ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
'อุดมเดช' ยืนยันไม่ประกาศเคอร์ฟิวเหตุระเบิดยะลา
มาที่สถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันไม่จำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิว หลังเกิดเหตุระเบิด 16 จุด ที่เทศบาลนครยะลา เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่มีผู้บาดเจ็บแล้ว 14 คน
   
เกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อคืนนี้ทั้งภายในและเขตรอบนอกเทศบาลนครยะลาเป็นระยะๆมากถึง 16 จุด อาทิ แยกโรงฆ่าสัตว์, หน้าร้านศรีสมัย ถนนสิโรรส,แผงผลไม้ตลาดเมืองใหม่       จาการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดทั้งทหารและตำรวจ เบื้องต้นชื่อว่า เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 1-2กิโลกรัม จุดชนวนด้วยการตั้งเวลาด้วยโทรศัพท์มือถือ ส่วนสาเหตุการก่อเหตุมากถึง 16 จุดนั้นยังอยู่ระหว่างการระเมินจากทางเจ้าหน้าที่ความมั่นคง
ด้านพลเอกอุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่จังหวัดยะลาเป็นลักษณะของการก่อกวนและสร้างความวุ่นวาย ชนิดของระเบิดเป็นลักษณะของไฟล์บอมบ์พกพา ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต อย่างไรก็ตามได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่เคร่งครัดในการตรวจตราและควบคุมสถานการณ์ให้ได้ โดยยืนยันยังไม่จำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิวหรือมาตรการใดๆ



อาการล่าสุด ! 'หลวงพ่อคูณ'หยุดหายใจ ปั๊มหัวใจก่อนส่งรพ.ด่วน!
ที่มา เดลินิวส์
ล่าสุดจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ แพทย์สามารถปั้มหัวใจหลวงพ่อจนสัญญาณชีพกลับมาแล้ว
หลวงพ่อคูณทรุดหยุดหายใจ ลูกศิษย์ แพทย์นำส่งรพ.ด่วน!
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อาพาธหนัก ถึงกับหยุดหายใจ แพทย์ช่วยปั๊มหัวใจจนมีสัญญาณชีพ ก่อนนำส่งโรงพยาบาลมหาราชเป็นการด่วน“


เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 15 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทีมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เดินทางมาที่วัดบ้านไร่เพื่อตรวจอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ประจำสัปดาห์ ตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมาพบว่า หลวงพ่อคูณมีอาการทรุดหนัก หยุดหายใจ จึงทำการปั๊มหัวใจจนมีสัญญาณชีพกลับคืนมาพร้อมใส่เครื่องช่วยหายใจ นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชเป็นการด่วน ระหว่างทางมีการประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในพื้นที่และเขตติดต่อ เพื่ออำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง และขบวนรถพยาบาลใช้ความเร็วสูง ขณะที่ภายในวัดบรรยากาศเงียบเหงาหลังลูกศิษย์ใกล้ชิดแห่ไปเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป“


ข้อมูลจาก:

ดูเพิ่มเติม ==> http://nisit.co/Wllo


iPhone 6s หลุดสเปค เพิ่มสี Rose Gold, แรม 2GB, กล้อง 12MP และอื่นๆ
                                                            
                                                                                                   
                                
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://tech.mthai.com/mobile-tablet/49041.html


                                                            ใครที่เป็นแฟนไอโฟนที่ติดตามอ่านข่าวกันบ่อยๆ คงจะพอคุ้นหูกับชื่อนาย Ming-Chi Kuo จากทาง KGI Securities ที่มักปล่อยข่าววงในของไอโฟนรุ่นที่กำลังจะเปิดตัวได้อย่างถูกต้องอยู่เสมอ

เมื่ออยู่ในช่วงกลางปีแบบนี้ อีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นช่วงที่ Apple เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ ที่อาจเป็นiPhone 6s โดยนักวิเคราะห์รายนี้ได้เปิดเผยข้อมูลไอโฟนรุ่นประจำปี 2015 นี้โดยแบ่งเป็น 11 ข้อตามด้านล่างนี้เลย

1. จุดขายหลักของ iPhone 6s ที่ถือว่าเป็นการอัพเกรดประจำรุ่นก็คือระบบ Force Touch ซึ่งเป็นระบบหน้าจอแบบใหม่ ที่สามารถแยกแยะแรงกดที่แตกต่างกันได้ รวมไปถึงยังรองรับการเขียนลายเซ็นบนหน้าจอด้วย (อาจเหมาะกับการทำการค้ารูปแบบใหม่ในอนาคต)

