ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

มาติดตามข่าวสารต่างๆที่น่าสนใจกันครับ

[คัดลอกลิงก์]
โผบิ๊กตํารวจคลอด เก็บกรุ'นายพลแดง'
  
            
   
             ‘ประวิตร’หัวโต๊ะก.ตร. สายทหารกํานันฉลุย ชิง‘ผู้การ’ว่าง70เก้าอี้
โผโยกย้ายบิ๊กตำรวจเรียบร้อยโรงเรียน คสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. ส่วนใหญ่เป็นไปตามคาดยกเว้นเดอะใหม่-พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ตกม้าไม่ได้เป็น ผบช.ศชต.ดูแล 3 จังหวัดใต้ หนำซ้ำยังโดนโยกไปเป็นจเรตำรวจ ขณะที่ตำรวจสายทหาร-สายพระกำนัน ขึ้นกันพรึบ โฟกัสที่เก้าอี้ใหญ่ภาค 8 ฐานกำลังอดีตเลขา กปปส. เดอะหนวด-พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร เด็กก้นกุฏิคว้าไป ขณะเดียวกัน บิ๊กกากี สายทักษิณและคนเสื้อแดงเก็บของโดนย้ายเข้ากรุถ้วนหน้า
โผนายพลใหญ่คลอดแล้ว โดยเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ก.ตร.วาระพิเศษ พิจารณาแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.ผบช.ประจำปี 57 โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท. ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ตั้งกองเกียรติยศต้อนรับ ใช้เวลา ประชุม 1 ชั่วโมง การพิจารณาเป็นตามบัญชีรายชื่อที่ พล.ต.อ.วัชรพลเสนอโดยปรับแก้บัญชีรายชื่อ 4 ตำแหน่ง ได้แก่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 32 สายตรง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นรอง จตช.สลับ พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 สายตรงคนเสื้อแดง เป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และสลับ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ที่มีชื่อเป็น ผบช.ศชต.เป็น จตช.(สบ 9) ขยับ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ จตช.(สบ 9) สายตรง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เป็น ผบช.ศชต.
ระดับรอง ผบ.ตร.ว่าง 7 ตำแหน่ง ได้แก่ พล.ต.ท. เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 31 ร่วมรุ่น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 36 อดีต ผบช.น.เป็น รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน จตช. พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ และ พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชษฐ์ ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร.เป็น รอง ผบ.ตร. และขยับ พล.ต.อ.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. เป็น จตช. พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ พล.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล รอง จตช.ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร.
ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 13 ตำแหน่ง ได้แก่ พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ผบช.สงป. พล.ต.ท. ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.วัฒนา สักกวัตร จตร.(หน.จต.) พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 นรต.รุ่น 34 สายตรงคนเสื้อแดง พล.ต.ท. สุวิระ ทรงเมตตา ผบช.ศ. พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง ผบช.ส. พล.ต.ท.จิตต์เจริญ เวลาดีวงณ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผบช.สทส. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ขยับ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต. รุ่น 32 สายตรง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 มือปราบคนสนิท พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร.เป็น จตช.(สบ 9)
ระดับ ผบช. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก. รรท.ผบช.ภ.1 นรต.รุ่น 35 สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็น ผบช.น.ดูแล ทุกข์สุขคนเมืองหลวง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ.ช่วยราชการ รอง ผบช.น. นรต.รุ่น 31 เพื่อน ร่วมรุ่น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร.มือทำงานด้านสอบสวนของ คสช.ขยับเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธเนตร พิณเมืองงาม รอง ผบช.ภ.2 สายตรง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็น ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต.รุ่น 31 เพื่อนสนิท “บิ๊กต๊อก” พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็น ผบช.ภ.3 พล.ต.ต. บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ รอง ผบช.ภ.4 นรต.ร่วมรุ่น พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร.เป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต. ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 นรต.รุ่น 34 ลูกชาย พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีต อ.ตร.ผงาด ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบช.สกพ. นรต.รุ่น 34 เป็น ผบช.ภ.6 ดูแลพื้นที่เหนือตอนล่าง
พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภักดี รอง ผบช.ภ.4 นรต.รุ่น 33 สายตรง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ขยับเป็น ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร รอง ผบช.ก. สายพระกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันทน์ รอง ผบช.สตม. นรต.รุ่น 29 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.เป็น ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ จตช.(สบ 9) สายตรง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขยับเป็น ผบช.ศชต.
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบช.ก. สายตรง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เป็น ผบช.ส.คุมงานข่าวกรอง พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี รรท.ผบช.สตม.นรต.36 สายตรง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.เป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.พรหมธร ภาคอัต รอง ผบช.ศ.เป็น ผบช.ศ. พล.ต.ต.ปัญญา เอ่งฉ้วน รอง ผบช.กมส.มือสอบสวนสาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ขยับขึ้นเป็น ผบช.กมส.
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.นรต.31 มีภารกิจสำคัญ และสานต่อโครงการ “ตำรวจผู้รับใช้ชุมนุม” นโยบาย พล.ต.อ.สมยศ ว่าที่ ผบ.ตร.อยู่ที่เดิม พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่เป็น รอง ผบก. เป็น จตร. พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ภ.3 เป็น จตร. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 สายตรง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็น จตร. พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผบช.ภ.9 เป็น จตร. พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค รอง ผบช.ภ.6 เป็น ผบช.ตส. พล.ต.ต.สมบูรณ์ ตันตระกูล รอง พตร.เป็น พตร. พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด รอง จตร.เป็น ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.รุ่งฤทธิ์ ซุ่นทรัพย์ รอง ผบช.ภ.2 เป็น ผบช.สยศ. พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ รอง ผบช.ภ.7 เป็น ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร.
พล.ต.ท.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบช.สยศ.เป็น จตร. พล.ต.ต.สุรพล ทองประเสริฐ รอง ผบช.ส. เป็น จตร. พล.ต.ต.วิษณุ ปราสาททองโอสถ รอง จตร.อดีตหน้าห้อง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็น ผบช.สทส. พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัตน์ รอง ผบช.น.เป็น จตร. พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท รอง ผบช.จตร.เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.มนู เมฆหมอก รอง ผบช.ภ.7 นายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.ได้แรงหนุน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร.เป็น ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบช.ภ.5. นรต.รุ่น 38 อดีตนายเวร พล.ต.อ.สมชาย วาณิชเสนี รอง อ.ตร. เป็น ผบช.สกพ. พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส.เป็น จตร. ให้ “มือปราบศยามล” พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร รอง จตร. เพื่อนรัก พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ เป็น ผบช.ปส.ดูแลงานยาเสพติดแทน
ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า การประชุม ก.ตร.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รายชื่อตามที่ ตร.ประชุมให้ความเห็นชอบเกือบทั้งหมด มีปรับเพื่อความเหมาะสมเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เป็นการพิจารณาเพื่อความเหมาะสมและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การประชุมเป็นเอกฉันท์ในทุกบัญชีรายตามที่ได้นำเสนอ ก.ตร. เป็นการแต่งตั้งที่พิจารณาตามความรู้ ความสามารถ ตามคุณวุฒิความรู้ และประสบการณ์ของผู้ได้รับการแต่งตั้ง และพิจารณาตามลำดับอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่มีอาวุโสจะได้รับการพิจารณา ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องความรู้ ความสามารถ ส่วนบุคคลที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ จะไม่ได้รับการพิจารณาทุกตำแหน่ง ไม่มียกเว้นเป็นไปตามกฎ ก.ตร.ส่วนการพิจารณาข้าราชการตำรวจในระดับรอง ผบช.ถึง ผบก.จะเริ่มเข้ากระบวนการ เท่าที่ทราบในระดับ ผบก.น่าจะมีตำแหน่งว่างประมาณ 70 ตำแหน่ง
                                
