ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
มรดกขลัง หลากหลายเกจิอาจารย์
»
ลพ.โต. บางกระทิง
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของ: oustayutt
ลพ.โต. บางกระทิง
[คัดลอกลิงก์]
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
11
#
โพสต์ 2016-9-19 06:38
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ครั้งล่าสุดที่ทำให้ Jorawis ประจักษ์แจ้งถึงพุทธคุณของพระเครื่องนั้น เกิดเมื่อประมาณ7-8 ปีที่ผ่านมานี้เองจ้า จำได้ว่าเป็นช่วงใกล้สิ้นปีเต็มที ตอนนั้นน้องชายคนนึงที่รักกันมาก เกิดอยากจะได้พระหลวงพ่อโตกรุบางกระทิงไว้อาราธนาติดตัวซักองค์ หลังจากที่พยายามหาพระแท้ดูง่าย สภาพพอสวยราคาไม่สูงนักตามใบสั่ง ก็เดินหาไปเรื่อยจนไปพบเข้าองค์นึง เมื่อได้มาแล้วจึงแจ้งให้เจ้าน้องคนนั้นทราบ แล้วก็เลยนัดกันว่าจะไปส่งให้ถึงบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก และเคยไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ทีนี้ไอ้ช่วงเวลานั้นใครๆ ก็วิ่งส่งของเพื่อให้ได้รับทันก่อนวันปีใหม่ ช่วงระยะทางจากบ้านของ Jorawis ไปยังบ้านน้องที่ต้องไปส่งพระ ก็ต้องผ่านบ้านญาติของ Jorawis อีกคนที่คิดไว้ว่าจะไปส่งของขวัญปีใหม่ให้ทัน เมื่อคิดได้ดังนี้ งั้นอย่าให้เสียเที่ยวเลย ออกจากบ้านครั้งเดียวแวะไปส่งของได้ 2 บ้านก็น่าจะดี ว่าแล้วก็รีบกระหืดกระหอบออกจากบ้านเพราะเวลามีจำกัด จนลีมคล้องสร้อยพระที่อาราธนาอยู่เป็นประจำออกไปด้วย คนเราเวลามีเคราะห์มักจะมองข้ามความปลอดภัยหรือประมาทเลินเล่อเสมอ
หลังจากจอดรถที่หน้าบ้านของญาติคนนี้ Jorawis จึงสอดมือเข้าไปล้วงกลอนเพื่อเปิดประตูตามความเคยชิน เนื่องจากบ้านนี้ไม่เคยมีหมา ทั้งๆ ที่เจ้าของรักน้องหมาเป็นชีวิตจิตใจ แต่มีอาชีพการงานที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลาจนไม่อาจมีสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านให้เป็นภาระได้ เมื่อแง้มประตูบ้านขณะที่กำลังจะเปิดประตูก้าวเข้าบ้าน พลันหูก็ได้ยินเสียงคำราม ด้วยสัญชาตญาณJorawis จึงยกแขนขึ้นกั้นระหว่างหน้ากับคอ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือ หมาร็อตไวเลอร์ ตัวดำมะเมี่อมไซส์ยักษ์ พุ่งหัวโตขนาดบาตรพระเพื่อขย้ำคอหอยตามสัญชาติญาณ เคราะห์ยังดีที่ Jorawis ยกแขนกั้นไว้ จึงโดนขย้ำแค่ช่วงท้องแขน ขณะกำลังชุลมุนวุ่นวายกันอยู่นั้น มีเสียงคุ้นหูตะโกนเรียกชื่อน้องหมาตัวขนาดลูกควายอยู่เป็นระยะ ๆ ปล้ำกันอยู่พักใหญ่ น้องลูกควายจึงยอมเปิดปากปล่อยแขน Jorawis ให้เป็นอิสระ ญาติจึงพาไปล้างแผลที่มีแต่คราบน้ำลายเป็นฟองฟ่อดไปหมด น่าแปลกที่เมื่อล้างคราบน้ำลายจึงพบว่าที่ท้องแขนมีแต่รอยเขี้ยวเป็นหลุม