วัฏฏกปริตร นี้ มีนิยมให้พระสวดในงานขึ้นบ้านใหม่ เปิดสถานที่ทำงานใหม่ เปิดโรงงานใหม่ เปิดฟาร์มใหม่ เปิดร้านใหม่ ถือเป็นมนต์ป้องกันอัคคีภัย อนุโลมตามเหตุ ที่บังเกิดขึ้นของมนต์บทนี้ ดังนั้น จึงเป็นมนต์ที่น่ารู้ น่าให้พระสงฆ์สวด ตามประเพณีที่ผู้ใหญ่นิยมทำกันมา วัฏฏกปริตร แปลว่า มนต์เครื่องป้องกันของพญานกคุ่ม คือ เมื่อครั้งพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นนกคุ่มทรงกระทำสัตยาธิษฐานห้ามไฟ ดังนั้น ท่านพระโบราณจารย์จึงได้อัญเชิญพระปริตร ของพญานกคุ่มมาเข้าในพิธีสวดมนต์ในงานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น ดังกล่าวแล้ว แม้ในยันต์ของพระเวทย์ต่างๆที่นิยมทำไว้ประจำบ้าน สำหรับท่านที่นิยมผ้ายันต์ เช่น ยันต์ฉิมพาลี เป็นต้น ก็นิยมทำยันต์นกคุ่มไว้ด้วย โดยถือว่ายันต์นกคุ่ม เป็นยันต์ป้องกันไฟ นี่แสดงว่า วัฏฏกปริตร ทรงอานุภาพเรืองนามอยู่ในกลุ่มพระปริตรทั้งหลาย ปริตรหนึ่ง วัฏฏกปริตร นี้ มีตำนานเล่าไว้ว่า สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ในแคว้นมคขธรัฐ วันหนึ่งเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในพระนครพร้อมด้วยภิกษุทั้งหลาย ครั้นเวลาปัจฉาภัต (ฉันเสร็จแล้ว) เสด็จดำเนินกลับผ่านป่าใหญ่ โดยพุทธประสงค์หาความสงัด เพื่อจะได้เร้นอยู่เป็นผาสุกวิหารตามสมณวิสัย ขณะนั้น บังเอิญไฟไหม้ป่าลุกลามมาก เปลวไฟรุ่งเรือง ร้อนแรงทั้งลุกลามมาใกล้พระภิกษุทั้งหลาย ซึ่งขณะเดินติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้ามาด้วย ภิกษุที่ขลาดต่อมรณภัยก็ไม่อาจสงบใจไว้ได้ ชวนเพื่อนหาอุบายป้องกันต่างๆเป็นต้นว่า เราควรจะจุดไฟขึ้น เพื่อต้อนรับไฟป่าแล้วไฟป่าจะถอยกลับไปไหม้ทางอื่น แต่ในที่สุดก็ถูกเพื่อนที่ฉลาด ใจหนักแน่น ตำหนิ ห้ามว่า “คุณพูดอะไร?” ปลาดจริง ทำไมจึงไม่มองดูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นยอดของบุคคลในโลกนี้ และแม้ทั้งเทวโลกพระองค์เสด็จเป็นประธานอยู่ในหมู่เรา ไฉนพระองค์จะไม่ช่วยป้องกันปล่อยให้ไฟไหม้พวกเราเล่า ช่างคิดไปได้ จะให้ไฟห้ามไฟ นี่แสดงว่าท่านไม่รู้กำลังของพุทธานุภาพเลย ที่ถูกเราควรจะรีบคิดตามเข้าไปใกล้พระองค์ เพื่อจะได้ประจักษ์ชัดว่าพระองค์ทรงป้องกันพระองค์และพวกเราให้พ้นอัคคีภัยได้อย่างไร ว่าแล้วก็ชวนกันสาวท้าวรีบเดินติดตามขึ้นไปล้อมพระบรมศาสดาอย่างใกล้ชิด ครั้งนั้น พระบรมศาสดาประทับยืนในท่ามกลางภิกษุสงฆ์บริษัทเพื่อเผชิญหน้ากับไฟป่ากำลังลุกลามมารอบๆแต่ด้วยพุทธานุภาพ ไฟป่าที่ลุกลามมาใกล้ได้หยุดลงในที่ ๑๖ กรีสะ โดยรอบ เหมือนคบหญ้าดับลงด้วยกำลังน้ำ ฉะนั้น (คำว่า กรีสะ นั้นเป็นมาตราวัดพื้นที่โบราณ ๑ กรีสะ เท่ากับเนื้อที่ ๖๒ ตารางเมตร) เมื่อภิกษุเหล่านั้น ได้ประจักษ์พุทธานุภาพเป็นมหัศจรรย์ด้วยนัยน์ตาของตนเองอย่างนั้น ก็สรรเสริญพระพุทธานุภาพด้วยประการต่างๆพระบรมศาสดาจารย์จึงตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้ มิใช่เพียงแต่จะเป็นที่ป้องกันไฟในคราวนี้คราวเดียวเท่านั้น ภิกษุทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้ มิใช่เพียงแต่จะเป็นที่ป้องกันไฟในคราวนี้คราวเดียวเท่านั้น ภิกษุทั้งหลาย สถานที่ตรงนี้ มิใช่เพียงแต่ จะเป็นที่ป้องกันไฟในคราวนี้คราวเดียวเท่านั้น ภิกษุทั้งหลาย สถานที่ตรงนั้นจะไม่ถูกไฟไหม้อีกตลอดเวลาอีกกับป์หนึ่ง ที่นี้ชื่อว่า กัปปัฏฐิติปาฏิหาริย์ ภิกษุทั้งหลาย ไฟป่าไหม้มาถึงสถานที่นี้แล้ว พับลงนั้น เป็นเพราะอานุภาพของเราในบัดนี้ ก็หาไม่ ที่ถูกนั้น ควรจะว่า เป็นเพราะอานุถาพของความสัตย์ของเราในกาลก่อนโน้น”
|