                        

วัดปัด120ล. หลวงพ่อพิมพ์ มีแค่6แสน                               
                                       

               
                                                                                                        พนักงานสอบสวนสอบปากคำ “พระมหาบัว” พระน้องชาย “หลวงพ่อพิมพ์” พร้อมขอดูบัญชีเงินฝากของวัดเวฬุวัน เพื่อตรวจสอบยอดเงินบริจาค เผยมีเงินอยู่ในบัญชีเพียง 6 แสนบาทเศษ ไม่ได้มีถึง 120 ล้าน ตามที่สื่อบางสำนักรายงาน อ้างเตรียมไว้ก่อสร้างสะพานคอนกรีตเชื่อมระหว่างวัดกับหมู่บ้าน แถมยืนยันหลวงพ่อไม่ได้เผ่นออกจากโรงพยาบาลชัยภูมิกลางดึกตามข่าวลือ ด้าน “ผอ.นพรัตน์” จ่อนำกรณีการประกาศละสังขารของพระหลวงพ่อพิมพ์เข้าที่ประชุม มส. สั่งห้ามพระสงฆ์ทั่วประเทศเลียนแบบ เพราะหมิ่นเหม่ต่อการเข้าข่ายการอวดอุตริมนุสธรรม
หลังเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วประเทศ กรณีพระครูเวฬุวัน จันทะรังสี หรือ “หลวงพ่อพิมพ์” อายุ 65 ปี เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน หมู่ 4 บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ประกาศละสังขารในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 21.00 น. ซึ่งหมายถึงวันที่ 9 ก.ย.2557 ที่ผ่านมา โดยเข้าไปนอนในโลงศพที่ทำด้วยไม้มะค่า ขอบโลงเจาะรูหลายสิบรู และสั่งกำชับลูกศิษย์ให้เปิดโลงศพได้ในเย็นวันที่ 11 ก.ย. หลังละสังขารไปแล้ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้าน แห่กันไปดูการละสังขารของหลวงพ่อพิมพ์ไม่ขาดสายจนแน่นขนัดไปทั้งวัด กระทั่งเย็นวันที่ 10 ก.ย. พระราชภาวนาวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ สุขอิ่ม ผกก.สภ.คอนสาร นำกำลังไปตรวจสอบที่วัด พบหลวงพ่อพิมพ์ ออกจากโลงศพมานั่งสมาธิอยู่ข้างโลงแล้ว อ้างตายแล้วฟื้นเพราะเทวดาไม่รับวิญญาณ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงนำตัวส่ง รพ.คอนสาร ให้แพทย์ตรวจร่างกายเนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสังเกตการณ์ที่วัดเวฬุวัน หมู่ 4 บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ช่วงเช้ามีญาติโยมประมาณ 50 คนมาปฏิบัติธรรมบนศาลา โดยมีพระมหาบัว ปิยวัณฺโณ พระน้องชายหลวงพ่อพิมพ์ เป็นผู้ให้ศีลให้พรแก่ญาติโยม บรรยากาศทั่วไปเงียบเหงา แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับช่วงที่มีกระแสข่าวการละสังขารของ หลวงพ่อพิมพ์ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งช่วงนั้นมีบรรดาศิษยานุศิษย์และญาติโยมหลายพันคน หลั่งไหลกันมาเฝ้าดูการละสังขารของหลวงพ่อพิมพ์จนแน่นขนัด พื้นที่ภายในวัดแทบไม่มีที่ยืน แต่ขณะนี้ สถานการณ์ทั่วไปกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ต่อมาเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.เฉลิม ฤาชา รอง ผกก.สส. สภ.คอนสาร และ พ.ต.ท.บุญส่ง แอ้นชัยภูมิ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ สภ.คอนสาร รุดไปสอบปากคำ พระมหาบัว ปิยวัณฺโณ พระน้องชายหลวงพ่อพิมพ์ และทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง ก่อนเปิดเผยว่า ได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั่วไปเพื่อทำบันทึกรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมกับตรวจสอบบัญชีเงินฝากของทางวัด ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพระมหาบัวเป็นอย่างดี โดยพระมหาบัวนำบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน สาขาภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ระบุชื่อบัญชีวัดเวฬุวัน มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูพบว่ามีเงินฝาก 6 แสนบาทเศษเท่านั้น
