ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5418
ตอบกลับ: 3
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

จักระทั้ง 7 จุด คือจุดที่รับและส่งพลังจักรวาล

[คัดลอกลิงก์]
*จักระทั้ง 7 จุด คือจุดที่รับและส่งพลังจักรวาล *






               * มนุษย์ เราทุกคน เมื่อแรกเริ่มเกิดมา ทุกคนมีพลังจักรวาล พลังสมาธิ พลังจิต ติดตัวมาด้วยกันทุกคน เรียกกันเข้าใจอย่างง่าย ๆ คือ บุญเก่า และกรรมเก่า ในอดีตชาติของแต่ละคน ล้วนถูกสะสมไว้ด้วย กรรมดีและกรรมชั่ว หมุนเวียนติดตามกันไปทุกภพชาติ อยู่ที่ว่า กรรมใด ๆ มากกว่ากัน หากกรรดีมากก็ได้รับผลกรรมดีนั้นก่อนจนกว่าผลกรรมดีนั้นจะหมดก็จะได้รับผลกรรมชั่วที่เคยสะสมไว้ในอดีตชาติ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสสอนให้มนุษย์ทำแต่กรรมดี (แต่ต้องทำอย่างผู้มีสติและใช้ปัญญาด้วย)

                * ในบางคนเคยสร้างทานบารมีไว้มากในอดีต ผลทานนั้นก็ส่งผลให้ในปัจจุบันชาติได้รับความสุขสบายด้านความเป็นอยู่และทรัพย์สินเงินทอง แต่ในบางคนเคยสวดมนต์ไหว้พระเจริญสมาธิมาก จนเกิดพลังจิตในอดีตชาติ พลังเหล่านั้นก็จะติดตามมาส่งผลถึงในปัจจุบันทำให้การฝึกสมาธิได้เร็วไม่เหมือนกัน

               * ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วว่า ทุกคนมีพลังจักรวาลติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด อยู่ที่ว่าเราได้รับกรรมใดก่อน และหากเจอครูบาอาจารย์ที่ดี มีพลังจิตจริง มีเมตตาช่วยชี้แนะให้เราได้จริง เราก็สามารถเปิดหรือนำพลังจักรวาลหรือพลังจิตมาใช้ในปัจจุบันได้



              * วิธีฝึกสมาธิด้วยพลังจักรวาลนั้นจะว่าง่าย ก็ง่าย จะว่ายากก็ยากขึ้นอยู่ที่ตัวเราและในอดีตชาติและจริตของเราด้วย บางคนฝึกสมาธิจิตมานานแต่ไม่ประสพผลอะไรเลย บางคนฝึกสมาธิจิตไม่นานก็สมารถรู้และเข้าใจในพลังนั้น สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นได้

               * ข้อสำคัญในการฝึกสมาธิจิตจะเป็นวิชาด้านใด ควรหาผู้ที่รู้จริง ๆ และตัวเราเองต้องมีอิทธิบาท 4 ด้วย ทำจริงจัง แต่อย่าใจร้อน ไปเรื่อย ๆ ทำ สม่ำเสมอ (เดี๋ยวนี้ หาผู้ที่รู้จริงยาก ส่วนใหญ่อ่านตำรามาแล้วนำสอนกันเสียมาก ไม่เหมือนอย่างครูบาอาจารย์เก่า ๆ ท่านเรียนรู้ด้วยตนเอง ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง แล้วจึงนำความรู้จริงที่ได้มาเผยแพร่หรือสอนให้ผู้อื่นรู้ตามและปฏิบัติตามได้จริงเสมือนดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้

                * ในร่างกายของมนุษย์มีจุด หรือ แหล่งที่สะสม หรือรับและสามารถส่งพลังจิต พลังจักรวาลออกมาได้ โดยจริง ๆ แล้วมีทั้งหมด 10 จุด หรือเรียกเป็นภาษาสันสกฤต ว่า “ จักระ” แต่ในที่นี้จะขอแนะนำ เพียง 7 จุดจักระ






