|
พระอาจารย์อุ่น (อุ่นหล้า) ฐิตธมฺโม
๏ พรรษาที่ ๑๗-๑๙
เมื่อออกพรรษาแล้วก็ได้เดินทางกลับมาทางจังหวัดอุดรธานี เข้าไปยังสำนักวัดป่าบ้านตาด และในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ นั้นก็ได้พักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ครั้นออกพรรษาแล้ว ท่านก็ได้เดินทางไปยังวัดราษฎรสงเคราะห์ (วัดป่าหนองแซง) ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ ของ หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ
ครั้นเมื่อพักพอสมควรแล้ว ท่านพระอาจารย์ก็เดินทางต่อไปยังวัดถ้ำกลองเพล ของหลวงปู่ขาว อนาลโย ขณะนั้นท่านพระอาจารย์จวนท่านก็พักอยู่ที่นั่น แล้วท่านก็เลยชวนกันไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ไปด้วยกันก็มี ท่านพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ, ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร, ท่านพระอาจารย์เพียร วิริโย, หลวงพ่อไท และสามเณรอีก ๑ องค์ชื่อ สามเณรคำสี ทีแรกท่านก็ได้นั่งรถ ต่อเมื่อหมดค่ารถแล้วก็เดิน ท่านพูดว่าการเดินทางคราวนี้ลำบากมากเพราะขึ้นๆ ลงๆ ตามเขาระหว่างเมืองเลยต่อนครไท เหน็ดเหนื่อยมากไม่เหมือนเดินตามที่ราบ และเดินทางจนถึงจังหวัดเชียงใหม่โดยนั่งรถบ้าง เดินบ้าง
เมื่อไปถึงเชียงใหม่แล้วก็ได้ไปดูหลายแห่งและพักอยู่นานพอสมควร ท่านว่าทางเชียงใหม่นี้ไม่เป็นที่สบายของท่าน ท่านก็ได้เดินทางกลับอีสานอีกโดยนั่งรถไฟ ตอนที่นั่งรถไฟกลับท่านก็เล่าเรื่องขบขันให้ฟังว่า
มีพระองค์หนึ่งมาคุยด้วย คุยไปหลายเรื่องหลายราว พระองค์นั้นพูดว่าท่านได้ภาษาทุกภาษา ท่านพระอาจารย์คงจะรำคาญหรือท่านคิดจะหยอกเล่นก็ไม่ทราบ ก็พูดภาษาอันหนึ่งขึ้นมา สำเนียงเหมือนสำเนียงภาษาญวน
แต่คำพูดนั้นองค์ท่านพระอาจารย์เองก็ไม่รู้จัก เป็นภาษาป่า พอตกประโยค ท่านพระอาจารย์จวนก็ขึ้นรับเลย สำเนียงคล้ายๆ กัน โดยที่ไม่ได้นัดกันเอาไว้ เมื่อพูดแล้วก็หน้าตาเฉย พระองค์นั้นมองหน้าเพราะท่านติดภาษาป่า ท่านว่าจ้างมันก็ไม่รู้ดอก แม้แต่เราคนพูดเองยังไม่รู้ ท่านว่า
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔-๒๕๐๕ นี้ ท่านจำพรรษาที่บ้านห้วยทรายอีก เมื่อออกพรรษาได้เวลาพอสมควรแล้ว ท่านก็ได้เดินทางมาอุดรธานีอีก เข้าไปที่วัดราษฎรสงเคราะห์ (วัดป่าหนองแซง) ของหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ครั้นพักอยู่ที่วัดราษฎรสงเคราะห์ (วัดป่าหนองแซง) ได้นานพอสมควรแล้ว ก็ได้กราบลาหลวงปู่บัว พาข้าพเจ้า (ท่านพระอาจารย์อุ่น ฐิตธมฺโม) ไปเที่ยววิเวกทางถ้ำจันทร์ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ในระยะนั้นพวกทหารป่า ผกค. กำลังเริ่มระบาด พวกทหารคอยสอดส่องดูแลอยู่ทุกแห่ง ที่ถ้ำจันทร์นั้นแต่ก่อนยังเป็นดงหนาป่าทึบ
|
|