ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1891
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนาน พระจันทร์

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2016-5-22 07:12


กำเนิดเทวะ โดย "ศรีมหาโพธิ์"
พระจันทร์ กับ พระโสม (โสมเทพ) คือเทพองค์เดียวกัน
ในคัมภีร์ปุราณะ ซึ่งนักปราชญ์แต่งขึ้นในยุคใหม่หลังไตรเพทกล่าวว่า โสมเทพ หรือ พระจันทร์ เป็นโอรสของ อตฤมุนีพรหมบุตร เกิดมาจากมหาสมุทรเพื่อกวนน้ำอมฤต และพระจันทร์ได้กระทำพิธีราชสุรีย์ มีบุญญาธิการมาก เกิดกำเริบขึ้นไปลักพานางดารา มเหสีของพระพฤหัสบดีไป พระพฤหัสบดีจะกล่าวว่าอย่างไรก็ไม่ฟัง แม้พระพรหมห้ามก็ไม่เชื่อ ตลอดจนเทพทั้งหลายเตือนก็ไม่เชื่อฟัง จึงเกิดสงครามระหว่างโสมเทพกับพระอินทร์ขึ้น
พระอินทร์มีเทวดาเข้าด้วย ส่วนโสมเทพมีอสูรเข้าด้วย ทำให้นางดาราเดือดร้อนไปขอบารมีพระพรหมธาดาเป็นที่พึ่ง
พระพรหมธาดาบังคับให้พระจันทร์คืนนางดาราแก่พระพฤหัสบดี แต่ระหว่างนั้น นางดาราตั้งครรถ์เสียแล้ว พอได้คืนพระพฤหัสบดีจึงสั่งให้บุตรคลอดออกมา ตั้งชื่อให้ว่า พระพุธ สามีถามว่า พระพุธเป็นบุตรของใคร นางดาราตอบด้วยความจริงว่าเป็นบุตรของพระจันทร์ ก็โกรธจึงเผานางเสียจนเหลือเป็นเถ้า (ยังมีตำราว่าพระพฤหัสบดีเป็นองค์เดียวกับพระอัคนี) ฝ่ายพระพรหมได้ชุบนางขึ้นมาใหม่ ด้วยเหตุที่นางได้ล้างบาปด้วยเพลิงแล้ว พระพฤหัสบดีจึงรับนางไว้เป็นมเหสีดังเดิม
ฝ่ายพระสมุทรผู้บิดา มีพิโรธพระโสมผู้โอรส จึงตัดขาดพ่อลูกกัน แต่พระลักษมีผู้เป็นภคิณี ได้ช่วยอ้อนวอนขอลดหย่อนโทษไว้ พระสมุทรจึงยอมถอนคำสาปให้ส่วนหนึ่ง แล้วพระลักษมีก็วิงวอนพระอุมาขอว่า ให้พระโสมได้กลับขึ้นไปสู่สวรรค์ พระอุมาได้ขอร้องพระอิศวร พระอิศวรจึงได้เอาพระโสมที่ยังเหลือติดเพียงเสี้ยวเหนือ นลาต (หน้าผาก) ของพระองค์ขึ้นสวรรค์ไปด้วยแม้ท่ามกลางเทวดาสมาคม
ทางพระพฤหัสบดีเห็นเช่นนั้นก็ขุ่นเคืองยิ่งนัก ร้อนถึงพระพรหมต้องมาไกล่เกลี่ยว่า ขอให้พระจันทร์อยู่นอกสวรรค์ แต่ให้เป็นเจ้าหรือหัวหน้าบรรดา ดารา (ดวงดาว) ทั้งหลาย ชาวโลกจึงแลเห็นดวงจันทร์ในเวลาเต็มดวง ดูเด่นและสว่างไสวกว่าดวงดาวทั้งมวลในท้องฟ้าเมื่อเวลาเดือนเพ็ญ
พระจันทร์ มีกายเป็นมนุษย์ ผิวขาวเหมือนดอกมะลิ มี 2 กร ทรงรถ 3 ล้อเทียมม้า 10 ตัว
วิธีบูชาพระจันทร์ ผู้เกิดวันอื่นๆ ก็บูชาเทวดาองค์นี้ได้เช่นกันผู้บูชาพระจันทร์ จะได้รับความมีเสน่ห์ จินตนาการกว้างไกล ได้รับความเมตตาปราณีจากคนรอบข้าง
การติดต่อประสานงานเจรจาธุรกิจใดๆก็เป็นไปอย่างราบรื่น มีแต่ผู้คนรักใคร่
พระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์คือ ปางห้ามสมุทร
คาถาบูชาพระจันทร์
ไหว้แบบไทย สามารถทำตามเคล็ดวิชาการบูชาของไทยโบราณได้
คือ ถ้าบูชาประจำวันปกติใช้ธูป 3 หรือ 2 ดอก
หากบวงสรวง ขอพรในกรณีพิเศษ ฤกษ์ที่ดีที่สุดคือวันจันทร์ ให้ใช้ธูป 15 ดอก (ตามกำลังเทพนพเคราะห์)
บูชาพระจันทร์ ด้วย คาถากระทู้เจ็ดแบก
อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
สวดตามกำลังเทพพระจันทร์ คือ 15 จบ
(บทสวดนี้ได้มาจากบทสรรเสริญพระพุทธคุณ เรียกว่า พระคาถาอิติปิโสแปดทิศ)


