ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2114
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ล่าน้ำมันพราย ผีตายโหง

[คัดลอกลิงก์]

ล่าน้ำมันพราย ผีตายโหง 1

หลอน
นทธี ศศิวิมล


มี เรื่องที่พ่อผมเคยเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนเด็กๆ ว่าเมื่อสมัยพ่อวัยรุ่นเคยคบหาเพื่อนคนหนึ่ง เป็นพวกคนเล่นของ ชื่อลุงยง ได้ยินว่าเป็นลูกของคนที่สืบเชื้อสายมาจากหมอมนต์สายเขมร ตัวสูงโย่ง กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ผิวสีทองแดง สักยันต์อะไรต่อมิอะไรเต็มพรืดจนเขียวไปทั้งตัว ผู้หญิงก็เยอะจนจำไม่หมด เงินทองก็หาง่าย

พ่อผมเชื่อเอามากในตอนนั้น ไอ้เรื่องคาถาอาคมของขลัง ขนาดยังแค่วัยรุ่นแต่สักยันต์พกเครื่องรางเต็มตัวไปหมด ก็ได้มาจากเพื่อนคนนี้ทั้งนั้น และลุงยงเองก็ชอบที่จะพาพ่อไปไหนมาไหนด้วยโดยเฉพาะตอนที่ต้องไปหาพวกมวลสาร มาปลุกเสกเครื่องราง แกบอกว่าจากวันเดือนปีเกิดของพ่อ พ่อเป็นคนดวงแข็ง ผีไม่กล้าเอาไปไหนด้วยแล้วทางสะดวกดี ส่วนพ่อผมเองก็สนุกสนานไปด้วย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พ่อบอกว่าจะจำไปจนตาย เพราะนอกจากจะไม่สนุกแล้ว ยังเล่นเอาจับไข้อยู่หลายวัน ผมร่วงเป็นหย่อมๆอย่างที่เขาว่ากันว่าหัวโกร๋น แล้วหลังจากนั้นก็เข็ดกลัวจนไม่กล้าตามลุงยงไปไหนมาไหนอีก

เรื่อง ของเรื่องคือ ตอนนั้นลุงยงได้รับออร์ เดอร์มาจากลูกค้ากระเป๋าหนักรายหนึ่ง ว่าต้อง การน้ำมันพรายจากผีตายโหงและพอดีว่าเมื่อเดือนก่อนที่ป่าช้าใกล้บ้านลุงยงมี การนำศพของหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายเพราะคนรักนอกใจมาฝัง ซึ่งตรงกับตำราทำน้ำมันพรายที่ว่าต้องใช้ศพของผีที่ตายร้าย ถ้าตายเพราะเหตุแห่งความรักยิ่งดี "แต่จะให้ดีที่สุดขลังที่สุดคือต้องเป็นศพของผีตายทั้งกลม ถ้าโชคดีอาจจะได้เด็กในท้องมาทำลูกกรอกกุมารทองได้ด้วย" ลุงยงว่าอย่างนั้น แต่ช่วงนั้นไม่มีเสียด้วยซึ่งพ่อก็บอกว่าดีแล้ว ให้ผ่าศพด้วยคงไม่ไหวเหมือนกัน

คืนวันนั้น ลุงยงดูฤกษ์ยามก่อนออกจากบ้านกลางดึกคืนหนึ่ง สั่งพ่อไว้ว่า ให้ตามติดอยู่ใกล้ๆลุงยงไว้อย่าไปไหนไกล และถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ห้ามตกใจวิ่งเตลิดหนี เพราะในป่าช้าตอนที่ทำพิธีต้องปลุกผีส่วนหนึ่งขึ้นมา มันอาจจะทำอันตรายเราไม่ได้แต่ทำให้เราตกใจจนกระทั่งมีอันเป็นไปคือเป็นบ้า หรือถึงแก่ชีวิตเอาได้เหมือนกัน พ่อผมก็เริ่มปอด แต่ลุงยงก็ยังคงยืนยันว่า บอกไว้ก่อนเพื่อเตือนเฉยๆ แต่ไม่มีอะไรหรอก ว่าแล้วก็ยังเอาสายสิญจน์คล้องข้อมือพ่อไว้ให้ด้วยเพื่อเพิ่มกำลังใจ