2. ขนาดหน้าจอ iPhone 6s จะยังมีขนาด 4.7 และ 5.5 นิ้วเหมือนกับ i6 และ i6s ตามลำดับ รวมไปถึงความละเอียดจะยังคงเท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะไม่มีไอโฟนขนาดใหม่ หน้าจอ 4 นิ้ว

3. แอปเปิ้ลจะเพิ่มสีใหม่ คือ Rose Gold (สีทองโทนสีออกชมพูๆ) เพื่อให้เข้าคู่กับ Apple Watchสี Rose Gold

4. กล้องหลักจะเพิ่มความละเอียดขึ้น อาจเพิ่มเป็น 12 ล้านพิกเซล

5. เพิ่มไมโครโฟนอีกหนึ่งชุด และถูกวางไว้ตำแหน่งใกล้กับลำโพง เพื่อเพิ่มคุณภาพของเสียง

6. ชิปประมวลผล A9 จะมาพร้อมกับ RAM 2GB LPDDR4

7. แก้ปัญหาตัวเครื่องบิดงอได้ง่าย โดยการเปลี่ยนวัสดุตัวเครื่อง

8. iPhone 6s รุ่นจอ 5.5 นิ้ว อาจมาพร้อมกับฝาครอบเลนส์ที่ผลิตจาก sapphire เพื่อเพิ่มความทนทาน

9. ระบบ Touch ID จะทำงานได้แม่นยำมากขึ้น

10. รองรับระบบ Gesture หรือการควบคุมตัวเครื่องด้วยการเคลื่อนไหว

11. iPhone 6s จะเริ่มผลิตในช่วงกลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โดยจะสามารถส่งมอบตัวเครื่องได้ 80 – 90 ล้านเครื่องภายในปี 2015 ในสัดส่วน 2:1 คือ จะผลิตรุ่น 4.7 นิ้วสองเครื่อง ต่อรุ่น 5.5 นิ้ว 1 เครื่อง

ถ้าสังเกตจากช่วงเวลาที่แอปเปิ้ลเปิดตัวไอโฟนรุ่นที่ผ่านมา iPhone 6s ก็น่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน หรือตุลาคมปีนี้                                                                        
                                                            

แถลงฉบับที่2อาการหลวงพ่อคูณ มีภาวะแทรกซ้อนจากปอด หัวใจหยุดทำงาน
ความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ออกประกาศฉบับที่ 1 ระบุว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2558 เวลา 05.45 น. ได้รับแจ้งจากคณะพยาบาลที่ดูแลพระเทพวิทยาคม พบว่า มีอาการหมดสติ ไม่รู้สึกตัว คณะแพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาและโรงพยาบาลด่านขุนทด ตรวจประเมินว่า พระเทพวิทยาคมหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้น จึงได้ปฎิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูง(CPR) เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง จนอาการทรงตัว ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจพร้อมทั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจ และส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จนถึงโรงพยาบาลเมื่อเวลาประมาณ 08.30น. นายแพทย์สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้มอบหมายให้คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทุกสาขาทำการรักษา จากการประเมินพบว่า พระเทพวิทยาคมมีลมรั่วในปอดด้านซ้าย และมีเสมหะอุดกั้นทางเดินหายใจ ขณะนี้พักรักษาตัวในหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คณะแพทย์ พยาบาลเฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสัญญาณชีพยังไม่คงที่ จึงขอความร่วมมือประชาชนงดเยี่ยมอาการอาพาธ



หลวงพ่อคูณละสังขารแล้ว แพทย์แถลงมรณภาพ เวลา 11.45 น.
หลวงพ่อคูณมรณภาพ ในหลวงโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศโถบรรจุศพ กรณีพิเศษ พร้อมพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ ในวันที่ 17 พฤษภาคม ขณะที่ลูกศิษย์ขอตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดบ้านไร่ 7 วัน ก่อนนำสังขารส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่น ตามพินัยกรรมหลวงพ่อ

วันที่ 16 พฤษภาคม 2558 เวลา 10.30 น. คณะแพทย์ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง อาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ฉบับที่ 3 ระบุว่า วันนี้เมื่อเวลา 10.00 น. คณะแพทย์ผู้ทำการรักษาได้รายงานผลว่า การเฝ้าตรวจติดตามอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดออกในช่องทรวงอก ส่งผลให้ระบบหายใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้น คณะแพทย์ได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ สำหรับภาวะไตไม่ทำงาน ได้ให้การรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขณะนี้อาการโดยรวมทรุดลง