พระมหาบัว ปิยวัณฺโณ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วัดพร้อมให้ความร่วมมือกับทางการในทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องเงินของทางวัด ที่ได้จากการรับบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมทำนุบำรุงพระศาสนา ซึ่งเงินในบัญชีดังกล่าวมีเพียง 624,282.25 บาท ไม่ได้มีมากถึง 120 ล้านบาท ตามที่สื่อบางฉบับนำเสนอข่าวไป และเงินจำนวน 6 แสนบาทเศษนี้ จะนำไปก่อสร้างสะพานคอนกรีต เชื่อมทางระหว่างวัดกับหมู่บ้าน ซึ่งได้ลงเสาเอกไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าหลวงพ่อพิมพ์หายตัวออกจาก รพ.ศูนย์ชัยภูมิเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเป็นความจริงหรือไม่ พระมหาบัวรีบยกโทรศัพท์สอบถามญาติที่เฝ้าอาการอาพาธของหลวงพ่อพิมพ์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนยืนยันว่าหลวงพ่อพิมพ์ ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ชัยภูมิ อาคารตึก 8 ชั้น อยู่ชั้นที่ 7 ห้อง 1704 ขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ แต่แพทย์ต้องการจะตรวจร่างกายให้ละเอียดมากที่สุดถึงจะอนุญาตให้กลับวัด ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.พงศ์ศักดิ์ สุขอิ่ม ผกก.สภ.คอนสาร ยืนยันเช่นกันว่าหลวงพ่อพิมพ์ยังอยู่ที่ รพ.ชัยภูมิ เพราะต้องสแกนตรวจร่างกายอีกหลายอย่าง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ นพ.สมปอง เจริญวัฒน์ ผอ.รพ.ชัยภูมิ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงว่าหลวงพ่อพิมพ์ยังอยู่ที่โรงพยาบาลหรือไม่ โดยนพ.สมปองกล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. เวลา 18.00 น. รพ.ชัยภูมิ ได้รับตัวหลวงพ่อพิมพ์เข้ารักษาตัวจริง แต่บอกไม่ได้ว่าขณะนี้หลวงพ่อยังอยู่หรือไม่ เพราะเป็นความประสงค์ของคนไข้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่หลวงพ่อพิมพ์พักฟื้นร่างกายอยู่ที่ รพ.คอนสาร ได้มีสีกา อายุ 30 ปีเศษ คอยนวดเฟ้นแขนขาให้หลวงพ่อจนเป็นที่โจษขานกันว่าไม่เหมาะสมนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามญาติที่เฝ้าไข้หลวงพ่อพิมพ์ ให้ข้อมูลอ้างว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นบุตรสาวของหลวงพ่อพิมพ์ ชื่อนางชนากานต์ จายะนะ อายุ 41 ปี เป็นอดีตพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสะพานควาย กรุงเทพฯ ปัจจุบันลาออกมาคอยดูแลหลวงพ่อเนื่องจากชราภาพมากแล้ว และอาจเป็นเหตุให้ผู้พบเห็นเข้าใจผิดได้
วันเดียวกัน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีพระครูเวฬุวันว่า ได้ประสานเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิไปว่า หลังจากที่พระครูเวฬุวัน มีสุขภาพดีแล้ว ให้สอบถามข้อเท็จจริงถึงการที่พระครูเวฬุวันออกมาประกาศว่าจะละสังขารว่าเกิดจากสาเหตุอะไร หากไม่ได้เกิดมาจากความเครียดจากการอาพาธหลายโรค แต่ออกมาประกาศละสังขารเพราะคิดไปเองเหมือนกับหยั่งรู้ดินฟ้า คงต้องมีการตักเตือน พร้อมกันนี้ตนยังทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชัยภูมิ ให้ตรวจสอบเรื่องที่มาที่ไปของเงินบริจาคของวัดเวฬุวันด้วย
“การประกาศละสังขารของพระสงฆ์นั้น ค่อนข้างจะหมิ่นเหม่ต่อการเข้าข่ายการอวดอุตริมนุสธรรม ดังนั้น ตนจะนำกรณีการประกาศละสังขารของพระครูเวฬุวัน รายงานให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) รับทราบ เพื่อแจ้งกำชับพระสงฆ์ทั่วประเทศ ไม่ควรมีความประพฤติเช่นนี้ เพราะส่อเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม เนื่องจากสามารถทำให้คนหลงเชื่อได้ นอกจากนี้จะหารือ มส.ด้วยว่ามีพฤติกรรมในลักษณะใดของพระสงฆ์อีกที่จะเข้าข่ายเช่นเดียวกับการประกาศละสังขาร เพื่อจะได้ออกเป็นมติ มส. แจ้งเวียนไปทั่วประเทศต่อไป” นายนพรัตน์กล่าว
                               
