ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระ ประธาน

[คัดลอกลิงก์]
81#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:07 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระพุทธสิหิงค์ พระบรมธาตุเจดีย์
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช



พระพุทธสิหิงค์



พระประธาน
82#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พระบรมธาตุเจดีย์

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ดู VDO พระธาตุฯ

ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง วัดพระมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชั้นวรมหาวิหาร เดิมชื่อวัดพระบรมธาตุ เป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของ ภาคใต้และประเทศไทย ตามตำนานพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
ตามตำนานกล่าวว่า พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาสู่หาดทรายแก้ว โดยนางเหมชาลาฒ และพระธนกุมาร เมื่อประมาณปี พ.ศ.๘๓๔ จึงได้สร้างพระบรมธาตุ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ผู้ปกครองเมืองนครศรีธรรมราช จะก่อสร้างตกแต่งเพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อสร้างสมความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อองค์พระบรมธาตุเช่น สมัยศรีวิชัยได้สร้างเป็นเจดีย์ทรงศรีวิชัย ต่อมาในรัชสมัยพระเจ้าจันทรภาณุ เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๗๙๐ ได้ทรงสร้างเป็นเจดีย์ทรงลังกาครอบองค์เจดีย์เดิมแบบศรีวิชัยไว้ภายใน

สถานที่ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว ท่องเที่ยว
เจดีย์
ท่องเที่ยว

พระบรมธาตุเจดีย์ ประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นปูชนียสถานอันเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงสุดของชาวนครศรีธรรมราช และชาวใต้ทั้งปวง ไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่นอนเกี่ยวกับประวัติการสร้างตามตำนานกล่าวว่า พระเจดีย์องค์เดิมสร้างตามความเชื่อของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๓๐๐ สมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัย ต่อมาเมื่อได้มีการติดต่อสัมพันธ์กับพระภิกษุลังกา โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมราช ได้นิมนต์พระภิกษุลังกามาตั้งคณะสงฆ์ในเมืองนครศรีธรรมราชเป็นการสถาปนาพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ในระยะนั้นพระบรมธาตุองค์เดิมชำรุดทรุดโทรมมาก พระภิกษุลังกาจึงได้ช่วยกันบูรณะปฏิสังขรณ์ให้เป็นสถาปัตยกรรมแบบลังกา โดยสร้างพระสถูปแบบลังกาครอบองค์พระเจดีย์เดิม เป็นพระสถูปทรงโอคว่ำปากระฆังติดกับพื้นกำแพงแก้ว ที่มุมกำแพงแก้วมีพระบรมธาตุจำลองประดิษฐานอยู่ทั้งสี่มุม

พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครศรีธรรมราช ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๗๙๓ พระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมราช ได้ยกกองทัพเรือไปตีเมืองลังกาครั้งที่ ๑ ได้พระพุทธสิหิงค์มา จึงได้ฉลองสมโภชรวมกับพระบรมธาตุเจดีย์ เมื่อปี พ.ศ.๑๗๙๓ โดยมีนางพญาเลือดขาวนำเสด็จแทนพระเจ้าจันทรภาณุจากลังกา

พระพุทธสิหิงค์ มีลักษณะทางศิลปกรรมอยู่ในตระกูลช่างแบบนครศรีธรรมราชที่เรียกกันว่า แบบขนมต้ม ประดิษฐานอยู่ในหอพระพุทธสิหิงค์ ในบริเวณวังเจ้านครเก่า ปัจจุบันเป็นศาลากลางจังหวัด เปิดให้ประชาชนได้เข้าไปสักการะบูชาในเวลาราชการทุกวัน

ในวันสงกรานต์ ชาวนครศรีธรรมราชจะอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์แห่ไปยังสนามหน้าเมือง เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำ เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นประจำทุกปี


ที่มา : http://www.thai-tour.com/thai-tour/sout ... hathat.htm
83#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รามเทพ ตอบกลับเมื่อ 2013-12-20 19:41
อยากเห็นพระประธานที่สำนักติคญาโณจังเลย ...