           อย่างไรก็ตาม กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. คณะแพทย์ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 โดยระบุว่า หลวงพ่อคูณได้ละสังขารแล้วอย่างสงบ เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ผ่านมา เนื่องจากระบบการทำงานของระบบอวัยวะภายในล้มเหลว ซึ่งเกิดจากอาการปอดและหัวใจหยุดทำงานเป็นเวลานาน จึงทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนขึ้น ทั้งจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ทำให้เลือดออกในช่องทรวงอกส่งผลให้ระบบการหายใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้น คณะแพทย์ต้องทำการช่วยฟื้นคืนชีพกว่า 2 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งใช้ระยะเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง            โดย นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า หลังจากนี้ทางลูกศิษย์คนสนิท พร้อมทั้งญาติ และทางเจ้าหน้าที่จังหวัดนครราชสีมา จะได้ทำการพูดคุยหารือถึงแนวทางการดำเนินการอีกครั้งว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป  
           ต่อมามีรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้นำสังขารของหลวงพ่อคูณ ไปไว้บนชั้น 9 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาราช เพื่อให้ประชาชนได้กราบลาสังขาร ก่อนจะส่งศพไปให้โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ภายใน 24 ชั่วโมง ตามพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณต่อไป

           อย่างไรก็ตาม ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เมื่อคณะลูกศิษย์ได้ต่อรองจะขอนำศพหลวงพ่อคูณได้ตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดบ้านไร่ เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งขัดกับพินัยกรรมของหลวงพ่อที่ให้นำร่างไปยังโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อส่งมอบให้นักศึกษาแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใน 24 ชั่วโมง โดยขณะนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในระหว่างการเจรจา

           ด้าน นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้ประสานสำนักพระราชวังถึงเรื่องการมรณภาพของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานโกศโถบรรจุศพเป็นกรณีพิเศษ และพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ ในวันที่ 17 พฤษภาคม เวลา 16.00 น. ส่วนสถานที่ยังไม่ได่กำหนด


ภาพจาก เฟซบุ๊ก กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand
นาทีชีวิต !! บั้งไฟแสนตกใส่ชาวบ้าน สังเวย 2 ศพ แขนขาดอีก 1 ราย                                                                                                                   
                            ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/120531


                                                            ชาวบ้านโพลังกาวิ่งหนีตายโกลาหล บั้งไฟแสนแบบโบราณ หมุนตีลังกาตกใส่ดับอนาถ 2 ศพ บาดเจ็บ 2 ราย นายอำเภอสั่งหยุดจุดทันที แม้งานยังเหลืออีก 1 วัน

              วันที่ 18 พฤษภาคม 2558 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้นำเสนอคลิปน่าตระหนกตกใจ เหตุการณ์บั้งไฟตกใส่คนดูที่ จ.ศรีสะเกษ มีผู้เสียชีวิตทันที 2 ราย รายแรกอายุ 51 ปี สภาพถูกบั้งไฟตกใส่แขนข้างซ้ายขาด นัยน์ตาข้างขวาหลุด ส่วนรายที่ 2 อายุ 38 ปี ถูกหางบั้งไฟตกใส่กะโหลกศีรษะแตก นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ อายุ 33 ปี แขนข้างซ้ายขาด อาการสาหัส ทางโรงพยาบาลกันทรลักษ์ ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใน จ.อุบลราชธานี ส่วนอีกรายอายุ 44 ปี บาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้