แต่หนังไม่ขาดไม่มีเลือดออกซักหยด ซึ่งทั้งเนื้อทั้งตัวของ Jorawis มีเพียงพระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิงในกระเป๋าเสื้อที่จะต้องไปส่งให้น้องเพียงองค์เดียวเท่านั้น เมื่อสอบถามญาติถึงที่มาของน้องมาขนาดยักษืที่จู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมาจึงได้ถึงบางอ้อ ว่าเป็นหมาของข้างบ้านที่เจ้าของบ้านและครอบครัวบินไปฉลองปีใหม่กันในต่างประเทศ เลยฝากเลี้ยงไว้ชั่วคราวเพราะเห็นว่าคุ้นเคยกันดี ความซวยต้อนรับปีใหม่ ส่งท้ายปีเก่าจึงตกมาอยู่กับJorawis ผู้มาส่งของขวัญ หลังจากล้างแขน ต่อจากนั้นหลายวันต่อมาจึงพึ่งสังเกตเห็นว่า ท้องแขนช่วงที่โดนขย้ำ เป็นรอยช้ำเป็นปื้น ๆ ใต้ผิวจนกลายเป็นสีม่วงช้ำไปซีกนึง ประมาณ 2-3 เดิอนจึงจางลง ที่น่าตกใจก็คือ หลังจากโดนขย้ำจนแขนเขียวช้ำ ซักอาทิตย์ กว่า ๆ Jorawis ต้องไปโรงพยาบาลเพราะหมอนัด
เมื่อหมอเห็นรอยช้ำจึงจับไปตรวจ และเข้าห้องเพื่อ X-Ray หลังการตรวจเสร็จสิ้นกระบวนการ จึงพบว่าบริเวณท้องแขนกล้ามเนื้อฉีกขาดจากแรงกัดและกระชากโดยไม่มีบาดแผลฉีกขาดเลยแม้แต่น้อย งอมพระรามไปหลายเดือนกว่าจะหาย
สาธุ!!!!! เชื่อสนิทใจแล้วจ้า ว่าพุทธานุภาพแห่งหลวงพ่อโต กรุบางกระทิง ท่านเด่นดังทางคงกระพันสมคำร่ำลือเลยจริงๆ
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
12
#
โพสต์ 2016-9-19 06:39
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เชื่อว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ หลายต่อหลายคนได้ประสบพบพานมากันตนเอง แบบเดียวกันกับที่ Jorawis เขียนมาจนยืดยาวและเล่าสู่กันฟังจากความทรงจำล้วนๆ หากมีข้อผิดพลาด ใด ๆ ก็ตาม ขออภัยมาไว้ ณ ที่นี้ด้วยจ้า
ขอเชิญทุกท่านที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับพุทธคุณของพระเครื่องต่างๆ ลองมาเล่าสู่กันฟัง อย่างน้อยก็เป็นการเผยแพร่ข่าวสารให้คนทั่วไปได้รับรู้ ว่าชาววงการพระฯนั้นไม่ได้มีความเชื่อแบบงมงาย ไร้สาระ แต่เป็นความเชื่อที่มีพื้นฐานของความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งยังมีหลักฐานสามารถสืบค้นเพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้ เช่นเดียวกับกระบวนการสรรหาและคัดกรองข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ และทุตติยภูมิ เพื่อบันทึกไว้ ตามหลักวิชาการทางสถิติ ไม่วาจะเป็นตัวบุคคล หรือ บางเรื่องมีการบันทึกไว้ลายลักษณ์อักษร มีลงพาดหัวหนังสือพิมพ์รายวันก็มี ไว้เป็นการเผื่อแผ่ประสบการณ์สำหรับหลายคนที่ยังสงสัยใคร่รู้ หรือเพิ่งจะเริ่มต้นสะสม ให้ทราบว่าพุทธคุณของพระเครื่องที่เป็นที่นิยมเล่นหากันนั้นมีจริง อย่างน้อยก็อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ยอมเสียเวลากันเข้ามาอ่านกระทู้นี้จ้า
