นประธานกรรมการสภาการศึกษามหามงกุฎราชวิทยาลัยเป็นผู้รักษาการณ์เจ้าคณะธรรมยุตภาคทุกภาค และเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2506  เป็นกรรมการเถรสมาคม ซึ่งเป็นกรรมการชุดแรก ตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พ.ศ. 2515  เป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ และได้รับโปรดเกล้า ฯ  สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระราชาคณะในพระราชทินนามนี้ มีขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฬ้า ฯเป็นฝ่ายวิปัสสนาธุระ  พระอาจารย์สุก วัดท่าหอย พระนครศรีอยุธยา ได้รับพระราชทานสมศักดิ์นี้เป็นองค์แรกและต่อมาก็มิได้พระราชทานสมณศักดิ์นี้แก่พระเถระรูปใดอีกเลย  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2363 ถึงปี พ.ศ. 2515 เป็นเวลาถึง 152 ปี พ.ศ. 2517  เป็นประธานกรรมการคณะธรรมยุต พ.ศ. 2528  เป็นรองประธานกรรมการสังคีติการสงฆ์ ในการสังคายนาพระธรรมวินัย ตรวจชำระพระไตรปิฎก และเป็นสังฆปาโมกข์ปาลิวิโสธกะพระวินัยปิฎก เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  พ.ศ. 2531  รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เป็นนายกกรรมการมหามงกุฎราชวิทยาลัย และเป็นนายกสภาการศึกษามหามงกุฎราชวิทยาลัย
27#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ผลงานของพระองค์ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมามีอยู่เป็นเอนกอนันต์ พอจะสรุปได้ดังนี้
ด้านการพระศาสนาในต่างประเทศ  พระองค์ได้เป็นกำลังสำคัญในการดำเนินการมาโดยลำดับ ดังนี้ [size=-1]พ.ศ. 2509  ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตในต่างประเทศ  ได้เสด็จไปเป็นประธานสงฆ์ ในพิธีเปิดวัดพุทธประทีบณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และดูกิจการพระธรรมทูตในประเทศอังกฤษและอิตาลี พ.ศ. 2511  เสด็จไปดูการพระศาสนา วัฒนธรรม และการศึกษาในประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์อันเป็นผลให้ต่อมาได้มีการวางแผนร่วมกับชาวพุทธอินโดนีเซีย ในอันที่จะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศนั้น และได้ส่งพระธรรมทูตชุดแรกไปยังอินโดนีเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2512 ได้ส่งพระภิกษุจากวัดบวรนิเวศ ออกไปปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2516 และตั้งสำนักสงฆ์ในปี พ.ศ. 2518 พ.ศ. 2514  เสด็จไปดูการพระศาสนา และการศึกษาในประเทศเนปาล และอินเดีย ปากีสถาน ตะวันออก(บังคลาเทศ) ทำให้เกิดงานฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเนปาล  ในขั้นแรก ได้ให้ทุนภิกษุสามเณรเนปาลมาศึกษาพระพุทธศาสนาในไทย ที่วัดบวรนิเวศ ฯพ.ศ. 2520  เสด็จไปบรรพชาชาวอินโดนีเซีย จำนวน 43 คน ที่เมืองสมารัง ตามคำอาราธนาของคณะสงฆ์เถรวาทอินโดนีเซียพ.ศ. 2528  ทรงเป็นประธานคณะสงฆ์ ไปประกอบพิธีผูกพัทธสีมาอุโบสถ วัดจาการ์ต้าธรรมจักรชัย  ณ ประเทศอินโดนีเซีย นับเป็นการผูกพันธสีมาอุโบสถวัดพระพุทธศาสนาเถรวาท เป็นครั้งแรกของประเทศอินโดนีเซียและในปีเดียวกันนี้ ได้เสด็จไปเป็นประธานบรรพชา กุลบุตรศากย  แห่งเนปาล จำนวน 73 คน ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล พ.ศ. 2536  เสด็จไปเจริญศาสนาสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน เป็นครั้งแรก ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำกราบทูลอาราธนาของรัฐบาลจีนพ.ศ. 2538  เสด็จไปเป็นประธาน วางศิลาฤกษ์วัดไทย ณ ลุมพินี ประเทศเนปาล ซึ่งรัฐบาลไทยจัดสร้างถวายเป็นพุทธบูชา และเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาศทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี

28#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-29 08:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ด้านสาธารณูปการ  ได้ทรงบูรณะซ่อมสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุอันเป็นสาธารณประโยชน์เป็นจำนวนมาก กล่าวคือปูชนียสถาน   ได้แก่  มณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง พระเจดีย์ วัดบวรนิเวศ ฯ พระบรมธาตุ เจดีย์ศรีนครินทรมหาสันติคีรีดอยแม่สลอง พระอาราม   ได้แก่ วัดสันติคีรี ดอยแม่สลอง เชียงราย  วัดรัชดาภิเศก อำเภอบ่อพลอย กาญจนบุรี  วัดล้านนาสังวรารามอำเภอจอมทอง เชียงใหม่  วัดพุมุด อำเภอไทรโยค กาญจนบุรี  วัดญาณสังวราราม อำเภอบางละมุงชลบุรี นอกจากนั้นยังทรงอุปถัมภ์วัดไทยในต่างประเทศอีกหลายแห่งคือ วัดพุทธรังสี นครซิดนีย์ออสเตรเลีย วัดจาการ์ตาธรรมจักรชัย กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย  วัดนครมณฑปศรีกีรติวิหาร เมืองกิรติปูร เนปาล โรงเรียน   ได้แก่  โรงเรียนมัธยมญาณสังวร ยโสธร โรงเรียนสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต กาญจนบุรี
โรงพยาบาล   ได้แก่  การสร้างตึกวชิรญาณวงศ์ ตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาล และตึก ภปร. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์โรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต กาญจนบุรี โรงพยาบาลวัดญาณสังวราราม ชลบุรี  และโรงพยาบาลสกลมหาสังฆปรินายก เพื่อถวายเป็นอนุสรณ์ แด่สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทุกพระองค์ รวม  19  แห่ง  ได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วหลายแห่ง พระนิพนธ์     ทรงนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ไว้เป็นอันมาก  ทั้งที่เป็นตำรา  พระธรรมเทศนา  และทั่วไป พอประมวลได้ดังนี้ ประเภทตำรา   ทรงเรียบเรียงวากยสัมพันธ์ ภาค 1-2 สำหรับใช้เป็นหนังสือประกอบการศึกษาของนักเรียนบาลี และทรงอำนวยการจัดทำ ปทานุกรม บาลี  ไทย อังกฤษ สันสกฤต ฉบับพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระจันทรบุรีนฤนาถ ประเภทพระธรรมเทศนา    มีอยู่เป็นจำนวนมาก เท่าที่พิมพ์เป็นเล่มแล้วเช่น ปัญจคุณ 5 กัณฑ์  ทศพลญาณ10 กัณฑ์  มงคลเทศนา  โอวาทปาฎิโมข์ 3 กัณฑ์  สังฆคุณ 9 กัณฑ์ เป็นต้น ประเภทงานแปลเป็นภาษาต่างประเทศ  ทรงริเริ่มและดำเนินการให้แปลตำราทางพุทธศาสนา จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการศึกษาพระพุทธศาสนา  เช่น  นวโกวาท  วินัยมุข  พุทธประวัติ  ภิกขุปาติโมกข์  อุปสมบทวิธี และทำวัตรสวดมนต์ เป็นต้น ประเภททั่วไป    มีอยู่เป็นจำนวนมาก  เช่น การนับถือพระพุทธศาสนา  หลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าของเรานั้นท่านล้ำเลิศ 45 พรรษาพระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าสั่งสอนอะไร  (ไทย-อังกฤษ)  วิธีปฎิบัติตนให้ถูกต้องทางธรรมะ พระพุทธศาสนากับสังคมไทย เรื่องกรรม ศีล (ไทย-อังกฤษ)  แนวปฎิบัติในสติปัฎฐาน อาหุเณยโย  อวิชชา  สันโดษ  หลักธรรมสำหรับการปฎิบัติอบรมจิต การบริหารจิตสำหรับผู้ใหญ่  บัณฑิตกับโลกธรรม แนวความเชื่อ  บวชดี  บุพการี-กตัญญูกตเวที  คำกลอนนิราศสังขาร  และตำนาน วัดบวรนิเวศ เป็นต้น


ที่มา http://www1.tv5.co.th/service/mo ... cardinal/index7.htm

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้