              จากการสอบสวนเบื้องต้น น้องชายของ 1 ในผู้เสียชีวิต ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังนั่งดูบั้งไฟอยู่ โดยบั้งไฟสุดท้ายเป็นบั้งไฟแสนแบบโบราณ ใช้ลำไม้ไผ่แทนท่อเอฟรอน เมื่อจุดขึ้นสู่ท้องฟ้า ปรากฏว่าขณะที่บั้งไฟตกลงมามันเกิดหมุนตีลังกาและพุ่งตกลงมาอย่างรวดเร็ว ตกลงมาใส่กลุ่มพี่ชายของตนและเพื่อนที่มาด้วยกัน พี่ชายของตนถูกบั้งไฟตกใส่แขนขาดทันทีและศีรษะแตก หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็โกลาหล
  ด้าน นายนพ พงศ์ผลาดิสัย นายอำเภอกันทรารมย์ ศรีสะเกษ กล่าวว่า  บ้านโพลังกาได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องให้จัดงานดังกล่าวขึ้น 2 วันคือ วันที่ 17-18 พฤษภาคม แต่เมื่อเกิดเหตุสลดขึ้น ก็ได้มีการสั่งให้งดจุดบั้งไฟในวันที่เหลือทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้นมาอีก และกำชับให้กรรมการจัดงานช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งกำชับไปถึงผู้จุดและผู้ชมด้วยว่า บั้งไฟก็เหมือนระเบิดอย่างหนึ่งควบคุมทิศทางไม่ค่อยได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังและป้องกันตัวเอง  

              ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยว่า งานดังกล่าวได้รับอนุญาตจัดงานอย่างถูกต้อง หลังจากนี้ต้องสอบสวนกันต่อว่า เป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่ แต่เบื้องต้นทราบว่างานบั้งไฟดังกล่าวมีการทำประกันภัยเอาไว้ด้วย                                                                        
                                                            

สาวบ้านจนเจอยัดหวยใส่มือ โชคดีถูกรางวัลที่ 1                                                            
                           
                                                                                       
                            ที่มา : http://news.sanook.com/1797015/


                                                            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (16 พ.ค.) สภ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจาก น.ส.สายแก้ว อายุ 39 ปี ชาวบ้านต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้นำสลากกินแบ่งรัฐบาล หมายเลข 011421 ฉบับชุดที่ 55 , 56 งวดที่ 34 ประจำวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 จำนวน 1 คู่ 2 ใบ ซึ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เป็นเงิน 4 ล้านบาท เข้าแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบถาม น.ส.สายแก้ว กล่าวว่า เมื่อเช้าวันที่ 16 พ.ค. ได้ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดและมีเงินเหลือในกระเป๋าเพียง 210 บาท ก็มีคนเร่ขายลอตเตอรี่ซึ่งเป็นคนพิการ นำลอตเตอรี่มายัดใส่มือให้ 1 ใบ บอกว่าเป็นเลขดังเหลืออยู่ใบสุดท้าย ตอนแรกลังเลเพราะปกติเป็นคนไม่ชอบซื้อหวยอยู่แล้ว อีกทั้งเงินที่เหลืออยู่ 210 บาท ต้องเก็บไว้ซื้อกับข้าวให้สามีและลูก แต่คนขายคะยั้นคะยอให้ซื้อจึงตัดสินใจซื้อ เพราะเชื่อว่าน่าจะมีโชคบ้าง จึงได้จ่ายเงินไป 110 บาท กระทั่งตอนเย็นมาทราบว่าตนเองถูกลอตเตอรี่รู้สึกดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูก

ส่วนเงินรางวัลที่ได้อันดับแรกจะนำไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินคืนจากนายทุน เพื่อให้มีที่อยู่อาศัย ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียนของลูกและใช้จ่ายในครอบครัว หลังจากนี้ก็จะทำอาชีพรับจ้างเหมือนเดิม และใช้ชีวิตตามปกติ ที่สำคัญจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย เพราะที่ผ่านมาลำบากมาก เคยไปทำงานที่พัทยา เพื่อจะหาเงินมาใช้หนี้และไถ่ถอนบ้านคืน แต่รายได้ก็ยังไม่เพียงพอ จึงตัดสินใจกลับมาทำงานรับจ้างที่บ้าน กระทั่งมาโชคดีดังกล่าว

ทั้งนี้ น.ส.สายแก้ว กำลังจะถูกยึดบ้านและที่ดินที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน เพราะก่อนหน้านี้ได้นำบ้านและที่ดินไปจำนองกับนายทุนเกือบ 600,000 บาท แต่ไม่มีเงินไปใช้หนี้ เพราะด้วยฐานะที่ยากจน มีรายได้แค่เพียงจากการรับจ้างทั่วไปวันละ 200 - 300 บาท บางวันไม่มีใครจ้าง                                                                        
                                                            