                       

                            ระทึก!หญิงตกคอนโดT-3เมืองทองธานีดับอนาจ                                                                                                                   
                            ที่มา : MThai News
                                                            เกิดเหตุหญิงพลัดตก คอนโดT-3 ภายในเมืองทองธานี เสียชีวิต เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุ
เมื่อเวลาประมาณ 04.40น. เกิดเหตุ หญิง (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) อายุประมาณ 20-30ปี 1 คน พลัดตกจากคอนโด T-3 ภายในเมืองทองธานีเสียชีวิต ในลักษณะคว่ำหน้า สวมเสื้อกล้ามสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ขายาว และมีเสื้อคลุม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต และหาพยานหลักฐาน ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป                                                                        
                                                            

ชาวเน็ตชื่นชม! กระเป๋ารถเมล์รุ่นเด็ก รถร่วมสาย 182                                                     
                                                                                       
                            ที่มา : sanook.com
                                                            โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างพากันชื่นชมภาพเด็กชาย อายุราวๆ 9-12 ปี ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานเก็บสตางค์ หรือ กระเป๋ารถเมล์ ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่เขินอายที่จะทำมาหากิน เต็มใจให้บริการ พร้อมกับมีรอยยิ้มให้กับผู้โดยสารตลอดเวลา

ผู้ใช้เว็บไซต์ยูทูปชื่อ Aus N.K.L ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 1 นาที ชื่อว่า "ตอนคุณอายุเท่านี้ คุณทำอะไรกันอยู่ ???" ที่กำลังถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ ภาพเด็กชายกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นกระเป๋ารถเมล์ บนรถโดยสารประจำทางสาย 182 ซึ่งเป็นรถร่วมบริการ วิ่งตามเส้นทางระหว่าง รามคำแหง 2 - หมอชิต โดยเด็กชายเป็นทำหน้าที่ได้อย่างคล่องแคล่วและรู้ราคาโดยสารเป็นอย่างดี อีกทั้งยังยิ้มแย้มร่าเริงระหว่างให้บริการผู้โดยสาร

ทั้งนี้ จากคลิปดังกล่าวเชื่อว่าเด็กชายน่าจะใช้เวลาหลังจากเลิกเรียนที่โรงเรียน ช่วยพ่อแม่ทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์ในช่วงค่ำ สร้างความประทับใจและคำชื่นชมจากผู้คนในโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก                                                                                    



ไฟไหม้ตลาดนัดจตุจักรโครงการ 12 วอด 6 ห้อง
                                                                                                                  
                            ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
                                                            ขอบคุณภาพจากเหนือ16-46 จนท.บรรเทา

เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในตลาดนัดจตุจักรโครงการ 12 เพลิงวอด 6 ห้อง จากนั้นไม่เกินครึ่งชม. จนท.สามารถเข้าควบคุมเพลิงได้ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตร.เตรียมหาสาเหตุต่อไป...