สร้างเป็น ปางนาคปรค คงจะสวยมากครับ
84#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระพุทธศรีสวรรค์ หรือ “หลวงพ่อศรีสวรรค์”
พระประธานในพระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=45692
85#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ประวัติความเป็นมา

วัดวรนาถบรรพต เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดกบ" หรือ "วัดเขากบ" เหตุที่มีชื่อเรียกเช่นนี้ ก็เพราะเรียกตามชื่อของภูเขา ซึ่งวัดนี้ตั้งอยู่เชิงเขากบ หรือมีชื่อเรียกเช่นนี้ก็เพราะเรียกตามชื่อของภูเขาซึ่งวัดนี้ตั้งอยู่เชิงเขากบ หรือมีชื่อเรียกตามหลักฐานในศิลาจารึกสมัยสุโขทัยอีกชื่อหนึ่ง "วัดปากพระบาง" ต่อมาท่านเข้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ ซึ่งสมัยนั้นท่านเป็นเจ้าคณะมณฑล ได้มาตรวจการคณะสงฆ์
จังหวัดนครสวรรค์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัตเห็นว่า "วัดกบ" หรือ "วัดเขากบ" ตั้งอยู่ที่เชิงเขาจึงได้เปลี่ยนชื่อให้ใหม่และเรียกเป็นทางการว่า
"วัดวรนาถบรรพต"อย่างไรก็ตามประชาชน โดยทั่วไปมักเรียกชื่อ วัดกบหรือ วัดเขากบ กันจนติดปากมาจนตราบเท่าทุกวันนี้


วัดวรนาถบรรพต เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งอยู่เชิงเขากบ เลขที่ ๑--๘๘ ถ.ธรรมวิถี ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ดิน ๑๐๙ ไร่ ๑ งาน ๑๐ ตารางวา วัดนี้มีปูชนียวัตถุที่สำคัญได้แก่ เจดีย์ใหญ่สร้างในสมัยสุโขทัยพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ยาวประมาณ ๑๐ วาเศษ อุโบสถหลังเก่าซึ่งมีรูปปั้นตากบ-ยายเขียดที่หลวงพ่อทองสร้างอยู่ด้านหน้า บนยอดเขากบก็เป็นส่วนหนึ่งของวัดมีปูชนียวัตถุที่สำคัญเช่นกันคือรอยพระพุทธบาทสำลอง สมัยสุโขทัยประดิษฐานอยู่ในวิหารเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธรูปหินปางนาคปรก สมัยเชียงแสน เป็นต้นในอดีตวัดวรนาถบรรพต เคยเป็นวัดร้างมีซาก ปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างต่างๆ หลงเหลืออยู่ได้แก่ซุ้มเสมาของอุโบสถซากวิหาร พระพุทธไสยาสน์(พระนอน)เจดีย์ใหญ่และรอยพระพุทธบาทจำลอง บนยอดเขากบสภาพบริเวณวัดเป็นป่าไม้รวกและปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่บริเวณนอกวัดมีคูรอบวัด สันนิษฐานว่า วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ดังปรากฏในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย ๒ หลัก คือ หลักศิลาจารึกหลักที่ ๒๐ มีขนาดสูง ๘๐ ซม. กว้าง๔๗ ซม. หนา ๖ ซม. ผู้ค้นพบคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งค้นพบเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ที่ยอดเขากบปัจจุบันกรมศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดวชิรญาณท่าวาสุกรี กรุงเทพมหานคร(มนต์ชัยเทวัญวโรปกรณ๒๕๒๖ : ๘๑๐) จากข้อความในหลักศิลาจารึกหลักที่ ๒๐ ได้กล่าวถึงพญาบาลเมืองสร้างวัดเขากบ มีเจดีย์วิหารขุดตระพัง ปลูกบัวนานาพรรณเพื่อเป็นพุทธบูชา ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ในรามอาวาส สร้างพุทธปฏิมา ดูงามนักงามหนาในวิหาร เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่พญารามผู้น้อง ซึ่งมาสิ้นพระชนม์ลง ณ เมืองพระบางเมืองพระบางที่กล่าวไว้ในศิลาจารึกคือ เมืองนครสวรรค์ เดิมซากของเมืองตั้งอยู่บนที่ดอนตั้งชายเขาฤาษีลงมาจรดวัดหัวเมืองมุมเมืองอยู่ตรงวัดนั้นยังพอมีแนวแลเห็นเป็นหลักฐานในปัจจุบัน