รีบทิ้งไพ่เดิมพันก่อน


กระแสศรัทธายังคงต่อเนื่อง


ตามภาพข่าวคลื่นมหาชนที่หลั่งไหลไปกราบเคารพ “สรีระสังขาร” ของเทพเจ้าบุญแห่งแดนอีสาน “หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ” พระเถระผู้ใหญ่ เกจิดังของประชาชนคนไทยที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความอาลัย
ตามอารมณ์ที่รู้สึกได้ตรงกัน “เสียใจ” และ “ใจเสีย” ที่ต้องสูญเสียพระที่เป็น “ศูนย์รวมศรัทธา” ไป
ในขณะที่ความแตกแยกในบ้านเมืองยังคงคุกรุ่น


ล่าสุดอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันกับคนใกล้ชิดแล้วว่า ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ จะเดินทางไปแสดงตัวตนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดแรกของการพิจารณาคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
น้องสาวโดนต้อนเข้ามุมอับในประเทศไทย

ขณะที่พี่ชายอย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็มีคิวขึ้นปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โชว์กึ๋นในเวทีอินเตอร์
กระตุกเครดิตที่ได้รับการประทับจากนานาชาติ

และวันเดียวกัน คสช.ก็นัดประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนส่งคำแนะนำปรับแก้กลับไปให้ “36 อรหันต์ทองคำ” คณะกรรมาธิการยกร่างฯ
เคาะโต๊ะ “โมเดลสุดท้าย” กติกาใหม่ของประเทศไทย

แต่ที่ต้องจับตา กับจังหวะล่าสุดที่นายเถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่องฟ้าวันใหม่ ในฐานะผู้ใกล้ชิด “พระสุเทพ ปภากโร” หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ “หลวงลุงกำนัน” เตรียมลาสิกขา เพื่อออกมาเป็นเอ็นจีโอ ทำงานภาคประชาชน
ก่อนหน้านั้นก็เป็น “ลูกหมี” นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำ กปปส.ออกมาแบไต๋ พร้อมจะคืนรังพรรคประชาธิปัตย์ หวนลงสนามเลือกตั้งอีกครั้ง

สัญญาณจาก กปปส.เริ่มกลับมาเคลื่อนไหว
ล้อกันพอดีกับคิวที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศบนเวทีบรรยายพิเศษที่มหาวิทยาลัยรังสิต ยืนยัน ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็พร้อมลงสมัครอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็ต้องยุติหน้าที่ทางการเมืองลง ซึ่งตนเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นครั้งที่ 4 อีกไม่ได้
ซึ่งเบื้องต้นเลย จับไต๋ อ่านลีลาน่าจะเป็นเหลี่ยมตีปี๊บเร้ากระแสเลือกตั้ง
หลังจับสัญญาณรัฐบาล คสช.ส่อยืดโรดแม็ป ยื้อการเลือกตั้งออกไป ตามเงื่อนไขรัฐบาลทหารต้องลากอำนาจพิเศษเพื่อคุมการปฏิรูปให้สำเร็จ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าไหร่
แน่นอนในสภาพ “คนตกงาน” มานานกว่า 2 ปี หากการเลือกตั้งต้องยื้อออกไปอีก นักเลือกตั้งอาชีพค่ายประชาธิปัตย์ที่กรอกประวัติอาชีพนักการเมืองมากกว่าค่ายไหน มีหวังต้องเดือดร้อนหนักกว่าใคร

เพราะไม่มีอาชีพอื่นให้ทำมาหารายได้

“อภิสิทธิ์” เลยต้องกระตุกกระแสบีบท็อปบูตไม่ให้ลากอำนาจนานเกินไป
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับสถานภาพการนำในพรรคประชาธิปัตย์เอง
อย่างที่นายอภิสิทธิ์ชิงออกตัว เป็นผู้นำฝ่ายค้านมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นครั้งที่ 4 อีกไม่ได้ ตามเงื่อนไขอย่างที่คนนอกก็รู้กัน นายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่เคยนำทัพชนะการเลือกตั้ง และยังมีผลงานนำทีมบอยคอตเลือกตั้งมา 2–3 รอบ ลากเกมในสภามาร่วมกับม็อบนอกสภา
และที่โดนประทับตรา “ปมด้อย” ลบไม่ออกเลยก็คือการไปร่วมวงตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดนฝ่าย “ทักษิณ” ประจานจากการพลิกขั้วชิงจัดตั้งรัฐบาลกับอดีตรัฐบาลพรรคพลังประชาชน