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-22 07:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
บทสวดบูชาพระจันทร์
อิติปิโส ภะคะวา พระจันทร์จะมัสมิง
จะ พุทธะคุณัง จะ ธัมมะคุณัง จะ สังฆะคุณัง
สัพพะทุกขัง สัพพะภะยัง สัพพะโรคัง วิวัชชะเย
สัพพะลาภัง ภะวันตุเม



บทสวดบูชาพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร พระประจำวันจันทร์
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โย
จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โย
จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะ โย
จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท
ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง
สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ

ประวัติย่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร
ในพรรษาที่ 4 หลังออกพรรษาแล้ว พรพุทธองค์ได้เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์เพราะทรงทราบข่าวที่พระเจ้าสุทโธทนะ ประชวรหนัก ทรงแสดงะรรมโปรดจนพระพุทธบิดาบรรลุเป็นพระอรหันต์และได้นิพพานด้วยการประชวน นั้น หลังจากถวายพระเพลิงพระศพ พระพุทธบิดาแล้วยังคงประทับอยู่ที่นิโครธาราม ในสมัยนั้น พวกเจ้าศากยะซึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพระพุทธบิดา แล้วทรงโกลิยะซึ่งเป็นพระญาติฝ่ายพระพุทธมารดา ที่ตั้งหลักแหลงอยู่ริมฝั่งทั้งสองของแม่น้ำโรหิณี ได้เกิดทะเลาะวิวาทลุกลามมากขึ้น มี การด่าว่ากระทบถึงชาติ โคตร และลามถึงราชวงค์ ในที่สุดกษัตรย์ทั้งสองพระนครก็ได้ยกทัพออกมาประชิดกัน จนวนจะเกิดศึกพระหัตประหารกัน แต่พระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องเสียก่อนจึงเสด็จไปยังที่กองทัพทั้งสองทั้งสอง นครตั้งกำลังประชิดกัน แล้วตรัสถามถึงมูลเรื่องเสียก่อนจึงเสด็จไปยังที่กองทัพทั้งสองนครตั้งกำลัง ประชิดกันและตรัสถามถึงมูลเหตุของการทะเลาะวิวาทเมื่อพระญาติเหล่านั้นกราบ ทูลบอกจึงตรัสชี้แจงถึงเหตุที่ไม่สมควรซึ่งชีวิตกษัตริย์อันหาค่ามิได้จะ ต้องพากันมาล้มตายเพียงเพราะเหตุแห่งน้ำอันมีค่าเพียงนิดหน่อยจากนั้นจึง ตรัสผันทน ชาดก ทุทุภายชาดก และลฏุกิกชาดก เพื่อระงับการทะเลาะวิวาท แล้วตรัสรุกธรรมชาติให้เกิดความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน ในที่สุดตรัสอัตตทัณฑสูตร เพื่อกำจัดกิเลสในอดีตกีดกันกิเลสไม่เกิดความสามัคคีพร้อมเพียงกัน ในที่สุดตรัสอัตตทักณสูตร เพื่อกำจัดกิเลสในอดีส กีดกันกิเลสไม่ให้เกิดในอนาคตและมีสติมั่นคงในปัจจุบันพระญาติวงศ์ทั้งสอง พระนครต่างพากันทิ้งอาวุธ นมัสการและกล่าวสรรเสริญคุณพระพุทธองค์ว่า ถ้าพระองค์ไม์เสด็จมา ก็คงต้องฆ่าฟันกันจน เลือดไหลหนองเป็นแน่ครั้งพระญาติทั้งสองฝ่ายทำความเข้าใจกันดีแล้วพระ พุทธองค์จึงเสด็จกลับด้วยพระพุทธจริยาในการบำเพ็ญญาตัตถจริยาดังกล่าวในภาย หลังพุทธศาสนิกชนจึงได้สร้างพระพุทธรูปปางห้ามญาติขึ้น และเป็นปางพระพุทธรูปบูชาสำหรับคนที่เกิดวันจันทร์



ขอบคุณบทความจากสยามคเณศ


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้