แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2018-1-22 07:10
อภินิหาร สีผึ้งสัมพันธ์ตึง พระขุนแผนไก่แก่ฯ
หลังจากหลวงพ่อสร้างพระขุนแผนประจัญบานแล้วก็ไม่สร้างอะไรอีกหลายปีและก็ไม่รับแขกด้วย หลวงพ่อเข้าไปอยู่ในป่าห่างวัดหลายร้อยวา พระกับชาวบ้านต้องตามไปสร้างกุฏิให้ท่านที่ในป่าและผัดกันเอาข้าวปลาอาหารไปถวาย
ปี พ.ศ.๒๔๙๐ หลวงพ่อก็ออกจากป่ามาอยู่วัดตามปกติหลังจากหลวงพ่อออกจากป่ามาแล้วท่านก็เปลี่ยนแนวการสร้างวัตถุมงคลทางคงกระพันชาตรี มาเป็นทางเมตตา ในปีดังกล่าวหลวงพ่อได้ทำ สีผึ้งสัมพันธ์ตึง และสร้าง พระขุนแผนไก่แม่ปลาช่อน แจกจ่าย
เวลามีคนมาขอหรือบูชา สีผึ้งสัมพันธ์ตึงกับหลวงพ่อ ผู้หญิง หลวงพ่อจะให้รับสีผึ้งมือซ้าย ผู้ชายจะให้รับมือขวา เมื่อรับแล้วจะให้ยื่นมือข้างที่รับออกไปจนสุดแขน และให้ดมที่มืออีกข้างหนึ่งถ้าใครไม่ได้กลิ่นสีผึ้งหอมผ่านมาที่มืออีกข้างหนึ่งไม่ต้องเอาไป แต่ก็ปรากฏว่าทุกคน ที่ได้รับสีผึ้งก็จะได้กลิ่นหอม ผ่านมือผ่านแขน มาอีกข้างหนึ่ง
หลังจากหลวงพ่อแจกสีผึ้งสัมพันตึง และพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนได้ไปประมาณสองเดือน ก็เริ่มมีญาติโยมมาต่อว่าหลวงพ่อ ถึงอภินิหารสีผึ้งสัมพันตึง และพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน ซึ่งก้มีการต่อว่าซึ่งไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก โดยเฉพาะโยมผู้หญิงซึ่งไม่ชอบใจเลยกับสีผึ้งสัมพันตึง และขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน มีโยมผู้หญิงหลายคนที่แอบขโมยสีผึ้ง และขุนแผนดังกล่าวของโยมผู้ชายมาคืนหลวงพ่อ และยิ่งนานวันก้อมีโยมผู้หญิงมาต่อว่ามากขึ้น จนวันหนึ่งคุณนายของท่านสำราญ เครือนิล และคุณนายปลัดแสวง นำภัตตาหารเพลมาถวายหลวงพ่อ และก้อต่อว่าหลวงพ่อถึงเรื่องความขลังของสีผึ้งสัมพันตึง กับพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน เมื่อคุณนายทั้งสองกลับไปแล้ว หลวงพ่อก้อพูดกับผมว่า
"คือสิบ่เข้าท่าแล้วละ เจ้าจำปีเอ๊ย บ่คึดว่ามันสิขลังปานนี่หน่ะ"
<คงไม่ได้การแล้วนะเจ้าจำปี ไม่คิดว่ามันจะขลังขนาดนี้>
และคืนวันนั้นหลังจากพระลูกวัดเข้าห้องจำวัดกันหมดแล้ว หลวงพ่อท่านก้อนั่งสมาธิหน้าพระประธานที่ใช้ทำวัดสวดมนต์ประจำ ผมรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่เหนหลวงพ่อนั่งสมาธิตรงนั้น เพราะปกติหลวงพ่อจะนั่งสมาธิในห้องของท่าน
พอตีสี่ผมก้อตื่นขึ้นมาตีระฆังทำวัตรเช้าตามกิจวัตรที่เคยปฏิบัติมา เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก้อมาจุดเทียนหน้าพระประธานที่ทำวัตรสวดมนต์ พอแสงไฟจาเเปลวเทียนสว่างขึ้น ผมต้องแปลกใจเมื่อเหนตลับสีผึ้งหลากหลายรูปแบบ และพระขุนแผนกองอยู่บนเสื่อ หน้าพระประธ่นที่หลวงพ่อนั่งสมาธิเมื่อคืนนี้เปนจำนวนมาก ผมจึงพูดกับพระลูกวัดด้วยกันว่า "หลวงพ่อเอาสีผึ้งกับพระขุนแผนมาจากไหนอีก ก้อแจกจ่ายไปหมดแล้วนี่นาทำไมเหลือมากขนาดนี้" แต่พอพิจารณาดูก้อรู้ว่าเปนสีผึ้งและพระขุนแผนที่แจกญาติโยมไปแล้วนั่นเอง ผมขนลุกไปทั้งตัวจนต้องยกมือขึ้นกุมหัว
เหมือนคนหวาดเสียวสุดขีด<ขนลุกขนชัน>แม้ตอนเสือขาวยกปืนยิงใส่หลวงพ่อก้อไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนหลวงพ่อเรียกงัวโยมโสมขึ้นจากหล่มก้อไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนเอาไม้เท้าหวายทิ่มพุงโยมลาให้ฟื้นจากงูจงอางกัดก้อไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนช้างพวกอโยธยาจับควนฟาดกับพื้นและกระทืบซ้ำก้อไม่รู้สึกอย่างนี้ ตอนเรียกจระเข้ขึ้นจากสระก้อไม่รู้สึกอย่างนี้