พ่อ เล่าว่าลุงยงเข้าป่าช้าไปพร้อมของสามอย่าง คือมีดหมอ ขันรองน้ำมันพราย และเทียน ไม่ได้มีข้าวสารเสก น้ำมนต์หรือวงล้อมสายสิญจน์อย่างที่เราเคยเห็นในหนังผีตลกๆ ลุงแกบอกว่า อาคมมันอยู่ที่ตัวแกแล้ว พ่อยังจำได้ว่าแกใส่กางเกงแบบผูกเอวสีแดงสด เปลือยท่อนบน เดินเคี้ยวหมากหยับๆ อ้อ หมากที่ว่าก็เป็นหมากเสก แต่จะให้ผลอย่างไรพ่อก็จำไม่ได้แล้ว และยังให้พ่อเตรียมกล้วย มะพร้าว และธูปอีกกำใหญ่ๆ

กลางดึกคืนนั้น พ่อเดินตามลุงยงเข้าไปที่ป่าช้าอย่างหวาดๆ แม้จะชอบเรื่องพวกนี้ แต่การลนน้ำมันพรายกับผีจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ฟังดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย อากาศในคืนนั้นค่อนข้างร้อนอบอ้าวเพราะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่พอเข้าเขตป่าช้าพ่อก็รู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึง หัวแทบจะทันที ลุงยงเพื่อนพ่อเริ่มบริกรรมคาถาเปิดป่าช้าตอนนั้นเองลมพัดซู่เดียวอย่าง แรงกระแทกร่างทั้งสองจนแทบล้ม พอลมหมดลุงยงให้พ่อเอามะพร้าว กล้วย วางที่พื้น แล้วจุดธูปทั้งหมด พูดเสียงดังขออนุญาตนายป่าช้าทั้งสอง คือตากาลาและยายกาลี ว่าจะขอเข้าไปจับพรายออกมาใช้งานแล้วจะไม่รบกวนอื่นใดอีก

หลังจาก นั้นรอจนธูปดับถือว่าอนุญาตแล้วก็ค่อยเดินเข้าไปในป่าช้า ตรงไปยังหลุมศพที่ฝังศพเด็กสาวฆ่าตัวตายอยู่ ตอนนั้นลุงยงหันกลับมาย้ำกับพ่ออีกครั้ง

"มีอะไรเกิดขึ้นมึงอย่าวิ่ง อย่าตกใจ อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวกูจัดการได้"

ทั้งสองช่วยกันเอาไม้ขุดดินที่หน้าโลงแล้วโกยออก เนื่องจากเพิ่งฝังมาได้ไม่ถึงเดือนดินเลยยังนุ่ม หลังจากนั้นก็งัดฝาโลงออกมา

ตอน นั้นเองที่พ่อเล่าว่าได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงหวีดร้องตกใจ แต่ลุงยงก็รีบท่องคาถาอะไรสักอย่างจนเสียงนั้นเงียบลงไปแล้วให้พ่อช่วยพยุง ร่างนั้นให้ลุกนั่งขึ้นมา พ่อผมทำใจดีสู้เสือ พยุงร่างศพขึ้นมานั่งทั้งที่มือสั่นเทา ลุงยงเริ่มจุดเทียนอาคมที่เตรียมมา ท่องคาถาต่อแล้วยกเทียนลนที่ใต้คางศพ ขณะนั้นเอง ที่พ่อบอกว่าเหมือนมีเสียงร้องไห้โฮๆ ดังขึ้นมา และศพก็หนักอึ้งเหมือนจะดันแขนของพ่อลงนอนเหมือนเดิม

"เฮ้ย ยง กูดันไม่ไหวแล้ว" พ่อร้อง

ลุง ยงรีบวางเทียนกับขัน หยิบมีดหมอออกมา จิ้มลงที่กลางหน้าผากของศพแล้วเสกคาถาอะไรสักอย่างเสียงดังลั่น สักพักร่างศพนั้นก็อ่อนแรงลง ลุงยงท่องคาถาปลุกผี เพื่อให้วิญญาณนางผีหรือพรายเข้าไปอยู่ในน้ำมันด้วย ขั้นตอนนี้เองที่พ่อบอกว่า ได้ยินเสียงเหมือนคนฮือฮาทั่วทั้งป่าช้า

(อ่านต่อตอนสอง)


2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-27 14:21 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ล่าน้ำมันพราย ผีตายโหง 2