ที่มา: http://student.nu.ac.th/54311768/%E0%B8 ... B8%95.html



86#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


หลวงพ่อใหญ่ พระประธานในวิหารหลวงพ่อใหญ่
วัดไทรม้าใต้ บ้านไทรม้า ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=26884
87#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:13 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

พระนนทมุนินท์ พระพุทธรูปประจำเมืองนนทบุรี
พระประธานในพระอุโบสถ วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร
หรือวัดปากอ่าว ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=46055
88#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ประวัติวัดบางจาก ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.นนทบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.2365 เดิมวัดบางจากสร้างอยู่ริมคลองบางภูมิ ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด เป็นวัดของชาวรามัญ
เพราะสมัยเมื่อ ชาวมอญอพยพเข้ามาในประเทศไทยได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่อำเภอปากเกร็ด
หลังจากนั้นชาวมอญจึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้น เพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลของประชาชนในแถบนั้น พื้นที่ตั้งของวัดเป็นที่
ราบลุ่มติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านทางทิศใต้ ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะสถานต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นอุโบสถที่มี
ลักษณะทรงไทยสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีกำแพงแก้วล้อมรอบ กฏิสงฆ์ สร้างด้วยไม้ทรงปั้นหยา หอสวดมนต์ สร้างเป็นลักษณะทรงไทยโบราณ


89#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ปัจจุบัน วัดบางจากมี “พระปลัดชูเกียรติ ฐิต คุโณ” เป็นเจ้าอาวาสสมัยนั้น ซึ่งท่านเป็นพระนักพัฒนาดึงชุมชนคน
ในย่านปากเกร็ดเข้ามาวัดเพื่อร่วมกัน พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรื่องตลอดมา โดยทางพระปลัดชูเกียรติได้ร่วมกับ
“หลวงพ่อเปรื่อง เขมปัญโญ” วัดบางจาก พระเกจิอาจารย์ชื่อดังวัตถุมงคลเบี้ยแก้ ตะกรุดโสฬสมงคล
ตะกรุดยันต์เก้าตัว ตะกรุดพิสมร พระปิดตาสายหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี
สร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 19 เมตร สูง 27 เมตร ริมแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นที่บริเวณหน้าวัดบางจาก
ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อไว้เป็นสถานที่ให้ประชาชนเข้าสักการบูชา เป็นสิ่งศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจ
ทางพุทธศาสนา และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา


หลวงพ่อค้ำดวง หลวงพ่อหนุนดวง ก่อนหน้านั้น ทางวัดได้ต่อเติมสร้างอุโบสถเป็น 2 ชั้น เนื่องจากอุโบสถหลังเก่า
มีแค่ชั้นเดียว เวลาถึงฤดูน้ำเมื่อไรน้ำจะไหลท่วมอุโบสถทุกครั้ง ทางวัดเลยให้มีการขุดเจาะฐานอุโบสถ
เพื่อต่อเติมเป็น 2 ชั้น ขณะที่เครื่องขุดเจาะไปกระทบวัตถุแข็งเข้าอย่างหนึ่ง คนงานเลยช่วยกันขุดดินกับทรายออก
จึงพบว่าใต้ฐานอุโบสถเป็นอุโมงค์ โดยเครื่องเจาะไปโดนองค์พระโมคคัลลานะ ทำให้บริเวณใบหน้ากับแขนขวาชำรุด
หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ชาวบ้านพากันมาปิดทององค์พระ พระองค์หนึ่งใต้ฐานอุโบสถมีป้ายชื่อว่า
พระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้าย (พระหนุนดวง) ส่วนอีกองค์หนึ่งระบุชื่อพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา
(พระค้ำดวง) โดยพระทั้ง 2 องค์ตั้งวางไว้ลักษณะคล้ายกำลังค้ำฐานของอุโบสถไว้ นอกจากนี้ยังมีลูกนิมิตกลมแต่
แบนอีก 1 ลูก ตั้งวางอยู่บนโขดหิน ส่วนตลอดทางเดินรอบอุโมงค์ซึ่งเป็นดินเหนียว ปรากฏว่ามีน้ำไหลออกมา
ตลอดทาง ชาวบ้านจึงนำภาชนะมารองและเก็บไปอาบกินที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ทำให้พื้นดิน
เจิ่งนองไปด้วยน้ำ และบางส่วนก็เป็นบ่อขนาดเล็ก ทางวัดต้องนำเครื่องวิดน้ำมาสูบออก แต่ยังมีน้ำไหลเข้ามาเพิ่ม
ตลอดเวลา ทำให้สูบเท่าไรน้ำก็ไม่ลดลงเสียที ทางวัดเลยนำเชือกมากั้นไว้ที่ขอบบ่อ
พร้อมกับเขียนป้ายไว้ว่า “บ่อน้ำพันปี”


