เริ่มต้นจากน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่เป็นกรดไขมันสายปานกลาง ในขณะที่น้ำมันชนิดอื่นมีโมเลกุลที่ยาวกว่านี้ ดังนั้น น้ำมันมะพร้าวจึงมีโมเลกุลที่สั้นกว่าน้ำมันส่วนใหญ่ในโลก จึงดูดซึมง่ายและกลายเป็นพลังงานง่าย และส่งผลโดยตรงทำให้การทำงานของไทรอยด์ฮอร์โมนสูงขึ้นซึ่งทำให้อัตราการเผาผลาญสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว น้ำมันมะพร้าวไม่มีคอเลสเตอรอลเลย เพราะคอเลสเตอรอลนั้นส่วนใหญ่ได้จากสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แต่เมื่อน้ำมันมะพร้าวทำให้อัตราการเผาผลาญสูงของร่างกายสูงขึ้น ตับจึงสังเคราะห์คอเลสเลสเตอรอลตามความต้องการใช้งานของร่างกายด้วยตัวเอง อีกทั้งยังสังเคราะห์ไขมันตัวดี HDL ให้เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกันอีกด้วย
แม้ว่าคอเลสเตอรอลอาจจะสูงขึ้นจากการดื่มน้ำมันมะพร้าว แต่ก็ไม่เป็นอะไรเพราะวันนี้แม้แต่สหรัฐอเมริกาก็ได้ประกาศยอมรับจากผลงานวิจัยจำนวนมาก พบว่า "ระดับของคอเลสเตอรอลไม่ได้สัมพันธ์กับโรคหัวใจแต่อย่างใด" แต่ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ดื่มน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเป็นประจำ เมื่อไปตรวจเลือดแล้วจะพบว่าระดับของไขมันตัวดี HDL สูงขึ้นอย่างมาก ดังนั้น เมื่อนำคอเลสเตอรอลหารด้วย HDL กลับมีอัตราส่วนลดน้อยลงกว่าเดิม (ปกติไม่ควรเกิน 5.0) แปลว่ามีความเสี่ยงในโรคหลอดเลือดหัวใจลดลงไปด้วย ทั้งๆ ที่คอเลสเตอรอลสูงขึ้น ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดเดียวในโลกที่มีคุณสมบัติแบบนี้
คำถามคือ แม้น้ำมันมะพร้าวจะทำให้ความเสี่ยงจากโรคหัวใจลดน้อยลงจากอัตราส่วนของคอเลสเตอรอลหารด้วย HDL แล้วก็ตาม แต่คอเลสเตอรอลสูงขึ้นมันจะดีตรงไหน?
ประการแรก คอเลสเตอรอลมีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะมีสถานะเป็น
"วัตถุดิบอันสำคัญ" ในการผลิตฮอร์โมนเพศชายและหญิง ดังนั้น เมื่อคอลเลสเตอรอลสูงขึ้นจึงแปลว่าเรามีวัตถุดิบในการผลิตฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนต้านการอักเสบ และฮอร์โมนต้านความเครียดสูงมากขึ้นไปด้วย ซึ่งย่อมต้องรวมถึงฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอันเป็นฮอร์โมนเพศชายที่สร้างสมรรถภาพทางเพศ รวมถึงฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่ทำให้มีความเป็นหญิงมากขึ้นตามการสังเคราะห์ของร่างกาย และนั่นหมายถึงว่า
ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง หากมีฮอร์โมนเพศสูงขึ้นจากการสังเคราะห์ตามความต้องการของร่างกายเองโดยไม่ได้รับฮอร์โมนจากภายนอก ผิวพรรณและรูปร่างลักษณะจะแก่ช้าลง และลดอาการวัยทองลงได้