ให้ท็อปบูตอุ้มขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ตามปรากฏการณ์ “มอมแมม” จึงมีการพูดถึงชื่อของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน นายกรณ์ จาติกวณิช เพื่อนคู่หูออกซ์ฟอร์ด และล่าสุดที่มาแรงก็คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แกนนำรุ่นใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์สายใต้
นั่นหมายถึงชื่อของ “อภิสิทธิ์” เป็นสินค้าที่ขายไม่ออกแล้ว แม้แต่ในสายตาของคนในพรรค
โดยเงื่อนไขจึงต้องทิ้งไพ่ใบสุดท้าย “อภิสิทธิ์” รีบตีกันสถานะ “แม่ทัพ” เพื่อหวังนำสู้ศึก พิสูจน์ตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ดีกว่าโดนปลด ระวางไปโดยไม่มีโอกาสแก้มือ
ถือเป็นออปชั่นเดิมพันวัดใจกับคนประชาธิปัตย์.



ทีมข่าวการเมือง






ผ่ายุทธศาสตร์อำนาจพิเศษ “ปิดทาง” เสียของ

: ยืดโรดแม็ป ยื้อเลือกตั้ง


สัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูฝน
ตามปรากฏการณ์พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระยาแรกนาหยิบผ้าได้ 4 คืบ พยากรณ์ว่าน้ำจะมาก นาในที่ดอนได้ผลบริบูรณ์ดี นาในที่ลุ่มอาจเสียหายบ้าง พระโคเสี่ยงทายกินหญ้า กินน้ำ กินงา พยากรณ์ว่าน้ำท่าจะบริบูรณ์พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร มังสาหาร ภักษาหารจะอุดมสมบูรณ์
เดือนพฤษภาคม เริ่มต้นฤดูเพาะปลูก
และก็เริ่มต้นฤดูป่วนเมืองเหมือนกัน ตามสัญญาณเสียงระเบิดของ “โจรใต้” เปิดปฏิบัติการบึมสร้างสถานการณ์ในเมืองยะลากว่า 16 จุด
สร้างฉากให้เป็นแดนมิคสัญญี
โหมกระพือไฟใต้กลับมาลุกโชนอีกรอบ โดยไม่สนกฎอัยการศึก เหิมเกริมท้าทายดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ที่รัฐบาลทหาร คสช.กระชับอยู่ในมือ
สถานการณ์ด้านความมั่นคงถูกกระตุกอย่างแรง
ขณะที่บรรยากาศทางการเมือง ไฮไลต์ก็อยู่วันที่ 19 พฤษภาคม ที่จะมีเหตุการณ์สำคัญประจวบเหมาะนัดคิวตรงกันพอดี
เบียดพื้นที่ข่าว ชิงกระแสกันในที
ด้านหนึ่งก็เป็นโปรแกรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับเชิญให้ไปขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษด้านเศรษฐกิจร่วมกับคนดังในแวดวงต่างๆทั่วโลก ณ ประเทศเกาหลีใต้
และนับเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวจะได้อุ้มรับขวัญ “หลานตา” ฝาแฝด
ขณะเดียวกันก็เป็นวันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเดินทางไปแสดงตัวแสดงตนต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่นัดพิจารณาคดีเป็นครั้งแรกกรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
ลุ้นเงื่อนไขการประกันตัว และการเดินทางไปต่างประเทศ
และวันเดียวกันก็เป็นคิวที่ คสช.นัดประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาการปรับแก้เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ “โมเดลแรก” ก่อนส่งข้อเสนอกลับไปให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
“เคาะโต๊ะ” ในฐานะที่ คสช.เป็นต้นแม่น้ำ 5 สาย
ตามสถานะต้นขั้วอำนาจซึ่งมีน้ำหนักส่งผลต่อทิศทางรัฐธรรมนูญ “โมเดลสุดท้าย” ที่จะออกมา
โดยเงื่อนสถานการณ์ ช็อตนี้ของ คสช.และ ครม.น่าจะถูกเฝ้าจับตามากที่สุด
ท่ามกลางแรงเสียดทานจากทุกทิศทุกทาง ไล่ตั้งแต่ผู้พิพากษา ตำรวจ นักการเมือง เอ็นจีโอ องค์กรอิสระ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ตั้งป้อมค้านรัฐธรรมนูญ “โมเดลแรก” สุดกำลัง
โดยเค้าลางสถานการณ์ป่วนที่เห็นอยู่ตรงหน้า
นั่นก็ทำให้หัวแถวในการคุมความมั่นคงอย่าง “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก ต้องออกมาคุมเชิง
เบรกจังหวะความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐธรรมนูญ
พุ่งเป้าไปที่นักเลือกตั้งอาชีพซึ่งมีศักยภาพมากสุดในการระดมมวลชนเปิดเกมป่วน ไม่ได้รับไฟเขียวให้จัดเวทีตามข้ออ้างของพรรคการเมืองขอมีส่วนร่วมในการระดมความเห็นเสนอประเด็นปรับแก้ไขรัฐธรรมนูญ
คสช.รีบเดินยุทธศาสตร์คุมเกม บล็อกแรงกระเพื่อมแต่เนิ่นๆ
อย่างไรก็ตาม โดยประเด็นเนื้อหาของรัฐธรรมนูญใหม่ยังอยู่ในขั้นระดมความคิดเห็น รวบรวมข้อเสนอจากฝ่ายต่างๆ ส่งให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างฯ
ยังอยู่ในห้วงวัดใจ “36 อรหันต์ทองคำ” จะปรับแก้หรือไม่ปรับแก้
แต่จับทิศทางความเคลื่อนไหวของกระแส ดูเหมือนจะข้ามไปอีกช็อตหนึ่งแล้ว โดยเป็นการพูดถึงประเด็นการทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ เสียงเร้ามาจากทั่วสารทิศ
จุดพลุเป็น “เงื่อนไข” กดดันฝ่ายคุมเกมปฏิรูป
เป็นอะไรที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ถึงกับบ่นรำคาญที่ถูกนักข่าวยิงคำถามทุกวัน และนั่นก็ทำให้ต้องพลิกท่าทีจากที่ไม่เห็นด้วยในช่วงแรก ตอนหลังก็เริ่มตีกรรเชียงถอยเป็นนัย ถ้าทำประชามติต้องใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท จะคุ้มค่าหรือไม่
ไม่ปิดประตูลงกลอนเสียทีเดียว