เมื่อหลวงพ่อออกจากห้องทำวัตรเช้าผมก็ถามหลวงพ่อว่า ทำไมหลวงพ่อเรียกของกลับคืนมาหมด ทำไมไม่ถอนอาคมเฉย ๆ
หลวงพ่อตอบว่า วิชาอาคมที่ทำลงไปแล้วเขาไม่ถอนกันดอก ถ้าถอนของที่ทำไปแล้วทำครั้งต่อไปก็จะไม่ขลัง หรือของที่ทำแล้วและให้เขาไปหมดแล้ว
ก็ไม่ต้องกลับไปทำซ้ำอีก ต้องทำอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ ดัดแปลงเอาอันเก่านั่นแหละแต่ไม่ทำแบบเก่า ทำของพวกนี้มีพลังเท่าไหร่ต้องอักใส่ให้หมด
หมดแล้วหมดเลย กลับไปทำอีกมันก็ไม่ขลัง เพราะมันหมดแล้วในจุดนั้น ๆ อย่าคิดกลับไปทำอีก นี้คือเคล็ดลับในการทำของขลัง
(เคล็ดลับของแต่ละรูปอาจไม่เหมือนกัน * วินัยธร)
เมื่อทำวัตรสวดมนต์เช้าเสร็จแล้วหลวงพ่อก็ให้ผมกับพระเอาสีผึ้งสัมพันธ์ตึงและพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนไปฝัง พอได้อ่านบันทึกเรื่องนี้แล้ว พระครูวินัยธรจึงสืบหาพระจำปีและได้ทราบจากนายบุญมี บุญเกตุ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังโพรงเข้ปี พ.ศ.๒๕๐๙ – พ.ศ.๒๕๑๓ ว่าพระจำปีได้ลาสิกขาไปเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ ปัจจุบันไปอยู่ที่บ้านหินตุ้ม อำเภอบ้านไร่จังหวัดอุทัยธานี พระครูวินัยธรจึงไปสืบหาและได้พบอดีตพระจำปีซึ่งมีอายุถึง ๘๒ ปี พระครูวินัยธร จึงถามถึงเรื่องสมุดบันทึกประวัติหลวงปู่หล้า ซึ้งปู่จำปียังจำได้ดีว่าท่านเคยบันทึกไว้จริง เมื่อถามถึงเรื่องหลวงปู่หล้าให้ฝังสีผึ้งกับพระขุนแผนปู่จำปีตอบว่าจริงและบอกสถานที่ฝังคือโคนต้นมะขามที่เสือขาวทดลองยิงหลวงปู่หล้า พอกลับมาวัดพระครูวินัยธรจึงให้พระลูกวัดช่วยกันขุดดู ขุดลึกลงไปประมาณ ๖๐ เซนติเมตรก็พบพระขุนแผนและตลับสีผึ้งเป็นจำนวนมาก พระขุนแผนเกือบจะทั้งหมดแตกหักและเปื่อยยุ่ย ที่ยังสมบูรณ์อยู่มีเพียง ๓๔ องค์เท่านั้น ส่วนพระที่แตกหักรวมได้ประมาณสี่บาตร พระครูวินัยธรเอาฝังไว้ที่ฐานพระประธานโบสถ์รวมทั้งตลับสีผึ้งซึ้งเนื้อในมีสภาพเป็นดินหมดฝังรวมไว้ด้วยกัน ในโอกาสต่อไปอาจจะได้นำเอาพระขุนแผนที่สมบูรณ์ทั้ง ๓๔ องค์ขึ้นมาให้เช่าบูชา และพระขุนแผนที่แตกหักขึ้นมาบดทำใหม่ รวมทั้งจะกลั่นกรองเอาเศษสีผึ้งมาเป็นมวลสารในการทำสีผึ้งสัมพันธ์ตึงขึ้นใหม่อีกด้วย
ท่านที่สนใจชื่นชอบของเก่าคอยติดตามชมพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนใน วัตถุอาถรรพ์ ซึ่งจะนำเสนอเร็ว ๆ นี้
หลังจากหลวงปู่หล้าได้เรียกของคือพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อน และสีผึ้งสัมพันธ์ตึงกลับคืนมาเพราะเหตุแห่งปาฏิหาริย์ของวัตถุมงคลดังกล่าวสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่มีลูกหญิงลูกชายที่ยังไม่ควรแก่การมีครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่บ้านที่มีอุดมการณ์อย่างหนึ่งที่เหมือน ๆ กันทั้งโลกคือ เสียทองท่วมหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร ต่างก็โล่งใจที่ได้ทราบข่าวนี้ ผู้คนก็ต่างพากันก็อัศจรรย์ใจในคุณวิเศษของหลวงปู่ ที่เรียกของคือพระขุนแผนไก่แก่แม่ปลาช่อนและสีผึ้งสัมพันธ์ตึงนับพันชิ้นซึ่งตกอยู่ทั่วสารทิศกลับคืนมาได้หมด การสร้างปาฏิหาริย์ของหลวงปู่หล้าในครั้งนี้ ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงปู่แผ่กระจายไปทั่วเขตอำเภอโคกสำโรง แม้วัดหลวงปู่หล้าจะอยู่กลางป่าไม่มีถนนสำหรับวิ่งแต่ผู้คนในตัวอำเภอโคกโรง และอำเภอใกล้เคียงต่างก็ดั้นด้นเดินเท้า เพื่อมานมัสการขอของดีกับหลวงปู่เสมอตลอดมา
|