ฤกษ์ร้อนแรง

Sornpraram

ฤกษ์ร้อนแรง


วันที่ 14 มิถุนายน  พ.ศ. 2559

ชกไม่มีมุม


วงค์ ตาวัน


พูดกันทีเล่นทีจริงมาตั้งแต่การกำหนดวันทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ โดยใช้ฤกษ์วันที่ 7 สิงหาคมนั้น ว่าช่างเลือกวันอันตรงกับประวัติศาสตร์ความ ขัดแย้งทางการเมืองของบ้านเรา วันที่เสียงปืนนัดแรกของฝ่ายคอมมิวนิสต์ดังขึ้นที่อีสาน


นับจากนั้นมาสงครามระหว่างคอมมิวนิสต์กับทหารรัฐบาลไทย ได้ขยายพื้นที่ไปทั่วประเทศ ก่อนจะมายุติลงได้ด้วยแนวทางการเมืองนำการทหารยุคป๋าเปรม มีพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้ผลักดัน


นำมาสู่คำสั่งที่ 66 /2523 เน้นการเจรจา เปิดกว้าง ให้คืนเมืองโดยไม่มีคดีอาญาติดตัว จนยุติไฟคอมมิวนิสต์ลงได้ในที่สุด


วันนี้คอมมิวนิสต์แทบจะหมดสิ้นไปจากโลกแล้ว เป็นไปตามยุคสมัย ยากจะฟื้นกลับมาได้


แต่บรรยากาศบ้านเมืองขณะนี้ เมื่อเข้าใกล้วันประชามติ ดูจะยิ่งร้อนระอุ ไม่แพ้วันเสียงปืนแตก!


จนเริ่มมีเสียงบ่นกันว่า ความขัดแย้งระหว่างสี ทำไมไม่หมดสิ้นไปเสียที


ตอนที่คสช.เข้ามาควบคุมบ้านเมือง คล้ายจะสงบลง ไปแล้ว แต่วันนี้เริ่มปรากฏตัวออกมาร้อนแรงกันอีกหน


ทั้งหมดนี้อธิบายได้ง่ายๆ ว่า ความคิดแตกต่างทาง การเมือง ต้องมีอยู่อย่างแน่นอนในทุกสังคม


อย่าไปปฏิเสธเลย หรืออย่าไปคิดว่าจะมีการปกครองแบบไหนที่จะกวาดล้างพวกคิดต่างให้หมดสิ้นไปได้


ไม่มีทาง!


ยุคปี 2516-2519 เป็นยุคความคิดฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวาปะทะกันดุเดือด จนเกิดแผนสังหารหมู่ 6 ตุลาคม 2519


ด้วยเป้าหมาย จะกวาดล้างฝ่ายซ้ายให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย


ผลก็คือ ทำให้ทหารคอมมิวนิสต์ยิ่งมีกำลังเพิ่ม แนวรบยิ่งขยายตัว จนป๋าเปรมต้องใช้สันติวิธีมายุติปัญหา


แนวทางเจรจาให้คืนเมืองโดยไม่มีคดีติดตัว นั่นก็คือ การยอมรับว่า ไม่มีทางจะไปกวาดล้างคนคิดต่างได้ มีแต่ต้องให้มีพื้นที่เปิดเผยสันติต่อสู้กันด้วยเหตุผลดีกว่า


มายุคความคิด 2 สี กลับไม่เรียนรู้ทางออกบ้านเมืองในอดีต ไม่ศึกษาการอยู่ร่วมกันของคนคิดต่างใน สังคมโลก


บ้านเมืองเรายังมีคนคิดคับแคบ คิดสุดโต่ง เชื่อว่าอุดมการณ์พวกตนเองเท่านั้นถูกต้องที่สุด ส่วนความคิดต่างต้องขจัดให้หมดสิ้น


บังเอิญพวกสุดโต่งมักมีอภิสิทธิ์แอบอิงอยู่กับ ผู้กุมอำนาจ ก็เลยคิดว่าตนเองคือฝ่ายชนะ เที่ยวไล่ล่าอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ


คราวนี้ความขัดแย้งเดิมๆ ก็เลยโผล่ออกมาปะทะ กันใหม่


ถ้าไม่ใช้มันสมองแก้ปัญหาอย่างที่ทำสำเร็จในอดีต


ถ้าไม่ยอมรับหลักการที่ว่าคนคิดต่างสามารถ อยู่ร่วมกันได้ โดยต้องยอมเปิดกว้างให้กับเหตุผลของแต่ละฝ่าย


ถ้าจะเอาแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่


สุดท้าย 7 สิงหาคม จะคล้ายปี 2508 จนได้!

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1465812898

morntanti

ประเทศนี้คงหาความสงบสุขยากขึ้น...ตราบใดที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยังมีความคิดแบ่งชนชั้น...ขนาดเพลงที่กกต.แต่งให้ออกไปทำประชามติเนื้อหายังแบ่งแยกภาคเหนือ อีสาน ใต้ ...อีกไม่นานคงถึงเวลาที่ประชาชนทนไม่ไหวจริงๆ....

oustayutt

อันจิงสุด