ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ปู่ฤาษี 108 ตน

[คัดลอกลิงก์]
91#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 09:55 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


85.พระฤษีคาวินท์
    พระฤษีองค์นี้ก็มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับรามเกียรติ์อีกท่านเป็นพระฤษีที่ชรามากบำเพ็ญตบะอยู่ในป่าด้วยความมุ่งมั่นเคร่งในการปฏิบัติ
    วันหนึ่ง วานรนิลราช ในขบวนการทหารของพระรามเข้ามาถึงอาศรม ใน
ขณะที่พระฤษีกำลังหลับตาเข้าฌานอยู่ ด้วยความซุกซนของวานรและมีนิ
สัยสนุกสนานคึกคะนอง มองเห็นไม้เท้าของพระฤษีวางอยู่ข้างๆ ก็คิดจะแกล้งล้อพระฤษี จึงได้ขโมยไม้เท้าไปซ่อนไว้ เมื่อพระฤษีออกจากฌานแล้วก็หาไม้เท้าไม่พบ จึงโกรธ นิลราชแล้วจึงสาปไปว่า ไม่ว่านิลราชจะทิ้งอะไรลงไปในทะเลหรือว่ามหาสมุทร สิ่งของนั้นจะต้องจมนิ่งอยู่กับที่ จะไม่มีการลอยหรือขยับเขยื้อนไปทางไหนจนกว่าจะได้รับใช้อาสาทำงานให้กับพระรามเมื่อไหร่ จึงจะพ้นคำสาป
    ก็นับว่าไม่เบาเลยทีเดียวสำหรับฤทธาศักดานุภาพของพระฤษีคาวินท์พระ
องค์นี้.....
    พระฤษีคาวินท์ สวมชฎาดอกลำโพงสีกลัก นิลราชได้นำไม้เท้าไปซ่อนใน
น้ำด้วยนึกสนุก พระฤษีจึงสาปว่าหากนำสิ่งใดทิ้งในน้ำก็ขอให้ของสิ่งนั้นจม
อยู่กับที่ เมื่อพระรามจองถนนจึงให้นิลราชรับก้อนหิน นำไปถมเพียงผู้เดียว
จึงพ้นคำสาป....

หามาลงเยอะมากเลย ขอบคุณครับ
93#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 10:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

86.พระฤษีอินทรปัต
  พระฤษีองค์นี้เป็นชาวเมืองพาราณสี ที่ออกไปบวชตนเป็นพระฤษีบำเพ็ญ
ตบะอยู่ในป่า จนกระทั่งมีความเชี่ยวชาญ ในด้านวิชาความรู้ทั้งอิทธิฤทธิ์และ
บารมี ท่านมีความสามารถที่จะเหาะเหินเดินอากาศไปทุกหนทุกแห่งได้ตาม
ความต้องการอยู่มาวันหนึ่งมีพระโอรศของกษัตริย์ที่ไม่รักในการครอบครองราชสมบัติได้พาพระชายามาอยู่ในป่าหิมพานต์ทางด้านริมฝั่งน้ำพระคงคามหานที เช้าพระโอรสก็ออกไปป่าเพื่อหาผลไม้และเผือกมัน เอามาเก็บเอาไว้บริโภคในเวลาเย็นก็จะเดินกลับมายังที่พัก เป็นอย่างนี้ทุกวัน
วันหนึ่งหลังจากที่พระโอรสออกไปป่าแล้ว นางผู้เป็นพระชายาก็ติดไฟขึ้น
เพื่อจะต้มเผือกมันเอาเก็บไว้ให้พระสวามีได้เสวยเมื่อเวลากลับมาในตอนเย็น ควันที่ก่อไฟนั้นได้กระจายเกลื่อนขึ้นไปในอากาศ เป็นขณะเดียวกันกับที่พระฤษีอินทรปัตเหาะมาทางนั้นพอดีก็รู้ว่าในบริเวณนี้มีคนอยู่จึงเหาะลงมาเพื่อหวังจะได้พักเหนื่อย นางที่กำลังต้มเผือกอยู่นั้นก็มีความยินดี จึงต้อนรับพระฤษีพร้อมทั้งนำผลไม้เผือกมันมาถวายให้กับพระฤษีฉัน ด้วยว่านางนั้นมีรูปร่างสวยงามบาดตาบาดใจพระฤษียิ่งนัก จึงฉันไปพลางคุยไปพลางและก็มองไปพลาง จึงมีความคิดเตลิดเปิดเปิงไปในทางที่ผิดศีลธรรมเนื่องด้วยเกิดกิเลสตัณหาขึ้นมาแทรกแซงเพียงแค่คิดเท่านั้นก็ยังทำให้บารมีฌานของพระฤษีนั้นเสื่อมถอยลงไปได้