http://www.web-pra.com/Forum/Topic/Show/94260/Page/1
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
Sornpraram
Sornpraram
ออฟไลน์
เครดิต
36164
13
#
โพสต์ 2016-9-19 06:42
|
ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระประวัติพระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิง จ.พระนครศรีอยุธยา
เมืองกรุงเก่า หรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น เด่นดังด้วยพระเครื่องกรุต่างๆที่สร้างสรรค์โดยฝีมือช่างอยุธยา มาตลอดเวลากว่า 400 ปีที่อยุธยาเป็นราชธานี พระกรุเก่าที่แฝงด้วยความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ และเปี่ยมด้วยคุณค่าความงามทางพุทธศิลป์ของอยุธยานั้น ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่นักนิยมสะสมพระเครื่องตลอดมาและในบรรดาพระเครื่องยอดนิยมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง จัดเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับแนวหน้าอีกพิมพ์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับ กันมานาน เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของพระเครื่องเมืองอยุธยาเลยทีเดียว
ความจริงนั้น พระหลวงพ่อโต ได้พบกระจัดกระจายอยู่ทั่วตามกรุต่างๆ ทั้งในอยุธยา เช่น กรุวัดใหญ่ชัยมงคลกรุวัดมเหยงค์ กรุวัดมหาธาตุ กรุวัดราชบูรณะ กรุบึงพระราม และจังหวัดอื่นๆ เช่น ใน กทม.ได้พบที่กรุวัดหนัง วัดระฆัง วัดสระเกศ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังได้พบที่ นนทบุรี ปทุมธานี รวมไปถึงที่กรุวัดเหนือ จ.กาญจนบุรีก็ยังได้พบพระหลวงพ่อโตขึ้นกรุมาพร้อมกับพระท่ากระดานอีกด้วย ซึ่งเมื่อมีการเปิดกรุครั้งใดก็มักจะพบพระหลวงพ่อโตที่เป็นทั้งพระเนื้อดิน และพระเนื้อชินปะปนอยู่ในกรุเหล่านี้ด้วยเสมอ
ในจำนวนพระหลวงพ่อโตกรุต่างๆเหล่านี้ กรุพระหลวงพ่อโตที่ขุดพบ และมีความยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดนั้นได้แก่ "พระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง" ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งที่นี่ได้พบพระหลวงพ่อโตจำนวนมากที่สุด อีกทั้งยังได้พบแม่พิมพ์ที่ใช้พิมพ์พระหลวงพ่อโตจำนวนมากบรรจุรวมอยู่ในกรุนี้ด้วย หลักฐานสำคัญดังกล่าวจึงทำให้เชื่อว่า ที่กรุบางกระทิงนี้ น่าจะเป็นแหล่งต้นกำเนิดของพระหลวงพ่อโต ส่วนพระที่พบในกรุอื่นนั้น น่าจะเป็นลักษณะของพระที่นำไปฝากกรุในภายหลัง