                                                                 

*จักระ 1*

               – อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของไฟศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ เป็นความระลึกรู้ร้อนเร็วจากจักระ 1 ผ่านจักระ 2, 3, 4, 5, 6 และทะลุจักระ 7   
               – เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
               – โดยมากแล้วผู้ฝึกพลังจักรวาล มักถูกห้ามเรื่องกระตุ้นจักระ 1 เพราะมันอันตรายมาก เอาเป็นว่า ถ้ามีวาสนาทราบและเข้าใจถึงจุดจักระ 1 แล้ว จะรู้ในสิ่งที่น้อยคนนักจะรู้
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-8-2 07:08 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
*จักระ 2*


- อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางแห่งพลังทางเพศ และความเชื่อมั่นในตนเอง ทำหน้าที่ควบคุมพลังที่สำคัญยิ่งของมนุษย์ และควบคุมสุขภาพ และพลังภายในกาย ถ้าผู้ใดหมกมุ่นลุ่มหลงในกามตัณหา จะสูญเสียพลังไปอย่างไม่สามารถทดแทนได้ แต่ถ้ารู้วิธีกักเก็บพลังจักระนี้ จะพัฒนาอย่างรวดเร็ว และจะพัฒนาไปสู่แสงสว่างแห่งปัญญา


                - ควบคุมระบบการสืบพันธุ์ , การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด

                – ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค





  *จักระ 3*


               – อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย

               – ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย การผลิตเม็ดโลหิตใหม่ จักระนี้ควบคุมอวัยวะภายในให้ทำงานอย่างสมดุล
*
               – ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต




                                               

   *จักระ 4 *


               - อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ จักระนี้เป็นจุดจักระแห่งหลักธรรม เมื่อจักระนี้ถูกพัฒนาอย่างเต็มที่ จะเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และสามารถช่วยปลดปล่อยมนุษย์ ให้บรรเทาจากกรรมต่าง ๆได้มาก(ขึ้นอยู่ว่ากรรนั้นหนักหรือเบา)

               – ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด

               – ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว










                                               

  *จักระ 5 *


               - อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง


               – ควบคุมระบบทางเดินหายใจ จมูก ปอด และผิวหนัง อีกทั้งยังแสดงถึงกรรมเก่าในอดีตชาติ การแสวงหาจิตวิญญาณ การยอมรับและการชดใช้กรรม

               – ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง





   *จักระ 6 *


                – อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน


               “ตาที่สาม” หรือ ประสาทสัมผัสที่ 6 หรือตาทิพย์ การจะใช้ตาที่สามได้ ต้องมีพลังภายในกายสูงมาก เพราะจักระนี้จะหมุนแรงเร็วและนิ่ง ต้องมีสมาธิมาก สามารถขจัดอวิชชา รู้ทุกสิ่งที่อยากรู้ มีความสามารถในการรู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ความลับของฟ้า เก่งโหราศาสตร์ สามารถเคลียร์สิ่งเลวร้าย ภัยพิบัติภูตผีปีศาจ ตาที่สามจึงเป็น อัญมณีล้ำค่าสำหรับผู้แสวงหาจิตวิญญาณ


               – ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท


                                                

   *จักระ 7 *


               – อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว จักระนี้เป็นตัวรับพลังงานจากทุกสรรพสิ่งในเอกภพ ถ้าจักระนี้เปิดสมบูรณ์จะรู้สึกถึงการรับ – ส่งและดึงดูดพลังต่าง ๆ ได้


                - ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง


               – ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง




ที่มา..http://muneesuttho.com
ขอบคุณครับ
2-3 วันก่อน ลองหมุนจักระ6 แบบทั้งวัน คือรู้สึกตัวเมื่อไหร่ก็หมุนเมื่อนั้น ปรากฏ มึนหัวปวดหัวไป3 วันเลยครับ ^^
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้