94#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 10:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้นว่าฉันอิ่มแล้วก็ยังไม่ค่อยอยากจะออกไปจากที่นั้น ยังนั่งคุยกับนางอยู่นานจนกระทั่งเย็นก็ยังไม่ยอมไป ได้เวลาพระโอรสผู้เป็นพระสวามีของนางนำเอาผลไม้กลับมาจากป่า พระฤษีเห็นเช่นนั้นก็ลุกหนีไปส่วนพระโอรสก็จะแกล้งพระฤษี จึงทำเป็นหยิบดาบ แล้ววิ่งไล่กวด พระฤษีเห็นเช่นนั้นก็ตกใจคิดว่าภัยจะมาถึงตัวแน่ๆ จึงตั้งท่าหมายจะเหาะทะยานหนีขึ้นไปในอากาศ แต่ด้วยอำนาจของกิเลสและตัณหาราคะปกคลุมอยู่ในใจจึงทำให้ฌานบารมีเสื่อม ในขณะที่จะกระโดดขึ้นไปจึงเหาะไม่ได้เหมือนอย่างแต่ก่อน จึงหล่นตูมลงไปในแม่น้ำพระคงคามหานทีนั่นเอง แต่เดชะที่ยังมีบารมีมากอยู่จึงไม่จมน้ำ ยังคงยืนนิ่งอยู่ในน้ำนั้นได้ เมื่อพระโอรสเห็นดังนั้นก็ให้นึกขำจึงกล่าวขึ้นมาดังๆว่า'ดูเถอะผู้ทรงศีลผู้มีบารมีมากๆ ในขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ยังมาปล่อยใจให้กิเลสมันมาครอบคลุมจิตใจเอาไว้ได้ เมื่อพบกับสิ่งที่ยั่วยวนก็อดใจไม่อยู่ เผลอไผลหลงลืมตัวจนกระทั่งฌานเสื่อม ตบะแตกป่นปี้ มันน่าขำสิ้นดี'  พระฤษีได้ฟังเช่นนั้นก็ระลึกถึงตัวเองได้ จึงสำรวมกิริยาให้เป็นปกติ แล้วในที่สุดฌานบารมีของพระฤษีก็กลับมาเหมือนเดิม แล้วจึงเหาะขึ้นไปในอากาศทะยานหนีไปโดยเร็ว

          พระโอรสเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทรงระลึกได้ว่าสิ่งยั่วยวนทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันไม่จีรังยั่งยืนมีแต่ทางเสื่อมเสีย มีแต่ความมืดทั้งแปดด้านอย่างเช่นพระฤษี เมื่อมาพบหญิงงามเข้าแล้ว ถึงกับต้องทำให้ตบะแตกฌานเสื่อมลงไปนั่นมันเป็นเพราะอะไรมิใช่สิ่งนี้หรอกหรือเมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วพระโอรส
จึงพานางผู้เป็นพระชายากลับไปส่งให้อยู่ในเมืองตามถิ่นฐานบ้านเดิมของนางแล้วพระองค์เองก็มุ่งหน้าไปสู่ป่าหิมพานต์อีกครั้ง แล้วจึงบวชตนเป็นพระฤษีถือเพศพรหมจรรย์ บำเพ็ญตบะ สร้างบารมีอยู่ในป่า แห่งนั้นตลอดจนชั่วอายุขัย.....