เมื่อเวลา 7.10 น. วันที่ 16 ก.ย. ตำรวจ สน.บางซื่อ รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในตลาดนัดจตุจักร โครงการ 12 ถนนกำแพงเพชร แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. พร้อมประสานงานรถดับเพลิงจากสถานีดับเพลิงสุทธิสารจำนวน 2 คัน รุดไปตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุไฟได้ลุกไหม้ถึง 6 ห้อง จากนั้นประมาณครึ่ง ชม.จึงควบคุมเพลิงได้ เบื้องต้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากเป็นเวลาเช้า ยังไม่มีใครมาเปิดร้านดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป.                                                                        
                                                            

สะเทือนใจ แม่ถูกรถชนขาหัก เปิดอกให้นมลูกกลางถนน
                                                                                                                   
                            ที่มา : kapook.com
                                                            ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณเรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            คู่สามีภรรยาชาวพม่าขี่รถมอเตอร์ไซค์อุ้มลูกประสบอุบัติเหตุบนถนนได้รับบาดเจ็บ ฝ่ายแม่ขาหักนั่งรอความช่วยเหลือ เปิดอกให้นมลูกกลางถนน ปลอบไม่ให้ร้องตกใจ


            วันที่ 16 กันยายน 2557 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 เผยคลิปภาพอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคู่สามีภรรยาชาวพม่า โดยรถจักรยานยนต์ที่่ฝ่ายชายขี่และฝ่ายหญิงที่อุ้มลูกนั่งซ้อนท้ายมา ถูกรถกระบะแล่นตัดหน้าจนล้มลง แม้ในอุบัติเหตุไม่ปรากฏผู้ใดได้รับบาดเจ็บร้ายแรง โดยฝ่ายชายศีรษะแตกเลือดไหลซึม ส่วนฝ่ายหญิงขาขวาหัก เจ้าหน้าที่จราจรเข้ามาดูแลเหตุการณ์และรอความช่วยเหลือจากรถพยาบาล แต่ภาพที่เห็นนั้นเป็นที่สะเทือนใจเมื่อฝ่ายหญิงเลิกเสื้อขึ้นให้ลูกน้อยวัย 8 เดือน ดูดนมกลางถนนท่ามกลางแดดร้อน เพื่อปลอบลูกที่ร้องไห้ด้วยความตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

            ภาพที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าสะเทือนใจกับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดีจากภาพที่ปรากฏไม่พบว่าทารกได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

คลิป เปิดภาพแม่ชาวพม่าประสบอุบัติเหตุรถชนจนขาหักต้องให้นมลูกกลางถนน (16ก.ย.57)
: เครดิต รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร                                                                                    



คุมตัวชาวพม่า ผู้ต้องสงสัยฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่าสอบสวน
                                                                                                                   
                            ที่มา : sanook.com
                                                            16 ก.ย. - ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักคนงานภายในบังกะโลเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ควบคุมตัวชาวพม่าผู้ต้องสงสัยฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ

ชุดสืบสวนตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี และตำรวจภูธรภาค 8 กระจายกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักคนงานภายในบังกะโลเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมกัน 3 จุด เพื่อติดตามไล่ล่าคนร้ายฆ่า นายเดวิด มิลเลอร์ และ นางสาวฮานนาห์ วิทเธอร์ริจ นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.)