คำปรารภของเจ้าอาวาสวัดบางจากในเรื่องของการยกอุโบสถ เนื่องด้วยทางวัดบางจากเป็นที่ลุ่มเมื่อถึงเวลา
น้ำหลากในอุโบสถ จะเต็มไปด้วยน้ำที่ท่วมขังตลอดมา แล้วก็อีกอย่างหนึ่งก็คือ ตอนนี้ทางวัดกำลังปรับปรุง
ภูมิทัศน์รอบหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ ทำให้ทางวัดต้องย้ายเมรุหรือฌาปนสถาน ออกจากหลังบริเวณองค์พระ
มาไว้ที่บริเวณด้านหลังอุโบสถ เมื่อย้ายมาแล้ว พื้นของเมรุจะสูงกว่าพื้นอุโบสถ ไม่น้อยกว่า 3 เมตร
เพื่อที่จะไม่ให้น้ำท่วม อุโบสถที่ตอนนี้ก็ต่ำอยู่แล้วเมื่อเมรุย้ายมาก็ทำให้ต่ำคืออยู่ที่ลุ่มลงไปอีก ดูแล้วไม่เหมาะสม
ไม่สง่างาม อาตมาจึงดำริการยกอุโบสถขึ้นเป็นสองชั้น และก็ได้ตกลงทำสัญญากับผู้รับเหมา
เพื่อที่จะให้เจาะลอดอุโบสถ เพื่อที่จะหาทุนทรัพย์ปัจจัย เพราะทางวัดไม่มีทุนสำรอง ไม่มีเจ้าภาพอุปถัมป
์ เมื่อช่างทำการเจาะอุโบสถแล้วประมาณ 1 เดือน ปรากฏว่าน้ำเหนือไหลหลากมาพอดี ทำให้การขุดเจาะ
ต้องหยุดชะงักลง เมื่อน้ำได้ลงพอสมควรแล้ว อาตมา ผู้เป็นเจ้าอาวาส จึวเร่งช่างให้ขุดเจาะเมื่อเจาะไปใน
กลางอุโบสถ ด้านขวามือ ได้เจอลูกนิมิตลูกเอก ที่แปลกกว่าที่อื่น ก็คือที่เห็นลูกนิมิตไม่กลม เหมือนทั่วไป
จึงสันนิษฐานได้ว่าในสมัยก่อนเครื่องมือเครื่องไม้ไม่ทันสมัย ทำให้ลูกนิมิตไม่กลม เมื่อเจาะไปทางขวมือก
็เจอฐานชุกชี(ฐานพระอุโบสถหลังเก่าที่มีอายุนับร้อยถึงสองร้อยปี) ที่มีสภาพเหมือนแท่นพระทั่วไป
อาตมาคิดว่าภายในน่าจะมีกรุพระถ้ามีหรือขุดเจอจะได้มีทุนทรัพย์มายกอุโบสถหลังใหม่
จนเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 จึงได้ทำการขุดเจาะและก็เจอ เมื่อเวลาประมาณ 3 โมงเย็น แต่ไม่ได้เจอกรุ
เจอสิ่งทีมีค่ายิ่งกว่ากรุ คือเจอองค์ด้านขวามือของเรา เมื่อเจอองค์ที่ 1 ทำให้อาตมาเองและคณะกรรมการม
ีความแปลกใจอัศจรรย์ใจ เป็นอย่างมาก เมื่อเจาะไปอีกด้านหนึ่งก็เจอองค์ที่ 2 อีก ทำให้อาตมายิ่งดีใจ
ว่าท่านคงดลบันดาลใจให้เรามาเจอท่านทั้งที่ฐานพระเก่าไม่น่าจะมีพระฝังอยู่ด้านใน ในตอนนั้นทางทีมงานขุดเจาะ
มีความดีใจ สุขใจ และตื้นตันใจ ว่าสิ่งที่เราเจอต่อให้มีพระกรุเป็นพันเป็นหมื่นองค์ ก็ยังไม่เท่ากับเจอ
หลวงพ่ออัครสาวกทั้งสอง ที่จะเป็นสมบัติคู่วัดบางจากคู่พระพุทธศาสนา ต่อไป อาตมาลองลำดับเหตุการณ์ว่า
วัดบางจากได้มีการพัฒนามาตั้งแต่สมัยใด ท่านอดีตเจ้าอาวาส คือพระครูเกษมจริยาภิรม จนมาถึงอาตมา ได้ทำการ
สร้างพระองค์ใหญ่ โดยมีหลวงพ่อเปรื่อง เขปัญโญ เป็นประธานสร้าง จนองค์พระแล้วเสร็จ อย่างที่เห็นปัจจุบัน
พระพุทธมงคลชัยหรือหลวงพ่อโตท่านคงจะเรียกอัครสาวกของท่านขึ้นมา หรือไม่ก็อัครสาวกเมื่อทราบข่าวการ
สร้างหลวงพ่อโตเสร็จแล้วท่านอยากจะออกมาเอง โดยดลใจอาตมาผู้เป็นเจ้าอาวาสให้ทำการขุดเจาะให้ได้เจอ
อัครสาวกทั้งสอง ฉะนั้น เมือออกมาโปรดพวกเราชาวพุทธหรือชาวบ้านบางจากชาวปากเกร็ดแล้ว
ชาวจังหวัดนนทบุรี หรือทั่วไปทั้งไกลและใกล้ทางวัดโดยพระครุกิตตินนทคุณ เจ้าอาวาสจึงเปิดให้ท่านสธุชน
90#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-12-20 21:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