หลอน
นทธี ศศิวิมล


คาถา ของลุงยงไม่ได้ปลุกแต่นางผีที่จะเอาน้ำมัน แต่ปลุกผีตัวอื่นขึ้นมาด้วย พื้นดินใต้เท้าสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว ผมฟังถึงตอนนี้อดขำออกมาไม่ได้เพราะนึกถึงหนังซอมบี้ฝรั่งขึ้นมา แต่ก็โดนพ่อตะคอก "ทำเป็นขำ ตอนนั้นมันไม่ขำเลยนะโว้ยน่ากลัวชิบหาย"

พ่อ เฝ้ามองลุงยงท่องคาถาพลางลนน้ำมันพรายจากศพเด็กสาวจนได้ปริมาณที่ต้องการก็ จัดการวางศพลงนอน กะเทาะกะโหลกหน้าผากศพออกมาแล้วรีบปิดฝาโลงฝังกลบอย่างเร็วที่สุด แล้วรีบถือเทียนอาคมเดินนำพ่อออกไปทางทิศที่เป็นทางออกอย่างรวดเร็ว

"เร็วมึง รีบออกไปก่อนที่ผีตัวอื่นมันจะบังตา เราต้องรีบเอาน้ำมันพรายไปปลุกเสกก่อนเช้าไม่งั้นมนต์จะไม่ขลัง"

ไม่ ต้องบอกพ่อก็อยากจะเผ่นอยู่แล้ว พ่อรีบเดินตามลุงยงไปแบบเกาะติด แต่ระหว่างนั้นก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างเงาดำๆ วูบไปวูบมาผ่านหน้า อากาศ ก็หนาวเย็นลงเรื่อยๆ แถมมีเสียงฮือๆ เหมือนมีคนจำนวนมากอยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้

พ่อ กลัวจนกล้าขาไม่ออก ลุงยงที่เดินห่างไปรีบวิ่งกลับมาหา "ห่า อย่าห่างกูสิวะ มึงเชื่อกู ดวงมึงแข็ง ผีไม่กล้าทำอะไรมึงอย่าไปกลัวมัน"

"เออ" พ่อว่าเสียงสั่น "มันทำอะไรกูไม่ได้ก็จริง แต่กูทั้งเห็นเงา ทั้งได้ยินเสียงแบบนี้ กูก็กลัวอยู่ดี"

ลุง ยงไม่ได้ว่าอะไรอีก แต่คว้าข้อมือพ่อรีบเดินไปต่ออย่างรวดเร็ว ระหว่างทางพ่อเล่าว่าเหยียบอะไรลื่นๆ นิ่มๆ บ้างแต่ก็ไม่กล้าก้มมองและไม่อยากคิดว่าเป็นอะไร ได้แต่หลับหูหลับตาจ้ำเดินตามเพื่อนไปแทบจะเป็นวิ่ง

เวลาผ่านไปนานจนพ่อและลุงยงเริ่มเหนื่อยแต่ก็ยังไม่ถึงทางออกเสียที ทั้งที่จำได้ว่าตอนที่เดินเข้ามานั้นไม่น่าไกลเกินสามร้อยเมตร

ลุง ยงหอบนิดๆ "ผีบังตาแล้วมึง มึงถือเทียนนี่ก่อน" พ่อทำท่าจะยื่นมือไปช่วยถือทั้งเทียนและขันน้ำมันพราย แต่ลุงยงทำท่าตกใจรีบยกขันหนี "เฮ้ย อย่าแตะ เดี๋ยวของเข้า กูบอกให้มึงถือเทียนก็ถือแต่เทียน"

ลุงยงรีบจุดเทียนอาคม แล้วบอกให้พ่อถือเดินนำหน้าไป "ไปทางไหนล่ะวะไปไม่ถูกแล้ว" พ่อโวยวายเริ่มสติแตก ประสาทเสียกับเงาดำวูบวาบ รอบๆตัว ในใจพยายามสวดมนต์ทุกบทที่นึกออกแต่ก็ไม่เป็นผล สวดผิดๆ ถูกๆ

พ่อกับ ลุงยงเหงื่อแตกทั้งตัวทั้งที่อากาศตอนนั้นเย็นยะเยือกถึงกระดูก ลุงยงยังคงพูดซ้ำๆ "มึงไม่ต้องกลัว พวกมันทำอะไรเราไม่ได้ ทำได้อย่างมากก็แกล้งให้กลัวกับพรางตา"