จากการตรวจค้นบ้านพักคนงานอินทัชบังกะโล พบกางเกงยีนส์เปื้อนเลือดอยู่ภายในห้องพัก จึงควบคุมตัวแรงงานชาวพม่า 3 คน ไปสวบสวนที่สถานีตำรวจภูธรย่อยเกาะเต่า และตรวจดีเอ็นเอ นำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานที่เก็บได้จากบริเวณเกิดเหตุ โดยเฉพาะถุงยางอนามัยใช้แล้ว และอสุจิภายในช่องคลอดนางสาวฮานนาห์ - สำนักข่าวไทย                                                                        
                                                            

แอร์พอร์ตลิงค์ ส่อเค้าหยุดวิ่งต้องซ่อมบำรุง ซีเมนส์ไม่มีอะไหล่สำรอง
                                                                                                                   
                            ที่มา : MThai News
                                                            วันนี้(16 ก.ย.) มีรายงานข่าวว่า  นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าด้านโครงสร้างพื้นฐาน 1 การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประเมินความเสี่ยงการให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์ โดยจะมีความชัดเจนในสัปดาห์นี้ว่าแอร์พอร์ตลิงค์จะต้องหยุดวิ่งหรือไม่

เนื่องจากในปัจจุบันมีรถที่พร้อมวิ่ง 5 ขบวนจากที่มีรถทั้งหมด 9 ขบวน ซึ่งภายใน2 เดือนนี้รถทั้ง 9 ขบวนจะวิ่งครบ 1.3 ล้านกิโลเมตรและต้องมีการซ่อมบำรุงใหญ่ เพราะว่า หากไม่ซ่อมแล้วนำมาให้บริการไม่มีใครมั่นใจรับรองความปลอดภัย ซึ่งสองทางเลือกของแอร์พอร์ตลิงค์ที่มีตอนนี้คือ เร่งซ่อมบำรุงอะไหล่สำคัญหลัก เพื่อยืดระยะเวลาอายุการวิ่งเพื่อรอการซ่อมบำรุงใหญ่

โดยอาจจะใช้เวลาแล้วเสร็จประมาณ 3 เดือน  แต่ปัญหาคือทางซีเมนส์ที่เป็นผู้ผลิตรถไม่มีอะไหล่สำรองแล้ว และต้องมีคำสั่งซื้อที่แน่นอนก่อนถึงจะผลิตให้ได้นั่นอาจจะต้องใช้เวลา7-8เดือน

อีกทางคือหาอะไหล่ที่มีอยู่ในท้องตลาดซึ่งเห็นที่อังกฤษอาจจะนำอะไหล่มาใช้เปลี่ยนกันได้ หากไม่มีจริงๆจำเป็นต้องหยุดให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ์งก์เป็นการชั่วคราวก่อนระหว่างรอการซ่อมบำรุงใหญ่ ซึ่งประเมินต้องใช้เวลาจัดซื้อจัดจ้างอีก 5 เดือน หาผู้ชนะประมูลสั่งอะไหล่รออีก 7-8เดือน ทำการซ่อมแซมอีก 2-4 เดือนรวมแล้วใช้อย่างน้อย 1 ปี

ทั้งนี้ปัจจุบันแอร์พอร์ตลิงค์ยังไม่หยุดให้บริการและเปิดวิ่งบริการตามปกติ                                                                        
                                                            

เทศกาลกินเจเงินสะพัด3,700ล้าน
                                                                                                                   
                            ที่มา : เดลินิวส์
                                                            รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย แจ้งว่า เทศกาลกินเจปีนี้ ระหว่างวันที่ 24 ก.ย.-2 ต.ค. คาดว่าคนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ จะมีการใช้จ่ายเงินด้านอาหา รและเครื่องดื่มเจ สะพัดกว่า 3,700 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 240 บาทต่อคน จากปีก่อนอยู่ที่ 200 บาทต่อคนคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่นิยมซื้ออาหารสำเร็จรูป จากร้านอาหารข้างทาง ในรูปแบบของการตักขาย มากกว่าการซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารเอง ขณะที่นอกเหนือจากอาหารมื้อหลักแล้ว อาหารว่างในช่วงเทศกาลกินเจที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุด ได้แก่ นมถั่วเหลือง น้ำผัก และผลไม้