ได้ชมบารมีและกราบไหว้ขอสิ่งที่ปรารถนา เพราะว่าพระโมคคัลลานะ(หลวงพ่อหนุนดวง)
เป็นผู้อัครสาวกเบื้องซ้าย ท่านเก่งในทางมีฤทธิ์มากส่วนพระสารีบุตร(หลวงพ่อค้ำดวง)ท่านจะมีปัญญามากเป็น
คู่บารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งพุทธกาล เมื่อถึงเวลาอันสมควน ทางวัดก็จะอันเชิญท่านไว้ ณ ที่อันควร
ขอขอบคุณท่านที่ให้กำลังใจอาตมาผู้เป็นเจ้าอาวาสด้วยดีเสมอมา ขอบอบคุณคณะสงฆ์วัดบางจากที่ม
ีหลวงพ่อเปรื่องเป็นประธาน ขอขอบคุณท่านอาจารย์เปี๊ยก(พระครูเกษมจริยาภิรม)ผู้ที่เป็นอาจารย์ของอาตมา
ว่าสิ่งทีอาจารย์สอนในวันนั้น อาตมาผู้เป็นเจ้าอาวาสได้กระทให้เป็นไปแล้วในวันนี้ บุญกุศลใดที่อาตมาและ
ทางวัดได้กระทำขอน้อมนำให้บูรพาจารย์เจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดบางจากและท่านพุทธศานิกชน
ทุกท่านทุกคนเทอญ

ที่มา:http://www.klongpraudom.go.th/bangchark_temple.php
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้