และในจังหวะที่ คสช.โดนต้อนเข้ามุมในปมว่าด้วยประชามติ ก็เป็นนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้นำทีม สปช.ส่วนหนึ่ง แถลงขอแก้ไขเพิ่มเติม

ร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 308

เปิดช่องทำประชามติประเด็นปฏิรูปก่อนที่จัดให้มีการเลือกตั้ง
โดยปูทางให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล คสช.ลากเกมอำนาจบริหารประเทศต่อไปอีก 2 ปี
ต่อเนื่องจากจังหวะที่นายวันชัย สอนศิริ สปช.ออกมาตีปี๊บนำร่อง เชียร์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อเวลาอำนาจพิเศษอยู่เป็น
นายกรัฐมนตรีต่อไป เพื่อแก้ปัญหาต่างๆให้เรียบร้อยก่อนเลือกตั้ง
ตามรูปการณ์ที่เสมือนเป็นหน่วยหน้าออกมาโยนหิน หยั่งกระแสกันในที
ก่อนที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีมติให้เสนอนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เพื่อให้มีการออกเสียงประ-ชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่
“36 อรหันต์ทองคำ” ชงเรื่องกันอย่างเป็นทางการ

ซึ่งแน่นอน ถ้า คสช. “รับมุก” โดยการปรับโปรแกรมเพื่อนำไปสู่การทำประชามติ หนีไม่พ้นทำให้โรดแม็ป
เดิมของ คสช.ที่วางไว้เดิม รัฐธรรมนูญใหม่ต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 4 กันยายน ก่อนเข้าสู่กระบวนการร่างกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญอีก 3 เดือน
กะคร่าวๆจะเลือกตั้งได้ไม่เกินกลางปีหน้า
ต้องถูกเลื่อนออกไปโดยปริยาย

อย่างที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้าน กฎหมาย แจกแจงเลยว่า ถ้าจะมีการทำประชามติต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557
และไม่ใช่เขียนเพียงว่า ต้องทำประชามติ แต่ต้องแก้ไขกำหนดเวลาเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญที่มีการเขียนล็อกไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวทั้งหมด เพื่อให้สามารถทำประชามติได้
ซึ่งการลงมือทำประชามติ ไม่ใช่ทำได้ภายในอาทิตย์เดียว หากจะทำคงเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปลายปี หรือไม่ก็เดือนมกราคม 2559 ซึ่งเกินกรอบเวลาที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว

จึงต้องรื้อกำหนดวันเวลา ปรับโรดแม็ปใหม่

ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขประชามติรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าไม่ผ่าน ตามรูปการณ์รัฐบาล คสช.ก็ต้องรักษาการอำนาจพิเศษต่อไป
จนกว่ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่จะแล้วเสร็จ
ยืดโรดแม็ป ยื้อเลือกตั้ง