ทั้งนี้แม้ว่าแรงกดดันด้านค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือน ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน จะมีผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค แต่การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหาร และเครื่องดื่มที่มีความจำเป็น ซึ่งผู้บริโภคได้มีการใช้จ่ายเป็นประจำในช่วงปกติอยู่แล้ว จึงมองว่าผู้บริโภคจะสามารถปรับตัวได้ และไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจมากนัก ประกอบกับผลจากการทำกลยุทธ์ทางการตลาดของผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ด้านราคา กลยุทธ์ด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มีส่วนสร้างบรรยากาศและกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคให้คักคักในเทศกาลกินเจในปีนี้

“อาหารเจส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยแป้งและเส้นใย จึงอาจทำให้ผู้บริโภครู้สึกหิวเร็วขึ้น ดังนั้น ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับอาหารเจทานเล่น ในระหว่างมื้อที่เพิ่มขึ้น และปีนี้มีเทศกาลกินเจถึง 2 ช่วง และผู้ประกอบการหลายราย ก็มีการวางแผนที่จะจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเจ เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคบางคนที่มีการกินเจทั้ง 2 ช่วง ซึ่งจากปัจจัยหนุนดังกล่าว ก็น่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายของผู้ประกอบการให้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ในช่วงเทศกาลกินเจ ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายวัตถุดิบอาหารเจ ธุรกิจร้านค้าปลีก และธุรกิจร้านอาหาร”                                                                        
                                                            

กิดเหตุสยอง หลังเจ้าหน้าที่ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการแจ้งเหตุ พบคนโดดบ่อจระเข้ เผยเป็นหญิงชรา วัย 65 ปี เดินทางออกจากบ้าน โดดบ่อจระเข้สมุทรปราการดับ ญาติเผยเป็นโรคซึมเศร้า

สำหรับประเด็นดังกล่าว ได้มีการเผยแพร่และส่งต่อกันในโลกโซเซียล ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีภาพและข้อความว่า "มีป้ามากระโดดบ่อจระเข้"  จากประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ผู้สื่อข่าวช่อง 7 สี จังหวัดสมุทรปราการ ตามต่อประเด็นเพื่อสืบทราบข้อเท็จจริง

โดยทาง นายอุเทน ยังประภากร กรรมการผู้จัดการบริษัทฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ ได้ออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของฟาร์ม ว่ามีหญิงชรากระโดดลงไปในบ่อที่มีจระเข้อยู่หลายร้อยตัว จึงได้ทำการแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือ ขณะเดียวกันทั้งเจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยว ก็ได้พยายามช่วยเหลือหญิงชราคนนี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยไว้ได้

ที่เกิดเหตุพบเพียงกระเป๋าสตางค์ บัตรต่างๆ เสื้อผ้าของผู้เสียชีวิต รวมทั้งก้อนเนื้อ 1 ชิ้นลอยอยู่ในบ่อจระเข้ ภายหลังทราบชื่อ คือ นางวันเพ็ญ อินทรใย อายุ 65 ปี เป็นชาวจังหวัดอ่างทอง โดยญาติของผู้เสียชีวิต บอกว่า นางวันเพ็ญ เป็นโรคซึมเศร้า และเดินทางออกจากบ้านย่านร่มเกล้าตั้งแต่เช้าวันศุกร์

ทั้งนี้ ทางฟาร์มจระเข้ขอยอมรับ ว่าแม้จะมีมาตรการป้องกันอยู่แล้ว แต่หากมีคนตั้งใจจะมากระโดดฆ่าตัวตายก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัย แต่พร้อมให้ความร่วมมือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มที่


ข้อมูลจาก : เด็ดข่าวเด่น

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้