95#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 10:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


87.พระฤษีกสิรมุนี ท่านผู้นี้เคยเป็นข้าราชบริพาร ของท่านท้าวพรหมทัตแห่ง
เมืองพาราณสี ที่เกิดความเบื่อหน่ายในทางโลก จึงสละโลกภายนอกออกบวชเป็นพระฤษี บำเพ็ญตบะอยู่ในป่าหิมพานต์ พร้อมทั้งน้องชายอีก ๓ คน ก็พากันไปบวชเป็นพระฤษีทั้งหมด

96#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 10:51 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


88.พระฤษีวชิรามุนี ผู้ที่เป็นน้องรองจากกสิร ก็ลาท่านท้าวพรหมทัตติดตาม
พี่ชายมาบวชเป็นพระฤษีด้วย บำเพ็ญตบะอยู่ในป่าหิมพานต์เช่นเดียวกัน

97#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 10:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


89.พระฤษีวาโปนะมุนี ผู้นี้ก็เป็นน้องรองจากวชิราลงมา ก็มีความเห็นชอบ
ในทางธรรมว่าเป็นความสว่างในภายหน้า จึงออกมาบำเพ็ญตบะในเพศพระ
ฤษีอีกผู้หนึ่ง

98#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 11:01 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


90.พระฤษีมกันติมุนี ผู้นี้เป็นน้องคนสุดท้องในจำนวน ๔ คน ก็เห็นดีเห็นงาม
ในเพศสมณะจึงสละทางโลกเข้ามาพึ่งทางธรรม บวชตนเป็นพระฤษีกับเขาบ้าง

99#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 11:02 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระฤษีกสิรมุนี,พระฤษีวชิรามุนี,พระฤษีวาโปนะมุนี,พระฤษีมกันติมุนี