สถานการณ์มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของเส้นทางการปฏิรูป ยกเครื่องใหญ่ประเทศไทย
เงื่อนไขต่างไปจากที่ คสช.ดีลกันไว้ มันย่อมกระตุกแรงกระเพื่อมเป็นธรรมดา
แต่เรื่องของเรื่องสถานการณ์ภายในประเทศก็ยังก้ำกึ่ง เพราะส่วนหนึ่งข้อเสนอให้ยืดเวลาเลือกตั้งออกไปก็มาจากข้อเสนอของนักเลือกตั้งอาชีพทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์

เพื่อให้ปรับจูนรัฐธรรมนูญออกมาไม่โหดกับนักการเมืองเกินไป
นั่นก็ทำให้นักเลือกตั้งจะโวยวายเรื่องยื้อเลือกตั้งได้ไม่เต็มเสียง

จุดเสี่ยงจริงๆน่าจะอยู่ที่แรงเสียดทานจากภายนอกประเทศ ตามเงื่อนไขนานาชาติที่เรียกร้องให้รัฐบาลทหารคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้ง นำประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ววัน

เพื่อลดแรงกดดันจากมาตรการแซงก์ชั่น โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ
แต่นั่นก็พยายามเดินเกมปิดรอยโหว่กันไว้แล้ว จากการที่รัฐบาล คสช.พยายามเดินหมากประคองแรงกดดันจากเกมโลกล้อมประเทศไทย ด้วยการหันไปผูกเสี่ยวกับประเทศรัสเซียและกระชับสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับจีนแผ่นดินใหญ่
ถ่ายน้ำหนัก รักษาสมดุลกับพี่เบิ้มสหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกัน ก็พยายามจัดสันปันส่วนเค้ก ด้วยการแบ่งเมกะโปรเจกต์รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูงให้กับเอกชนจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีน เกาะเกี่ยวกับสองยักษ์เศรษฐกิจเอเชีย

ใช้การถ่ายเทผลประโยชน์ในการผ่องถ่ายแรงกดดันเงื่อนไขประชาธิปไตย
โดยรูปการณ์จึงอยู่ในวิสัยที่รัฐบาล คสช.มั่นใจว่า “เอาอยู่” สถานการณ์ภายในประเทศคุมแรงกระเพื่อมได้ ส่วนแรงเสียดทานจากภายนอกประเทศก็ดึงจังหวะติ๊ดชึ่งได้
ตามเหลี่ยมสถานการณ์ ประกอบเงื่อนไขไฟต์บังคับ มาถึงตรงนี้ก็พอจะจับทางประเมินลีลาสับขาหลอกของทีมงานรัฐบาลทหาร คสช.และเครือข่ายได้
ไม่มีทางปล่อยอำนาจพิเศษง่ายๆ
โดยวิสัยทหารไม่รบในสนามที่ตกเป็นรองศัตรูคู่ต่อสู้
ก็อย่างที่รู้ทั้งรู้ เวทีเลือกตั้งเป็นอะไรที่เสียเปรียบยี่ห้อ “ทักษิณ” มาตลอด รบกี่ครั้งก็แพ้
ปฏิวัติ “เสียของ” มาแล้วเมื่อปี 2549

ถ้าท็อปบูตจะปล่อยให้ซ้ำรอยอีกก็เป็นการไม่ฉลาดเท่าไหร่
สู้ยื้ออำนาจพิเศษออกไปท่ามกลางแรงเสียดทานภายในภายนอกประเทศที่ยังรับมือได้ ดีกว่าปล่อยให้ลงสนามเลือกตั้งเข้าทางยี่ห้อ “ทักษิณ”
เปิดทางให้เสือลำบากกลับมาถืออำนาจ
รับมือลำบาก ต่อกรยากขึ้นอีกหลายเท่า
เหนืออื่นใด มันไม่ได้มีแค่เหตุผลภายใต้เกมอำนาจทาง การเมืองเท่านั้น
มันยังต้องเผื่อเหตุผลเหนือเหตุผล
ปัจจัยนอกเหนือจากการเมือง สถานการณ์ที่เกินวิสัยจะคาดการณ์
สรุป ทหารกุมอำนาจไว้ในมือปลอดภัยสุด.

“ทีมการเมือง”
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้