พูดยังไม่ทันขาดคำพ่อเหลือบ ไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งก้มหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ทางออกป่าช้า พ่อก็ดีใจรีบเดินไปทางนั้น "เฮ้ย กูเห็นทางออกแล้ว มีคนนั่งอยู่ด้วย"

ลุงยงคว้าแขนพ่อไว้ทันที "อย่าไป" พ่อผมงง "กูเห็นทางออกแล้วนั่นไง"

หญิง สาวที่นั่งก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามองตาขวาง ดวงตาแดงก่ำลุกเดินจ้ำเข้ามาหาลุงยงกับพ่อ ลุงยงเอามีดหมอชี้ไปที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วทำท่าฟันอากาศ ผู้หญิงคนนั้นผงะถอยหลังไปแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา พ่อเล่าว่าตอนนั้นแทบจะเป็นลม

"มึงจำไม่ได้หรือไง อีผีนี่ใส่เสื้อตัวเดียวกับ อีที่นอนในโลงเมื่อกี๊มันโกรธที่ไปสะกดมันออกมาใช้ เราต้องรีบแล้ว"

ลุง ยงให้พ่อเดินถือเทียนตรงไปข้างหน้า ตัวแกเองเอามีดหมอปักที่พื้นแล้วลากเป็นทางยาวพร้อมเดินถอยหลังมาทางเดียว กับพ่อท่องคาถาปิดป่าช้าไปด้วย เดินกันประหลาดๆแบบนั้นเดี๋ยวเดียวก็เห็นทางออก พ่อกับลุงยงวิ่งออกมาจากที่นั่น ลุงยงเอาน้ำมันพรายไปปลุกเสกต่อ แต่พ่อนั่งอ้วกตลอดเวลาเพราะความเครียดและกลัว หลังจากนั้นก็ไม่กล้าไปไหนมาไหนกับลุงยงอีก

เงินที่ได้จากการขาย น้ำมันพรายขวดนั้น ลุงยงเอามาแบ่งให้พ่อด้วย เป็นเงินก้อนจำนวนมากอยู่เพราะคนจ้างทุ่มไม่อั้น ลุงยงแกบอกว่า ถ้าไม่ได้พ่อไปด้วยก็อาจจะออกมาไม่ได้อีกเลย พ่อเล่าว่ารับเงินนั้นมาแล้วก็รีบเอาเงินทั้งหมดไปบริจาคทำบุญที่วัด ไม่กล้าเอาไปใช้เลยแม้แต่บาทเดียวเพราะรู้สึกว่าเป็นเงินบาป คนที่จะใช้น้ำมันพรายต้องไม่ได้เอาไปใช้ในทางที่ดีแน่ๆ

ผมถามพ่อว่า แล้วตกลงน้ำมันพรายใช้ได้ผลหรือเปล่า พ่อก็เล่าว่า พ่อไม่ได้ติดตามผล แต่รู้ว่ามันเป็นไสยดำ แบบเดียวกับพวกเสน่ห์ยาแฝด เอาไปแล้วทำไม่ดีของก็อาจจะเข้าตัว หรือคนที่โดนเข้าอาจจะมีเป็นบ้าเสียสติไปได้ เพราะอำนาจมันมาก ผีที่สะกดมาใช้ก็ส่วนใหญ่ไม่เต็มใจมา

"แหม เสียดาย" ผมว่า "ถ้าลุงยงยังอยู่ ผมอยากจะไปขอน้ำมันพรายแกมาดีดใส่น้องเนยที่ผมชอบสักหน่อย..." ยังพูดไม่ทันจบพ่อก็รีบตวาดตาขวาง

"อย่าเชียวนะมึง รู้ไหมไอ้ยงมันตายยังไง วันนั้นมันออกไปลนน้ำมันพรายอีกแต่ไปคนเดียว ญาติเห็นหายไปหลายวันเลยพากันตามหา ตอนเขาเจอศพมัน มันนอนหงายตาเหลือกอยู่กลางป่าช้า ตัวแห้งเหลือแต่กระดูก ทั้งที่คนเขาเข้าไปตามหาเดินผ่านไปผ่านมากันตั้งหลายที มึงคิดดูเอาเองล่ะกันว่ามันตายเพราะอะไร"


ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1464329420
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้