    แรกเริ่มเดิมทีทั้ง ๔ คน พี่น้องก็เป็นพราหมณ์ประจำสำนักของท่านท้าว
พรหมทัต แห่งเมืองพาราณสี แต่มีความคิดว่าการอยู่เป็นพราหมณ์รับราชการอยู่นั้น สิ่งที่ได้มันทำให้สุขกายสบายใจก็จริงอยู่ แต่มันก็เป็นเพียงความสุขได้เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น มันเป็นการโกหกหลอกลวงทั้งนั้น เหมือนกับการแสดงโขน ละครที่ครอบเอาไว้ด้วยหัวต่างๆ ที่เรียกว่า'หัวโขน' จึงได้มียศมีอำนาจสูง และจะครอบให้เป็นอะไรก็ได้ แต่ครั้นแสดงจบแล้วก็จะต้องถอดหัวโขนนั้นออก มันก็คือคนธรรมดาไม่มีอำนาจ ไม่มีฤทธิ์เหมือนอย่างที่มีหัวโขนสวมอยู่ ก็จะต้องเดินดินกินข้าวแกงต่อไป มันไม่มีความสว่างไสวที่จะส่องนำทางไปยังโลกหน้าได้เลย หากหลงงมงายติดอยู่ในกองกิเลสอย่างที่เป็นและที่เห็นกันอยู่จำเจแล้ว ก็คงไม่มีทางหลุดพ้นไปได้เลย
    เมื่อทั้ง ๔ พราหมณ์พี่น้องตกลงกันดังนั้นแล้ว ก็พากันขึ้นไปกราบทูลลา
ออกจากข้าราชการ แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าหิมพานต์ ต่างฝ่ายต่างสร้างอาศรม
แล้วสำรวมใจบำเพ็ญธรรมประโยชน์กันอย่างมุ่งมั่นและตั้งใจ จึงมีความอด
ทนเป็นที่ตั้ง ทั้งมานะพยายามหวังว่าจะต้องกระทำให้สำเร็จ
    ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็ย่อมอยู่ที่นั่น ทั้ง ๔ พระฤษีจึงได้
สำเร็จในอภิญญาฌานกันทั้งหมด แต่ก็ยังมิได้เพียงพอยังคงปฏิบัติกันต่อ
ไปไม่หยุดยั้ง    เวลาผ่านล่วงเลยไป จนกระทั่งพระฤษีกสิร พระฤษีผู้พี่ใหญ่ก็ได้ถึงกาลกิริยา ดับขันธ์ทิ้งร่างกายขึ้นไปบังเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในเทวโลก แต่เทพบุตรนั้นก็ยังมีความรำลึกนึกถึงน้องชายในอดีตชาติทั้ง ๓ อยู่ทุกขณะ จึงลงมาเยี่ยมพระฤษีที่เป็นน้องทั้ง ๓ เป็นประจำทุกวันมิได้ขาด คงปฏิบัติเช่นนั้นตลอดมา
    ต่อมาพระฤษีวชิรามุนีก็เกิดเป็นโรคแทรกแซงขึ้นมา มีอาการหนาวสั่น
จนกระทั่งร่างกายผอมแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแต่ก็ยังมีความเพียร
ในการบำเพ็ญไม่ยอมเลิกล้ม
    ฝ่ายเทพบุตรผู้เป็นพี่ใหญ่ในอดีต ก็ลงมาหาอีกเช่นเคย เมื่อเห็นอาการ
ของพระฤษีผู้ที่เคยเป็นน้องเช่นนั้นก็มีจิตสงสาร จึงประทานขวานเพชรอัน
ศักดิ์สิทธิ์ให้กับพระฤษีวชิรามุนีแล้วสั่งว่า จงเก็บรักษาขวานเพชรกายสิทธิ์
เล่มนี้เอาไว้ให้ดีจะใช้ให้ไปหาฟืนมาสุมไฟผิงกันหนาวก็ได้ หรือว่าจะใช้ให้
ไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เทพบุตรสั่งเสร็จก็รีบเหาะกลับไปวิมานในสวรรค์ พระ
ฤษีวชิรามุนีก็ค่อยมีความสุขสดชื่นขึ้นมาได้ แล้วมุ่งมั่นในการบำเพ็ญตบะ
ต่อไป