พระหลวงพ่อโต วัดบางกระทิง จะมีการแตกกรุออกมาเมื่อไรนั้นคงไม่มีใครทราบช่วงเวลาที่แน่ชัดนักเพราะเดิมทีนั้นได้มีผู้พบเห็นพระหลวงพ่อโตตกหล่นอยู่ตามบริเวณพื้นที่รอบๆวัดบางกระทิงมานานแล้วแต่ที่แตกกรุอย่างเป็นทางการและมีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแน่นอน ก็คือเมื่อปี 2481 เนื่องจากวัดได้รื้อพระอุโบสถหลังเดิมเพื่อสร้างใหม่ จึงได้พบกรุพระหลวงพ่อโตเป็นจำนวนมากมายหลายหมื่นองค์ ซึ่งในครั้งนั้นทางวัดได้แจกจ่ายไปยังผู้ร่วมกุศลทีร่วมกันสร้างโบสถ์ จนเหลือพระอยู่ในราว 10 ปี๊ป ซึ่งพระที่เหลือจำนวนนี้ทางวัดได้นำไปบรรจุที่ฐานชุกชีพระประธานของพระอุโบสถหลังใหม่
ต่อมาในปี 2510 ได้มีมิจฉาชีพมาลักลอบขุดพระที่บรรจุไว้ที่ฐานชุกชีไปบางส่วน ทางวัดจึงได้นำพระจากใต้ฐานชุกชีที่เหลือขึ้นมาเพื่อป้องกันคนร้ายมาลักลอบขุดอีก และในครั้งนี้ก็ยังได้พบพระหลวงพ่อโตที่ฐานชุกชีอีกกรุหนึ่งโดยบังเอิญ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับที่ทางวัดบรรจุไว้เมื่อคราวสร้างโบสถ์ พระหลวงพ่อโตที่พบใหม่นี้ มีจำนวนถึง 84000 องค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ตามคติการสรางพระพิมพ์ในสมัยโบราณ และทางวัดได้ให้กรมศิลปากรมาตรวจพิสูจน์พระดังกล่าว กรมศิลปากรได้ลงความเห็นว่า พระหลวงพ่อโตที่พบใหม่โดยบังเอิญนี้ เป็นพระที่สร้างยุคหลังกว่าพระหลวงพ่อโตที่พบครั้งแรก นั่นคือ พระหลวงพ่อโตที่พบในครั้งแรกเป็นพระที่สร้างในสมัยอยุธยา ส่วนที่พบใหม่โดยบังเอิญนี้เป็นพระที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์
แม้ว่าจะเป็นพระที่สร้างต่างยุคต่างเวลากันก็จริงอยู่ แต่สำหรับวงการนักสะสมแล้ว พระหลวงพ่อโตกรุบางกระทิงทั้งสองยุค จะมีการสะสมรวมกันไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นพระยุคแรกหรือยุคหลัง เพราะเห็นว่าพุทธคุณที่ปรากฏก็เน้นหนักไปทางด้านคงกระพันเช่นเดียวกัน
พุทธลักษณะของพระหลวงพ่อโต เป็นพระประดิษฐานอยู่ในกรอบรูปสามเหลี่ยม ประทับนั่งขัดสมาธิราบ บนฐานบัวคว่ำบัวหงาย มีทั้งปางสมาธิและปางมารวิชัย องค์พระนูนเด่นล่ำสัน พระพักตร์ใหญ่ด้วยลักษณะเด่นเช่นนี้ นักสะสมจึงถวายพระนามท่านว่า "พระหลวงพ่อโต" ส่วนมากแล้วรายระเอียดของเส้นสายลวดลายต่างๆทั้ง ปาก คอ คิ้ว คาง เส้นสังฆาฏิ มักติดพิมพ์คมชัดแทบทุกองค์ ส่วนขนาดนั้นก็แตกต่างลดหลั่นกันเล็กน้อย
พระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง เท่าที่พบ จะเป็นพระเนื้อดินเผาทั้งสิ้น มีทั้งประเภทเนื้อหยาบและเนื้อละเอียด พระที่แตกกรุเมื่อปี พ.ศ. 2481 ตามผิวพระจะไม่ปรากฏคราบกรุ หากแต่มีฝ้ากรุสีขาวหม่นเกาะจับประปราย โดยเฉพาะในองค์ที่ไม่ผ่านการสัมผัสจับต้องมากนักจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้เป็นเพราะสภาพกรุที่อัดแน่นไปด้วยทรายจึงเป็นตัวป้องกันความชื้นได้เป็นอย่างดี คราบกรุและราดำจึงไม่ปรากฏให้เห็นในพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง
เนื้อหาของพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิงนั้นมีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพของกรุที่พบ เช่น ในพระหลวงพ่อโตที่แตกกรุเมื่อปี 2481 ซึ่งเป็นพระในสมัยอยุธยานั้น ก็จะมีทั้งประเภทเนื้อที่ค่อนข้างแกร่ง และประเภทเนื้อที่ค่อนข้างฟ่าม แต่โดยรวมแล้วเนื้อของพระหลวงพ่อโตจะต้องไม่แกร่งจนกระด้างและเนื้อต้องแห้งอย่างมีน้ำมีนวล ลักษณะของเนื้อพระหลวงพ่อโต กรุบางกระทิงที่สร้างในสมัยอยุธยา จะมีส่วนของเม็ดทรายเม็ดกรวดเล็กๆ ตลอดจนเกล็ดทรายเงินทรายทองปะปนอยู่ในเนื้อ ลักษณะผิวพระจะไม่เรียบปรากฏเป็นรอยพรุนเป็นแอ่งคลื่นอยู่โดยทั่วไป
ส่วนเนื้อพระสมัยรัตนโกสินทร์ จะมีเนื้อละเอียด เม็ดกรวดเม็ดทรายน้อย และผิวพระค่อนข้างเรียบ มีฝ้ากรุหรือคราบละอองทรายสีขาวเกาะอยู่
ด้านหลังของพระหลวงพ่อโต ส่วนใหญ่มักมีรอยปาด ที่เรียกกันว่า "รอยกาบหมาก" รอยดังกล่าวนี้คือรอยอันเกิดจากการตกแต่งองค์พระด้านหลังด้วยการปาดเอาเนื้อส่วนที่นูนออกไป โดยที่เนื้อพระหลวงพ่อโตมีส่วนรอยดังกล่าวขึ้นมาผสมของเม็ดกรวดทรายอยู่ด้วย เมื่อถูกปาด เม็ดกรวดเม็ดทรายเหล่านี้ก็จะครูดดันไปกับเนื้อพระ ทำให้เกิดเป็นรอยดังกล่าวขึ้นมา
การพิจารณาพระหลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิงนั้น ผู้ชำนาญการหลายๆท่านแนะนำให้ พิจารณาจากเนื้อหาเป็นหลัก อย่าพยายามให้ความสำคัญกับจุดตำหนิพิมพ์ทรงมากนัก ที่เน้นให้ดูเนื้อหาของพระก็เพราะว่าเมื่อคราวเปิดกรุพระหลวงพ่อโตในปี 2481 นั้นได้พบแม่พิมพ์พระหลายชิ้นรวมอยู่ด้วย และแม่พิมพ์ส่วนหนึ่งก็ได้ออกไปอยู่กับพวกมือดีบางพวก ซึ่งได้ใช้แม่พิมพ์ดังกล่าวพิมพ์พระหลวงพ่อโตออกมาด้วย แน่นอนว่าพระปลอมอันที่เกิดจากแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกันนี้ ก็ย่อมมีตำหนิและพิมพ์ทรงเหมือนกันกับพระแท้ทุกประการ แต่ส่วนที่พระปลอมยังทำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ดีนักก็คือเนื้อหา และธรรมชาติความเก่าในเนื้อพระนั่นเอง เมื่อดูเนื้อหาความเก่าผ่านแล้วจึงค่อยมาดูตำหนิต่างๆดูอีกที อย่าลืมว่าพระหลวงพ่อโตนี้มีของปลอมระบาดมานานแล้ว มีทั้งปลอมจากแม่พิมพ์แท้ และปลอมจากการแกะแม่พิมพ์ออกมาใหม่ หรือไม่ก็ใช้วิธีการถอดพิมพ์ ซึ่งหากเป็น 2 วิธีหลังนี้การพิจารณาจุดตำหนิก็คงง่ายขึ้น
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
1
2
/ 2 หน้า
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...