100#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-5-17 11:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ต่อมาอีกวันเทพบุตรก็ลงมาเยี่ยมน้องชายอีกคนที่ชื่อพระฤษีวาโปนะ
พร้อมทั้งถามว่า มีความเดือดร้อนในเรื่องอันใดบ้าง พระฤษีก็บอกว่า ความ
เป็นอยู่ในที่นี้ก็สบายดีอยู่หรอก แต่ทว่าในป่านี้มีความกันดารมาก จึงขาดแคลนอาหารที่จะบริโภค เทพบุตรจึงประทานหม้อทิพย์ให้กับพระฤษีแล้วสั่งว่าถ้าหากต้องการนมข้นหรือเนยใส ก็ให้อธิษฐานแล้วคว่ำหม้อกายสิทธิ์นี้ลงไปต้องการสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะไหลออกมาจากหม้อไม่หยุด จนกว่าจะสั่งว่าพอ
สั่งพระฤษีเสร็จแล้วเทพบุตรก็เหาะกลับสวรรค์ไป
    วันต่อมา เทพบุตรก็เหาะลงมาหาพระฤษีมกันติผู้มีอดีตเป็นน้องคนสุดท้องแล้วก็ถามว่ามีความเดือดร้อนอะไรบ้าง พระฤษีก็บอกว่าเป็นดินแดนแห่งป่าหิมพานต์ก็มีแต่ความสงบเงียบสงัด แต่ว่าอาศรมนี้อยู่ห่างไกลจากผู้อื่น จึงเดือดร้อนแต่เรื่องสัตว์ร้ายที่จะคอยมารบกวนเท่านั้น เทพบุตรจึงมอบกระดิ่งวิเศษให้กันพระฤษี แล้วสั่งว่าหากมีสัตว์ร้ายเข้ามารบกวนก็จงเขย่ากระดิ่งนี้ขึ้นแล้วสัตว์เหล่านั้นมันก็จะตกใจกลัวแล้วพากันหนีไป และศัตรูที่ร้ายๆ เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งนี้แล้วก็จะต้องอ่อนน้อมยอมเป็นมิตรและบรวารของเราแต่จงอย่าใช้ในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล ภัยมันจะเกิดขึ้นมาได้ ว่าแล้วเทพบุตรก็เหาะกลับสวรรค์เช่นเคย
    นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระฤษีทั้ง ๓ พี่น้องก็มีแต่ความสุขสะดวกสบายใน
การบำเพ็ญตบะ เพราะมีของกายสิทธิ์คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา....
              พระฤษีพระองค์นี้มีอิทธิฤทธิ์และบารมีสูงส่ง เป็นพระอาจารย์ของทศกัณฑ์ เดิมทีพระฤษีองค์นี้ ก็เป็นวงค์พรหมอีกองค์หนึ่งซึ่งได้ลงมาบำเพ็ญตบะสร้างบารมีอยู่ในโลกมนุษย์(ในรามเกียรติ์เรียกว่าพระฤษีโคบุตร)
    ทศกัณฑ์ได้ร่ำเรียนวิชาจากพระฤษีเศรษฐบุตรจนเก่งกล้าสามารถ มีความชำนาญทั้งคาถาอาคมเวทย์มนตร์อันขลังและศักดิ์สิทธิ์สามารถกำบังกายหายตัวได้ จะย่อตัวให้เล็กลงก็ได้ จะทำให้ตัวใหญ่เท่ากับภูเขาก็ได้ และจะแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นตามความต้องการ และยังสอนให้ยิงธนูเก่งอีกด้วย   ในครั้งหนึ่งทศกัณฑ์ได้ร่ำลาพระฤษีเที่ยวเล่นไปในป่า ด้วยการเหาะขึ้นไปในอากาศจนกระทั่งมาถึงนคร มหิษมดี ในแคว้นไหหัยชนบท พบสวนดอกไม้ของอรชุนก็เหาะลงไปในอุทยานนั้นแล้วจึงเที่ยวเก็บดอกไม้และผลไม้เล่นเป็นที่สนุกสนานด้วยความซุกซนและฮึกเหิม ด้วยยังเป็นวัยรุ่นที่มีจิตใจภาลสันดาลต่ำ จึงกลั่นแกล้งหักต้นไม้ ถอนต้นไม้ในสวนนั้นอย่างสนุกมือ
    ในขณะนั้นก็พอดีพระอรชุนออกมาในอุทยานและพบว่าทศกัณฑ์หักต้นไม้เล่นทำให้ได้รับความเสียหาย ท้าวอรชุนก็โกรธจึงเข้ามาต่อว่า แต่แทนที่ทศกัณฑ์จะเกรงกลัวกลับหยิ่งยโสโอหัง ในที่สุดก็เกิดการต่อสู่กันขึ้นทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความสามารถด้วยกันทั้งคู่จึงสู้กันอยู่เป็นนานและแล้วในที่สุดท่านท้าวพันมือ(อรชุนมีมือถึงพันมือ)ได้ทีจึงแผลงศรพญานาคเข้าไปมัดทศกัณฑ์ ถึงแม้ว่าจะดิ้นรนหรือใช้คาถาอาคมในการแก้มัดก็ไม่สำเร็จ เพราะพระอรชุนเก่งกว่าจึงจับตัวทศกัณฑ์พาไปตระเวนไปในอากาศเพื่อที่จะประจานให้ใครๆได้รับรู้ในความชั่วช้าเลวทรามของทศกัณฑ์ ในระหว่างนั้นก็บันดาลให้เสียงกึกก้องกัมปนาทบนท้องฟ้า ตามระยะทางที่ท้าวอรชุนพาทศกัณฑ์เหาะมาทั้งแผ่นฟ้าสะท้านสะเทือนไปตลอดทาง

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้